หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาต่างๆ และเห็นความสุขของอลิสาและคีรินทร์อย่างใกล้ชิด มิ้นท์และปกรณ์ก็เริ่มตระหนักว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะก้าวไปอีกขั้นในความสัมพันธ์ ทั้งคู่ได้พูดคุยกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับอนาคต และตกลงที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างจริงจัง อาจจะเป็นการตัดสินใจซื้อบ้าน หรือการขอแต่งงานแบบเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความหมาย
หลายเดือนผ่านไป ความสัมพันธ์ของมิ้นท์และปกรณ์ก็เติบโตขึ้นอย่างงดงาม พวกเขาได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจความแตกต่างของกันและกัน และหาจุดกึ่งกลางที่ลงตัว การเห็นความสุขของอลิสาและคีรินทร์ที่มั่นคงและสมบูรณ์แบบ ก็เป็นเหมือนแรงบันดาลใจให้พวกเขาทบทวนความสัมพันธ์ของตนเอง
เย็นวันศุกร์หลังเลิกงาน ปกรณ์ชวนมิ้นท์ไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ แห่งหนึ่ง เป็นร้านที่พวกเขาชอบมาเป็นประจำ เพราะเงียบสงบและเป็นส่วนตัว
ขณะที่นั่งรออาหาร ปกรณ์จับมือมิ้นท์ไว้แน่นบนโต๊ะ ดวงตาของเขาทอดมองไปยังเธอด้วยแววตาที่จริงจังกว่าทุกครั้ง
“มิ้นท์ครับ พี่มีเรื่องอยากคุยกับมิ้นท์อย่างจริงจัง” ปกรณ์เปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
มิ้นท์รับรู้ได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่แตกต่างไปจากปกติ เธอพยักหน้าเล็กน้อย “ว่ามาเลยค่ะพี่ปกรณ์”
“พี่เห็นคีรินทร์กับลิซแล้ว พี่รู้สึกว่าชีวิตของพวกเขาสมบูรณ์แบบมาก” ปกรณ์เริ่มพูด “มันทำให้พี่คิดถึงอนาคตของเราสองคน”
มิ้นท์ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่เงียบฟังอย่างตั้งใจ
“เราคบกันมานานแล้วนะมิ้นท์ พี่รักมิ้นท์มาก และพี่ก็มั่นใจว่ามิ้นท์คือคนที่พี่อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วย” ปกรณ์พูดช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น
มิ้นท์หัวใจเต้นระรัว เธอรู้สึกตื่นเต้นและอบอุ่นไปพร้อมๆ กัน
“พี่อยากให้เราก้าวไปอีกขั้นในความสัมพันธ์ของเรา” ปกรณ์พูดต่อ “พี่อยากให้เราสร้างครอบครัวด้วยกัน”
มิ้นท์น้ำตาคลอเบ้า เธอโผเข้ากอดปกรณ์แน่น ซบหน้าลงกับอกของเขาด้วยความรู้สึกมั่นคงและอบอุ่น
“มิ้นท์ก็คิดเหมือนกันค่ะพี่ปกรณ์” มิ้นท์ตอบกลับเสียงสั่นเครือ “มิ้นท์รอวันนี้มานานแล้วค่ะ”
ปกรณ์กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขาลูบไล้เส้นผมของมิ้นท์อย่างอ่อนโยน
“งั้นเรามาเริ่มมองหาบ้านด้วยกันนะ” ปกรณ์กระซิบข้างหูเธอ “บ้านที่เราจะสร้างครอบครัวของเรา”
มิ้นท์เงยหน้าขึ้นมองปกรณ์ ดวงตาของเธอฉายแววแห่งความสุขและความรัก “ค่ะพี่ปกรณ์”
ทั้งคู่มองตากันด้วยความรักและความเข้าใจลึกซึ้ง พวกเขารู้ว่าถึงเวลาแล้วที่จะสร้างครอบครัวด้วยกันอย่างจริงจัง
หลังจากที่มิ้นท์และปกรณ์ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะบอกข่าวดีกับอลิสาและคีรินทร์เพื่อนสนิททั้งสอง
วันรุ่งขึ้น พวกเขานัดเจอกันที่บ้านของอลิสาและคีรินทร์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและอบอุ่น
“พี่คี ลิซ มิ้นท์มีข่าวดีจะบอกค่ะ” มิ้นท์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อทุกคนนั่งพร้อมกันที่ห้องนั่งเล่น
อลิสาและคีรินทร์มองหน้ากันด้วยความสงสัย
“อะไรเหรอมิ้นท์ ดูตื่นเต้นเชียว” อลิสาถามด้วยรอยยิ้ม
ปกรณ์จับมือมิ้นท์ไว้แน่น ก่อนจะพูดขึ้น “พี่กับมิ้นท์ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างจริงจังครับ”
“หมายความว่าจะแต่งงานกันเหรอ!” อลิสาอุทานด้วยความดีใจ
“หรือว่าจะซื้อบ้านด้วยกัน!” คีรินทร์ถามต่อด้วยรอยยิ้มกว้าง
มิ้นท์และปกรณ์พยักหน้าพร้อมกัน
“ทั้งสองอย่างเลยค่ะ” มิ้นท์ตอบกลับ “เราจะเริ่มมองหาบ้านด้วยกันค่ะ และเราก็จะแต่งงานกันด้วย”
อลิสากรีดร้องด้วยความดีใจ เธอโผเข้ากอดมิ้นท์แน่น “ดีใจด้วยนะมิ้นท์ ลิซดีใจกับมิ้นท์ที่สุดเลย!”
คีรินทร์เดินเข้ามาตบไหล่ปกรณ์เบาๆ “ยินดีด้วยนะปกรณ์ แกตัดสินใจถูกแล้วแก มิ้นท์เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด”
“ขอบใจมากนะคีรินทร์ ฉันก็รู้สึกแบบนั้นแหละ” ปกรณ์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข
การสนับสนุนจากอลิสาและคีรินทร์ทำให้มิ้นท์และปกรณ์รู้สึกมั่นใจในเส้นทางที่พวกเขาเลือกเดินมากยิ่งขึ้น พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักและความผูกพันที่เพื่อนสนิททั้งสองมีให้
การตัดสินใจที่จะก้าวไปอีกขั้นในความสัมพันธ์ของมิ้นท์และปกรณ์ไม่ใช่แค่คำพูด แต่คือการลงมือทำอย่างจริงจัง พวกเขาเริ่มจากการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อบ้าน การจัดการเรื่องการเงิน และการวางแผนงานแต่งงาน
ในช่วงแรกของการเตรียมตัว ก็มีบางครั้งที่พวกเขามีความเห็นไม่ตรงกันบ้างเล็กน้อย เช่น เรื่องสไตล์การตกแต่งบ้าน หรือรายละเอียดของงานแต่งงาน แต่ด้วยบทเรียนที่ผ่านมา พวกเขาทั้งคู่ต่างเรียนรู้ที่จะรับฟังซึ่งกันและกัน และหาจุดกึ่งกลางที่เหมาะสม
วันหนึ่ง ขณะที่พวกเขากำลังดูแบบบ้านในนิตยสาร มิ้นท์ชี้ไปที่รูปบ้านสไตล์โมเดิร์นหลังหนึ่ง
“มิ้นท์ชอบแบบนี้ค่ะพี่ปกรณ์ ดูทันสมัยดี” มิ้นท์พูด
ปกรณ์มองตามรูป แล้วยิ้มเล็กน้อย “พี่เข้าใจว่ามิ้นท์ชอบสไตล์นี้นะ แต่พี่ว่ามันดูแข็งไปหน่อย พี่ชอบแบบที่ดูอบอุ่นกว่านี้”
มิ้นท์ทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย “แต่แบบอบอุ่นมันก็ดูไม่ทันสมัยเท่าไหร่”
ปกรณ์วางนิตยสารลง เขากุมมือมิ้นท์ไว้แน่น “มิ้นท์ครับ การที่เราจะสร้างบ้าน มันไม่ใช่แค่เรื่องสไตล์นะ มันคือการที่เราจะสร้างบ้านที่อยู่แล้วมีความสุขด้วยกัน พี่เชื่อว่าเราสามารถหาจุดที่ลงตัวได้”
มิ้นท์พยักหน้า เธอเข้าใจสิ่งที่ปกรณ์ต้องการจะสื่อ
“งั้นเราลองไปดูโครงการบ้านจริงๆ กันไหมคะพี่ปกรณ์ บางทีเห็นของจริงอาจจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น” มิ้นท์เสนอ
“ความคิดที่ดีครับมิ้นท์” ปกรณ์ยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น
การเดินทางไปดูบ้านในโครงการต่างๆ กลายเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนานและน่าจดจำสำหรับพวกเขา แม้จะมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่พวกเขาก็ใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้และเข้าใจกันมากขึ้น ทำให้ทุกครั้งที่ก้าวผ่านความท้าทายเล็กๆ น้อยๆ ไปได้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
หลังจากที่ตกลงเรื่องบ้านที่ถูกใจได้แล้ว สิ่งสำคัญต่อไปก็คืองานแต่งงาน มิ้นท์ไม่ได้ต้องการงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่หรูหรา เธอแค่อยากให้เป็นงานที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความหมาย โดยมีคนที่รักและผูกพันมาร่วมเป็นพยาน
วันหนึ่ง ในขณะที่พวกเขากำลังทำอาหารเย็นด้วยกันที่คอนโด ปกรณ์ที่ยืนอยู่ข้างหลังมิ้นท์ที่กำลังหั่นผักอยู่ ก็กอดเธอจากด้านหลัง
“มิ้นท์ครับ” ปกรณ์กระซิบข้างหูเธอ เสียงทุ้มต่ำของเขาทำให้มิ้นท์รู้สึกขนลุกซู่
“คะพี่ปกรณ์”
ปกรณ์ไม่ได้ตอบอะไรทันที เขายื่นกล่องกำมะหยี่เล็กๆ สีน้ำเงินเข้มออกมาตรงหน้ามิ้นท์
มิ้นท์หันกลับไปมองด้วยความตกใจและประหลาดใจ ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อเห็นแหวนเพชรเม็ดเล็กๆ ที่เรียบง่ายแต่สวยงามอยู่ภายในกล่อง
“มิ้นท์ครับ พี่รักมิ้นท์นะ แต่งงานกับพี่นะครับ” ปกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและมั่นคง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักที่เอ่อล้น
มิ้นท์น้ำตาไหลรินด้วยความตื้นตัน เธอพยักหน้ารัวๆ โดยไม่พูดอะไร
“มิ้นท์ตกลงใช่ไหมครับ” ปกรณ์ถามย้ำด้วยความดีใจ
“ตกลงค่ะพี่ปกรณ์ ตกลงค่ะ!” มิ้นท์พูดเสียงสั่นเครือ เธอกระโจนเข้ากอดปกรณ์แน่น
ปกรณ์กอดตอบเธออย่างอบอุ่น เขาสวมแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้ายของมิ้นท์อย่างบรรจง
“พี่รักมิ้นท์นะ” ปกรณ์กระซิบอีกครั้ง
“มิ้นท์ก็รักพี่ปกรณ์ค่ะ”
การขอแต่งงานที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความหมายในครัวของพวกเขา เป็นช่วงเวลาที่ทั้งคู่จะไม่มีวันลืม ความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ความอลังการ แต่เป็นความรู้สึกที่ส่งผ่านกันได้อย่างลึกซึ้ง
หลังจากนั้นไม่นาน มิ้นท์และปกรณ์ก็เข้าพิธีแต่งงานอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น โดยมีอลิสาและคีรินทร์ รวมถึงครอบครัวและเพื่อนสนิทมาร่วมเป็นพยานในวันสำคัญของพวกเขา
ภาพของมิ้นท์ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ที่ยืนเคียงข้างปกรณ์ในชุดสูทเจ้าบ่าวที่สง่างาม เป็นภาพที่สวยงามและน่าจดจำ
ชีวิตคู่ของมิ้นท์และปกรณ์เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ พวกเขาย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่ช่วยกันตกแต่งทุกซอกทุกมุมให้เป็นไปตามความฝัน
วันหนึ่ง ขณะที่พวกเขากำลังนั่งเล่นอยู่ในสวนหน้าบ้าน ปกรณ์โอบไหล่มิ้นท์ไว้แน่น
“มิ้นท์ครับ พี่มีความสุขจริงๆ นะที่ได้อยู่กับมิ้นท์แบบนี้” ปกรณ์พูดด้วยรอยยิ้ม
มิ้นท์ซบหน้าลงกับอกของปกรณ์ “มิ้นท์ก็เหมือนกันค่ะพี่ปกรณ์ มิ้นท์ดีใจที่เราตัดสินใจที่จะสร้างทุกอย่างด้วยกัน”
พวกเขาเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามกว้างใหญ่เบื้องบน ดวงอาทิตย์กำลังสาดแสงอ่อนๆ ทำให้บรรยากาศอบอุ่นและโรแมนติก
อดีตที่เคยเป็นบทเรียนได้สอนให้พวกเขารู้ว่าความสุขที่แท้จริงคืออะไร การได้ก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ มาด้วยกัน ทำให้ความรักของพวกเขาแข็งแกร่งและมั่นคงยิ่งขึ้น
มิ้นท์และปกรณ์ต่างรู้ดีว่าชีวิตคู่ข้างหน้าอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป แต่อย่างน้อยพวกเขาก็มีกันและกัน มีความรัก ความเข้าใจ และมิตรภาพจากเพื่อนสนิทอย่างอลิสาและคีรินทร์ ที่คอยเป็นกำลังใจและสนับสนุนเสมอ
การตัดสินใจที่จะก้าวไปอีกขั้นในความสัมพันธ์ครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของบทใหม่ในชีวิตของมิ้นท์และปกรณ์ บทใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุข ความท้าทาย และการเติบโตที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่