คีรินทร์วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะกระจกอย่างแรงกว่าปกติเล็กน้อย เสียงกระทบกันของวัตถุแข็งสองชนิดดังขึ้นเบาๆ ในห้องทำงานที่เงียบสงบ ความหงุดหงิดแล่นเข้าสู่จิตใจของเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่เล่นด้วยยากขนาดนี้ อลิสา อัศววิมล ไม่ได้เป็นเพียงแค่หญิงสาวผู้มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างน่าประหลาดใจ แต่เธอยังเป็นผู้หญิงที่ฉลาดเป็นกรด มีไหวพริบปฏิภาณเหนือชั้นกว่าที่เขาเคยพบเจอ
เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้หนังอย่างสบายๆ ดวงตาคมกริบจ้องมองออกไปนอกกระจกบานใหญ่ที่เผยให้เห็นวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครยามเช้า ปกติแล้วเช้าวันศุกร์สำหรับคีรินทร์มักจะเริ่มต้นด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายหลังจากทำงานมาตลอดสัปดาห์ แต่เช้าวันนี้มันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ความรู้สึกหงุดหงิดที่อลิสาสร้างขึ้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นความกระตือรือร้นและไฟในการเอาชนะอย่างรุนแรง
การที่เขาถูกปฏิเสธอย่างสุภาพแต่เฉียบคมเมื่อครู่ มันไม่ใช่แค่การปฏิเสธธรรมดา แต่มันคือการ "โต้กลับ" ที่ทรงพลัง อลิสาไม่เพียงแต่ปฏิเสธการนัดดินเนอร์ที่ Le Secret ร้านอาหารที่ผู้หญิงคนไหนๆ ก็ใฝ่ฝันอยากจะไป เธอยังเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุกอย่างรวดเร็ว ด้วยการเชิญเขากลับไปที่งานเปิดตัวคอลเลกชันของเธอเอง นั่นหมายความว่าเธอไม่ได้ต้องการถูกเขา "ล่า" ในสนามของเขา แต่เธอต้องการให้เขาเข้ามาใน "สนาม" ของเธอ ที่ซึ่งเธอเป็นผู้คุมเกมอย่างแท้จริง
คีรินทร์นึกถึงช่อดอกกุหลาบช่อโตที่เขาสั่งไปให้เธอ เขาลงทุนเลือกดอกไม้ที่ดีที่สุด จัดส่งด้วยความรวดเร็ว และเขียนการ์ดที่มั่นใจว่าจะทำให้เธอต้องยิ้มและรู้สึกพิเศษ แต่การที่เธอจัดการให้เลขานำดอกกุหลาบช่อนั้นไปแบ่งแจกจ่ายให้พนักงานทุกคนในออฟฟิศ มันคือการตอกย้ำให้เห็นว่าดอกไม้ช่อนั้นไม่มีความหมายพิเศษสำหรับเธอ มันไม่มีอำนาจพอที่จะทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหว หรือรู้สึกเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว การกระทำของอลิสาฉลาดเกินกว่าที่คีรินทร์คาดคิดไว้มาก และนั่นทำให้เขายอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไขว่า อลิสา อัศววิมล ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาๆ ที่เขาเคยเจอมา
ผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผ่านมาในชีวิตของคีรินทร์ ต่างก็หลงใหลในเงินตรา ชื่อเสียง หรือเพียงแค่ภาพลักษณ์ของ "คีรินทร์ วรวุฒิไกร" พวกเธอพร้อมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา แม้จะรู้ว่าความสัมพันธ์จะไม่มีวันยั่งยืน แต่กับอลิสา เธอกลับไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย เธอดูเหมือนจะไม่ต้องการอะไรจากเขาเลย นอกจากการเล่นเกมนี้อย่างสนุกสนานและท้าทาย
นี่ไม่ใช่แค่เกมเดิมพัน 10 ล้านบาทแล้ว แต่สำหรับคีรินทร์ มันคือเกมแห่งศักดิ์ศรี เป็นการพิสูจน์ว่าเขายังคงเป็น "นักล่าตัวพ่อ" ที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธเขาได้ ความรู้สึกอยากเอาชนะอลิสาเริ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
คีรินทร์ลุกขึ้นยืน เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ มองลงไปเบื้องล่างที่รถราเริ่มหนาแน่น เขาถอนหายใจยาวๆ การหงุดหงิดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เริ่มจางหายไป เหลือไว้เพียงความตื่นเต้นและแรงขับเคลื่อนที่เต็มเปี่ยม เขาคิดทบทวนถึงกลยุทธ์ที่เขาใช้ไปเมื่อเช้า มันอาจจะแข็งแกร่งเกินไป หรือตรงไปตรงมาเกินไปสำหรับผู้หญิงอย่างอลิสา เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่จะตกหลุมพรางง่ายๆ ด้วยดอกไม้ช่อโตหรือดินเนอร์หรู
"ต้องเปลี่ยนแผนใหม่" คีรินทร์พึมพำกับตัวเอง "ต้องเข้าหาเธอในแบบที่แตกต่างออกไป"
เขาเริ่มคิดถึงวิธีการใหม่ๆ ที่จะเข้าหาอลิสา วิธีที่จะทำให้เธอเปิดใจกับเขา และพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าเขาไม่ใช่แค่เพลย์บอยทั่วไปที่คิดจะเล่นสนุกไปวันๆ เขาต้องแสดงให้เธอเห็นถึง "อีกมุม" ของคีรินทร์ วรวุฒิไกร มุมที่เธออาจไม่เคยเห็น หรือไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น
การได้เจออลิสา ทำให้ความเบื่อหน่ายในชีวิตของคีรินทร์หมดไป เขารู้สึกเหมือนได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ความท้าทายนี้กระตุ้นสัญชาตญาณนักล่าในตัวเขาอย่างรุนแรง เขาต้องการพิชิตเธอให้ได้ ไม่ใช่เพื่อเงินรางวัล 10 ล้านบาท แต่เพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะสามารถต้านทานเสน่ห์ของเขาได้ ไม่ว่าเธอจะแข็งแกร่งและมีกำแพงสูงเพียงใดก็ตาม
คีรินทร์เดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน เขาเปิดแล็ปท็อปขึ้นมา ไม่ใช่เพื่อทำงาน แต่เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอลิสา อัศววิมล และแบรนด์ ALISA Design เขาต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ ตั้งแต่ประวัติส่วนตัว เส้นทางการทำงาน ความสำเร็จ ความชอบ รสนิยม หรือแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะกลายเป็นจุดอ่อนของเธอ
เขาค้นพบว่าอลิสาเป็นหญิงสาวที่มีความสามารถรอบด้านอย่างแท้จริง เธอจบการศึกษาด้านแฟชั่นดีไซน์จากสถาบันชื่อดังในต่างประเทศ และกลับมาสร้างแบรนด์ของตัวเองจนประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เธอไม่เคยพึ่งพาบารมีของครอบครัวอัศววิมลที่เป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เธอสร้างทุกอย่างด้วยสองมือของตัวเอง และนั่นทำให้เธอมีกำแพงที่แข็งแกร่งและไม่ยอมก้มหัวให้ใคร
"น่าสนใจ" คีรินทร์พึมพำกับตัวเอง เมื่อเห็นบทสัมภาษณ์ของอลิสาในนิตยสารเล่มหนึ่ง ที่เธอเคยพูดถึงความรักว่า "ความรักก็เหมือนแฟชั่น มันมีวันหมดอายุเสมอ ไม่มีอะไรอยู่ยั่งยืนหรอกค่ะ" คำพูดนั้นตอกย้ำให้คีรินทร์เห็นว่าทัศนคติเรื่องความรักของอลิสาไม่ต่างจากเขาเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งค้นหาข้อมูลมากเท่าไหร่ คีรินทร์ก็ยิ่งรู้สึกทึ่งในตัวผู้หญิงคนนี้มากเท่านั้น เธอไม่ใช่แค่เพลย์เกิร์ลที่รักสนุกไปวันๆ แต่เธอยังเป็นผู้หญิงที่มุ่งมั่น มีเป้าหมาย และมีความสามารถอย่างแท้จริง และนั่นยิ่งทำให้ความต้องการที่จะพิชิตเธอของคีรินทร์พุ่งสูงขึ้น
"งานเปิดตัวคอลเลกชันงั้นเหรอ" คีรินทร์ยิ้มมุมปาก "เดี๋ยวคุณก็จะได้เห็น ว่าผมจะเข้าไปในสนามของคุณได้อย่างไร คุณอลิสา"
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อโทรหาอลิสาโดยตรง แต่เพื่อโทรหาปกรณ์ เพื่อนสนิทของเขา
"กร กูมีอะไรจะปรึกษาหน่อยว่ะ" คีรินทร์กรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
"อะไรของมึงวะไอ้คี แต่เช้าเลย" ปกรณ์รับสายด้วยน้ำเสียงงัวเงียเล็กน้อย
"กูโดนปฏิเสธว่ะ" คีรินทร์บอกตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อม
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงหัวเราะของปกรณ์จะดังลั่น "ฮ่าๆๆๆๆ จริงดิ! นายคีรินทร์ เพลย์บอยตัวพ่อ ถูกปฏิเสธเนี่ยนะ! กูไม่อยากจะเชื่อเลยเว้ย"
"หัวเราะเข้าไปเถอะมึง" คีรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด "แต่กูบอกเลยนะว่ายัยอลิสานี่ไม่ธรรมดาจริงๆ เธอเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อมาก"
"เออ กูก็บอกแล้วไง" ปกรณ์ตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภูมิใจเล็กน้อย "แล้วมึงจะเอายังไงต่อล่ะ จะถอดใจแล้วเหรอ"
"ไม่มีทาง!" คีรินทร์ตอบกลับทันควัน "กูจะพิชิตยัยนั่นให้ได้ ไม่ใช่เพื่อเงินรางวัล แต่เพื่อศักดิ์ศรีของกู"
ปกรณ์หัวเราะ "ดี! ค่อยสมกับเป็นนายคีรินทร์หน่อย"
"กูอยากให้มึงช่วยหาข้อมูลให้กูหน่อยว่ะ" คีรินทร์เริ่มเข้าประเด็น "ข้อมูลเกี่ยวกับงานเปิดตัวคอลเลกชันของอลิสา ทุกรายละเอียดที่มึงหาได้"
"ได้เลย จัดไปเพื่อน" ปกรณ์ตอบรับอย่างกระตือรือร้น "นี่แหละที่กูรอมานาน อยากเห็นคนอย่างมึงเจอคู่ปรับของจริงบ้าง"
คีรินทร์วางสาย เขาจ้องมองหน้าจอแล็ปท็อปที่แสดงหน้าโปรไฟล์ของอลิสาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาจะต้องหาทางเข้าถึงเธอให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้กลยุทธ์แบบไหน เขาจะต้องทำให้เธอ "ตกหลุมรัก" เขาให้ได้ และที่สำคัญ เขาจะต้องทำให้เธอ "ยอมหยุด" ความเจ้าชู้ เพื่อพิสูจน์ว่าเขาคือผู้ชนะในเกมเดิมพันครั้งนี้
เกมแห่งการล่าหัวใจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และคีรินทร์ก็พร้อมที่จะใช้ทุกกลยุทธ์ที่เขามีเพื่อคว้าชัยชนะมาครอบครอง ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหนก็ตาม
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่