“โอ๊ย! ฉันไม่มีหรอกเชน นี่ลูกชั้นก็เพิ่งจะคลอดได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ ไหนจะค่าคลอดค่านมค่าแพมเพิส นานา จิปาถะ ฉันจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พ่อกันล่ะ แกถามชินรึยัง”
“ถามแล้วพี่ พี่ชิน ก็บอกว่าไม่มีเหมือนกัน”
“เอ่อ ฉันก็ไม่มีเว้ย แค่นี้นะ ชั้นจะนอนเดียวต้องตื่นมาปั๊มนมอีก” ว่าแล้วชาร์มก็ตัดการสนทนาไป ทิ้งให้เชนได้แต่ยืนจ้องโทรศัพท์มือถือในมือ ก่อนจะทรุดกายลงกับม้านั่งตรงระเบียงนี่เอง
“นายคงกำลังคิดไม่ตกเรื่องเงินอยู่สินะ” เสียงของอลิศพาให้เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าเธอตาเขม็ง
“คุณยังไม่กลับอีกหรอครับ” เขาขมวดคิ้ว
“พอดีฉันเพิ่งคุยกับคุณชุลีมาน่ะ เพิ่งรู้ว่า หลังออกจากตระกูลลีมา ครอบครัวนายก็ถือว่าพออยู่พอกินตามอัตภาพมาตลอด เพิ่งจะมาฝืดเคือง ก็ตอนที่ลูกชายคนรองของคุณชุลีติดพนัน จนต้องมาขอเงินคุณชุลีไปใช้หนี้”
“ครับ ผมยอมรับ แต่ขอโทษเถอะครับ มันไม่ใช่ธุระอะไรของคุณเลย ที่จริงแม่ไม่ควรเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังด้วยซ้ำ เพราะถึงยังไงคุณก็ไม่ใช่คนในครอบครัวของผม”
“แม่นายคงจะอึดอัดใจ นอกจากคุณแล้วก็คงไม่รู้จะเล่าให้ใครฟังล่ะมั้ง จะว่าไปเมื่อก่อน ฉันกับแม่นาย เราสนิทกันมากเลยนะ ตอนฉันยังเล็ก ป๊ากับม๊าต้องออกไปทำงาน ก็ได้พี่เลี้ยงกับคุณชุลีนี่แหละ ที่คอยดูแลฉัน ตอนฉันเรียนเกรต10 คุณชุลีกับคุณชาญชัยถึงได้ลาออกมามีครอบครัว คนสกุลลีเรายึดถือเรื่องความกตัญญูเป็นที่ตั้ง อย่างที่บอกไป คุณชุลีเคยดูแลฉัน ส่วนคุณชาญชัยก็เคยดูแลป๊า หลายครั้งที่ป๊าถูกคู่แข่งทางธุรกิจลอบทำร้าย ก็ได้คุณชาญชัยช่วยชีวิตไว้ จนกระทั่งผ่านมันมาได้ ฉะนั้น เรื่องเงินค่า รักษาพยาบาลคุณไม่ต้องกังวลหรอกนะ ฉันจะช่วยครอบครัวคุณเอง”
“คนรวยๆ อย่างคุณคงไม่ช่วยใครฟรีๆหรอกใช่ไหมครับ” เชนเชื่อเสมอว่าของฟรีไม่มีในโลกหรอก ดังนั้น การที่เธอยอมช่วยครอบครัวของเขาในครั้งนี้ ก็คงไม่ช่วยฟรีๆ เหมือนกัน
“ใช่ ฉันจะช่วยนาย แลกกับการที่นายต้องไปทำงานกับฉัน”
“ผมเป็นแค่นักศึกษาปีสาม ยังเรียนไม่จบเลย แล้วผมจะทำงานอะไรให้คุณได้”
“นายพูดภาษาอังกฤษได้ไหม”
“ได้ครับ” ดีนะ ที่ตอนเรียนมัธยม เขาเลือกเรียนสายศิลป์ ภาษาอังกฤษ แถมยังมีโอกาสได้เรียนภาษาจีนกับคุณครูเจ้าของภาษามาบ้าง แม้ไม่เก่งมาก แต่ก็อยู่ในระดับสื่อสารรู้เรื่อง สามารถเรียกลูกค้านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มาใช้บริการถ่ายรูปกับสถานที่ท่องเที่ยว สำคัญๆย่านเยาวราชได้ก็แล้วกัน
“ผมพูดอังกฤษได้ครับ แล้วก็พูดจีนได้นิดหน่อยครับ”
“ถ้าอย่างนั้นนายก็แค่มาเป็นพ่อบ้านให้ฉัน คิดว่าคงไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากมายหรอก แค่ทำงานบ้าน ทำอาหารเป็น นายก็ทำงานตำแหน่งนี้ได้แล้วล่ะ”
“พะ พ่อบ้านเหรอครับ” เชนละล่ำละลัก แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองกับสิ่งที่ได้ยิน จะว่าไปเมื่อก่อนแม่ก็เคยเป็นแม่บ้านของบ้านเธอนี่นา เขาจะไปเป็นพ่อบ้านมันจะแปลกตรงไหน แต่ปัญหาก็คือ เขายังต้องเรียนหนังสือนี่สิ ถ้าจะต้องไปอยู่ฮ่องกง ก็คงไม่มีวิธีอื่นนอกจากดรอปเรียนเอาไว้ก่อน
“ใช่ บ้านตระกูลลีมีพ่อบ้านประจำตระกูลอยู่แล้ว ดังนั้นนายจะต้องมาเป็นพ่อบ้านส่วนตัวของฉัน ฉันต้องการคนที่ไว้ใจได้ สำหรับงานนี้ งานพ่อบ้านแลกกับการที่ฉันจะจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้คุณชาญชัย นายคิดว่าไงล่ะ ถ้าไม่เพราะคุณชาญชัยกับคุณชุลีเคยเป็นคนของตระกูลลี ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ที่จู่ๆ นายจะเข้าไปทำงานที่นั่นได้”
ฟังคำพูดของเธอแล้ว เชนก็อดคิดไม่ได้ว่า ตระกูลลีของอลิศคงจะยิ่งใหญ่และร่ำรวยมากสินะ เอาล่ะ ตอนนี้ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าชีวิตของพ่อแล้ว
“ตกลงครับ ผมจะไปเป็นพ่อบ้านให้คุณ แต่ผมคงต้องทำเรื่องดรอปเรียนให้เรียบร้อยก่อนนะครับ”
“ได้ ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้นายมาพบฉันที่โรงแรม... เราจะทำสัญญาจ้างกัน เย็นวันพรุ่งนี้ฉันจะบินกลับไปก่อน ส่วนนายไว้ทุกอย่างเรียบร้อยค่อยตามไป”
“ครับ ถึงยังไง ผมก็ต้องขอบคุณคุณมากเลยนะครับ ที่ช่วยครอบครัวผมไว้ ผมสัญญาเลยนะครับว่า ผมจะตอบแทนคุณ ดูแลคุณเป็นอย่างดี อย่างเต็มความสามารถ” เขาให้สัญญาทั้งรอยยิ้ม วินาทีนี้เชนคงไม่รู้หรอกว่า รอยยิ้มของเขากำลังทำให้หัวใจที่เคยมืดมนมานานของอลิศกลับสว่างไสวขึ้นมาอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้
“อ้อ มีอีกอย่างที่ฉันจำเป็นต้องบอก นอกจากพ่อบ้านส่วนตัวที่นายต้องเป็นแล้วว นายยังเป็นเด็กในอุปการะของฉันด้วย หวังว่านายจะรู้นะว่าต้องทำตัวยังไง เมื่อไปอยู่ที่นั่น”
“ครับ” แม้จะไม่รู้ว่าต้องทำอะไรยังไง หากชายหนุ่มก็ตอบออกไปก่อน หวังว่างานที่ว่าจะไม่เกินความสามารถของเขานะ
“โอ๊ย! ฉันไม่มีหรอกเชน นี่ลูกชั้นก็เพิ่งจะคลอดได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ ไหนจะค่าคลอดค่านมค่าแพมเพิส นานา จิปาถะ ฉันจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พ่อกันล่ะ แกถามชินรึยัง”“ถามแล้วพี่ พี่ชิน ก็บอกว่าไม่มีเหมือนกัน”“เอ่อ ฉันก็ไม่มีเว้ย แค่นี้นะ ชั้นจะนอนเดียวต้องตื่นมาปั๊มนมอีก” ว่าแล้วชาร์มก็ตัดการสนทนาไป ทิ้งให้เชนได้แต่ยืนจ้องโทรศัพท์มือถือในมือ ก่อนจะทรุดกายลงกับม้านั่งตรงระเบียงนี่เอง “นายคงกำลังคิดไม่ตกเรื่องเงินอยู่สินะ” เสียงของอลิศพาให้เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าเธอตาเขม็ง“คุณยังไม่กลับอีกหรอครับ” เขาขมวดคิ้ว“พอดีฉันเพิ่งคุยกับคุณชุลีมาน่ะ เพิ่งรู้ว่า หลังออกจากตระกูลลีมา ครอบครัวนายก็ถือว่าพออยู่พอกินตามอัตภาพมาตลอด เพิ่งจะมาฝืดเคือง ก็ตอนที่ลูกชายคนรองของคุณชุลีติดพนัน จนต้องมาขอเงินคุณชุลีไปใช้หนี้”“ครับ ผมยอมรับ แต่ขอโทษเถอะครับ มันไม่ใช่ธุระอะไรของคุณเลย ที่จริงแม่ไม่ควรเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังด้วยซ้ำ เพราะถึงยังไงคุณก็ไม่ใช่คนในครอบครัวของผม”“แม่นายคงจะอึดอัดใจ นอกจากคุณแล้วก็คงไม่รู้จะเล่าให้ใครฟังล่ะมั้ง จะว่าไปเมื่อก่อน ฉันกับแม่นาย เราสนิทกันมากเลยนะ
โรงพยาบาล แห่งหนึ่ง ใจกลางกรุงเทพยามค่ำคืน แม้ไม่พลุกพล่านด้วยผู้คนดังเช่นช่วงเช้า หรือกลางวัน แต่ก็ยังมีคนไข้ญาติคนไข้ นั่งอยู่ตามแผนกต่างๆบ้างประปราย เชนก้าวเร็วๆ ไปยังห้องฉุกเฉิน ตามคำบอกเล่าของแม่ ก้อนเนื้อในช่องอกสั่นสะท้าน เมื่อคำพูดของแม่ ยังคงชัดเจนในห้วงคำนึง “พ่อช็อก ตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู ลูกมาที่โรงพยาบาลตอนนี้เลยได้ไหม” “ได้ครับ แม่ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” เขาตอบออกไปเสียงสั่น เมื่อเห็นว่าแม่นั่งรออยู่ตรงเก้าอี้ด้านหน้าห้องฉุกเฉิน ชายหนุ่มก็รีบปราดเข้าไปหา มือทั้งสองจับรวบข้อมือแม่เอาไว้แน่น “หมอว่ายังไงบ้างครับแม่”แม่ส่ายหน้าน้ำตาเอ่อรินอาบสองแก้ม“หมอยังไม่ออกมาเลยลูก แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าพ่อจะเป็นยังไงบ้าง เอ่อ แม่ขอตัวเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนึงนะลูก” แม่แกะมือออกจากมือใหญ่ของเขา แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ใช้เวลาทำธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ขณะกำลังล้างมืออยู่ตรงอ่างล้างมือนั่นเอง สายตาของเธอก็ไปปะทะเข้ากับร่างสมส่วนของหญิงสาวคนหนึ่ง หน้าตาบ่งเค้าความเป็นคนจีน คงไม่ทำให้เธอแปลกใจอะไรเลย หากดวงหน้าสวยของคนข้างตัวจะไม่ทำให
“จะ จำได้ครับ” เขาเอ่ยตะกุกตะกัก แล้วกลืนน้ำลายลงคอ ชั่งใจอยู่ครู่ กับการเริ่มเสนอตัวเองให้ลูกค้าในคืนแรก“คะ คุณมาเที่ยวเหรอครับ”“แล้วนายคิดว่ายังไงล่ะ”“แล้วคนส่วนใหญ่มาที่นี่ทำไมล่ะครับ ถ้าไม่ใช่มาหาความสุข” เอ่ยออกไปแล้ว เชนก็รู้สึกหน้าร้อน “งั้นเหรอ” อลิศหัวเราะเบาๆ “นายนี่มันมองโลกด้านเดียวจริงๆ นายคิดว่าผู้หญิงที่มาที่นี่ จะต้องมาพาผู้ชายไปนอนด้วยอย่างเดียวงั้นเหรอ นายไม่คิดบ้างเหรอว่า ที่นี่ทำได้มากกว่าเที่ยวกลางคืน” “เอ่อ ผมไม่ทราบครับ” “เด็กน้อย” เธอยิ้ม “แล้วนายล่ะ มาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่า” เธอปรายตาไปยังชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง กำลังเดินเคียงคู่หญิงสาวแต่งตัวดี ท่าทางกระเป๋าหนักออกไป“ถ้าผมบอกว่าใช่ล่ะครับ” ถึงจะทำใจมากแล้ว หากเชนก็อดนึกอนาถใจในโชคชะตาตัวเองไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงคืนนี้เขาก็จะต้องหาลูกค้าใหม่ซักคนให้ได้ อย่างน้อยก็ผู้หญิงตรงหน้านี่แหละ “นายนี่ซื่อจริงๆ เลยนะ จะไปรอดเหรอ” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ บอกตรงๆ ผมเพิ่งมาทำงานที่นี่เป็นวันแรกด้วย” ไม่รู้อะไร ทำให้เขาอยากบอกเธอออกไปตรงๆ แบบนั้น “งั้นเหรอ ไปคุยกันหน่อยสิ” ว่าแล้วเธอก็ลุกเดินกลับไปท
“ทะ เท่าไหร่ครับแม่” น้ำ เสียงเขาสั่นเครือ ลมหายใจสะดุดกับอุปสรรคทางการเงินที่กำลังร่วงใส่หัวเขาโครมใหญ่ “ค่าผ่าตัดกับค่ายารวมแล้ว แสนนึงลูก ยาต้องนำเข้า แถมยาบางตัว สิทธิ์รักษาพยาบาล ก็ใช้ไม่ได้ ถ้าไม่มีเงินจ่ายโรงพยาบาลไปก่อน ทางโรงพยาบาลก็จะไม่รักษาให้ แม่ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วลูก” แม่ร้องไห้หนักขึ้น ทำเอาเขาใจเสีย “ใจเย็นๆนะแม่ เราต้องผ่านเรื่องนี้ไปได้สิ แล้ว...พี่ชินกับพี่ชาร์มว่าไงบ้างครับ” เชนคิดว่าเขาคงยังฝากความหวังไว้กับพี่ชายและพี่สาวได้แหละ เพราะอย่างน้อยทั้งสองคนก็ทำงาน มีเงินเดือนมากกว่านักศึกษาอย่างเขาที่ทำงานพิเศษไปวันๆ “พี่เค้าก็ไม่มีเหมือนกันลูก เมียชินก็เพิ่งคลอดลูกคนที่สอง ส่วนชาร์มก็เพิ่งได้งานใหม่” แม่สะอื้นฮัก เมื่อพูดถึงลูกอีกสองคน ที่ไม่เคยพึ่งพาอะไรในยามคับขันได้เลยจริงๆ “แม่ใจเย็นๆ ก่อนนะ เชนจะหา...” “เชนจะไปหาเงินมากมายพวกนั้นมาจากไหนลูก ถ้าต้องทำผิดกฎหมาย ไม่เอานะ แม่ไม่ยอม” “ผมไม่ทำหรอกครับแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ยังไงผมก็จะพยายามหางานพิเศษทำ หาเงินมารักษาพ่อให้ได้” เชนรู้ตัวดีว่า ที่
หลังจากวิ่ง 4 คูณร้อยมาไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว เชนก็พาเธอมาถึงร้านขายของเก่าแห่งหนึ่ง เชนยังคงได้แต่หอม ขณะที่หญิงสาวแต่งตัวดีคนนั้นหันมามองเขานิ่ง แล้วเอ่ยเรียบเรื่อยว่า "ฉันชื่ออลิศ ลี ถ้าไม่อยากมีปัญหา อย่าบอกใครเรื่องวันนี้" สายตาเด็ดเดี่ยวจากดวงตาคู่สวยบอกเขาว่า คำพูดของเธอเมื่อครู่นั้น เธอเอาจริงแน่นอนนาทีนี้ เชนไม่รู้หรอกว่า เขาเพิ่งจะช่วยหัวหน้าแก๊งมาเฟีย ฮ่องกง เจ้าของธุรกิจ โรงแรมแห่งใหญ่ บนฝั่งเกาลูน ผู้กำลังเป็นข่าวใหญ่ในแวดวงธุรกิจและแวดวงอาชญากรรมอยู่ในขณะนี้“ผมไม่บอกใครหรอกน่า ว่าแต่ผมช่วยคุณแบบนี้แล้ว ผมจะซวยหรือเปล่า”“คงไม่หรอก พวกมันคงยังไม่ทันเห็นหรอกว่าใครเป็นคนช่วยฉันเอาไว้ ขอบคุณคุณอีกครั้งที่ช่วยเหลือ ฉันไปก่อนล่ะ” พูดจบเธอก็วิ่งหายไปอีกทางหนึ่ง ยังดีนะ ที่เธอยังมีมารยาท รู้จักขอบคุณเขา ไม่ใช่พอปลอดภัยแล้วก็สะบัดตูดหนีหายน่ะ เฮ้อ หวังว่าเขาจะไม่ต้องเจอเหตุการณ์บ้าๆ แบบนี้อีกนะ เชนบอกตัวเอง แล้วออกเดินกลับมาตามถนนสายเล็กในซอยที่สามารถเดินทะลุมายังหอพักของเขาได้ กลับมาถึงบ้าน ก็พอดีแม่โทรมาบอกว่า พ่อบ่นปวดท้องอีกแล้ว แต่ก็ดื้อไม่ยอมไปหาหมอ ลูกที่อยู่
“เอ้า พี่เชน จะกลับแล้วเหรอคะ” เสียงกังวานใสเอ่ยขึ้น ขณะ “เชน” นักศึกษาหนุ่มจากคณะนิเทศศาสตร์ กำลังเดินดุ่มๆ ไปยังป้ายรถเมล์ด้านหน้ามหาวิทยาลัย นักศึกษาหนุ่มชะงักฝีเท้า หันกลับมามองนักศึกษาสาวรุ่นน้อง “พี่จะกลับแล้วครับ พอดีมาส่งโปรเจค น้องดาวละครับ กลับยังไง มีใครมารับหรือเปล่า” เขาถามไปอย่างนั้นเอง รู้หรอกว่า วาดดาว จะต้องมีรถยนต์คันหรู มาจอดเทียบที่หน้าตึกคณะ ไม่ก็หน้ามหาวิทยาลัย เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว “ดาวยังไม่กลับหรอกค่ะ พอดีเย็นนี้มีซ้อมเต้นที่ชมรมน่ะค่ะ” วาดดาวพูดจ้อยๆ ตามประสารุ่นน้องผู้มีมนุษย์สัมพันธ์ดี “พอดีว่า ดาวออกมาหาอะไรรองท้องก่อนนะคะ เดี๋ยวตอนซ้อมจะหิวล่ะแย่เลย” เธอเอ่ยยิ้มๆ ก่อนโบกมือให้เขา ก่อนที่เชนจะก้าวเดินต่อ ไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกล หลังจากเสียเวลาฝ่าการจราจร แน่นขนัดบนท้องถนนกรุงเทพฯ มานานร่วมชั่วโมงเชนก็มาถึง หอพักย่านเยาวราช ความเบื่อหน่าย หงุดหงิด ฉายชัดอยู่ในสีหน้าและแววตา กับการเดินทางที่ต้องใช้เวลานานเป็นพิเศษ ทั้งที่จากมหาวิทยาลัยมาถึงเยาวราช ก็ใช่ว่า จะเป็นระยะทางไกลมากเสียเมื่อไหร่ แต่กลับต้องมา