ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา อลิสาและคีรินทร์ได้เรียนรู้บทเรียนมากมาย ทั้งเรื่องความรัก การทำงาน และการใช้ชีวิต พวกเขาใช้โอกาสนี้ในการให้คำปรึกษา หรือสอนบทเรียนชีวิตที่พวกเขาได้เรียนรู้มาให้กับคนรุ่นใหม่ในองค์กร หรือนักศึกษาที่สนใจในสายงานของพวกเขา การแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ของพวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีทิศทาง
หลายปีผ่านไป อลิสาและคีรินทร์ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในฐานะนักธุรกิจและผู้นำที่น่ายกย่อง แต่ยังเป็นที่ปรึกษาและแบบอย่างให้กับคนรุ่นใหม่ ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่โชกโชน ทั้งเรื่องความรัก การทำงานที่เต็มไปด้วยอุปสรรค และการใช้ชีวิต พวกเขาได้สั่งสมบทเรียนอันล้ำค่ามากมาย และปรารถนาที่จะส่งต่อสิ่งเหล่านั้นให้กับคนรุ่นหลัง เพื่อให้พวกเขาได้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมีทิศทางและมั่นคง
ในแต่ละสัปดาห์ อลิสาและคีรินทร์จะจัดเวลาสำหรับการให้คำปรึกษาแก่พนักงานรุ่นใหม่ในบริษัท หรือนักศึกษาที่สนใจในสายงานธุรกิจและสิ่งแวดล้อม ห้องประชุมขนาดเล็กในสำนักงานถูกจัดเตรียมไว้สำหรับกิจกรรมนี้โดยเฉพาะ บรรยากาศเป็นกันเองและอบอุ่น เพื่อให้คนรุ่นใหม่กล้าที่จะซักถามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
“วันนี้มีใครอยากจะถามอะไรพี่ไหมคะ” อลิสาเปิดการสนทนาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ในขณะที่คีรินทร์นั่งอยู่ข้างๆ เธอ คอยให้กำลังใจและเสริมในสิ่งที่อลิสาพูด
นักศึกษาสาวคนหนึ่งยกมือขึ้น “คุณอลิสาคะ การตัดสินใจทางธุรกิจที่ยากที่สุดที่คุณเคยเจอคืออะไรคะ และคุณก้าวผ่านมันมาได้อย่างไร”
อลิสายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่คีรินทร์อย่างมีความหมาย “การตัดสินใจที่ยากที่สุดมักจะเกิดขึ้นเมื่อเราต้องเลือกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับสิ่งที่ถูกต้องสำหรับส่วนรวมค่ะ อลิสาเชื่อว่าสิ่งสำคัญคือการยึดมั่นในคุณธรรมและความซื่อสัตย์ ไม่ว่าสถานการณ์จะยากแค่ไหน และการมีคนที่เข้าใจและสนับสนุนอยู่เคียงข้าง ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
คีรินทร์เสริมขึ้น “ใช่ครับ การมีหลักยึดที่มั่นคงและไม่ทิ้งกันในยามยากลำบาก จะทำให้เราผ่านทุกอุปสรรคไปได้”
นักศึกษาอีกคนถามต่อ “คุณคีรินทร์ครับ ในวันที่คุณรู้สึกท้อแท้ คุณหาแรงบันดาลใจจากไหนครับ”
คีรินทร์มองไปที่อลิสาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความชื่นชม “แรงบันดาลใจของพี่ก็คืออลิสานี่แหละครับ การได้เห็นเธอสู้ไม่ถอย และเป็นคนที่มีจิตใจดีงามเสมอมา ทำให้พี่ไม่เคยรู้สึกท้อถอยเลย”
อลิสายิ้มแก้มปริ เธอลอบจับมือคีรินทร์ใต้โต๊ะเบาๆ คีรินทร์เองก็แอบมองอลิสาด้วยความชื่นชมในความสามารถและน้ำใจของเธอ เธอเป็นทั้งคู่ชีวิตและแรงบันดาลใจให้เขาเสมอมา
นอกเหนือจากเรื่องธุรกิจ อลิสาและคีรินทร์ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของความสัมพันธ์และการให้อภัยในชีวิต พวกเขาเชื่อว่าการเรียนรู้ที่จะปล่อยวางอดีตและมองไปข้างหน้าคือสิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่ความสุขที่แท้จริง
“พวกพี่เคยเจอเรื่องราวที่ยากลำบากมามากในอดีต” อลิสากล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่จริงจัง “แต่เราได้เรียนรู้ว่าการยึดติดกับความเจ็บปวดในอดีตไม่ได้ช่วยให้เรามีความสุขได้เลย การให้อภัย ทั้งต่อผู้อื่นและต่อตัวเอง คือกุญแจสำคัญที่จะปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระ”
คีรินทร์พยักหน้าเห็นด้วย “ความรักและความเข้าใจคือรากฐานของทุกความสัมพันธ์ที่ดีครับ และสิ่งสำคัญคือการสื่อสารกันอย่างเปิดอกและจริงใจ”
พนักงานหนุ่มคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม “แล้วถ้าเราเจอคนที่ทำร้ายเรามากๆ เราควรให้อภัยเขาจริงๆ หรือครับ มันจะยากมากเลย”
อลิสาถอนหายใจเบาๆ “มันยากค่ะ ยากมากจริงๆ แต่เมื่อเราสามารถก้าวข้ามความเจ็บปวดและให้อภัยได้ มันคืออิสระทางใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับตัวเราเอง ไม่ใช่เพื่อใครอื่น และเมื่อเราปล่อยวางได้ เราก็จะสามารถก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมีความสุข”
คีรินทร์เสริม “การให้อภัยไม่ได้หมายความว่าเราลืมความเจ็บปวดที่เคยได้รับ แต่มันหมายความว่าเราเลือกที่จะไม่ให้ความเจ็บปวดนั้นมาครอบงำชีวิตของเราอีกต่อไป”
คำพูดของอลิสาและคีรินทร์สะท้อนถึงประสบการณ์ที่พวกเขาทั้งสองได้เผชิญมาด้วยกันอย่างแท้จริง การแบ่งปันบทเรียนเหล่านี้ทำให้คนรุ่นใหม่เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น และได้รับแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต
ช่วงเวลาที่อลิสาและคีรินทร์ใช้ในการให้คำปรึกษาและสอนบทเรียนชีวิตให้กับคนรุ่นใหม่ ไม่ได้เป็นเพียงการส่งต่อความรู้ แต่ยังเป็นการส่งต่อแรงบันดาลใจและพลังบวก พวกเขาทั้งคู่เชื่อมั่นในศักยภาพของคนรุ่นใหม่ และหวังว่าสิ่งที่พวกเขาแบ่งปันจะช่วยให้คนเหล่านี้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและมีคุณธรรม
เมื่อการให้คำปรึกษาในแต่ละครั้งจบลง พนักงานและนักศึกษาต่างเข้ามาขอบคุณอลิสาและคีรินทร์ด้วยความซาบซึ้งใจ พวกเขารู้สึกว่าได้รับพลังและแนวทางที่ชัดเจนในการใช้ชีวิตและทำงาน
วันหนึ่ง หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการให้คำปรึกษาในตอนเย็น อลิสาเดินเข้ามาหาคีรินทร์ที่กำลังเก็บเอกสารอยู่
“พี่คีคะ เหนื่อยไหมคะ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
คีรินทร์หันมายิ้มให้เธอ “ไม่เหนื่อยหรอกครับลิซ พี่มีความสุขที่ได้แบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับน้องๆ”
อลิสาซบหน้าลงกับไหล่ของคีรินทร์เบาๆ “ลิซก็รู้สึกดีใจค่ะที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่”
คีรินทร์โอบกอดอลิสาแน่น เขากดจูบที่ผมของเธออย่างอ่อนโยน ความรักที่ยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนในการทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคมยังคงอบอวลอยู่รอบตัวพวกเขา
การได้เห็นคนรุ่นใหม่มีความมุ่งมั่นและพร้อมที่จะเรียนรู้ เป็นเหมือนการเติมเต็มความสุขให้กับอลิสาและคีรินทร์ พวกเขารู้สึกว่าชีวิตของพวกเขามีความหมายมากขึ้น เมื่อได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า
อลิสาและคีรินทร์ไม่ได้เพียงแค่สร้างอาณาจักรทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังสร้างมรดกแห่งบทเรียนชีวิตที่ล้ำค่า บทเรียนที่เกิดจากประสบการณ์จริง ความผิดพลาด และความสำเร็จ บทเรียนที่สอนให้รู้ถึงความสำคัญของความรัก ความซื่อสัตย์ การให้อภัย และการให้กลับคืนสู่สังคม
พวกเขาคือแสงสว่างนำทางให้กับคนรุ่นใหม่ เป็นแบบอย่างที่จับต้องได้ว่าความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่วัดกันที่การสร้างคุณค่าให้กับชีวิตผู้อื่นและสังคมโดยรวม
ทุกๆ วันที่ผ่านไป ความรักของอลิสาและคีรินทร์ก็ยังคงแข็งแกร่งไม่เสื่อมคลาย มันคือพลังขับเคลื่อนที่ทำให้พวกเขายังคงมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งดีๆ ต่อไป เป็นผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจ และเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นใหม่ที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไปในอนาคต
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่