สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับกระพริบตา และแล้วค่ำคืนที่เต็มไปด้วยสีสันของงานเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ของ ALISA Design ก็มาถึง งานถูกจัดขึ้นที่แกลเลอรี XYZ ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงใจกลางกรุงเทพมหานคร บรรยากาศภายในงานคึกคักไปด้วยผู้คนในวงการแฟชั่น นักธุรกิจ เซเลบริตี้ และสื่อมวลชนที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง แสงไฟสปอตไลต์สว่างไสวจับจ้องไปที่รันเวย์ที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างอลังการ ดนตรีแนวฟิวชั่นผสมผสานจังหวะบีทที่ทันสมัยเข้ากับท่วงทำนองที่ผ่อนคลาย ช่วยสร้างบรรยากาศที่หรูหราและมีรสนิยม
ทุกรายละเอียดในงานสะท้อนถึงตัวตนและรสนิยมของ อลิสา อัศววิมล หรือ ลิซ ได้อย่างชัดเจน การจัดวางดอกไม้ประดับ การเลือกใช้โทนสีของแสงไฟ และการตกแต่งทุกมุมของแกลเลอรีล้วนบ่งบอกถึงความเป็นศิลปินในตัวเธออย่างแท้จริง ทุกคนต่างแต่งกายด้วยชุดที่สวยงามตามสไตล์ของตัวเอง หลายคนสวมใส่เสื้อผ้าจากแบรนด์ ALISA เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความชื่นชมในตัวดีไซเนอร์สาว
ในขณะที่งานกำลังดำเนินไปอย่างคึกคัก ชายหนุ่มผู้หนึ่งก้าวเข้ามาภายในงานด้วยท่าทีสง่างามและโดดเด่นสะดุดตาทุกคนที่มองเห็น คีรินทร์ วรวุฒิไกร มาตามคำเชิญของอลิสา เขาสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มที่ตัดเย็บอย่างประณีต เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อสูทช่วยขับเน้นให้ใบหน้าคมคายของเขาดูสว่างขึ้น เส้นผมที่ถูกเซ็ตอย่างเป็นระเบียบเผยให้เห็นหน้าผากกว้างรับกับคิ้วเข้มที่รับกับดวงตาคมกริบของเขา ทุกย่างก้าวของคีรินทร์เต็มไปด้วยความมั่นใจและมาดของผู้บริหารหนุ่มไฟแรงที่ทุกคนต่างรู้จักกันดีในวงการธุรกิจ
เพียงแค่คีรินทร์ปรากฏตัว รัศมีความโดดเด่นของเขาก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ หลายสายตาหันมาจับจ้องที่เขาอย่างไม่วางตา มีเสียงกระซิบกระซาบพูดคุยกันเบาๆ ถึงการมาของเพลย์บอยตัวพ่อคนนี้ คีรินทร์ไม่ได้สนใจสายตาเหล่านั้น เขายิ้มทักทายคนรู้จักที่เดินสวนทางอย่างสุภาพ แต่ดวงตาคมกริบของเขากลับกวาดมองไปทั่วทั้งงานอย่างตั้งใจ ราวกับกำลังค้นหาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
เขาเดินผ่านมุมจัดแสดงงานศิลปะที่เต็มไปด้วยประติมากรรมและภาพวาดนามธรรม ผ่านกลุ่มคนดังที่กำลังพูดคุยและถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกลิลลี่ที่ถูกจัดวางตามมุมต่างๆ ของงานลอยมาแตะจมูก คีรินทร์หยุดยืนอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเขาก็ไปสะดุดกับร่างเพรียวระหงที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ เธอสวมชุดราตรีสีครีมที่ขับเน้นให้ผิวพรรณของเธอดูผ่องใสราวกับน้ำนม เส้นผมสีน้ำตาลเข้มถูกรวบขึ้นอย่างหลวมๆ เผยให้เห็นลำคอระหงและเครื่องประดับเพชรที่ระยิบระยับยามต้องแสงไฟ ใบหน้าสวยคมของเธอแต่งแต้มรอยยิ้มพริ้มพรายขณะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่รุมล้อมอยู่ตรงหน้า ใช่แล้ว...เธอคือ อลิสา อัศววิมล เจ้าของงานในค่ำคืนนี้
อลิสาดูสง่างามและมีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อในสภาพแวดล้อมที่เธอเป็นผู้สร้างสรรค์ขึ้นมา คีรินทร์มองเห็นประกายแห่งความภาคภูมิใจในดวงตาของเธอ ขณะที่เธอกำลังอธิบายถึงแรงบันดาลใจและแนวคิดของคอลเลกชันใหม่ด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจและเปี่ยมไปด้วยแพสชั่น มันเป็นภาพที่แตกต่างจากอลิสาที่เขาเคยเจอเมื่อคืนที่คลับ หรือแม้แต่ในสายโทรศัพท์เมื่อเช้า เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถรอบด้านอย่างแท้จริง และเธอกำลังยืนอยู่บน "สนาม" ของเธออย่างภาคภูมิใจ
สายตานักล่าของคีรินทร์จ้องมองอลิสาอย่างไม่ละสายตา เขาเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่บ่งบอกถึงความเป็นเธอ เช่น รอยยิ้มที่ไม่ได้หวานหยด แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ การใช้มือที่เรียวสวยประกอบการอธิบายที่ดูเป็นธรรมชาติ และท่าทางที่สง่างามทุกครั้งที่เธอเคลื่อนไหว คีรินทร์รู้สึกว่าอลิสาเป็นผู้หญิงที่มี "ชั้นเชิง" ในการนำเสนอตัวเอง เธอไม่ได้พยายามทำให้ตัวเองดูโดดเด่น แต่เธอโดดเด่นด้วยตัวของเธอเอง
คีรินทร์เริ่มก้าวเดินเข้าไปใกล้กลุ่มสื่อมวลชนที่รุมล้อมอลิสาอย่างช้าๆ เขาไม่รีบร้อนที่จะเข้าไปแทรกบทสนทนา เขาต้องการสังเกตการณ์อลิสาในบทบาทของดีไซเนอร์และนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จ การที่เธอเชิญเขามาที่งานนี้ ไม่ใช่แค่การตอบโต้ แต่เป็นการเชิญชวนให้เขาเข้ามาในโลกของเธอ และคีรินทร์ก็เต็มใจที่จะก้าวเข้ามาในโลกใบนี้เพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจเธอให้มากขึ้น
ขณะที่เขากำลังเดินเข้าไปใกล้ ร่างของอลิสาที่ยืนเด่นอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และสายตาของเธอก็ประสานเข้ากับสายตาของคีรินทร์พอดิบพอดี รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอลิสา เป็นรอยยิ้มที่คีรินทร์อ่านไม่ออกว่าเธอยิ้มด้วยความยินดีที่เขามา หรือยิ้มด้วยความท้าทายที่เขาตัดสินใจก้าวเข้ามาใน 'สนาม' ของเธอ
คีรินทร์ยิ้มตอบกลับไป รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและเสน่ห์แพรวพราวราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้า แต่ในใจเขากลับรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่อลิสาสร้างขึ้น มันเป็นแรงดึงดูดที่แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขาเคยเจอมา มันไม่ใช่แค่ความสวยงามภายนอก แต่เป็นบางอย่างที่ลึกลงไปกว่านั้น เป็นความฉลาด ไหวพริบ และความมั่นใจในตัวเองที่แผ่ออกมาจากตัวเธออย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เขาเดินตรงเข้าไปหาเธอด้วยความมั่นใจ แม้จะรู้ว่ารอบตัวเธอเต็มไปด้วยผู้คนและสายตานับร้อยคู่ที่กำลังจับจ้อง แต่คีรินทร์ไม่เคยหวั่นเกรงต่อสายตาเหล่านั้น เขามุ่งตรงไปที่เป้าหมายของเขาอย่างชัดเจน และเป้าหมายในค่ำคืนนี้ก็คือ อลิสา อัศววิมล
เสียงผู้สื่อข่าวที่ถามคำถามเกี่ยวกับคอลเลกชันของเธอยังคงดังต่อเนื่อง แต่สำหรับคีรินทร์แล้ว เสียงเหล่านั้นเริ่มเลือนหายไป สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือหญิงสาวตรงหน้า เขาเดินเข้าไปใกล้เธอเรื่อยๆ จนกระทั่งยืนอยู่ห่างจากเธอเพียงไม่กี่ก้าว เขารอจังหวะที่อลิสาตอบคำถามสื่อมวลชนเสร็จ ก่อนจะเอ่ยปากทักทายเธอด้วยน้ำเสียงที่สุภาพแต่แฝงความหมายบางอย่าง
"ยินดีด้วยกับงานเปิดตัวนะครับคุณอลิสา" คีรินทร์เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม "ผมว่าคอลเลกชันของคุณสวยกว่าดอกไม้ช่อที่ผมส่งไปให้อีกนะครับ"
ประโยคสุดท้ายของเขาแฝงความยียวนและเป็นการย้อนถึงการปฏิเสธของเธอเมื่อเช้า อลิสาหันมาเผชิญหน้ากับเขาเต็มตัว สายตาของทั้งคู่ประสานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
นี่คือจุดเริ่มต้นของการบุกรุก 'สนาม' ของเพลย์เกิร์ลตัวแม่ และคีรินทร์ก็พร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับทุกการโต้กลับจากเธอ
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่