Home / วัยรุ่น / เด็กของรามิล / บทที่ 6 กลับสู่ปัจจุบัน

Share

บทที่ 6 กลับสู่ปัจจุบัน

last update Last Updated: 2025-08-05 08:21:18

             กลับมาสู่ปัจจุบัน ฉันนั่งบนฝาชักโครกที่ดึงลงมาปิดแล้วเอนศีรษะพิงกับผนังห้องน้ำด้วยความเหนื่อยหน่ายหลังจากที่นั่งคิดถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมาประมาณสองถึงสามปีแล้ว ไม่สิกำลังจะเข้าปีที่สามต่างหาก

             พอฉันนั่งปลอบใจตัวเองจนรู้สึกดีขึ้นแล้ว เลยลุกขึ้นมาแล้วเดินไปเปิดประตูห้องน้ำก่อนจะต้องชะงักเมื่อเห็นว่ามีสาวสวยกำลังยืนส่องกระจกแต่งแต้มสีที่ริมฝีปากให้ดูดี

             นั่นมันผู้หญิงที่อยู่ในห้องพี่มิลนี่นา

             “อ้าว น้องนักศึกษาคนนั้นนี่ ยังอยู่ในชั้นนี้อยู่อีกเหรอจ๊ะ” ฉันส่งยิ้มเจื่อนก่อนจะเดินไปที่อ่างล้างหน้าเพื่อล้างมือของตัวเองแล้วดูเชิงหญิงสาวไปด้วย

             “พี่นี่สวยจังเลยนะคะ แต่ไม่เคยเห็นในบริษัทเลย” หญิงสาวหัวเราะอย่างชอบใจ

             “พี่ชื่อรติมาจ้ะ หรือจะเรียกว่ารตีก็ได้นะ พี่ไม่ใช่พนักงานบริษัทในนี้หรอกจ้ะเลยไม่ค่อยได้มาบ่อย ๆ” เธอแนะนำตัวเองด้วยความภูมิใจก่อนจะหันไปมองซ้ายมองขวาพอเห็นว่าปลอดผู้คนแล้ว เธอก็ค่อย ๆ โน้มหน้าเข้ามาหา

             “มีอะไรหรือเปล่าคะ”

             “ที่จริงพี่น่ะเป็นลูกสาวของประธานบริษัทที่เป็นคู่ค้ากับบริษัทที่นี่น่ะ พ่อของพี่กับพี่มิลเลยสนิทกัน พวกเราเลยสนิทกันไปด้วยนะจ๊ะ” พี่รตียิ้มกว้างก่อนจะหันไปมองกระจกแล้วจัดหน้าผมให้เรียบร้อย

             “แค่เพื่อนสนิทเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว ที่เห็นเมื่อกี้เหมือนจะไม่ใช่แค่เพื่อนเลย

             “ว้ายตายแล้ว นี่น้องดูออกเหรอคะเนี่ย” เธอยกมือขึ้นมาปิดปากราวกับความลับสำคัญถูกเปิดโปง “พี่มิลเขาเป็นคนขี้อายน่ะจ้ะ เลยไม่ชอบเปิดตัว ที่จริงพี่กับพี่มิลเราคบกันอยู่น่ะ”

             ฉันถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ คำพูดจุกอยู่ในคอจนพูดอะไรไม่ออกได้แต่เผยรอยยิ้มจางกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ถึงความผิดปกติ

              “เหรอคะ ดีจังเลย” ฉันตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ ก่อนจะทำท่ายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอย่างลวก ๆ ถึงแม้เวลาตอนนี้จะเป็นตอนพักเที่ยงก็ตาม “ตายแล้ว หนูต้องเข้างานแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ”

              “พี่ก็ว่าจะไปแล้วเหมือนกัน ว่าแต่น้องชื่ออะไรเหรอจ๊ะ” เธอเอ่ยถามพลางเดินตามหลังฉันมาเพื่อจะออกมาจากห้องน้ำ

              “ชื่อ...”

              “มน” ฉันหันขวับมามองเจ้าของน้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกชื่อฉัน ทันทีที่ขาของฉันก้าวพ้นผ่านห้องน้ำออกมาก็ต้องพบกับพี่มิลที่ยืนเอนหลังพิงกับผนังห้องแล้วทอดสายตามามองทางฉันก่อนจะเคลื่อนสายตาไปมองทางหญิงสาวที่อยู่ถัดไปจากฉัน

              “อ้าวพี่มิลมายืนรอรตีเหรอคะ แหม รตีก็บอกแล้วว่าไม่ต้องไปส่งอะ รตีกลับเองได้” พี่มิลลุกขึ้นมายืนตัวตรงก่อนจะเดินเข้ามาหาพวกฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่เหมือนกับพี่มิลแต่ก่อนเลยแฮะ เวอร์ชันนี้มันเหมือนบอสที่ชอบกดขี่ลูกน้องยังไงก็ไม่รู้

              “เปล่าหรอก พี่มาคุยกับกชมนเรื่องเอกสารเมื่อกี้น่ะ” หญิงสาวหันมามองหน้าฉันก่อนจะกลับไปยิ้มให้พี่มิล

              “ถ้างั้นรตีไม่กวนแล้ว ตั้งใจทำงานนะคะ” เธอส่งยิ้มให้ทั้งฉันและพี่มิลก่อนจะเดินออกไป ฉันได้แต่ยืนอ้ำอึ้งอยู่ตรงนั้นตามลำพัง

              “พ.. คุณรามิลมีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันกลืนน้ำลายพลางหลบสายตาของชายหนุ่มที่จ้องมองมา

              “ตามผมมาที่ห้องทำงานด้วยครับ”

              “แต่นี่มันเวลาพักเที่ยงนะคะ” ฉันมองตามแผ่นหลังของพี่มิลที่เดินนำไปโดยไม่ได้รีรอ บีบให้ฉันต้องรีบก้าวเท้าวิ่งตามไปในทันที

               พอมาถึงที่ห้องทำงานของพี่มิล ฉันก็เห็นว่าเลขาฯ สาวของพี่มิลกำลังจัดโต๊ะอาหารไว้อย่างเรียบร้อย

               “จัดโต๊ะอาหารอย่างที่คุณรามิลว่าแล้วนะคะ” เธอหันมารายงานก่อนจะเหลือบมามองฉันด้วยสายตางุนงง ไม่ต้องงงหรอกค่ะให้ฉันงงคนเดียวก็พอแล้ว

               “ขอบคุณครับ” เธอค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปจากห้องทิ้งให้ฉันกับพี่มิลอยู่ในห้องกันตามลำพัง

               ทำไม กรี๊ด

               “นั่งก่อนสิ” พี่มิลทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องทำงานก่อนจะผายมือให้ฉันนั่งลงฝั่งตรงข้ามโดยมีอาหารละลานตากั้นเราอยู่

               “มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะค่ะ เวลานี้เป็นเวลาพักของฉันนะคะ” ฉันเอ่ยปากก่อนจะนั่งลงอย่างที่พี่มิลว่า

               “ก็ไม่อะไรหรอก ผมก็แค่อยากถามสารทุกข์สุกดิบของพนักงานแค่นั้นเอง” ใบหน้าหล่อยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอยตัวพิงกับพนักโซฟาอย่างสบายใจ

               “สบายดีค่ะ ไม่ถูกรุ่นพี่รังแกเลย สนิทกัน รักกันมาก ๆ พี่เขาสอนงานดีมากเลยค่ะ แค่นี้พอหรือยังคะ” ฉันยกยิ้มตอบก่อนจะเลิกคิ้วเป็นนัยไปได้หรือยัง

               “ไหน ๆ ผมก็เบียดเบียนเวลาพักของคุณกชมนแล้ว ทานข้าวที่นี่เลยก็ได้นะครับ” พี่มิลยกคิ้วเข้มขึ้นก่อนจะกดสายตาลงมองอาหารหลากหลายตรงหน้า ฉันได้แต่ก้มลงมองตามแล้วก็แอบกลืนน้ำลายแต่ก็ต้องส่ายหน้าระรัวไล่ความคิดนั้นออกไปแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชายหนุ่มที่เมื่อก่อนเป็นรุ่นพี่แต่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นเจ้านาย

               “ฉันว่าคุณรามิลกำลังใช้อำนาจในทางไม่ชอบนะคะ” ฉันเหยียดยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืน “ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ก็ไม่ควรคุยกันในที่ทำงานสิคะ”

               พี่มิลเงียบไปเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างก่อนจะมองตามฉันที่ลุกขึ้นยืนทำท่าเหมือนจะเดินออกไป “แสดงว่าถ้าผมอยากทานข้าวกับคุณกชมน ต้องไปทานข้างนอกใช่ไหมครับ”

               “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ” ฉันกำลังจะเดินออกไปจากห้องแต่ก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงเคาะห้องก่อนจะตามมาด้วยเสียงหวานของใครบางคน

               “รดาขอเข้าไปนะคะพี่มิล”

               “เชิญ” ฉันรีบหันกลับมามองชายหนุ่มที่นั่งอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก่อนที่หญิงสาวเจ้าของเสียงหวานจะเดินเข้ามา เธอเดินเข้ามาพร้อมกับข้าวกล่องในมือ ใบหน้าหวานจิ้มลิ้มน่ารักเงยหน้าขึ้นมาจากกล่องอาหารก่อนจะแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นฉัน

                “รดาขอโทษค่ะ ไม่คิดว่าพี่มิลมีแขก” เธอกล่าวอย่างสุภาพ ในตอนนี้ฉันรู้สึกสับสนไปหมด

                ฉันก็พอจะจำได้นะว่าแต่ก่อนพี่มิลเจ้าชู้ขนาดไหน และก็ไม่ได้หวังว่าพี่เขาจะทิ้งลายเดิม

                แต่เธอตรงหน้าฉันลักษณะภายนอกเหมือนยายวิ เพื่อนสาวของฉันไม่มีผิด ไม่อยากให้มาเจอไอ้หนุ่มหน้าหม้อนี้เลย

                “ไม่เป็นไรค่ะฉันกำลังจะไปแล้ว” ฉันว่าก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่มที่นั่งอย่างสบายใจ “สาวเยอะเหมือนเดิมเลยนะคะ คุณรามิล”

                ฉันหันมายิ้มให้หญิงสาวก่อนจะเดินออกไปให้ทั้งสองได้ทานข้าวด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย คิดถูกแล้วที่ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอก่อนจะกดลิฟต์ลงมาที่ชั้นล่างเพื่อนั่งทางข้าวที่ศูนย์อาหารเพียงลำพัง

                เพื่อนสนิทของฉันทั้งสองคนแยกย้ายไปฝึกงานตามที่ของตัวเองเพราะมีบริษัทของครอบครัวรอรับอยู่แล้ว ส่วนฉันมันหัวเดียวกระเทียมลีบ

                พ่อฉันเป็นพนักงานอาวุโสของบริษัทแห่งหนึ่ง ถือว่าเป็นพนักงานเงินเดือนที่ร่ำรวยอยู่ไม่น้อยแต่วัน ๆ ก็มีบรรดาสาว ๆ รุ่นราวคราวเดียวกับฉันเข้ามาติดพันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ฉันเลยไม่คิดจะหวังพึ่งผู้เป็นพ่อเลยสักนิด

                แค่เขาให้เงินกับซื้อคอนโดฯ ให้ฉันอยู่ก็ติดเป็นบุญคุณที่อยากจะทดแทนให้จบ ๆ ไปเต็มที

                ในตอนเลิกงานฉันก็รีบปิดแล็ปท็อปของตัวเองแล้วยกมือไหว้พวกรุ่นพี่ทั่วสารทิศก่อนจะเดินลงมาจากตึกเพื่อที่จะเดินทางกลับบ้านไปพักผ่อน

                ฉันเดินลงมาจนถึงหน้าบริษัทเพื่อที่จะไปขึ้นรถโดยสารประจำทางอย่างที่ทำเป็นปกติ

                “มน” เสียงเรียกจากด้านหลังทำเอาฝีเท้าฉันหยุดชะงักก่อนจะหันไปมอง

                “คุณรามิล” ฉันเอ่ยเรียกชื่อของอีกคน ร่างสูงสวมชุดสูทก่อนจะเดินตามฉันมา

               “เย็นนี้ว่างหรือเปล่า” พี่มิลเข้ามาถามฉันอย่างตรงไปตรงมา “ไปทานข้าวด้วยกันนะ”

               นี่พี่เขาอยากกินข้าวกับฉันขนาดนั้นเลยหรือไง ที่กินไปตอนเที่ยงมันยังไม่อิ่มอกอิ่มใจพอแล้วหรือยังไงหรือมันย่อยไปหมดแล้วน่ะฮะ

               “พี่มน” เสียงสวรรค์ดังขึ้นจากอีกฝั่ง เวลานี้ฉันรู้สึกรักน้องชายของฉันขึ้นมาทันที มามะ มาให้พี่หอมแก้มซะดี ๆ

               “อ้าวมิกซ์ โตเป็นหนุ่มแล้วนี่” มิกซ์ในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาพลางขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นพี่มิลไม่รู้ว่าแปลกใจหรือจำพี่มิลไม่ได้กันแน่ ฉันรีบเดินเข้าไปควงแขนน้องชาย

               “ไม่ว่างแล้วค่ะคุณรามิล พอดีว่าต้องไปทานข้าวกับครอบครัวค่ะ เนอะมิกซ์” น้องชายฉันยังคงแสดงสีหน้างุนงง

               “คุณรามิล อ๋อ พี่มิล” มิกซ์ช้อนสายตากลับมามองชายร่างสูง “ใช่ครับพอดีพี่มนมีนัดแล้ว”

               “งั้นไม่เป็นไร วันหลังก็ได้” พี่มิลพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย ฉันยกยิ้ม

               “สวัสดีค่ะคุณรามิล” ฉันรีบยกมือไหว้ก่อนที่น้องชายจะหันมามองฉันด้วยความสงสัย

               “พี่มนเรียกพี่มิลว่าคุณทำไมอะ” น้องชายช่างสงสัยของฉันเอ่ยถาม ฉันรีบกดหัวน้องชายให้ก้มหัวลง

               “ไปก่อนนะคะคุณรามิล” ฉันลากน้องชายตัวดีออกไปทันทีก่อนจะขึ้นไปบนรถโดยสารประจำทาง หรือจะเรียกว่ารถเมล์นั่นแหละ พอขึ้นไปนั่งได้ฉันก็เอนศีรษะพิงกับขอบหน้าต่างแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

               “ทำไมพี่ต้องลนลานขนาดนั้นด้วย” มิกซ์ย่นหัวคิ้วมาชนกันก่อนจะมองหน้าฉันแล้วตั้งคำถาม

               “พี่แค่ไม่อยากเจอหน้าเขา จำไม่ได้เหรอที่พี่เคยบอกว่าชาตินี้ไม่อยากเจอหน้าพี่เขาอีก แต่ดันมาเป็นเจ้านายซะได้” ฉันจิ๊ปากด้วยความไม่พอใจ

               “แล้วทำไมเขาต้องมาตามพี่อะ หรือว่าเขามาตามจีบพี่” คำถามของน้องชายทำเอาฉันเด้งตัวขึ้นมาแล้วเคลื่อนสายตากลับมามองชายหนุ่ม

               “จีบเจิบอะไรเล่า วันเดียวมีสาวเดินผลัดกันเข้าห้องทำงานขนาดนั้นอะ เขาจะมาอะไรกับพี่” ฉันหันกลับไปมองท้องถนนจากหน้าต่าง

               “แต่พี่อาจจะไม่เหมือนคนอื่นไง”

              ฉันขมวดคิ้วฉงน “ไม่เหมือนยังไง”

              “ก็เรื่องเมื่อสองปีก่อนไง ที่พี่ไม่เหมือนคนอื่น พี่เป็นคนขอยุติความสัมพันธ์กับพี่เขาเอง”

              “คนเจ้าชู้แบบนั้นอะ ต่อให้ผ่านไปกี่ปีก็ยังเหมือนเดิม พี่ไม่อยากเอาใจลงไปเล่นหรอกนะ” น้องชายฉันนั่งกอดอก

              “แต่ก็จริง ผมก็ไม่ยอมให้พี่ไปยุ่งเกี่ยวกับคนแบบนั้นหรอก”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เด็กของรามิล   ตอนพิเศษ 2 ครอบครัว

    หลังจากที่ฉันรู้ตัวว่าตัวเองท้องพี่มิลก็ไม่ปล่อยให้ฉันได้ทำงานหนักอีกเลย แถมยังตามใจสุด ๆ ฉันอยากได้อะไร พี่มิลก็จะซื้อให้โดยที่ไม่ต้องขอเลยสักนิด อยากกินอะไรก็ได้กิน จนตอนนี้ฉันมีน้ำมีนวลขึ้นเป็นกอง ไม่เป็นไรลูกคลอดก็คงจะกลับมาเฟิร์มเอง นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ใกล้ถึงวันกำหนดคลอดเต็มที ฉันกับพี่มิลตื่นเต้นเอามาก ๆ ฉันไปอัลตราซาวนด์มา ลูกแข็งแรงมาก แถมยังเป็นเพศชายสมใจอยากอีกต่างหาก “พี่มิลคะ พี่อยากตั้งชื่อลูกว่าอะไรเหรอ” ฉันเอ่ยถามระหว่างที่พี่เขากำลังนั่งลูบท้องของฉันอยู่อย่างอ่อนโยน “พี่อยากให้ลูกชื่อมิ่งขวัญ” พี่มิลพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ทำไมถึงชื่อมิ่งขวัญเหรอคะ” ฉันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “มิ่งขวัญแปลว่าผู้เป็นที่รัก เพราะลูกเกิดจากความรักของเราสองคน และพี่ก็อยากให้ลูกเป็นที่รักของคนอื่น ๆ” ชายหนุ่มโน้มตัวลงมานอนข้าง ๆ กันก่อนจะสวมกอดฉันเอาไว้ “โตมาจะเป็นพวกมากรักเหมือนพ่อไหมเนี่ย” ฉันหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหลับตาลงในอ้อมกอดของคนรัก “แต่เป็นชื่อที่เพราะมากจริง ๆ นะคะ” ในคืนนั้นฉันรู้สึกไม่สบายตั

  • เด็กของรามิล   ตอนพิเศษ 1 ชีวิตสมรส

    หลังจากที่พวกเราแต่งงานกัน เวลาก็ล่วงมาถึงสองปีแล้ว พวกเรายังคงใช้ชีวิตหวานชื่นอย่างที่คู่รักหลังแต่งงานทั่วไปควรจะเป็น เวลาว่างก็พากันไปเที่ยวเล่น เติมความหวานในชีวิตให้แก่กันและกัน จนพวกเราได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะมีลูก ฉันอยากมีลูกมาก ๆ ไม่ต่างจากพี่มิลหรอก ฉันอยากมีลูกชายมาก ส่วนพี่มิลบอกว่าจะลูกสาวหรือลูกชายอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น พวกเราเริ่มปรึกษาหมอเรื่องการมีลูก ซื้อหนังสือมาอ่าน เข้าคอร์ส อบรมมากมายเพื่อเตรียมพร้อม และแน่นอนว่าพี่มิลค่อนข้างจะตื่นเต้นจนฉันรู้ตัวอีกทีพี่เขาก็ซื้อบ้านใหม่เพื่อเตรียมห้องให้เจ้าตัวเล็กถึงสองคน ฉันว่าฉันตื่นเต้นมากแล้วนะ แต่พี่มิลตื่นเต้นมากกว่าฉันซะอีก “พ่อกับแม่อยากมีหลานชายหรือหลานสาวคะ” ฉันเอ่ยถามทั้งแม่และลุงภูมิที่กำลังนั่งนับเงินหลังจากที่ร้านปิด ตอนนี้ฉันเรียกลุงภูมิว่าพ่อได้อย่างสนิทใจแล้ว เพราะลุงภูมินั้นรับฉันเป็นลูกบุญธรรมแบบถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนนามสกุลฉันก็เปลี่ยนมาใช้ของพี่มิลหลังจากที่แต่งงานกัน ไม่ต้องพูดถึงพ่อแท้ ๆ ตั้งแต่ที่ฉันมาอยู่กับแม่ก็ขาด

  • เด็กของรามิล   บทที่ 25 The End

    หลังจากการฝึกงานอันแสนหนักหนาสิ้นสุดลง ฉันก็หมกตัวอยู่กับการทำโพรเจกต์จบจนตัวเองไม่ได้หลับไม่ได้นอน รวมทั้งไม่ได้เจอพี่มิลด้วย พี่มิลน่ารักกับฉันอยู่เสมอ คอยเอาใจใส่แม้ในวันที่ฉันจะยุ่งปางตายก็ตามจนในที่สุดฉันก็เรียนจบได้โดยสวัสดิภาพ ตอนนี้เลยมานอนแนบตักของพี่มิลเพื่อให้คลายเหนื่อยซะหน่อย “เรียนจบแล้ว แต่งงานกันเลยดีไหมคะ” พี่มิลเอ่ยถามพลางลูบหัวของฉันไปพลาง “พี่มิลไม่อยากใช้ชีวิตดูก่อนเหรอคะ พวกเราไปเที่ยวกันเยอะ ๆ พอมีลูกคงจะเหนื่อยน่าดู แล้วก็พวกเราจะได้เตรียมพร้อมเพื่อเป็นพ่อเป็นแม่ที่ดีไงคะ” ฉันพูดทั้งที่ยังหลับตาพริ้มอยู่บนตักของคนพี่ “พี่ก็ว่างั้นแหละ ทำไงได้มีเมียเด็กก็ต้องตามใจ” ฉันฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง “ว่านอนสอนง่ายมากค่ะพี่มิล” เพื่อเป็นรางวัลฉันเลยโน้มใบหน้าเข้าไปหอมแก้มขาวของคนพี่ฟอดหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อจะลุกไปหาอะไรมากิน “วันงานปริญญาของเธอ พี่อาจจะไปไม่ได้นะ” มือที่กำลังจะเอื้อมไปเปิดตู้เย็นถึงกับชะงักทันที วันสำคัญทั้งที่แต่กลับไม่ว่างงั้นเหรอ อยากจะงอนน

  • เด็กของรามิล   บทที่ 24 เลี้ยงส่ง

    “ในที่สุดพวกเราก็ได้มาเลี้ยงส่งให้พวกน้อง ๆ ฝึกงานสักที อ้าว ชน” พวกเราทั้งสี่คนชนแก้วกันบนโต๊ะในร้านของรุ่นพี่ในคณะที่กลุ่มของพี่มิลรู้จักมักคุ้นเลยมักจะพามาสังสรรค์บ่อย ๆ “อันที่จริงก็ไม่อยากให้น้องมนไปเลย พอไปแล้วคงจะเหงาแย่” รุ่นพี่คนหนึ่งทำหน้ามู่ทู่ราวระคนกับเศร้าสร้อย “อย่าเศร้าสิคะ หนูจะมาเยี่ยมบ่อย ๆ นะ” ฉันว่าด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มก่อนจะยกเครื่องดื่มขึ้นดื่ม แน่นอนว่าฉันก็ยังดื่มน้ำหวานอยู่ดี คราวนี้พี่มิลคุมเองทุกแก้วไม่มีสารปนเปื้อนแน่นอน “เออน้องมน ตอนที่เราไปทะเลกันพี่ไม่ค่อยเห็นน้องมนเลย หายไปไหนมาเหรอคะ” แก้วเครื่องดื่มในมือฉันเริ่มสั่นคลอนเพราะใจสั่นที่กระตุกวูบ ฉันเงยหน้าขึ้นมาพลางฝืนยิ้มให้ปกติที่สุด “คือว่า... อ๋อ ๆ มนมีเพื่อนอยู่แถวนั้นพอดีเลยไปหาเพื่อนน่ะค่ะ” ฉันพูดแถไปอย่างนั้นทั้งที่ฉันก็เอาแต่กกตัวอยู่กับพี่มิลในห้องพักนั่นแหละ “ไม่เนียนนะคะลูกสาว” กลายเป็นว่าพวกรุ่นพี่ดันจับพิรุธได้พลางส่งสายตาจับผิดมาทางฉันกันยกใหญ่ “แอบคบกับคนในบริษัทก็บอกค่ะ พวกพี่จะไม่บอกใครสัญญา” ฉันกลืนน้ำลายเอื้อกให

  • เด็กของรามิล   บทที่ 23 แกะของขวัญ NC

    หลังจากที่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อย พี่รดากับพ่อก็ขอตัวเพื่อจะกลับบ้าน ส่วนฉันกับพี่มิลก็กลับมาที่คอนโดฯ ของพี่มิลเหตุผลเพราะพี่มิลรอของขวัญวันเกิดจากฉันอยู่ ระหว่างทางกลับบ้านฉันรู้สึกเสียวสันหลังวาบชอบกลยามที่สายตาของคนพี่จ้องมองมา อย่างคาดหวังเยอะได้ไหมใจคอมันไม่ดี พอมาถึงห้องฉันก็บอกให้พี่มิลรอฉันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นก่อนแล้วขอจัดแจงอะไรสักพัก ฉันรีบมุ่งตรงมาที่ห้องน้ำก่อนที่จะเปิดน้ำในอ่างแช่น้ำอันใหญ่ในห้องน้ำของพี่มิล หลังจากนั้นก็โรยกลีบกุหลายแล้วจุดเทียนเพิ่มบรรยากาศเสียหน่อย “พี่มิลคะพร้อมแล้วค่ะ” ฉันออกมายืนรอหน้าห้องน้ำด้วยชุดคลุมอาบน้ำยิ่งทำให้ชายหนุ่มดวงตาวาววับยิ่งขึ้นไปอีก “จะเล่นอะไรคะเนี่ย” พี่มิลย่างเท้าเดินเข้ามาใกล้ด้วยดวงตาเจ้าเล่ห์รอยยิ้มบ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังชอบใจ “บอกไปก็ไม่เซอร์ไพรส์สิคะ” ฉันว่าก่อนจะดันให้ร่างสูงเข้าไปในห้องน้ำที่ปิดไฟมือสนิทมีเพียงแสงสว่างรำไรจากแท่งเทียนหอมที่ถูกวางไว้แต่ละจุดในห้องน้ำเพื่อสร้างบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก เสียงประตูถูกปิดลงก่อนที่ฉันจะเดินเข้าไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิ

  • เด็กของรามิล   บทที่ 22 ของขวัญวันเกิด

    วันนี้เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งที่ฉันมาทำงานอย่างเช่นปกติ เพียงอีกแค่สามวันเท่านั้นที่ฉันจะฝึกงานจบเสียที มิกซ์กลัวว่าฉันจะโดนคุณวิรชาตามราวีอีก เจ้าตัวแสบเลยจะมารับในตอนเย็น ฉันเลยเดินลงมาเพื่อที่จะมองหาน้องชายของตัวเองจะได้กลับบ้านพร้อมกัน “มน” ฉันหันหน้าไปมองตามเสียงเรียกก่อนจะเผยรอยยิ้มเมื่อเห็นพี่รดาเดินเข้ามาหา “พี่รดา หายเจ็บแล้วเหรอคะ” ฉันเดินเข้าไปหารุ่นพี่สาวที่กำลังจะเดินสวนทางฉันขึ้นไปยังบริษัท “อื้อ หายแล้ว อันที่จริงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย พี่มิลอะเวอร์” หญิงสาวหัวเราะร่วน “พี่รดาหายเจ็บแล้วหนูก็สบายใจ มิกซ์เป็นห่วงพี่มากนะคะ” พี่รดานิ่งเงียบไปก่อนจะเผยยิ้มขึ้นมาถึงแม้ว่ามันจะดูฝืนไปสักหน่อย “พี่ต้องขอโทษแทนแม่พี่อีกครั้งนะ” หญิงสาวเอื้อมมือมากุมมือของฉันเอาไว้พลางเอ่ยคำขอโทษออกมาด้วยใจจริง “หนูยอมหายโกรธเพราะพี่นะคะ” พี่รดายกยิ้มอย่างโล่งใจ “พรุ่งนี้วันเกิดพี่มิล คุณพ่อพี่อยากเจอเธอนะ” ฉันถึงกับรีบหันขวับไปสบตากับพี่รดาด้วยความตกตะลึง “อะไรนะคะ พ่อพี่มิลอย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status