เสียงดนตรีฟิวชั่นยังคงขับกล่อมบรรยากาศภายในงานเปิดตัวคอลเลกชันของ ALISA Design ที่แกลเลอรี XYZ คีรินทร์ ยืนประจันหน้ากับ อลิสา แสงไฟสปอตไลต์สาดส่องลงมาที่พวกเขาทั้งสอง ราวกับกำลังจับจ้องดู "เกม" ที่กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น
"ยินดีด้วยกับงานเปิดตัวนะครับคุณอลิสา ผมว่าคอลเลกชันของคุณสวยกว่าดอกไม้ช่อที่ผมส่งไปให้อีกนะครับ" คีรินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยียวนและแฝงนัยยะถึงการโต้กลับที่เธอทำเมื่อเช้า
อลิสายิ้มมุมปาก เธอมองตรงเข้าไปในดวงตาคมกริบของเขาอย่างไม่เกรงกลัว "ขอบคุณค่ะคุณคีรินทร์ คุณก็มาไกลกว่าที่คิดนะคะ ปกติคงไม่มางานเปิดตัวแฟชั่นแบบนี้เท่าไหร่" เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยความท้าทาย ราวกับจะย้อนถามเขาว่าทำไม "เพลย์บอยตัวพ่อ" อย่างเขาถึงได้ยอมก้าวเข้ามาในโลกของเธอ
คีรินทร์หัวเราะในลำคอเบาๆ "ก็อยากมาแสดงความยินดีกับคนเก่งๆ อย่างคุณอลิสานี่ครับ แถมเมื่อเช้าคุณก็เชิญผมมาเองด้วยนี่นา ผมก็แค่มาตามคำเชิญเท่านั้นเอง" เขาเน้นคำว่า "คนเก่งๆ" เพื่อเป็นการยกย่องเธอ และ "เชิญผมมาเอง" เพื่อย้ำเตือนว่าเธอคือผู้ที่เปิดประตูให้เขาเข้ามาในเกมนี้
อลิสายิ้มกว้างขึ้น "ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณนะคะที่ให้เกียรติมางานของลิซ" เธอผายมือเล็กน้อย "แล้วคุณคีรินทร์ชอบคอลเลกชันของลิซบ้างไหมคะ"
"แน่นอนครับ" คีรินทร์ตอบทันที น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นเล็กน้อย "ผมว่ามันน่าสนใจมากจริงๆ มันแสดงให้เห็นถึงความสามารถของคุณอลิสาได้เป็นอย่างดี" เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเธอเบาๆ จนคนรอบข้างไม่ได้ยิน "แต่ผมว่าคุณอลิสาก็ยัง 'รับมือยาก' เหมือนเดิมนะครับ"
คำพูดของคีรินทร์เป็นเหมือนการยื่นคำท้าทายอย่างชัดเจน อลิสาถึงกับหัวเราะหึๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยประกายแห่งความมั่นใจและขบขัน "หือ คุณคีรินทร์นี่ก็พูดเกินไปค่ะ ลิซว่าคุณคีรินทร์คงเจอแต่คนง่ายๆ ล่ะสิคะ พอเจอของจริงก็เลยต้องพยายามหน่อย"
ประโยคนี้เป็นการโต้กลับอย่างเหนือชั้นจากอลิสา เธอไม่ได้ปฏิเสธว่าตัวเอง "รับมือยาก" แต่เธอกลับพลิกสถานการณ์ให้เป็นว่าคีรินทร์เองต่างหากที่ "เจอของจริง" ซึ่งหมายถึงตัวเธอ และนั่นทำให้เขาต้องใช้ความพยายามมากกว่าที่เคย การสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งคู่เต็มไปด้วยการประชันไหวพริบและคารมคมคาย ไม่มีใครยอมใครแม้แต่น้อย
"ดูเหมือนเกมนี้จะสนุกกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยนะครับคุณอลิสา" คีรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความท้าทายแฝงความตื่นเต้น
"แน่นอนอยู่แล้วค่ะคุณคีรินทร์" อลิสาตอบกลับด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความมั่นใจ "ลิซไม่เคยเล่นเกมไหนที่ไม่สนุกเลยค่ะ"
ทั้งคู่ต่างจ้องมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร บรรยากาศรอบตัวพวกเขาราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลวนอยู่ มันเป็นความตึงเครียดที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความเร่าร้อน เกมแห่งการจีบได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ และดูเหมือนว่าทั้งคู่จะสนุกกับมันอย่างเต็มที่
ในขณะที่บทสนทนาท้าทายระหว่างคีรินทร์กับอลิสากำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น สายตาของทั้งคู่ก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาหาพวกเขา ชายหนุ่มคนนั้นรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าดูสุขุมและอ่อนโยน เขาแต่งกายด้วยชุดสูทสีเทาอ่อนที่ดูเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยรสนิยม เขามีออร่าที่แตกต่างจากคีรินทร์อย่างสิ้นเชิง คีรินทร์คือความร้อนแรงและท้าทาย ในขณะที่ชายหนุ่มคนนี้คือความสงบและอบอุ่น
ชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าอลิสา รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขามือหนึ่งถือช่อดอกคาลล่า ลิลลี่สีขาวช่อเล็กๆ ที่ดูเรียบง่ายแต่สง่างามและมีรสนิยมอย่างน่าประหลาดใจ แตกต่างจากดอกกุหลาบช่อโตสีแดงสดที่คีรินทร์เคยส่งไปให้เธออย่างสิ้นเชิง
"ยินดีด้วยกับงานเปิดตัวนะครับคุณลิซ" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ฟังดูอบอุ่น "คอลเลกชันของคุณสวยงามมากจริงๆ ครับ สมกับที่คุณทุ่มเทตั้งใจทำ"
อลิสายิ้มกว้างอย่างจริงใจเมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้า "คุณภูริช! ไม่คิดเลยว่าจะมางานของลิซด้วย" เธอเอ่ยด้วยความยินดี นั่นทำให้คีรินทร์หรี่ตาลงเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นอลิสายิ้มอย่างจริงใจแบบนี้กับใครมาก่อน
ชายหนุ่มคนนี้คือ ภูริช เจ้าของแบรนด์จิวเวลรี่ชื่อดัง "PURI" ซึ่งเป็นแบรนด์ที่อลิสาเคยร่วมงานด้วยในโปรเจกต์พิเศษเมื่อหลายปีก่อน ภูริชเป็นที่รู้จักกันดีในวงการว่าเขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่มีพรสวรรค์ด้านการออกแบบและมีวิสัยทัศน์กว้างไกล แต่เขากลับเป็นคนที่ไม่ค่อยออกงานสังคมมากนัก การปรากฏตัวของเขาในงานนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับหลายคน
ภูริชยื่นดอกคาลล่า ลิลลี่สีขาวช่อเล็กๆ ให้อลิสา "ผมเลือกดอกคาลล่า ลิลลี่ เพราะผมคิดว่ามันเป็นดอกไม้ที่ดูเรียบง่ายแต่สง่างาม เหมือนกับตัวตนของคุณลิซเลยครับ" เขากล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ สายตาที่เขามองอลิสาเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างเงียบๆ และจริงใจ ไม่ได้แฝงความเจ้าชู้หรือการท้าทายเหมือนกับสายตาของคีรินทร์
อลิสาสัมผัสได้ถึงความจริงใจในคำพูดและการกระทำของภูริช เธอรับดอกไม้มาถือไว้ในมืออย่างทะนุถนอม "ขอบคุณมากนะคะคุณภูริช ลิซชอบมากเลยค่ะ"
คีรินทร์ยืนอยู่ข้างๆ เขาเหลือบมองภูริชด้วยแววตาที่จับจ้องและประเมิน คู่แข่งคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นแล้ว เขาไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา แต่ในใจกลับเริ่มรู้สึกถึงความระแวงเล็กน้อย
ภูริชผายมือไปยังคีรินทร์ "อ้อ คุณคีรินทร์ ผมขอแนะนำให้คุณรู้จักกับคุณภูริช เจ้าของแบรนด์ PURI นะคะ" อลิสาเอ่ยแนะนำ
คีรินทร์พยักหน้ารับอย่างสุภาพ "ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณภูริช" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความท้าทายที่ซ่อนอยู่
"ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณคีรินทร์" ภูริชยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร เขาไม่ได้แสดงท่าทีว่ารู้สึกถึงความตึงเครียดใดๆ
คีรินทร์เหลือบมองดอกคาลล่า ลิลลี่ในมือของอลิสา ก่อนจะหันกลับไปมองภูริชอีกครั้ง เขาเปรียบเทียบดอกไม้ช่อเล็กๆ ที่ดูเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความหมายของภูริช กับดอกกุหลาบช่อโตที่เขาเคยส่งไปให้เธอ การกระทำของภูริชดูเหมือนจะเป็นการแสดงออกถึงความชื่นชมอย่างเงียบๆ แต่กลับแฝงความจริงใจที่ยากจะปฏิเสธ ซึ่งแตกต่างจากกลยุทธ์การจีบแบบโจ่งแจ้งและท้าทายของคีรินทร์โดยสิ้นเชิง
ในวินาทีนั้นเอง คีรินทร์ก็ตระหนักว่าการจีบอลิสาอาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ เพราะนอกจากตัวอลิสาเองที่ "รับมือยาก" แล้ว ดูเหมือนจะมีคู่แข่งคนอื่นปรากฏตัวขึ้นแล้ว และคู่แข่งคนนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นคนที่มี "ชั้นเชิง" ในการเข้าหาอลิสาไม่แพ้กันเลย
ความมั่นใจที่เคยเต็มเปี่ยมของคีรินทร์เริ่มสั่นคลอนไปเล็กน้อย แต่แทนที่จะท้อแท้ เขากลับรู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่เพิ่มขึ้น อลิสาไม่ใช่แค่เกมที่ท้าทาย แต่เธอกลายเป็น "เป้าหมาย" ที่เขาจะต้องพิชิตให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม เกมนี้เพิ่งเริ่มต้นขึ้น และมันกำลังจะซับซ้อนและน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าที่เขาคาดคิดไว้มากนัก
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่