คีรินทร์กำลังก้าวเข้าไปหาอลิสาอย่างช้าๆ สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เธออย่างไม่ละสายตา เขาสัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวเธอ ผู้หญิงคนนี้มีบางสิ่งที่แตกต่างออกไปจากทุกคนที่เขาเคยรู้จัก และนั่นยิ่งทำให้เขาสนใจและรู้สึกท้าทายมากขึ้น
ขณะที่คีรินทร์กำลังเดินผ่านผู้คนกลุ่มหนึ่งที่ยืนคุยกันอย่างออกรส เขาก็ต้องหยุดชะงักเล็กน้อย เมื่อมีร่างเล็กบอบบางคนหนึ่งเดินสวนทางกับเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอเป็นหญิงสาวในชุดเดรสสั้นสีฟ้าสดใส ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักรับกับดวงตากลมโตเป็นประกาย เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนถูกดัดเป็นลอนสวยรับกับโครงหน้า มัดรวบครึ่งหนึ่งอย่างเป็นธรรมชาติ เผยให้เห็นรอยยิ้มสดใสที่ประดับอยู่บนใบหน้าของเธอ เธอคือ นารา เพื่อนสนิทของอลิสา และยังเป็นนักจัดอีเวนต์มืออาชีพที่ได้รับคำชมมากมายในวงการ
นาราเองก็กำลังเดินออกมาจากโซนจัดแสดงงานเพื่อไปเข้าห้องน้ำ เธอไม่ได้ทันสังเกตว่ามีใครกำลังเดินสวนทางมาจนกระทั่งร่างของเธอเกือบจะชนเข้ากับร่างสูงของคีรินทร์ เธอหยุดชะงักเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตากลมโตของเธอจะเบิกกว้างขึ้นเมื่อประสานเข้ากับดวงตาคมกริบของชายหนุ่มตรงหน้า
คีรินทร์เองก็หยุดเดินเช่นกัน เขาก้มหน้าลงมองเธอด้วยแววตาที่เรียบเฉยแต่ก็แฝงความสุภาพไว้เล็กน้อย นารารู้สึกราวกับเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ออร่าความโดดเด่นของชายหนุ่มตรงหน้าแผ่กระจายออกมาอย่างชัดเจน เขาหล่อเหลาอย่างที่เธอไม่เคยเห็นใครหล่อขนาดนี้มาก่อน ใบหน้าคมคาย ผิวแทนเนียนละเอียด รูปร่างสูงสง่าที่ดูแข็งแรงแต่ก็ไม่อ้วนเทอะทะ ทุกอย่างลงตัวราวกับหลุดออกมาจากนิตยสาร นารารู้สึกประทับใจในเสน่ห์อันน่าดึงดูดของเขาตั้งแต่แรกเห็น หัวใจดวงน้อยของเธอเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
"ขอโทษค่ะ" นาราเอ่ยขึ้นเบาๆ ด้วยน้ำเสียงใสซื่อ พร้อมรอยยิ้มแหยๆ
คีรินทร์พยักหน้ารับอย่างสุภาพ "ไม่เป็นไรครับ" เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ฟังดูน่าฟัง ก่อนจะส่งยิ้มบางๆ ให้เธอ รอยยิ้มของเขาทำให้ดวงตาคมกริบดูอ่อนโยนลงเล็กน้อย
นารารู้สึกราวกับถูกสะกด เธอไม่เคยเจอผู้ชายที่มีเสน่ห์ได้มากขนาดนี้มาก่อน ในแวดวงสังคมชั้นสูงที่เธอคุ้นเคย มีผู้ชายหน้าตาดีมากมาย แต่ไม่มีใครที่มีออร่าที่น่าดึงดูดใจได้เท่ากับชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้เลยแม้แต่คนเดียว เธอมั่นใจว่าเขาต้องเป็น คีรินทร์ อย่างแน่นอน ชื่อเสียงของเขาเลื่องลือไปทั่ววงการ นารารู้ดีว่าคีรินทร์เป็นเพลย์บอยตัวพ่อ ผู้ไม่เคยจริงจังกับใคร แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจในความน่าดึงดูดใจของเขา
นาราพยายามเก็บอาการไว้ ไม่ให้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นฉายชัดออกมาทางสีหน้า เธอรู้ดีว่าตัวเองเป็นเพื่อนสนิทของอลิสา และคีรินทร์ก็เป็นคนที่อลิสากำลัง "เล่นเกม" ด้วย เธอไม่อยากให้ใครมองว่าเธอเป็นคนประเภทที่จะไปชอบผู้ชายคนเดียวกันกับเพื่อนสนิท ยิ่งไปกว่านั้น เธอเองก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของเขามามากพอที่จะรู้ว่าการไปชอบเขาเป็นเรื่องที่อันตรายและอาจทำให้เธอต้องเสียใจในภายหลัง
"ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ" นาราเอ่ยขึ้นเบาๆ พร้อมรอยยิ้มที่พยายามทำให้ดูเป็นมิตรและเป็นธรรมชาติที่สุด เธอยื่นมือออกไปเล็กน้อย
คีรินทร์มองมือของเธอ ก่อนจะยื่นมือออกไปจับมือเล็กๆ ของเธอเบาๆ สัมผัสที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ก็ทำให้คีรินทร์รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้มีท่าทางใสซื่อและเป็นธรรมชาติอย่างที่เขาไม่ค่อยได้เจอ คีรินทร์พยักหน้ารับ "เช่นกันครับ"
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็ผละมือออกจากกัน นารายิ้มให้เขาอีกครั้ง ก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เธอรู้สึกว่าตัวเองต้องรีบเดินออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด เพราะถ้ายังอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้ หัวใจของเธอคงจะเต้นแรงจนคนอื่นได้ยินแน่ๆ เธอพยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ พลางนึกถึงรอยยิ้มของคีรินทร์ที่ทำให้เธอรู้สึกประทับใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ส่วนคีรินทร์ หลังจากที่นาราเดินจากไป เขาก็ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาคมกริบของเขายังคงจ้องมองตามร่างเล็กของนาราไปจนลับตา เขานึกถึงรอยยิ้มใสซื่อและดวงตากลมโตเป็นประกายของเธอ ผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์ในแบบที่แตกต่างจากอลิสาอย่างสิ้นเชิง อลิสาคือเพลย์เกิร์ลตัวแม่ที่ดูร้ายกาจและท้าทาย แต่นารากลับดูเป็นผู้หญิงที่สดใส น่ารัก และเป็นธรรมชาติ คีรินทร์ไม่ได้รู้สึกสนใจนาราในแบบที่เขาสนใจอลิสา แต่เขาก็ยอมรับว่านารามีเสน่ห์ในแบบของเธอเอง
หลังจากนั้น คีรินทร์ก็หันกลับมามุ่งหน้าไปยังจุดที่อลิสายืนอยู่ สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เธออย่างไม่ละสายตา เขาเดินเข้าไปใกล้กลุ่มสื่อมวลชนที่ยังคงรุมล้อมอลิสาอยู่ คีรินทร์รอจังหวะที่อลิสาตอบคำถามสุดท้ายของผู้สื่อข่าวพอดี เขาก้าวเข้าไปใกล้เธออย่างมั่นใจ
"ยินดีด้วยกับงานเปิดตัวนะครับคุณอลิสา" คีรินทร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม พร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่เต็มไปด้วยความหมาย "ผมว่าคอลเลกชันของคุณสวยกว่าดอกไม้ช่อที่ผมส่งไปให้อีกนะครับ"
ประโยคสุดท้ายของเขาแฝงความยียวนและเป็นการย้อนถึงการปฏิเสธของเธอเมื่อเช้า อลิสาหันมาเผชิญหน้ากับเขาเต็มตัว สายตาของทั้งคู่ประสานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร รอยยิ้มบนใบหน้าของอลิสาแข็งค้างไปชั่วขณะ ก่อนที่เธอจะปรับเปลี่ยนสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติได้ในเสี้ยววินาที เธอรู้ทันทีว่าคีรินทร์กำลังเล่นกับเธอ และเขากำลังสนุกกับเกมนี้อย่างเห็นได้ชัด
"ขอบคุณค่ะคุณคีรินทร์ คุณก็มาไกลกว่าที่คิดนะคะ ปกติคงไม่มางานเปิดตัวแฟชั่นแบบนี้เท่าไหร่" เธอพูดราวกับจะย้อนถามเขาว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจมางานนี้
คีรินทร์หัวเราะในลำคอเบาๆ "ก็อยากมาแสดงความยินดีกับคนเก่งๆ อย่างคุณอลิสานี่ครับ แถมเมื่อเช้าคุณก็เชิญผมมาเองด้วยนี่นา ผมก็แค่มาตามคำเชิญเท่านั้นเอง"
อลิสายิ้มมุมปาก "ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณนะคะที่ให้เกียรติมางานของลิซ" เธอผายมือเล็กน้อย ราวกับจะเชิญชวนให้เขาร่วมวงสนทนา "แล้วคุณคีรินทร์ชอบคอลเลกชันของลิซบ้างไหมคะ"
"แน่นอนครับ" คีรินทร์ตอบทันที "ผมว่ามันน่าสนใจมากจริงๆ มันแสดงให้เห็นถึงความสามารถของคุณอลิสาได้เป็นอย่างดี" เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเธอเบาๆ จนคนรอบข้างไม่ได้ยิน "แต่ผมว่าคุณอลิสาก็ยัง 'รับมือยาก' เหมือนเดิมนะครับ"
อลิสาถึงกับหัวเราะหึๆ "หือ คุณคีรินทร์นี่ก็พูดเกินไปค่ะ ลิซว่าคุณคีรินทร์คงเจอแต่คนง่ายๆ ล่ะสิคะ พอเจอของจริงก็เลยต้องพยายามหน่อย"
คำพูดของอลิสาเป็นการโต้กลับอย่างเฉียบคม ไม่ใช่แค่เธอ "รับมือยาก" แต่เป็นเขาเองต่างหากที่ "เจอของจริง" และต้องพยายามมากขึ้นกว่าที่เคย คีรินทร์ยิ้มกว้าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความท้าทาย เขาชอบที่อลิสาเป็นแบบนี้ เธอทำให้เกมนี้สนุกยิ่งขึ้นไปอีก
"ดูเหมือนเกมนี้จะสนุกกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยนะครับคุณอลิสา" คีรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความท้าทาย
"แน่นอนอยู่แล้วค่ะคุณคีรินทร์" อลิสาตอบกลับด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความมั่นใจ "ลิซไม่เคยเล่นเกมไหนที่ไม่สนุกเลยค่ะ"
ทั้งคู่ต่างจ้องมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร บรรยากาศรอบตัวพวกเขาราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลวนอยู่ มันเป็นความตึงเครียดที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความเร่าร้อน การพบกันครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเกมที่ไม่มีใครรู้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ และใครจะเป็นฝ่าย "ตกหลุมรัก" ก่อน
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่