LOGINบทที่ 102จำนนด้วยหลักฐาน เมื่อทุกอย่างจะต้องสิ้นสุดลงในวันนี้ เซี่ยหยู่เองก็ไม่ต้องการยืดเยื้อให้เสียเวลา ดังนั้นนางจึงไม่คิดจะหลบซ่อนอีกต่อไป ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้น เสียงใสของเด็กสาวก็ดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน “ฮ่องเต้ไร้สติปัญญาและคุณธรรม การยึดติดกับบัลลังก์ย่อมเป็นการบั่นทอนต่อความเป็นอยู่ของราษฎรทั่วแผ่นดิน หม่อมฉันเห็นด้วยกับองค์ชายใหญ่...พระองค์ทรงสละราชสมบัติเสียตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่าเพคะ” “แม้แต่เจ้าก็ยัง…ไม่สิ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!?” ฮ่องเต้กวาดพระเนตรมองเด็กสาวตรงหน้า พร้อมกับตรัสถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง เซี่ยหยู่ไม่ได้ตอบคำถามของฮ่องเต้ หากแต่กล่าวต่อด้วยความหนักแน่นและกดดันว่า “เพื่อขจัดเคราะห์ภัยและฟื้นฟูบ้านเมืองให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ฝ่าบาทต้องเสด็จเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ชำระมลทินและบาปที่ทรงก่อไว้เพคะ” “เจ้า...เจ้า!” ริมพระโอษฐ์ของฮ่องเต้สั่นระริกด้วยโทสะ จนไม่อาจเปล่งวาจาใดออกมาได้ เซี่ยหยู่ส่ายศีรษะเบาๆ สีหน
บทที่ 108การปรากฏตัวขององค์หญิงสี่ ใบหน้าของฮ่องเต้ซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด แววตาว่างเปล่าไปชั่วขณะ ก่อนประกายความเข้าใจจะฉายวาบบนใบหน้า เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรไปยังองค์ชายใหญ่เซี่ยไคเหรินอีกครั้ง ความสับสนพลันแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาอาฆาตอย่างไม่อาจปิดบังได้ “ทั้งหมดนี้...เป็นแผนการของเจ้าใช่หรือไม่...องค์ชายใหญ่?” องค์ชายใหญ่เซี่ยไคเหรินยังคงแสดงท่าทีสุขุม ก่อนจะถามกลับอย่างสุภาพอ่อนโยน “ฝ่าบาท...ตรัสอะไรเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ” “คาดไม่ถึงเลยว่า...เจ้าจะเป็นอสรพิษร้าย แสร้งทำเป็นไม่สนใจบัลลังก์มังกร แต่ความจริงแล้ว กลับโลภโมโทสันถึงเพียงนี้!” “เข้าใจผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ เมื่อก่อนกระหม่อมไม่สนใจ บัดนี้กระหม่อมก็ยังคงเป็นเช่นนั้น” องค์ชายใหญ่ไม่ได้โกหก เขาไม่เคยปรารถนาบัลลังก์แม้แต่น้อย ตำแหน่งฮ่องเต้แม้สูงส่ง แต่กลับต้องแบกรับทุกอย่างอย่างไม่รู้จบ ทั้งยังต้องอยู่ในกฎระเบียบอันเคร่งครัด กลางคืนก็ไม่มีเวลาส่วนตัว เพราะต้องเสด็จเวียนไปยังตำหนักเหล่าสนมตามระเบ
บทที่ 100พระองค์แพ้แล้ว ในจังหวะที่ความโกลาหลกำลังปะทุถึงขีดสุด เสียงกีบม้าจำนวนมากก็ดังขึ้นมาจากทางเข้าตลาด การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วและหนักแน่นราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ ก่อนที่ทุกคนจะได้ทันตั้งตัว เสียงทุ้มลึกเต็มไปด้วยอำนาจและเด็ดขาดก็ดังแทรกความโกลาหลเข้ามา “คุ้มกันฮ่องเต้!!” ฮ่องเต้ที่กำลังตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวอยู่ในรถม้า เมื่อได้ยินเสียงของแม่ทัพหรงเหยียนก็รู้สึกราวกับได้ยินเสียงจากสวรรค์ พระองค์เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาทันที ก่อนจะรีบโผล่หน้าออกจากรถม้าแล้วตะโกนเสียงดัง “สังหารพวกกบฏให้หมด!!” คำสั่งนั้นราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางความวุ่นวาย ชาวบ้านที่ได้ยินต่างตระหนกจนหน้าถอดสี พวกเขาเพียงต้องการอาหารเท่านั้น เหตุใดจึงถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏไปได้? ความหวาดกลัวปนเปกับความโกรธ ผู้คนพากันแตกฮือ วิ่งหนีตายราวกับผึ้งแตกรัง ทว่าด้านหลังของพวกเขากลับมีทหารกลุ่มใหม่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ทันทีที่เห็นกองทัพม้ากลุ่มใหม่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาใกล้พร้อม
บทที่ 99การปะทะ “บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?” ไป๋มู่อวิ๋นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน ดวงตาคมเข้มจับจ้องเซี่ยหยู่อย่างไม่กะพริบ ก่อนหน้านี้เขายืนอยู่บนหลังคาโรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้าม พอภาพบนจอยักษ์หยุดฉาย เขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติของนางทันที จึงรีบพุ่งตัวเข้ามาดู และเป็นจังหวะเดียวกับที่นางหมดสติจนเกือบพลัดตกลงมาจากหลังคา โชคดีที่เขารับนางไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้น เขาคงเสียใจไปตลอดชีวิต! “ข้า...ไม่รู้” เซี่ยหยู่ตอบเสียงแผ่ว เนื่องจากยังรู้สึกมึนงงสับสน นางไม่รู้จริงๆ ว่าอาการหน้ามืดเมื่อครู่เกิดจากสาเหตุใด รู้เพียงว่าก่อนจะหมดสติ พลังงานในกายเหมือนกับถูกสูบออกไปเกือบหมด... ทว่ายังไม่ทันวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วน เสียงร้อนรนของเยว่หลิวเซิงก็ดังเข้ามาในหัว [เซี่ยหยู่ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น? จู่ๆ ข้าก็สัมผัสพลังงานของมิติร่วมไม่ได้ คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเจ้า...เจ้าเป็นอะไรหรือไม่!?] [ไม่...ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว] [พูดแบบนี้ แสดงว่าเมื่อกี้อาการไม่ดีสินะ! ถ
บทที่ 98น้ำลดหินก็โผล่ ณ ตำหนักฮองเฮา ภาพจากกล้องวงจรปิดฉายให้เห็นฮองเฮากับทหารองครักษ์กำลังโอบกอดกันอย่างแนบแน่น ราวกับคู่รักที่กำลังจะพลัดพรากจากกัน ภาพนั้นทำให้ผู้คนทั่วเมืองต่างอ้าปากด้วยอาการตะลึงไปตามๆ กัน ฮ่องเต้ซึ่งกำลังประทับอยู่ในรถม้า เห็นภาพดังกล่าวก็ถึงกับชะงัก พูดไม่ออก ส่วนฮองเฮาเองเริ่มนั่งไม่ติด ทั้งตกใจทั้งร้อนรน ไม่คิดเลยว่าความลับจะถูกเผยต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ “แม้ของในตำหนักข้าจะหายหมด แต่ข้าไม่โทษเจ้าที่ทำงานไม่ดีหรอกนะ ข้าคิดว่าคงเป็นฝีมือของเผ่าหนี่ว์นอกรีตที่เต๋อกงกงกับไทเฮาชุบเลี้ยงพวกนั้นที่ขโมยไป” ยามพูดกับทหารองครักษ์ น้ำเสียงของฮองเฮาหวานหยด ทั้งยังแสดงท่าทางออดอ้อนราวกับหญิงสาววัยแรกแย้ม เรื่องที่ไทเฮาและเต๋อกงกงชุบเลี้ยงเผ่าหนี่ว์นอกรีต ฮองเฮารู้มานานแล้ว แต่ต้องเงียบไว้ เพราะคิดว่าอาจใช้เรื่องนี้สร้างประโยชน์กับนางได้ “กระหม่อมสืบมาแล้ว ตอนนี้เผ่าหนี่ว์นอกรีตที่ซ่อนในวังไม่มีสักคนเดียว อาจเป็นไปอย่างที่ท่านว่าจริงๆ ก็ไ
บทที่ 97ถ่ายทอดสด เผยแพร่ความจริง (สอง) เสียงดนตรีเปิดตัวดังก้องกังวานออกมาจากลำโพงตัวใหญ่ ไม่เพียงดึงดูดความสนใจของผู้คนที่ออกมายืนส่งเสด็จ แม้แต่ผู้สัญจรไปมาบนท้องถนน หรือผู้ที่นั่งซบเซาหมดอาลัยตายอยากอยู่ในตรอกอับแสง ต่างก็ชะงักและหันมามองจอฉายภาพขนาดใหญ่ ที่น่าประหลาดยิ่งกว่านั้น คือขบวนเสด็จยังต้องหยุดเคลื่อนไหว ทุกคนพากันเหลียวมองแหล่งที่มาของเสียงอย่างตื่นตาตื่นใจ ทันใดนั้นเอง ร่างสีทองอันเรืองรองของเทพเจ้าผู้ทรงอำนาจ ก็ปรากฏขึ้นบนจอภาพราวกับเสด็จลงมาจากฟากฟ้า ภาพที่ปรากฏทำเอาผู้คนทั่วทั้งเมืองถึงกับชะงักงัน ดวงตาเบิกกว้าง อ้าปากค้างด้วยความตะลึงและศรัทธา องค์เทพบนจอค่อยๆ ขยับริมฝีปาก เสียงนั้นทรงพลังคล้ายสะท้อนลงมาจากสวรรค์ ผ่านชั้นเมฆ กระแทกเข้าสู่หัวใจของทุกผู้คน ‘มนุษย์ทั้งหลาย! จงสดับรับฟังเสียงจากสวรรค์ บัดนี้ เหล่าเทพประสงค์ให้ความจริงเป็นที่ประจักษ์ ทุกสิ่งที่เคยถูกปิดบังอำพราง จะปรากฏสู่สายตาของพวกเจ้าทุกคน!’ สิ้นสุดเสี






