เสียงดนตรีเร้าใจยังคงดังคลอเคลียไปทั่วแกลเลอรี XYZ ที่เต็มไปด้วยผู้คนในวงการแฟชั่นและสังคมชั้นสูง คีรินทร์ ยืนอยู่ตรงหน้า อลิสา และ ภูริช บทสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งสามคนเต็มไปด้วยการหยั่งเชิงและคารมคมคาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างคีรินทร์กับอลิสา ที่ต่างฝ่ายต่างพยายามแสดงความเหนือกว่าในเกมแห่งการล่าหัวใจ
ในขณะที่คีรินทร์กำลังเพลิดเพลินกับการได้ประชันไหวพริบกับอลิสา ดวงตาของเขาก็เหลือบไปเห็นร่างเพรียวระหงของหญิงสาวผู้หนึ่งที่ก้าวเข้ามาในงาน เธอโดดเด่นสะดุดตาด้วยชุดราตรีสีแดงเพลิงที่เผยให้เห็นรูปร่างสมส่วนของนางแบบ ผิวขาวราวหิมะรับกับเรือนผมสีดำยาวสลวยที่ถูกดัดลอนคลายๆ ดูมีวอลลุ่ม ใบหน้าสวยคมถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางที่เน้นดวงตาให้ดูโฉบเฉี่ยว ริมฝีปากอิ่มทาสีแดงสดรับกับชุด เธอคือ แพรไหม นางแบบและเซเลบริตี้ชื่อดัง ซึ่งมีข่าวพัวพันกับคีรินทร์อยู่บ่อยครั้ง และเป็นที่รู้กันดีในวงสังคมว่าเธอคือ "คู่ควง" คนล่าสุดของเขา แม้คีรินทร์จะไม่ได้ให้สถานะใดๆ กับเธอเลยก็ตาม
แพรไหมกวาดสายตามองไปทั่วงาน ก่อนที่สายตาของเธอจะหยุดลงที่คีรินทร์ เธอยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันขาวเรียงสวยทันทีที่เห็นเขา รอยยิ้มนั้นไม่ได้มีความสุขแท้จริง แต่กลับแฝงไปด้วยความรู้สึกของการแสดงความเป็นเจ้าของและประกาศศักดา แพรไหมมั่นใจว่าเธอคือผู้หญิงที่เหมาะสมกับคีรินทร์มากที่สุด และเธอไม่ชอบให้ผู้หญิงคนไหนเข้ามาใกล้ชิดเขาเกินเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอลิสา ที่เธอเคยได้ยินชื่อเสียงในฐานะ "เพลย์เกิร์ลตัวแม่" มาบ้างแล้ว
แพรไหมไม่รอช้า เธอเดินตรงเข้ามาหาคีรินทร์อย่างเปิดเผยด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ ทุกย่างก้าวของเธอเต็มไปด้วยความสง่างามตามแบบฉบับของนางแบบมืออาชีพ เธอเดินผ่านผู้คนมากมายที่ต่างหันมามองเธอด้วยความชื่นชมระคนอิจฉา ทว่าแพรไหมไม่ได้สนใจสายตาเหล่านั้น เธอมีเป้าหมายที่ชัดเจน นั่นคือการเข้าถึงคีรินทร์ และแสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้าทุกคนที่อยู่ในงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอลิสา
เมื่อเดินมาถึง คีรินทร์ที่กำลังสนทนาอยู่กับอลิสาและภูริชก็หันไปมองแพรไหม เขาไม่ได้แสดงท่าทีตกใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงความยินดีมากนัก รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเล็กน้อย
"คีรินทร์คะ! แพรไหมตามหาตั้งนานค่ะ ทำไมมาอยู่ตรงนี้คะ" แพรไหมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อนที่เต็มไปด้วยจริตจะก้าน ก่อนจะเดินตรงเข้ามาโอบแขนคีรินทร์อย่างสนิทสนมเกินเพื่อน ท่าทีของเธอแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน ราวกับต้องการประกาศให้ทุกคนในงานรู้ว่าคีรินทร์คือ "ของเธอ"
คีรินทร์ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อผละแขนออกจากการเกาะกุมของแพรไหม แต่เธอกลับยิ่งกอดแขนเขาแน่นขึ้น เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างไม่พอใจนัก แต่ก็ไม่ได้แสดงออกชัดเจน เขาไม่ชอบให้ใครมาแสดงความเป็นเจ้าของกับเขาแบบนี้
"สวัสดีครับคุณแพรไหม" คีรินทร์เอ่ยทักทายอย่างสุภาพ แต่ในน้ำเสียงกลับแฝงความห่างเหินไว้เล็กน้อย "มาถึงงานนานหรือยังครับ"
แพรไหมยิ้มหวาน เธอมองคีรินทร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่เกินเหตุ "เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เองค่ะ พอดีหาคีรินทร์ไม่เจอ ก็เลยเดินตามหาทั่วงานเลยค่ะ" เธอพูดพลางปรายตามองอลิสาและภูริชที่ยืนอยู่ข้างๆ คีรินทร์ด้วยสายตาที่ไม่ได้เป็นมิตรนัก "ไม่คิดเลยว่าคีรินทร์จะมาสนใจงานแฟชั่นแบบนี้ด้วยนะคะ ปกติคีรินทร์ชอบแต่เรื่องธุรกิจนี่คะ" แพรไหมพูดราวกับต้องการตอกย้ำว่าคีรินทร์ไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ และเขาก็ไม่ควรจะสนใจผู้หญิงอย่างอลิสา
อลิสาเหลือบมองแพรไหมด้วยรอยยิ้มมุมปาก เธอยังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉยเอาไว้ แต่ในใจลึกๆ แล้ว เธอกลับรู้สึกหมั่นไส้ในท่าทีของแพรไหมไม่น้อย อลิสาเป็นคนที่ไม่ชอบผู้หญิงที่แสดงความเป็นเจ้าของผู้ชายอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ เธอเห็นว่ามันเป็นการกระทำที่ไร้รสนิยมและดูสิ้นหวัง เธอรู้ดีว่าแพรไหมกำลังพยายามประกาศอาณาเขต และนั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกสนุกกับเกมนี้มากยิ่งขึ้น
"อลิสากับภูริชครับ นี่คุณแพรไหมครับ" คีรินทร์ตัดสินใจแนะนำแพรไหมกับอลิสาและภูริชด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
แพรไหมคลี่ยิ้มเล็กน้อยให้ทั้งสองคน แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้มีความจริงใจเลยแม้แต่น้อย "สวัสดีค่ะคุณอลิสา คุณภูริช" เธอทักทายอย่างเป็นมารยาท
อลิสาพยักหน้ารับ "สวัสดีค่ะคุณแพรไหม" เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ เช่นกัน
ภูริชยิ้มให้แพรไหมอย่างสุภาพ "สวัสดีครับคุณแพรไหม"
แพรไหมหันกลับมามองคีรินทร์ เธอเกาะแขนเขาแน่นขึ้นอีก "คีรินทร์คะ แพรไหมอยากจะขอตัวคีรินทร์ไปที่โซนวีไอพีหน่อยค่ะ พอดีมีเพื่อนๆ รออยู่เยอะเลยค่ะ" เธอพูดราวกับจะดึงตัวคีรินทร์ออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด โดยไม่สนใจว่าคีรินทร์กำลังสนทนาอยู่กับอลิสาและภูริช
คีรินทร์รู้สึกหงุดหงิดกับท่าทีของแพรไหม เขาไม่ชอบให้ใครมาบงการเขา หรือมาแสดงความเป็นเจ้าของเขาแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เขากำลังสนุกกับการสนทนากับอลิสา และเขาก็ไม่อยากที่จะถูกขัดจังหวะโดยแพรไหม
"เดี๋ยวสิครับคุณแพรไหม ผมกำลังคุยธุระกับคุณอลิสาและคุณภูริชอยู่นะครับ" คีรินทร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เริ่มแสดงความไม่พอใจ
แพรไหมทำหน้ามุ่ย "ธุระอะไรกันคะคีรินทร์ แพรไหมว่าเราไปหาอะไรดื่มกันดีกว่านะคะ แพรไหมรู้สึกไม่ค่อยสบายเลยค่ะ" เธอพยายามออดอ้อน เพื่อให้คีรินทร์เห็นใจและยอมไปกับเธอ
อลิสาและภูริชสังเกตการณ์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ อลิสายังคงรักษารอยยิ้มมุมปากเอาไว้ เธอสนุกกับการได้เห็นคีรินทร์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจแบบนี้ ส่วนภูริชก็มองดูเหตุการณ์ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แต่ในใจก็แอบรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยกับท่าทีของแพรไหม
คีรินทร์รู้สึกว่าเขาจะต้องจัดการกับสถานการณ์นี้ให้เด็ดขาด เขาไม่ต้องการให้แพรไหมเข้ามาเป็นตัวแปรในเกมของเขากับอลิสา แต่เขาก็ไม่อยากที่จะทำให้เธอเสียหน้าต่อหน้าคนเยอะๆ ในงาน
"คุณแพรไหมครับ คุณไปรอผมที่โซนวีไอพีก่อนได้เลยครับ เดี๋ยวผมตามไปครับ" คีรินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและเด็ดขาด
แพรไหมหน้าเสียเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าคีรินทร์จะปฏิเสธเธอตรงๆ แบบนี้ เธอพยายามที่จะออดอ้อนอีกครั้ง แต่คีรินทร์กลับส่งสายตาที่แข็งกร้าวให้เธอ เป็นสายตาที่บอกว่าเขาไม่ต้องการให้เธอเซ้าซี้อีกต่อไป
แพรไหมทำได้เพียงแค่จำใจปล่อยแขนของคีรินทร์ เธอส่งสายตาอาฆาตไปให้อลิสาเล็กน้อย ก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่พอใจ แต่เธอก็ยังคงหันมามองคีรินทร์เป็นระยะๆ ราวกับจะเชิญชวนให้เขาตามเธอไป
หลังจากที่แพรไหมเดินจากไป บรรยากาศรอบตัวพวกเขาก็กลับมาผ่อนคลายลงเล็กน้อย อลิสาแอบยิ้มมุมปาก เธอรู้สึกสนุกที่ได้เห็นคีรินทร์ถูกแพรไหมก่อกวน
"ดูเหมือนคุณคีรินทร์จะมีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังเยอะนะคะ" อลิสาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ "ระวังหน่อยนะคะ เดี๋ยวจะโดนรุมไม่รู้ตัว"
คีรินทร์ถอนหายใจ "ก็ปกติแหละครับคุณอลิสา ผู้ชายฮอตๆ ก็ต้องเจออะไรแบบนี้บ้างเป็นธรรมดา" เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม "แต่ผมก็ไม่เคยให้ใครมา 'แสดงความเป็นเจ้าของ' ได้หรอกนะครับ" เขาเน้นคำว่า "แสดงความเป็นเจ้าของ" เพื่อเป็นการสื่อถึงแพรไหม และต้องการให้มั่นใจว่าอลิสาเข้าใจว่าเขาไม่ได้สนใจเธอ
ภูริชที่ยืนเงียบอยู่ตลอดก็หัวเราะเบาๆ "คุณคีรินทร์นี่คารมดีจริงๆ ครับ"
อลิสาก็หัวเราะหึๆ "ก็ต้องอย่างนั้นสิคะ ไม่อย่างนั้นจะมาเป็น 'นักล่าตัวพ่อ' ได้ยังไงล่ะคะ" เธอหยอกย้อนกลับไป ทำให้คีรินทร์ยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจ
การปรากฏตัวของแพรไหมในงานครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้คีรินทร์รู้สึกหวั่นใจเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้เขาตระหนักว่าเขาจะต้องจัดการกับความสัมพันธ์รอบตัวเขาให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อที่จะได้รุกอลิสาได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีสิ่งใดมารบกวน และเขาก็รู้สึกว่าเกมนี้กำลังจะสนุกขึ้นไปอีกขั้น เพราะตอนนี้อลิสาได้เห็นแล้วว่าชีวิตของเขาไม่ได้มีแค่เรื่องง่ายๆ และเขาก็ไม่ได้เป็นแค่เพลย์บอยที่สนใจใครไปวันๆ
คีรินทร์จ้องมองอลิสาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความท้าทาย "แล้วคุณอลิสาคิดว่าผมเป็นนักล่าที่ 'ของจริง' พอไหมครับ"
อลิสายิ้มมุมปาก "ต้องลองดูกันต่อไปค่ะคุณคีรินทร์ เพราะลิซก็เป็นเหยื่อที่ 'รับมือยาก' เหมือนกันนะคะ"
บทสนทนาของพวกเขายังคงเต็มไปด้วยความยียวนและท้าทาย คีรินทร์มั่นใจว่าเขาจะต้องพิชิตอลิสาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเจอคู่แข่งหรืออุปสรรคมากแค่ไหนก็ตาม เพราะตอนนี้เขาไม่ได้ต้องการแค่เงินเดิมพัน 10 ล้านบาท แต่เขาต้องการชัยชนะเหนือผู้หญิงที่แสนจะ "รับมือยาก" คนนี้อย่างแท้จริง
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่