LOGIN
ไอ้คนเอาแต่ใจอย่างแอสตั้นมันเดินต้อนผมจนมุม ร่างสูงของมันขวางทางออกจนไม่มีที่ให้ผมถอยหนี ผมมองใบหน้าคมของมันด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ผสมปนเปกันอยู่ในใจ“อีก 5 นาทีจะเริ่มประชุมแล้วนะครับ”ผมพูดเสียงเรียบ พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด แต่ลึกๆ ในใจ ผมแทบจะหายใจไม่ออกไอ้บอสตัวร้ายมันจ้องผมอยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ และผละตัวออกไป แต่ถึงร่างกายมันจะถอยออกห่าง ผมกลับรู้สึกเหมือนมันยังทิ้งบางสิ่งบางอย่างไว้ในอากาศรอบตัวเช้านี้ทั้งเช้าผมไม่เป็นอันทำงาน ประชุมก็แทบไม่รู้เรื่อง สมองเหมือนถูกแช่อยู่ในภาพเหตุการณ์เมื่อคืนจูบนั้น…ผมยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นๆ ที่ริมฝีปากเหมือนมันยังคงอยู่ ผมสะบัดหัวเบาๆ พยายามบังคับตัวเองให้เลิกคิดถึงมัน แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่มันลืมกลับยิ่งชัดเจน“เซบัส”เสียงแอสตั้นดังขึ้นขัดจังหวะความคิด ผมเงยหน้ามองมันด้วยความตกใจ มันยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะประชุม สายตาของมันจับจ้องมาที่ผมเหมือนกำลังรอคำตอบอะไรบางอย่าง“ครับ?”“ฉันถามว่าแผนงานที่นายเตรียมมาเมื่อเช้าคืออะไร?”ผมอ้าปากจะตอบ แต่สมองที่เต็มไปด้วยความคิดฟุ้งซ่านกลับทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก แอสตั้นมองผมนิ่งๆ ก่อนจะเลิกคิ้
“คืนนี้เรารีวิวโปรเจคกัน” แอสตั้นเอ่ยเรียบๆ แต่สายตามันกลับดูผ่อนคลายเหมือนคนไม่ได้จริงจังกับงานเลยแม้แต่น้อย“รีวิวโปรเจค…ตอนนี้เนี่ยนะครับ?” ผมถามพร้อมกับมองหน้าอาเทอร์ที่ก็ดูจะงงไม่ต่างจากผม ไอ้ทนายหน้าหล่อหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบแทนผม“ผมว่าบอสมันอยากดื่มมากกว่านะ ดูสายตามันดิ” ผมคิดไอ้ตัวหอมหัวเราะเบาๆ อย่างกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร “จะดื่มด้วย คุยงานด้วย”ผมถอนหายใจ ไอ้เชี่ยบ้า มึงรู้ความคิดกู ผมเปิดโน้ตบุ๊กตัวเองที่พกมาด้วย แม้จะงงกับเหตุการณ์ตอนนี้ แต่ผมรู้ว่าปฏิเสธอะไรไม่ได้เลย ไอ้ตัวหอมนี่เวลามันเอาจริงก็เอาให้ตายเลยล่ะครับชั่วโมงถัดมาผมนั่งพิมพ์แก้ไฟล์งานไป พลางสลับดื่มเบียร์ไปจนเกือบหมดกระป๋อง ไอ้บอสตัวหอมนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มือหนึ่งถือกระป๋องเบียร์ ส่วนอีกมือก็ดูเอกสารที่ผมกับอาเทอร์ส่งให้มัน อาเทอร์นั่งไขว่ห้างดูชิลล์เหมือนไม่ใช่การประชุมย่อย แต่ทุกอย่างกลับไหลลื่นอย่างน่าประหลาดจนกระทั่งแอสตั้นหันมาพูดกับผม “เซบัส นายเก่งนะ แต่ชอบประมาท”“หา? ประมาทอะไรครับ?” ผมเลิกคิ้ว ก่อนที่มันจะยิ้มจางๆ“เมื่อวานนายบอกฉันว่าเอกสารครบแล้ว จำได้ไหม?”ผมขมวดคิ้ว “ครบแล้วนะครับ?”มันเลิกคิ
ทันทีที่ผมเดินเข้าบริษัทก็ทักทายสาวสวยอย่างริสา และพนักงานคนอื่นๆ ทุกคนคุ้นเคยผมดีกว่าเจ้าของบริษัทเสียอีก เมื่อผมเห็นไอ้ทนายหน้าหล่อจึงได้เอ่ยขอบคุณมันขึ้น“ดีตอนเช้าครับอาเทอร์ อื้ม เรื่องเมื่อคืน ขอบคุณนายมากนะ” ผมก็งงว่าทำไมไอ้หน้าหล่อมันทำหน้างงๆ มันเลิกคิ้วสูงและถามผมกลับมาว่า“ขอบคุณอะไรครับ ที่ไปส่งนายเข้าห้องน่ะหรอ? ”ก็เออน่ะสิวะครับ ก็มีแค่คุณกับผมเนี่ย!! ผมจึงตอบมันกลับไปว่า“ก็ใช่นะสิครับ” ผมยังจ้องหน้าไอ้หน้าหล่อ และฟังมันพูดอีกว่า“เมื่อคืนผมก็เมามาก รู้ตัวอีกทีพี่สันคนขับรถของทางบริษัทก็เอาตัวผมไปโยนใส่ในห้องแล้วล่ะครับ”เชี่ยแล้วไง แล้วเมื่อคืนใครมันมาถอดเสื้อผ้าแล้วเช็ดตัวให้ผมละว่ะเนี้ย จะว่าละเมอหรอ ฝันรึเปล่า ก็คงไม่ใช่ ก็เพราะเมื่อเช้าผมตื่นมาเห็นๆ กันอยู่ว่ามีกะละมังกับผ้าขนหนูวางอยู่ รึผมเมามาก ถอดเสื้อผ้าเอง เช็ดตัวเองเอง แต่กลับจำอะไรไม่ได้ No way ไม่มีทาง ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่น่าจะเลอะเลือนได้ขนาดนั้น แต่แล้วไอ้ร่างสูงกว่า 187 มันก็เดินหน้าตายเข้ามา ก่อนจะทักทายพวกผม มันเดินตรงเข้าไปด้านในออฟฟิศของมัน โดยมีหน้าตายเช่นเคย ไม่ได้พูดอะไรไอ้นี่ ถ้าไม่เห็นว่าเป็น
ผมจ้องมองลงไปยังด้านล่าง เห็นถนนเป็นเส้นๆ ตอนนี้มันเริ่มจะมืดมากขึ้นๆ แล้ว ตรงข้ามฝั่งมุมตึกและหันไปด้านซ้าย มันเป็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยา นี่แค่ผมประเมินคร่าวๆ ก็พอเดาได้ว่า ไอ้เจ้าของที่ตรงนี้มันคงรวยมหาศาล ก็คงไม่แปลก ที่พวกคนรวยเขาจะรู้จักกัน อีกอย่างนะ ไอ้ทนายที่นั่งข้างๆ ผมนี่มันก็แม่ง โคตรรวย คงมีแต่ผมคนเดียวสินะครับ ที่มีแค่มันสมองและสองมือจริงๆ แล้วผมก็ลูกพระยานาหมื่นนะคร้าบ!! เฮ้ย!! ไม่ใช่ละ!! ผมเป็นลูกชายคนเดียว แม่ผมเป็นเมียของฝรั่ง นั่นแหละครับ ผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของผมคือใคร แต่ถ้าจะให้ไปตามสืบสาวเรื่องราวของพ่อ ผมก็คงไม่มีวันสืบได้หรอก ใครๆ ก็ดูถูกผม หาว่าผมเป็นลูกของเมียฝรั่ง ซึ่งเขาหาว่าแม่ผมทำงานที่บาร์ แล้วก็ถูกไอ้ฝรั่งขี้นกที่ไหนก็ไม่รู้มาไข่ทิ้งไว้ ตอนเด็กๆ ผมเคยคิดอยากจะมีพ่อนะครับ แต่พอโตมา มันก็แยกแยะได้เองนั่นแหละ แต่ถึงแม่ผมจะเป็นแค่เด็กบาร์ แต่ผมก็ภูมิใจในตัวแม่ของผมมากนะครับ มีที่ไหน ส่งผมเข้าเรียนโรงเรียนเอกชนราคาแพงๆ ตั้งแต่อนุบาล สามารถส่งผมเรียนต่อในที่ดีๆแม่บอกว่า การที่ผมมีความรู้ติดตัว มันจะพาผมหาเงินได้เยอะๆ ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร แต่ตอนนี้ผมเริ่มเช
ผมยืนมองหน้าคนตรงหน้า ตาคมของเขาจ้องกลับมาที่ผมอย่างไม่ลดละ หัวใจผมเต้นเร็วรัวขึ้นเหมือนกับว่าผมพึ่งวิ่งมาราธอน 4x 100 มาใหม่ ๆ แต่จะให้ทำยังไงได้ละครับ ในเมื่อเขาคือคนที่ผมเจอเมื่อคืน และ… เขาคือคนที่มาขโมยจูบแรกของผมไปอย่างไม่ทันตั้งตัว!“คุณ… คุณ…” ผมพูดอะไรไม่ออก จังหวะนี้คำพูดที่เตรียมไว้มากมายล้วนกลายเป็นเสียงที่ขาดหายไปในลำคอ ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดี การได้เห็นเขาอีกครั้งมันช่างทำให้หัวสมองของผมมึนตึ๊บปั่นป่วนไปหมด“คุณเซบัสใช่ไหมครับ?” เขาถามเสียงเรียบ ขัดกับท่าทางที่ผมเห็นเมื่อคืนอย่างสิ้นเชิง เขามองมาที่ผมด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงออกมากมายเท่าไหร่นัก คงไม่แปลกถ้าเขาจะจำผมไม่ได้ แต่ว่าผม… ผมยังจำเขาได้ดีผมพยักหน้าอย่างไม่มั่นใจก่อนตอบกลับไป“ใช่ครับ…”อึดใจหนึ่งที่เงียบไป ทุกอย่างในห้องดูเหมือนจะหยุดชะงักไปหมด ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก รู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ผุดขึ้นตามไรผม ทุกอย่างมันดูเป็นความบังเอิญที่ไม่น่าเชื่อ… และไม่คิดว่าจะต้องเจอเขาที่นี่เขามองผมเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย “ขอโทษครับ เมื่อคืน…” เสียงเขาหยุดไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ “คงทำให้คุณตกใจมา
ผม เซบัส ตัวเล็กสุด 185/56ไม่ต้องอยากรู้หรอกครับ ว่าผมลูกครึ่งอะไร ผมก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มานานแล้วล่ะ ผมจบโทด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จากสแตนฟอร์ดโจทก์ของผม แอสตั้น 187/58ลูกครึ่งไทย อเมริกัน ผมก็รู้มาแค่นี้ รู้แค่ว่าเขาเป็นเจ้านายของบริษัทพัฒนา Ai ที่ผมทำงานอยู่ส่วนนี่ คนสุดท้าย ทนายประจำบริษัท เขาได้ฉายาว่า‘เจ้าพ่อแห่งวงการกฎหมาย’ อาเทอร์ หนุ่มลูกครึ่งไทย อิตาลี ผู้มีความสูงเกือบจะสองเมตร มันบ้าไปแล้ว!! เขาสูงถึง 190/60 สูงมากใช่มั้ยล่ะครับบทนำบริษัท Ai ภายในประเทศ“เซบัสคะ เดี๋ยววันนี้ผู้บริหารคนใหม่จะเข้าบริษัทนะคะ ยังไงฝากคุณแนะนำฝ่ายผลิตและแผนกอื่นๆ ด้วยแล้วกัน พอดี ริสาต้องไปรับลูกที่โรงเรียน” สาวสวยวัย 30 เอ่ยบอกเพื่อนร่วมงาน“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”“นี่ค่ะ เอกสารของคุณแอสตั้นคร่าวๆ และอ้อ พรุ่งนี้ทนายคนใหม่ก็น่าจะเข้ามาทำงานด้วยเหมือนกันค่ะ”“ทนายคนใหม่? ”“ใช่ค่ะ พอดีมารับหน้าที่แทนคนเก่า เห็นว่าเป็นลูกชายของคุณคานน์แหนะ นี่ริสายังงงว่าทำไมไม่ทำงานที่บริษัทตัวเอง บริษัทของครอบครัวเขาก็ใหญ่ใช่ย่อยนะคะ ดูท่าน่าจะอยากมาหาประสบการณ์” ริสาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าผมทำหน้างงๆ ผมจึ







