เช้าวันศุกร์ที่สดใส ณ สำนักงานใหญ่ของ ALISA Design เสียงจอแจจากพนักงานที่กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับงานเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ในอีกสองวันข้างหน้าดังระงมไปทั่ว ทว่าท่ามกลางความวุ่นวายนั้น ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังสิ่งหนึ่งที่เพิ่งถูกนำมาวางไว้กลางโถงทางเข้า ดอกกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่ยักษ์ ที่ใหญ่เสียจนต้องใช้คนสองคนช่วยกันยกมา ใบหน้าของพนักงานต่างเต็มไปด้วยความสงสัยและตื่นเต้น ใครกันที่ส่งดอกไม้ช่อใหญ่โตขนาดนี้มาให้ประธานบริษัทของพวกเขา
อลิสา อัศววิมล หรือ ลิซ กำลังนั่งอ่านอีเมลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูและทันสมัย เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น เลขาส่วนตัวของเธออย่าง คุณกานต์ รายงานด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"คุณลิซคะ มีคนส่งดอกไม้ช่อใหญ่มากมาให้ค่ะ ตอนนี้วางอยู่หน้าลิฟต์เลยค่ะ คิดว่า...น่าจะเป็นคุณคีรินทร์ วรวุฒิไกร นะคะ"
อลิสาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นทันที เธอรู้ดีว่านี่คือการเปิดเกมรุกของคีรินทร์ หลังจากที่รับคำท้าเดิมพันเมื่อคืนนี้ "อืม...งั้นเหรอคะ เอามาให้ลิซที่ห้องหน่อยค่ะ"
ไม่นาน คุณกานต์ก็ปรากฏตัวที่หน้าห้องทำงานของอลิสา พร้อมกับพนักงานชายอีกสองคนที่กำลังทุลักทุเลกับช่อดอกกุหลาบสีแดงสดขนาดยักษ์ ช่อดอกไม้นั้นใหญ่เสียจนแทบจะบังร่างของพนักงานทั้งสองมิด กลิ่นหอมฟุ้งของกุหลาบคลุ้งไปทั่วห้องทำงานของอลิสา
"โห คุณลิซคะ ดอกไม้ช่อนี้ใหญ่มากๆ เลยนะคะ ไม่เคยเห็นใครส่งดอกไม้มาให้คุณลิซใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ" คุณกานต์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นระคนอิจฉา
อลิสาไม่ได้ตอบอะไร เธอเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย พลางเดินเข้าไปใกล้ช่อดอกไม้ เพื่อหยิบการ์ดใบเล็กๆ ที่เสียบอยู่ตรงกลางช่อ การ์ดสีขาวสะอาดตาถูกเขียนด้วยลายมือชายหนุ่มที่ดูสุขุม แต่ข้อความกลับกวนประสาทและยียวนอย่างที่เธอคาดไว้เป๊ะ:
"รู้ว่าสวย แต่ช่วยรับรักหน่อยได้ไหมครับคนสวย... จาก คีรินทร์ (สุดยอดนักล่าหัวใจของคุณ)"
อลิสาอ่านข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมาสองสามรอบ รอยยิ้มมุมปากของเธอกว้างขึ้น ก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอ คีรินทร์ วรวุฒิไกร ก็เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน เป็นผู้ชายที่มั่นใจในตัวเองสูงลิบลิ่ว และกล้าเล่นกับเธออย่างโจ่งแจ้ง อลิสาเองก็เป็นนักล่าที่เก่งกาจ เธอชอบการท้าทาย และคีรินทร์กำลังทำให้เกมนี้สนุกยิ่งขึ้น
"คุณกานต์คะ" อลิสาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แววตาเป็นประกาย "ช่วยจัดแจกันใบเล็กๆ ให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วนำดอกกุหลาบช่อนี้ไปแบ่งจัด แล้วแจกจ่ายให้พนักงานทุกคนในออฟฟิศของเราเลยนะคะ ทั้งชั้นนี้และชั้นอื่นๆ ด้วย ขอให้ทุกคนได้ดอกกุหลาบคนละดอก เท่าๆ กันค่ะ"
คุณกานต์ถึงกับตาโตด้วยความประหลาดใจ "คะ คุณลิซจะให้แจกให้พนักงานทุกคนเลยเหรอคะ ดอกไม้ช่อนี้ดูเหมือน..." เธอลังเลที่จะพูดคำว่า "ดอกไม้จีบ" ออกมา
"ใช่ค่ะ แจกให้ทุกคนเลย" อลิสายืนยันด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด "ดอกไม้สวยๆ แบบนี้ควรจะแบ่งปันความสุขให้คนอื่นด้วยค่ะ ไม่ใช่เก็บไว้คนเดียว"
ในใจของอลิสา เธอรู้ดีว่าการกระทำนี้เป็นการส่งสัญญาณกลับไปให้คีรินทร์อย่างชัดเจนว่าดอกไม้ช่อนี้ไม่มีความหมายพิเศษสำหรับเธอ เธอจะไม่ยอมให้เขาแสดงความเป็นเจ้าของ หรือทำให้ใครคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่จีบง่ายๆ อย่างที่เขาเคยเจอ การจัดการดอกไม้ช่อแพงลิบลิ่วให้กลายเป็นดอกไม้ "สาธารณะ" สำหรับพนักงานทุกคนในออฟฟิศ เป็นการตอบโต้ที่เหนือชั้น และเป็นการประกาศจุดยืนของเธอในเกมนี้
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของอลิสาก็ดังขึ้น คลื่นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยปรากฏขึ้นบนหน้าจอ แต่เธอรู้ทันทีว่าใครโทรมา อลิสายิ้มรับ ก่อนจะกดรับสาย
"สวัสดีค่ะ อลิสาพูดค่ะ" เธอรับสายด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่แฝงความเฉยชา
"อรุณสวัสดิ์ครับคุณอลิสา" เสียงทุ้มคุ้นเคยของคีรินทร์ดังขึ้นจากปลายสาย "คีรินทร์นะครับ...พอจะจำกันได้ไหมเอ่ย" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและเสน่ห์แพรวพราว
"จำได้ค่ะ คุณคีรินทร์มีธุระอะไรแต่เช้าคะ ปกติเพลย์บอยอย่างคุณไม่น่าจะตื่นเช้าขนาดนี้นี่คะ" อลิสาตอบกลับทันควัน ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยียวนไม่แพ้กัน
คีรินทร์หัวเราะในลำคอเบาๆ "โธ่...คุณอลิสาก็พูดเกินไป ผมก็มีมุมที่ตื่นเช้าได้เหมือนกันนะครับ โดยเฉพาะกับเรื่องสำคัญๆ" เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย เพื่อให้อลิสาได้คล้อยตามไปกับประโยคต่อไปของเขา "เรื่องสำคัญที่ว่าก็คือ...ผมอยากจะทำความรู้จักคุณอลิสาให้มากกว่านี้ครับ"
"หือ แค่เมื่อคืนยังไม่พออีกเหรอคะคุณคีรินทร์" อลิสาแกล้งทำเป็นประหลาดใจ "ปกติเพลย์บอยอย่างคุณน่าจะ 'เบื่อ' ผู้หญิงเร็วไม่ใช่เหรอคะ"
"บางคนก็เบื่อเร็วครับ แต่บางคน...กลับน่าสนใจจนทำให้ผมอยากทำความรู้จักไปเรื่อยๆ โดยไม่มีคำว่าเบื่อเลย" คีรินทร์ตอบกลับด้วยความจริงใจแกมหยอด "แล้วคุณอลิสาจัดอยู่ในประเภทหลังนะครับ"
อลิสาหัวเราะหึๆ "คุณคีรินทร์นี่คารมดีจริงๆ ค่ะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ 'ฮอต' ขนาดนี้"
"ฮอตได้ครึ่งหนึ่งของคุณอลิสาก็พอแล้วครับ" คีรินทร์ยังคงรุกต่อ "เอาเป็นว่า...คืนนี้ผมอยากจะชวนคุณอลิสาไปดินเนอร์ที่ร้าน 'Le Secret' นะครับ ผมจองโต๊ะไว้แล้วเป็นส่วนตัวที่สุด คุณน่าจะชอบบรรยากาศนะครับ" คีรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เขามั่นใจว่าร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ที่จองยากยิ่งกว่าถูกหวย อย่าง 'Le Secret' จะต้องทำให้เธอยอมตกลง
"Le Secret เหรอคะ...ว้าว คุณคีรินทร์ลงทุนจริงๆ" อลิสาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คีรินทร์มั่นใจว่าเธอต้องตกลง "แต่เสียใจด้วยนะคะคุณคีรินทร์"
คำว่า "เสียใจด้วย" ทำเอาคีรินทร์ถึงกับชะงัก รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มจางลง
"ลิซไม่ถนัดอาหารหรูค่ะ ถนัดแต่ปาร์ตี้มันส์ๆ ถ้าคุณคีรินทร์อยากทำความรู้จัก เชิญมาที่งานเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ของลิซดีกว่าค่ะ" อลิสาตอบกลับอย่างสุภาพแต่เฉียบคม น้ำเสียงของเธอไม่มีร่องรอยของความเสียดายแม้แต่น้อย "งานของเราจะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า ที่แกลเลอรี XYZ ค่ะ คงจะถูกจริตคุณคีรินทร์มากกว่าร้านหรูๆ นั่นนะคะ"
เธอพลิกจากเกมรับเป็นเกมรุกทันที การปฏิเสธการนัดดินเนอร์ที่ Le Secret ซึ่งถือเป็นร้านระดับโลก คือการประกาศอย่างชัดเจนว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่หิวแสงหรือหลงใหลในความหรูหราที่ผู้ชายเสนอให้ เธอไม่ต้องการถูกล่อลวงด้วยสิ่งเหล่านั้น การชวนเขากลับมางานของเธอเอง คือการเชิญชวนให้เขาเข้ามาใน 'สนาม' ของเธอ สนามที่เธอเป็นเจ้าของและเป็นผู้ควบคุมเกมอย่างแท้จริง
คีรินทร์กำโทรศัพท์แน่น อลิสาปฏิเสธเขา แถมยังตอบกลับอย่างเหนือชั้น! ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แค่สวยและฉลาด แต่เธอยัง 'ร้าย' ไม่แพ้เขาจริงๆ เขาไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนปฏิเสธการนัดเดทกับร้านระดับนี้มาก่อน ความรู้สึกหงุดหงิดแล่นเข้ามาในใจ แต่ในขณะเดียวกัน...ความรู้สึกท้าทายก็พุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าตัว เขามั่นใจว่าเธอคือคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้ออย่างแท้จริง และนี่แหละคือสิ่งที่เขาตามหามาตลอด
"เข้าใจแล้วครับคุณอลิสา...ผมจะไปให้ได้ครับ แล้วเจอกันที่งานนะครับ" คีรินทร์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น
"ยินดีต้อนรับค่ะคุณคีรินทร์" อลิสาตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเย็นที่มุมปาก ก่อนจะวางสายไป ทิ้งให้คีรินทร์ยืนนิ่งงันอยู่กับโทรศัพท์ในมือ เขาไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นกับ 'เกม' ไหนมากเท่านี้มาก่อน อลิสาทำให้เขารู้สึกเหมือนได้เจอคู่ปรับที่แท้จริง
จากมุมมองของคีรินทร์ อลิสาไม่เหมือนกับผู้หญิงคนไหนที่เขาเคยเจอ เธอไม่ได้หลงใหลในของขวัญแพงๆ หรือร้านอาหารหรูๆ เธอปฏิเสธอย่างสุภาพแต่เฉียบคมราวกับดาบที่ซ่อนอยู่ในปลอก เธอไม่ได้วิ่งตามเขา แต่กลับเชิญชวนให้เขาเข้ามาในพื้นที่ของเธอเอง นี่คือการพลิกเกมที่เหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง
"อลิสา...เธอไม่ธรรมดาจริงๆ" คีรินทร์พึมพำกับตัวเอง แววตาเต็มไปด้วยประกายของนักล่าที่เจอเหยื่อชั้นยอดที่ไม่ยอมให้จับง่ายๆ หากแต่กลับกลายเป็นผู้ที่ท้าทายให้เขาต้องออกแรงมากกว่าที่เคย
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่