ในขณะที่อลิสาและคีรินทร์กำลังมีความสุขกับการเตรียมงานแต่งงาน ความรักของทั้งคู่ก็เบ่งบานไปทั่วทุกที่ จนแผ่ขยายไปถึงคนรอบข้างอย่างมิ้นท์และปกรณ์ สองเพื่อนซี้ที่สนิทกันมากขึ้นจากการร่วมกันให้กำลังใจและช่วยเหลืออลิสาและคีรินทร์ฟันฝ่าอุปสรรคมาด้วยกัน
การได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างใกล้ชิดในการช่วยเตรียมงานแต่งงาน ทำให้มิ้นท์และปกรณ์มีโอกาสทำความรู้จักกันในมุมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา มิ้นท์ได้เห็นความใจเย็น สุขุม และความรับผิดชอบของปกรณ์ในสถานการณ์กดดัน ขณะที่ปกรณ์ก็ได้เห็นความสดใส ร่าเริง และน้ำใจของมิ้นท์ที่พร้อมช่วยเหลือเพื่อนอย่างเต็มที่ ความรู้สึกดีๆ ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างพวกเขา ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมก๊วนอีกต่อไป แต่เป็นความรู้สึกที่เริ่มพัฒนาไปอีกขั้นอย่างช้าๆ
วันหนึ่ง ในระหว่างที่กำลังช่วยอลิสาเลือกของชำร่วยแต่งงาน มิ้นท์กำลังลังเลระหว่างของชำร่วยสองแบบ “ลิซ! มิ้นท์ว่าอันนี้ก็สวยนะ แต่อันนี้ก็น่ารักอ่ะ เลือกไม่ถูกเลย”
“นี่มิ้นท์” ปกรณ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ หยิบของชำร่วยแบบหนึ่งขึ้นมาดู “ลองดูแบบนี้ไหม พี่คิดว่าลิซน่าจะชอบอะไรที่เรียบๆ หรูๆ มากกว่านะ”
มิ้นท์ชะงักเล็กน้อย เธอมองหน้าปกรณ์ด้วยความประหลาดใจ “โห! พี่ปกรณ์นี่รู้ใจลิซดีกว่ามิ้นท์อีกนะคะเนี่ย!”
ปกรณ์ยิ้มเล็กน้อย “ก็อยู่กันมานานนี่นา” แต่ในใจเขากลับรู้สึกดีใจที่มิ้นท์สังเกตเห็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้
บ่อยครั้งที่พวกเขาสังเกตเห็นความเข้าอกเข้าใจกันในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่รู้ตัว เช่น เมื่อมิ้นท์กำลังบ่นเรื่องงานที่กองพะเนิน ปกรณ์จะยื่นแก้วกาแฟเย็นมาให้เธอโดยไม่ต้องเอ่ยปากขอ เพราะเขารู้ว่าเธอมักจะดื่มกาแฟเย็นเวลาทำงานเครียดๆ หรือเมื่อปกรณ์กำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรบางอย่าง มิ้นท์จะแอบยื่นขนมขบเคี้ยวที่เขาชอบมาให้โดยไม่พูดอะไร เพราะเธอรู้ว่าเขาชอบกินขนมเวลาคิดงาน
ความประทับใจในตัวอีกฝ่ายค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ มิ้นท์เริ่มรู้สึกว่าปกรณ์ไม่ใช่แค่เพื่อนซี้ของคีรินทร์อีกต่อไป แต่เป็นคนที่เข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง และเป็นคนที่เธอรู้สึกสบายใจที่จะอยู่ใกล้ๆ ส่วนปกรณ์ก็เริ่มรู้สึกว่ามิ้นท์ไม่ใช่แค่น้องสาวคนสนิทของอลิสาอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่ทำให้เขายิ้มได้เสมอ และทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
หลังจากเลิกจากการช่วยอลิสาและคีรินทร์เตรียมงานแต่งงาน ปกรณ์มักจะอาสาไปส่งมิ้นท์ที่บ้านบ่อยขึ้น จากการที่เคยเป็นแค่การแวะส่งธรรมดาๆ ก็เริ่มกลายเป็นการพูดคุยกันอย่างเปิดใจในรถ
คืนหนึ่ง ขณะที่รถของปกรณ์เคลื่อนตัวไปตามท้องถนนที่เงียบสงบ มิ้นท์นั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง “เหนื่อยเหมือนกันเนอะพี่ปกรณ์ กว่างานแต่งงานของลิซจะเสร็จสมบูรณ์”
“ใช่ แต่มันก็สนุกดีนะ” ปกรณ์ตอบพลางหันมามองมิ้นท์เล็กน้อย “ได้เห็นเพื่อนมีความสุข พี่ก็ดีแล้ว”
“นั่นสิ” มิ้นท์พยักหน้า “มิ้นท์ดีใจนะที่ลิซได้เจอพี่คี ไม่อย่างนั้นไม่รู้จะเป็นยังไงเลย”
“มิ้นท์ก็เหมือนกันแหละ” ปกรณ์พูดขึ้นมาเบาๆ “มิ้นท์เป็นคนดีนะ ใครได้มิ้นท์ไปดูแลคงโชคดีแย่”
มิ้นท์หันขวับมามองปกรณ์ ใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย “อะไรของพี่ปกรณ์เนี่ย พูดอะไรแปลกๆ”
ปกรณ์ยิ้มเล็กน้อย เขามองตรงไปยังถนนข้างหน้า “ก็พูดตามที่เห็นน่ะ”
บทสนทนาในรถเริ่มมีความหมายมากขึ้น พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องส่วนตัวมากขึ้น ความฝันในอนาคต ความกังวลในชีวิต และเรื่องราวในอดีตที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน มิ้นท์เริ่มรู้สึกว่าปกรณ์เป็นคนที่รับฟังเธออย่างตั้งใจ และให้คำแนะนำที่ดีเสมอ
หลังจากการไปส่งที่บ้าน มิ้นท์มักจะแอบยิ้มคนเดียวเมื่อเห็นข้อความที่ปกรณ์ส่งมาหา ข้อความง่ายๆ เช่น “ถึงบ้านแล้วบอกด้วยนะ” หรือ “พรุ่งนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่แวะซื้อไปให้” ข้อความเหล่านั้นทำให้ใจของเธอเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาด
วันหนึ่ง ขณะที่พวกเขากำลังนั่งพักจากการช่วยยกของ ปกรณ์เห็นมิ้นท์กำลังบ่นเรื่องปวดไหล่จากการยกของ เขาเลยยื่นมือมานวดไหล่ให้เธอเบาๆ “ไหน ลองดูสิ ปวดตรงไหน”
มิ้นท์ชะงักไปเล็กน้อย เธอรู้สึกเขินอายขึ้นมาทันทีเมื่อมือของเขาแตะต้องไหล่ของเธอ แต่สัมผัสที่อบอุ่นนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกดีอย่างประหลาด “เฮ้ย พี่ปกรณ์! ไม่เป็นไรหรอก!” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะแก้เก้อ แต่ก็ไม่ได้ปัดมือเขาออก
ปกรณ์ยิ้มเล็กน้อย เขามองมิ้นท์ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม สายตาที่ไม่ได้มองแค่เพื่อนสนิท แต่เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูและความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่านั้น มิ้นท์รู้สึกได้ถึงสายตานั้น ทำให้เธอเขินอายจนต้องหลบตาไปอีกทาง ใบหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นมาทันที
การเริ่มต้นความสัมพันธ์ของมิ้นท์และปกรณ์เป็นไปอย่างน่ารักและค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีอะไรหวือหวา แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นและมั่นคง พวกเขายังคงเป็นเพื่อนสนิทของอลิสาและคีรินทร์ แต่ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เติบโตขึ้นในแบบของตัวเอง
มิ้นท์เริ่มสังเกตเห็นว่าปกรณ์ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเธอมากขึ้น เขาจะจำได้ว่าเธอชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไร หรือแม้กระทั่งจำได้ว่าเธอแพ้อะไร ส่วนปกรณ์ก็เริ่มรู้สึกว่ามิ้นท์เข้ามาเติมเต็มชีวิตของเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากที่เคยเป็นคนเก็บตัวและไม่ค่อยแสดงออก ก็เริ่มเปิดใจและยิ้มมากขึ้นเมื่ออยู่กับเธอ
บ่อยครั้งที่อลิสาและคีรินทร์จะแอบมองดูมิ้นท์และปกรณ์ที่กำลังหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน พวกเขามักจะส่งยิ้มให้กันอย่างรู้ใจ เพราะพวกเขาเชื่อว่าอีกไม่นาน มิตรภาพของทั้งสองคนนี้จะพัฒนาไปเป็นความรักที่สวยงามเช่นเดียวกับความรักของพวกเขา
เย็นวันหนึ่งหลังจากช่วยอลิสาเลือกชุดแต่งงานเสร็จเรียบร้อย ปกรณ์เดินมาส่งมิ้นท์ที่บ้านเหมือนเช่นเคย แต่คราวนี้ เขาไม่รีบขับรถออกไปทันที
“มิ้นท์” ปกรณ์เรียกชื่อเธอเบาๆ ก่อนที่เธอจะก้าวลงจากรถ
“หืม” มิ้นท์หันกลับมามองเขา
ปกรณ์ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจ “เอ่อคือว่าพรุ่งนี้มิ้นท์ว่างไหม”
มิ้นท์ยิ้มเล็กน้อย “ว่างสิคะ มีอะไรเหรอคะ”
“คือว่าพี่อยากชวนมิ้นท์ไปดูหนัง” ปกรณ์พูดพร้อมกับรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า “ไปกันแค่สองคน”
มิ้นท์ถึงกับยิ้มกว้าง ใบหน้าของเธอแดงก่ำ “ได้สิคะ พี่ปกรณ์”
นี่เป็นเพียงก้าวเล็กๆ ก้าวแรกของมิ้นท์และพี่ปกรณ์ ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนสนิทไปสู่การเป็นคู่รัก เช่นเดียวกับอลิสาและคีรินทร์ เส้นทางความรักของพวกเขากำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างช้าๆ แต่มั่นคง และเต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ ที่จะเบ่งบานในไม่ช้า
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่