นลินเหลือบมองร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรที่มายืนซ้อนด้านหลัง เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงตั้งใจแน่ๆ ชายหนุ่มจึงรีบเช็ดมือกับผ้าขนหนู แล้วหมุนกายมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย
“พี่พยัคฆ์มีธุระอะไรจะพูดกับนลินรึเปล่าครับ”
“พี่ไม่ใช่เซ็กซ์ทอยของนลินนะครับ คิดจะใช้พี่แก้อาการฮีทแล้วก็ทิ้งกันแบบนั้น นลินไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ”
“เซ็กซ์ทอยอะไร นลินไม่เคยรู้จักพี่พยัคฆ์มาก่อน” นลินตอบหน้าตายพลางกอดอก
“หือ? จะบอกว่าคนที่ลากพี่เข้าห้องแล้วขึ้นขย่มคนนั้นไม่ใช่นลินเหรอ”
“พี่พยัคฆ์จำสลับกับใครรึเปล่าครับ นลินเพิ่งเจอพี่พยัคฆ์นี่ล่ะครับ”
“ถ้ายืนยันขนาดนี้พี่ก็คงต้องพิสูจน์หน่อยแล้วล่ะ”
นลินเลิกคิ้วพลางเอียงคอสงสัย ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นดอกพีโอนีหรือดอกโบตั๋นจากพยัคฆ์ อยากจะต่อยคนตรงหน้าให้ล้มกองตรงนี้เสียจริงๆ กล้าดีอย่างไรมาปล่อยฟีโรโมนในบ้านที่มีแต่โอเมก้า
แม้นลินจะชอบกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์แค่ไหน และอยากสูดดมมันมากเพียงใด แต่เขาก็จะอดทนไม่แสดงออกว่าได้กลิ่นมัน เขาต้องเป็นเบต้าที่ไม่รับรู้ถึงกลิ่นฟีโรโมนนี่
พยัคฆ์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นคนตรงหน้ายังยืนกอดอกนิ่ง เขาใช้ฟีโรโมนอัลฟ่าข่มขนาดนี้แล้ว แต่นลินกลับไม่แสดงอาการใดๆ ทั้งยังไม่ปลดปล่อยฟีโรโมนโอเมก้าราวกับไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนของเขา ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นเบต้าอย่างไรอย่างนั้น หรือว่า...
“อ๊ะ! พี่พยัคฆ์ทำอะไรเนี่ย”
พยัคฆ์ไม่สนใจที่นลินกำลังโวยวาย เขาหมุนกายนลินแล้วเปิดผมประบ่าออกเพื่อจะดูร่องรอยบนต้นคอ เมื่อไม่เห็นรอยกัดก็แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ถูกอัลฟ่าคนไหนสร้างรอยพันธะ แล้วเหตุใดจึงไม่ได้กลิ่นของเขาเล่า
“ทำอะไรเนี่ย”
“ไม่ใช่โอเมก้าเหรอ”
“ไม่ใช่ เป็นเบต้าต่างหาก” นลินเอ่ยก่อนจะผลักพยัคฆ์ให้อยู่ห่างๆ
“นลินมีพี่น้องหรือเปล่า”
“ไม่ครับ นลินเป็นลูกคนเดียว”
พยัคฆ์ไม่คิดว่าจะมีคนหน้าตาเหมือนกันอย่างแน่นอน นั่นทำให้เขายิ่งสงสัยหนักขึ้น จะมีใครที่หน้าตาเหมือนกันทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดอยู่ด้วยหรือ และถึงจะเป็นพี่น้องกัน หรือแม้แต่ฝาแฝดกัน ก็คงไม่เหมือนกันขนาดนี้ นี่มันเหมือนกันราวกับเป็นคนคนเดียวกัน
นลินเริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจคนที่ยังคงปล่อยฟีโรโมนไม่หยุด ด้วยกลัวว่าตัวเองจะเผลอตัวพุ่งเข้าไปซุกซบสูดกลิ่นดอกโบตั๋นที่เหมือนจะดึงดูดเขา นั่นทำให้เขาผลักอีกฝ่ายให้หลีกทาง เพื่อหนีจากพยัคฆ์ให้เร็วที่สุด
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว นลินขอตัวไปดูน้องพูห์ก่อนนะครับ”
พยัคฆ์รีบคว้าข้อมือขาวไว้ทันที “เดี๋ยวสินลิน พี่ไม่คิดว่าจำคนผิดนะ พี่...”
พยัคฆ์หยุดคำพูดเมื่อเห็นใบหูขาวที่เจ้าตัวเกี่ยวผมทัดกับใบหูไว้ เขาจำได้ว่าโอเมก้ากลิ่นลาเวนเดอร์คนนั้นมีจุดอ่อนที่ใบหู ตอนนั้นเพียงเขาเผลอจับเจ้าตัวก็สะดุ้งและอ่อนไหวทันที ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้นยิ้มร้ายก่อนจะโน้มหน้าลงแล้วพ่นลมเบาๆ
อึก!
นลินสะดุ้งเฮือกพลางยกมือขึ้นปิดหูทันที ก่อนจะเหลือบมองคนด้านหลังตาขวาง แล้วสะบัดข้อมือของตัวเองเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องครัว ทิ้งร่างสูงให้ยืนกอดอกมองตามแผ่นหลังบอบบาง
“ใช่จริงๆ ด้วย”
พยัคฆ์แน่ใจแล้วว่านลินคือคนคนเดียวกับคนที่เขากกกอด เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดนลินจึงไม่รับรู้ถึงฟีโรโมนของเขา บางทีอีกฝ่ายอาจเป็นโรคเกี่ยวกับฮอร์โมนหรือฟีโรโมนก็เป็นไปได้ เพราะพี่เลี้ยงอย่างนลินคงไม่มีเงินมากพอจะฝังยาป้องกันฟีโรโมนที่มีราคาสูง ทั้งยังมีขีดจำกัดการป้องกัน ทั้งยังต้องฉีดยาเพื่อฝังซ้ำทุกสามเดือน ค่าใช้จ่ายสูงขนาดนั้น...โอเมก้าที่มาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กคงไม่มีปัญญาจะจ่ายได้
ทว่าพยัคฆ์ก็ไม่แน่ใจนักว่าจะเป็นอย่างที่คิดไหม เขายังจำเสื้อผ้าที่นลินสวมใส่ตอนอยู่บนเรือได้เป็นอย่างดี เสื้อผ้าเนื้อดีสั่งตัด ทั้งยังสวมใส่เครื่องประดับราคาแพง ผิวพรรณก็ดูแลเป็นอย่างดีราวกับเป็นคุณหนูตระกูลเศรษฐี
ยิ่งคิดพยัคฆ์ก็ยิ่งสงสัยและสนใจในตัวของนลินมากยิ่งขึ้น หากเป็นแค่พี่เลี้ยงจริงๆ จะเอาเงินที่ไหนไปล่องเรือสำราญถึงซีแอตเทิล ไม่ต้องถามถึงค่าเครื่องบินเดินทางกลับมาประเทศไทย หรือความจริงแล้วนลินเป็นเด็กเลี้ยงของเสี่ยคนไหน
“คิดอะไรอยู่น่ะพยัคฆ์”
“นลินเป็นแค่พี่เลี้ยงจริงๆ เหรอพยนต์”
“อยู่ดีๆ ถามอะไรแปลกๆ”
“ก็...” พยัคฆ์พูดได้เท่านั้นก็รีบปิดปาก
เขาไม่อยากให้พยนต์รู้ว่าเขาเคยเจอนลินมาก่อน จนกว่านลินจะยอมรับความจริงว่าคือโอเมก้าเจ้าของกลิ่นลาเวนเดอร์ จนกว่านลินจะยอมรับว่าคือคนที่เขากอดเมื่อเดือนก่อน จนกว่าจะถึงตอนนั้น...เขาจะขอเก็บเรื่องนี้ไว้เสียก่อน
“ก็อะไรล่ะพยัคฆ์”
“เสื้อผ้าที่เขาใส่ไง มันดูเป็นของแบรนด์เนมไม่ใช่เหรอ”
“พยัคฆ์ดูออกด้วยเหรอว่าไหนคือเสื้อผ้าแบรนด์เนมน่ะ”
“พยัคฆ์เป็นซีอีโอห้างฯ สตาร์ไลท์นะพยนต์ ก็ต้องรู้จักพวกเสื้อผ้าแบรนด์เนมอยู่แล้ว”
พยนต์เลิกคิ้วขณะมองตามสายตาของพยัคฆ์ที่ยังไม่ละสายตาจากนลิน สายตาคมปลาบของน้องชายฝาแฝดไม่ได้สนใจเพียงเสื้อผ้า แต่สนใจที่อยู่ใต้เสื้อผ้าต่างหาก พยนต์รู้จักพยัคฆ์มาทั้งชีวิตมีหรือจะเดาใจ เดาความคิดของพยัคฆ์ไม่ออก
“สนใจนลินหรือไง”
“ไม่ใช่แบบนั้น”
“พยัคฆ์รู้ไหมว่าพยัคฆ์โกหกทุกคนได้ แต่โกหกพยนต์ไม่ได้”
พยัคฆ์ละสายตาจากของสวยงามตรงหน้ามายังใบหน้าได้รูปของพี่ชายฝาแฝด เพียงเห็นแววตาล้อเลียนอย่างรู้ทันพยัคฆ์ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ช่วยทำเป็นเออออกับพยัคฆ์ไปก่อนได้ไหมพยนต์ ไว้ถึงเวลาพยัคฆ์จะเล่าเอง”
“นลินยังเด็กนะพยัคฆ์ น้องเขาเพิ่งจะยี่สิบสี่เอง”
“ยี่สิบสี่แล้ว พยัคฆ์ไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์หรอกพยนต์”
“นี่ถึงขั้นจะจับนลินกินเลยเหรอพยัคฆ์”
...กินไปแล้วต่างหาก...
พยัคฆ์ได้แต่ดุนกระพุ้งแก้ม ทั้งที่สายตายังคงโลมเลียต้นขาขาวที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นทรงสปอร์ตสีดำซึ่งเกาะสะโพกของนลินอย่างหมิ่นเหม่จนนึกอยากดึงออก แล้วลูบขาขาวและสะโพกนุ่มนิ่มที่เขาเคยสัมผัสและฝากรอยรักมาแล้ว
“นลินพักอยู่ที่นี่เลยเหรอพยนต์”
“ก็ใช่แหละ ทำไม? พยัคฆ์จะหลอกนลินไปที่เพ้นต์เฮ้าส์เหรอ”
“พยนต์เห็นพยัคฆ์เป็นคนยังไง พยัคฆ์ไม่เคยทำอะไรคนที่ไม่เต็มใจซะหน่อย”
“ก็ใช่ แต่พยัคฆ์ก็มีคนที่อยากขึ้นเตียงด้วยเยอะแยะ ก็ไปสนใจเขาเถอะ นลินเป็นเบต้าไม่สนใจพยัคฆ์หรอก”
“เบต้าเก๊น่ะสิ” พยัคฆ์เอ่ยเสียงเบา
“หือ? พยัคฆ์บ่นอะไรน่ะ”
“เปล่า ช่างเรื่องพี่เลี้ยงของน้องพูห์ก่อน พยนต์ว่างสักแป๊บไหม”
“พยัคฆ์จะปรึกษาเรื่องงานเหรอ” พยนต์เอ่ยถามพลางเก็บจานที่เช็ดแล้วใส่ตู้
“อือ เรื่องไตรมาสหน้าน่ะ”
“ได้สิ พยัคฆ์ไปรอที่ห้องทำงานพี่ตรีนะ เดี๋ยวพยนต์ตามไป ขอไปบอกนลินก่อน”
พยัคฆ์พยักหน้ารับ ทว่ากลับเดินตามพยนต์ที่เดินไปฝากลูกชายกับนลิน ซึ่งท่าทางเข้าขากันเป็นอย่างดีของนลินและภูวนัยทำให้พยัคฆ์จับจ้องอยู่ครู่ใหญ่
แม้พยัคฆ์ไม่เคยมีความคิดสร้างครอบครัวมาก่อน แต่เมื่อเห็นนลินอยู่กับเด็กแบบนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าหากนลินเป็นแม่ของลูกเขา มันคงดูอบอุ่นไม่ใช่น้อย
พยัคฆ์ชะงักเล็กน้อย รีบถอนสายตาจากนลินทันที ได้แต่ตำหนิตัวเองว่าคิดบ้าอะไร คนอย่างพยัคฆ์ที่อายุเพียงยี่สิบแปดปีจะรีบมีครอบครัวไปไหน เขายังใช้ชีวิตหนุ่มโสดไม่คุ้มเสียหน่อย แค่โอเมก้ากลิ่นลาเวนเดอร์เพียงคนเดียว ไม่ได้มีอิทธิพลกับเขามากขนาดนั้นเสียหน่อย
นลินก็แค่...โอเมก้าที่เขายังอยากมีเซ็กซ์ด้วย
ก็แค่...พี่เลี้ยงของน้องพูห์เท่านั้นแหละ!
เสียงเข้มที่กำลังโวยวายอยู่ในห้องทำงานชั้นล่างของคฤหาสน์ศตาวุทธิพงศ์ทำให้คนที่เพิ่งกลับมาถึงต้องชะงัก ไม่ได้ชะงักเพราะเสียงด้านใน แต่ชะงักเพราะเด็กทั้งหกคนที่กำลังยืนออกันหน้าห้อง เป็นเหตุให้ซีอีโอแห่งศตาวุทธิพงศ์กรุ๊ปในวัยเกือบสี่สิบกระแอมเรียกเจ้าเด็กทั้งหก“อะแฮ่ม! มาแอบฟังอะไรตรงนี้” พยัคฆ์แกล้งเอ่ยเสียงเข้ม“คุณพ่อ! กลับมาแล้วเหรอครับ” พลินทร์เอ่ยถามก่อนจะมองหน้าน้องๆ พลางย่นคอด้วยกลัวว่าจะถูกตำหนิ“กลับมาแล้วครับ มามะ! มาหาพ่อนี่มา”เด็กแฝดสามคู่วิ่งเข้าหาบิดาพลางยืนล้อมรอบ ก่อนพยัคฆ์จะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินเสียงของคุณนายแห่งศตาวุทธิพงศ์ยังคงอาละวาดลูกน้องคนสนิทในฐานะซีอีโอแห่งแม็กมารีนาซ ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งรับตำแหน่งนี้ไปเมื่อสี่ปีก่อน“คุณแม่โกรธลุงเบนนี่มากเลยฮะ” พริษฐ์เอ่ยพลางทำสีหน้าแหยงๆ“แม่เรากลับมานานแล้วเหรอ”“คุณแม่ไปรับพวกเราครับ ลุงเบนนี่เพิ่งมาเมื่อกี้ แล้วก็ระเบิดลงตู้มๆ เลยครับ”พยัคฆ์มองดวงตากลมโตของโอเม
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่บ่นว่านอนหลับไม่สนิททำให้ซีอีโอหนุ่มแห่งสตาร์ไลท์คลี่ยิ้ม ค่อยๆ ปิดหนังสือนิทานที่เขาไม่แน่ใจว่าอ่านให้ลูกหรือแม่ฟังกันแน่ ทว่าหากมันทำให้นลินหลับได้นานขึ้นสักนิดก็คงจะดีไม่น้อย เขารู้ว่าช่วงนี้นลินลำบากไม่น้อย หลังจากที่นลินเริ่มสร้างรังเมื่อเกือบเจ็ดเดือนก่อน ตอนนี้เข้าสู่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนกำหนดคลอด นลินก็ยิ่งทั้งกลัว ทั้งกังวล กอปรกับเจ้าก้อนตัวยักษ์ในท้องนลินที่แข็งแรงจนพากันดิ้นถี่ขึ้นทำให้นลินแทบไม่ได้พักผ่อนเลยพยัคฆ์ค่อยๆ ประคองศีรษะของนลินเพื่อให้หนุนหมอนดีๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูเปิดออกเบาๆ ชายหนุ่มส่งยิ้มให้คนที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาช่วยเขาดูแลนลินตั้งแต่นลินท้องเข้าสู่เดือนที่เจ็ด‘หลับแล้วเหรอ’นวมิณทร์เอ่ยถามพยัคฆ์โดยไม่มีเสียง พยัคฆ์พยักหน้ารับก่อนจะใช้หมอนสำหรับคนท้องช่วยประคองให้นลินได้หลับสบายขึ้น จากนั้นจึงค่อยๆ ผุดลุกจากเตียงทั้งสองค่อยๆ ย่องออกจากห้องนอนใหญ่แห่งศตาวุทธิพงศ์ พยัคฆ์ปิดประตูห้องอย่างเบามือ ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจที่นลินหลับได้เสียที“นลินหลับนาน
“ไหวแน่นะครับคุณหนู”“อือ ไปจัดการที่เหลือเถอะไป มีปัญหาอะไรก็โทร. มาละกัน”“อยู่คนเดียวได้แน่นะครับ วันนี้คุณพยัคฆ์ไม่อยู่ใช่ไหมครับ หรือว่าจะไปโรงพยาบาล”“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะพาร์ดี้ ไปได้แล้ว เดี๋ยวก็โดนเบนนี่บ่นอีกหรอก”“แต่ว่าคุณหนูดูไม่ดีเลยนะครับ”เสียงพูดคุยของเจ้านายหนุ่มและลูกน้องทำให้หญิงสูงวัยที่ควบตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้านและพี่เลี้ยงของสองหลานชายแห่งศตาวุทธิพงศ์รีบเดินออกมา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“เกิดอะไรขึ้นคะคุณนลิน ทำไมวันนี้กลับเร็วจังล่ะคะ”“ปวดหัวนิดหน่อยครับ ว่าจะกลับมานอนพักหน่อย ป้าเปลวไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” นลินตอบคำถามพลางยิ้มอ่อน ก่อนจะหันกลับไปสั่งงานลูกน้องคนสนิท “ไปได้แล้วพาร์ดี้ ตรวจสอบทุกอย่างให้ดีด้วย”“ครับคุณหนู” พาร์ดี้รับคำทว่าไม่วายละล้าละลังด้วยความเป็นห่วง“ไปเดี๋ยวนี้เลยพาร์ดี้” นลินออกคำสั่งอีกครั้งพาร์ดี้จึงได้แต่หมุนกายออกวิ่งไปที่รถ
กลิ่นอากาศสดชื่น บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงกิ่งไม้เสียดสี ต้นไม้สูงล้อมรอบบ้านทำให้คนที่ต้องการพักกายพักใจยอมรับว่าที่นี่เหมาะเป็นบ้านพักตากอากาศจริงๆ ทว่า...หัวใจของเขาตอนนี้มันยังไม่สามารถกลับมาสดชื่นได้เลยสักนิดดวงตาเรียวสวย หางตายกขึ้นเล็กน้อยขณะหลับตาเพื่อสูดอากาศเย็นยามเช้าตรู่ ก่อนจะลืมตาขึ้นขณะกอดอก สายตาเหลือบเห็นกำไลหินโกเมนสีแดงดำบนข้อมือก็ต้องเม้มปากอีกครั้งการจากไปของลาภิณ...บิดาผู้ให้กำเนิดอย่างไม่มีวันกลับนั้นไม่ได้ผิดไปจากที่ทุกคนคาดสักนิด หลังงานแต่งงานของนลินและพยัคฆ์เพียงสามวัน วันที่สี่ในช่วงเช้าตรู่นวมิณทร์ก็เป็นคนโทร. มาบอกนลินว่าบิดาของเขาจากไปอย่างสงบ เพียงหลับไปในช่วงกลางคืนแล้วไม่ตื่นอีกเลยนลินไม่รู้ว่ามารดาของเขาต้องเจ็บปวดแค่ไหน ที่ต้องพบว่าคนที่พูดคุยด้วยก่อนเข้านอนจะหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกในเช้าตรู่วันถัดมา ตลอดการจัดงานศพเจ็ดวันนั้น มารดาของเขามักจะแอบร้องไห้อยู่เงียบๆ ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าซีดเซียวที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามารดาของเขาเสียใจแค่ไหน และเป็นเรื่องดีแล้วที่หลังจากเสร็จสิ้นงานไม่กี่วันเทรนต์ก็พานวมิณท
เมื่อพิธีกรประกาศให้บ่าวสาวลงจากเวทีได้ ทั้งคู่จึงเลือกจะเดินไปหาคนที่ได้รับช่อดอกไม้ก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็ผุดลุกจากเก้าอี้ด้วยสีหน้าแตกตื่น“พี่ไม่คิดว่าเพชรกับคุณลุงจะมาร่วมงานด้วย เพราะพี่กับนลินทำให้แม่ของเพชร...”“ไม่ครับ” เพชรอันดารีบค้านพลางส่ายหน้าปฏิเสธ “พี่พยัคฆ์กับคุณนลินไม่ผิดนี่ครับ”“เรียกนลินเฉยๆ หรือจะเรียกว่าน้องนลินก็ได้ครับ ยังไงเราก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน” นลินเอ่ยพลางระบายยิ้ม“ขอบคุณนะครับที่ยอมรับเพชรเป็นคนในครอบครัว ทั้งที่คุณแม่ของเพชรทำเรื่องเลวร้ายกับพี่พยัคฆ์และน้องนลินไปเยอะเลย เพชรเองก็เคยทำไม่ดีกับนลินด้วย”“นลินเข้าใจพี่เพชรนะครับ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกครับ ทุกคนมีข้อด้อยและเคยผิดพลาดกันทั้งนั้น นลินกับพี่พยัคฆ์เองก็เคยทำเรื่องไม่ดีมาเยอะ แต่พี่เพชรก็ยังคิดได้ ยังคิดกลับตัว ตอนนี้พี่เพชรก็เข้าไปช่วยงานคุณลุง แล้วก็พยายามดูแลตัวเองกับลูก นลินเชื่อว่าพี่เพชรจะเป็นแม่ที่ดีแน่ๆ ครับ”“และพี่ก็เชื่อว่าสักวันหนึ่ง เพชรคงไ
งานแต่งงานกลางแจ้งถูกเนรมิตขึ้นที่คฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ซึ่งเป็นความคิดของนวมิณทร์ที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้ลาภิณมากที่สุด แม้คราแรกพยัคฆ์ต้องการจะให้มีการแต่งงานใหญ่โตในโรงแรม ทว่าเมื่อนลินบอกความต้องการ พยัคฆ์ก็พร้อมจะเปลี่ยนให้ แต่พยัคฆ์ก็ยังคงเป็นพยัคฆ์ แม้จะเป็นการจัดงานในคฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ก็ไม่วายเชิญนักข่าวและแขกเหรื่อเกือบห้าร้อยคนมาร่วมงาน โดยใช้พื้นที่หน้าคฤหาสน์ได้อย่างคุ้มค่ารั้วคฤหาสน์ถูกแต่งด้วยดอกโบตั๋นหลากสีอันเป็นกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์ บริเวณหน้าคฤหาสต์ตกแต่งด้วยทางเดินพุ่มลาเวนเดอร์ และมีโต๊ะจีนกว่าห้าสิบโต๊ะซึ่งกลางโต๊ะประดับแจกันดอกโบตั๋นแซมดอกลาเวนเดอร์อันเป็นฟีโรโมนของคู่บ่าวสาวในวันนี้พิธีแบบไทยถูกจัดขึ้นภายในห้องโถงของคฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ซึ่งทางเจ้าภาพขอจัดแบบส่วนตัวเฉพาะคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรผิวสองสีที่อยู่ในชุดแต่งงาน เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทหรูสามชิ้นสีครีมเข้มและโบหูกระต่ายสีเดียวกัน ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตจัดแต่งทรงอย่างดี เปิดหน้าผากให้เห็นใบหน้าคม คิ้วเข้มหนา ดวงตาคมปลาบ เสริมให้พยัคฆ์ยิ่งดูห