ห้องอาหารโรงแรมดังในเครือของบริษัทพีวาย แต่คนไม่ค่อยรู้เท่าไหร่นักเพราะมันอยู่ในเครือบริษัทขนส่งต่างประเทศนอกเสียจากพนักงานที่เข้ามาอบรมถึงจะได้รู้ว่าเป็นสายเครือเดียวกันกับบริษัทพีวายที่พายุเป็นประธานบริษัทอยู่ การขนส่งนำเข้าข้าวของเครื่องใช้วัตถุดิบล้วนมาจากบริษัทพีวายทั้งหมด
โรงแรม คลับ บาร์ ในย่านนี้ ย่านที่โรงแรมตั้งอยู่ล้วนแต่เป็นของพายุประธานบริษัทพีวายทั้งสิ้น เขาสร้างมันขึ้นมาหลังจากรับตำแหน่งประธานบริษัทใหม่ๆ เพื่อให้ธุรกิจมันก้าวหน้าไปได้ทุกทาง เพราะมัวแต่ยุ่งๆเรื่องงานถึงยังไม่ได้แต่งงานสักที ที่ผ่านมาก็มีแต่ดารา นางแบบที่เข้าหาเขาเพื่อหวังจะสุขสบายไปทั้งชีวิต แต่กลับไม่มีหญิงสาวที่ทำให้เขาถูกใจได้เลยสักคนส่วนมากเข้าหาเขาเพราะเงินทั้งนั้น จึงทำได้แค่สนองในสิ่งที่หญิงสาวเหล่านั้นเสนอให้ก็เท่านั้นและจบลงที่จำนวนเงินอย่างที่หญิงสาวเหล่านั้นต้องการก็เท่านั้น
“พร้อมหรือยังหลานย่า” คุณย่าของพายุที่นั่งรออยู่ตรงหน้าล็อบบี้โรงแรมหรูเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นหลานชายผู้หล่อเหลาก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าอย่างภูมิใจ หญิงชราแอบกังวลอยู่เหมือนกันว่าเขาจะดื้อดึงเบี้ยวนัดเพราะมันเป็นอย่างนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ดูเหมือนการใช้เรื่องโรคของตัวเองมาเป็นข้อบังคับมันจะใช้ได้ผลเสียอย่างนั้น
“ครับ...” พายุยังคงทำหน้านิ่งเรียบ แน่นอนว่าเขาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ที่ต้องมาถูกจับดูตัวแบบนี้ แต่เขาก็คิดเอาไว้แล้วว่าคงจะบอกผู้หญิงคนนั้นไปตรงๆว่าเขามีคนในใจอยู่แล้ว เรื่องมันจะได้จบๆไปแล้วค่อยกลับไปง้อผู้เป็นย่าทีหลัง
“เราขึ้นไปกันเถอะฝั่งนั้นน่าจะมากันแล้วล่ะ” หญิงชราพูดพร้อมกับหันไปบอกหลานชายของตน พายุที่เป็นหลานชายพยักหน้ารับก่อนจะพาผู้เป็นย่าเดินไปขึ้นลิฟท์ภายใต้การทำความเคารพของพนักงานในโรงแรมตลอดทางที่เขาและคุณย่าเดินผ่าน
ไม่นานนักก็เดินมาถึงหน้าห้องอาหารชั้นบนสุดของตึกโรงแรม บรรยากาศที่มองเห็นวิวเมืองด้านนอกสวยงามนั้นถือว่าเป็นจุดขายของห้องอาหารชั้นดาดฟ้านี้ มีที่นั่งให้เลือกทั้งในห้องที่ล้อมรอบไปด้วยกระจกและชานด้านนอกแบบเอาท์ดอร์เปิดโล่งให้ได้รับลม
หญิงชราผู้เป็นย่าเดินตรงไปยังโต๊ะภายในหลังจากที่เข้ามาถึงห้องอาหาร เห็นครอบครัวหนึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้วพร้อมกับหญิงสาวรูปร่างดีในชุดเดรสสีชมพูดอ่อนระบายตรงไหล่สวยน่า ตรงเอวผูกโบรัดเน้นรูปร่างพอดีตัวกระโปรงยาวเลยเข่าแต่ก็แหวกข้างขึ้นมาไม่โป๊มากนักยังคงดูเรียบร้อยสวยงาม แต่เขามองเห็นเธอแค่เสี้ยวใบหน้า...แต่รูปร่างกลับดูคุ้นตา...
“สวัสดีค่ะคุณหญิงกันยา” มุกดาในชุดคุณหญิงเรียบร้อยลุกขึ้นพร้อมยกมือขึ้นไหว้สวยงามกับหญิงชราที่พึ่งเดินเข้าไปถึงโต๊ะ พร้อมกับผู้เป็นสามีอย่างคุณผู้ชายทรงชัยที่นั่งอยู่ข้างๆ กันยาหรือย่าของพายุรับไหว้ทั้งสองท่านก่อนจะหันไปรับไหว้หญิงสาวที่ลุกขึ้นกล่าวสวัสดีกันยา
“สวัสดีค่ะคุณหญิงกันยา” ยี่หวาเอ่ย..
“หนูวาหวาใช่ไหมลูก...สวยกว่าในรูปเยอะเลย” กันยาทำตาเป็นประกายจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าไม่วางสายตา เข้าใจว่าเป็นวาวาแม้จะแตกต่างจากในรูปที่เพื่อนรุ่นเดียวกันอย่างปรียาอวดให้ดูไปเสียหน่อย แต่ก็ไม่ต่างกันมากมายนักเพียงแค่ดูสวยสดงดงามกว่าในรูปก็เท่านั้น
ในขณะที่ทุกคนต่างทักทายกัน ชายหนุ่มค่อยๆเดินเข้าไปอย่างช้าๆจับจ้องสายตาไปทางหญิงสาวที่ดูท่าน่าจะเป็นคนที่คุณย่าดูตัวไว้ให้ ก่อนจะละสายตามองไปยังผู้ใหญ่ทั้งสอง
“สวัสดีครับ...”
“นี่พายุหลานชายของฉัน” กันยาพูดพร้อมกับเดินไปจับแขนของพายุอย่างภาคภูมิใจ มุกดาและทรงชัยมองพายุก่อนจะมองหน้ากันแล้วยิ้มออกมา พยักหน้ารับไหว้ชายหนุ่มที่ยังดูเด็กและรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาไม่หยอก เพียงแค่เสียงของเขาทำให้ยี่หวาอึ้งค้าง...เสียงของเขาคุ้นหูจนเธอต้องกหันหน้าไปมอง...
ทั้งสองสบตากันอย่างอึ้งๆ พายุแทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง...จำได้ว่าเธอบอกเขาว่าแม่เป็นเพียงคนใช้ของบ้านนี้ แต่ไหนกลับมายืนเด่นอยู่ในการดูตัวแบบนี้ได้ สายตาคมปรับเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าจ้องมองเธอตาเขม็ง ภายในหัวคิดได้เพียงอย่างเดียวว่ามีเรื่องไหนของเธอที่เคยบอกเขานั้นเป็นเรื่องจริงบ้าง...
“ทักทายพี่เขาสิ...วาวา” ทรงชัยเอ่ยย้ำเพื่อเรียกสติของยี่หวาลูกสาวคนใช้ที่เขาขอให้มาเป็นลูกสาว ยี่หวาหันไปมองทรงชัยและมุกดาเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นพนมไหว้คนตรงหน้า
“สะ...สวัสดีค่ะ” ยี่หวาพูดตะกุกตะกักไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองเขา เธอเองก็คิดว่าเรื่องของเขานี้เธอรู้อะไรจริงๆบ้าง เขาเป็นใครมาจากไหนไม่เคยได้รู้เลย...เพราะเขาบอกแค่ว่าทำงานอยู่ที่ตึกตรงข้าม พ่อแม่เสียไปแล้วเลยต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง...ไม่คิดว่าเขาจะมีตำแหน่งใหญ่โตในบริษัทใหญ่อย่างพีวายแบบนี้
“น้องอาจจะเขิน...พ่อพายุก็เล่นจ้องน้องขนาดนั้น” มุกดาเอ่ยแซวพายุ เขายิ้มบางๆให้คุณหญิงมุกดาก่อนจะจดจ้องไปยังยี่หวาไม่วางตา
“ผมแค่คิดไม่ถึง...ว่าน้องจะสวยขนาดนี้น่ะครับ” คำเว้นวรรคที่พายุพูดทำเขายี่หวารู้สึกเสียวสันหลังวาบ น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มยิ่งเน้นย้ำคำพูดว่ามีนัยยะบางอย่างที่มีเพียงเธอและเขาเท่านั้นที่รู้ แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายกลับมองหน้ากันไปมาด้วยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นว่าพายุดูถูกใจหญิงสาวคนนี้
“นั่งก่อนเถอะ ทานข้าวกันก่อนจะได้คุยกัน” กันยาพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น ดึงแขนหลานชายตนไปนั่งลงข้างๆยี่หวา เขายอมนั่งลงแต่โดยดีพร้อมกับหันไปมองยี่หวาไม่วางตา
บรรยากาศในโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความครื้นเครง ผู้ใหญ่เริ่มพูดคุยเรื่องหมั้นหมายและแต่งงานของทั้งสองอย่างออกรส พายุเอาแต่จ้องมองยี่หวาไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เธอเองก็เอาแต่ก้มหน้าและลอบมองสายตาที่ดูไม่ค่อยสบอารมณ์ของเขา
“ฉันล่ะชอบหนูวาวาจริงๆ นะมุกดา” กันยาพูดขึ้นพร้อมกับปรายตามองยี่หวาที่นั่งข้างพายุ
“งั้นก็แต่งงานเลยสิครับคุณย่า...ไม่ต้องเสียเวลามาหมั้นหรอก” พายุพูดทั้งที่ยังมองยี่หวา เธอหันมองไปเขาก่อนจะหันกลับก้มหน้าลงมองจานข้าวของตัวเอง...สายตาของเขาบ่งบอกทุกอย่างว่าเขากกำลังโกรธและคิดว่าเธอเป็นคนโกหกอยู่แน่ๆ ถ้ารู้ว่าเธอไม่วาวาเขาคงจะเกลียดเธอไปเลยก็ได้ แค่เธอคิดก็รู้สึกเศร้าแล้ว...
“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะพายุ ให้เกียรติน้องเขาด้วยสิ...รู้ว่าใจร้อนแต่ไม่เห็นต้องร้อนขนาดนั้นเลย” กันยาเอ่ยปรามหลานชายตัวเอง แต่ใบหน้าก็ยังเปื้อนรอยยิ้มราวกับว่าเห็นด้วยก่อนที่กันยาจะหันไปยิ้มให้สองสามีภรรยา
“ผมให้เกียรติน้องที่สุดแล้วครับ ถึงได้บอกว่าแต่งเลย...ไม่อยากพลาดเรื่องสำคัญแบบนี้” พูดพร้อมปราดปรายสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้เธอช่างแตกต่างจากเด็กกะโปโลที่เขาเคยเจออยู่ทุกวันมากเสียจริง
“เอ่อ...แต่ป้าว่า...” มุกดามองสายตาของพายุที่จ้องมองยี่หวา พร้อมกับมองยี่หวาที่ดูกังวลก็รีบท้วงขึ้นอย่างนึกห่วง ยังไงมุกดาก็ยังมองว่ายี่หวาเป็นเหมือนหลานสาวคนหนึ่งถึงได้ส่งเสียเรียนจนจบเพราะเธอเก่งและหัวดี การเรียนก็ดีไม่เคยทำตัวเหลวแหลกให้ผิดหวัง
“ถ้าคุณพายุต้องการอย่างนั้นผมก็ไม่ขัด...ดูท่าลูกสาวผมก็คงจะถูกใจคุณพายุอยู่เหมือนกันครับ แค่เธอเป็นผู้หญิงคงจะพูดออกไปตรงๆไม่ได้” ทรงชัยเอ่ยขึ้นขัดภรรยาของตนในทันที สำหรับทรงชัยยังไงเรื่องบริษัทก็ต้องมาก่อน เขาคิดว่าพายุก็ไม่ใช่คนหน้าตาไม่ดียี่หวาที่ปลอมเป็นลูกสาวของเขาก็ถือว่าโชคดี อีกอย่างการแต่งงานไปก็จะได้ปกปิดเรื่องที่ยี่หวาไม่ใช่ลูกจริงๆให้มันจบไป
“จริงของคุณทรงชัยค่ะ” กันยารีบเห็นดีเห็นงามกับทรงชัยทันที ยี่หวามองผู้ใหญ่ทั้งสามก่อนจะก้มหน้าลงอย่างหนักใจ ตอนนี้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนแทบรับไม่ทันไปหมดแล้ว
“เอ่อ...หนูขอไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ” ยี่หวาเลือกที่จะออกจากตรงนี้ไปก่อน เผื่อให้ตัวเองสงบใจได้บ้าง พายุเห็นอย่างนั้นจากที่นั่งไขว่ห้างจ้องมองเธอก็ยกยิ้มก่อนจะหันไปพูดกับผู้ใหญ่คนอื่นๆ
“เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนน้องเองครับ” ทุกคนต่างหันหน้ามองกันก่อนจะยิ้ม แต่ที่ดูกังวลและยิ้มเจื่อนที่สุดเห็นทีจะเป็นมุกดา
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพายุอยู่คุยกับท่าน...”
“แต่พี่คิดว่าหนูคงไม่รู้ทางไปห้องน้ำแน่ๆ”
“เดี๋ยวยี่หวา...เอ่อ วาวาจะถามพนักงานเอาก็ได้ค่ะ”
“หึ...พี่เป็นเจ้าของโรงแรมครับ ให้พี่ไปส่งน่าจะดีกว่า” พายุพูดก่อนจะเดินนำเธอไปโดยไม่รอให้เธออนุญาต ยี่หวามองตามแผ่นหลังของเขาก่อนจะหันไปโผงกหัวให้กับผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ แล้วค่อยเดินตามพายุไปเอย่างเงียบๆ
แผ่นหลังใหญ่ไหล่กว้างที่เธอคุ้นเคย รูปร่างที่เธอมองเห็นทุกวันที่ร้านกาแฟมันยังคงอยู่ในความทรงจำ แต่ตอนนี้แผ่นหลังนั้นไม่ได้หันกลับมาโบกมือให้เธอเหมือนเมื่อเช้า เขาเดินไปอย่างนิ่งเงียบไม่มีคำพูดใดเอื้อนเอ่ยออกมาสักคำ ก่อนที่ฝีเท้าจะหยุดลงหน้าห้องน้ำ
พายุกยืนกอดอกพิงกำแพงอย่างเงียบๆ ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเธอเลยสักนิด ยี่หวาลอบมองใบหน้าที่นิ่งเฉยของเขา รอยยิ้มที่เคยมีมันหายไปหมดแล้ว...แม้แต่สายตาที่อ่อนโยนก็ไม่มีเหมือนดั่งเคย
“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยแค่นั้นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ภายในใจรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ยี่หวาพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกจัดการกับอารมณ์ที่อ่อนไหวของตัวเองในตอนนี้ให้ได้มากที่สุด
ไม่เกินสิบห้านาทียี่หวาก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ก็ยังเห็นพายุยืนรอเธออยู่ที่เดิมนิ่ง...เธอจึงก้าวเท้าเข้าไปหยุดยืนข้างๆเขา พายุปรายสายตาคมมองเธอครู่หนึ่งโดยไม่ปริปากพูดอะไร
“เข้าไปด้านในกันเถอะค่ะ...พวกท่านคงรอนานแล้ว” เธอเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นพายุไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวไปไหนเลย เธอจึงเลือกดที่จะเดินนำเขาไปแต่ก็ถูกมือหนาของเขาคว้าจับข้อมือไว้แน่นก่อนจะกระชากเธอให้เข้าไปชิดตัวเขา ร่างของเธอถูกดันเข้าติดกับกำแพงโดยมีแขนแกร่งอีกข้างหนึ่งคร่อมกั้นเธอไว้
“ยี่หวา...หรือวาวา...ตัวจริงของคุณคือใครกันแน่?” สายตาคมดูดุดันจ้องมองใบหน้าของเธอที่ดูตกใจตาเขม็ง ยี่หวามองเขาด้วยอย่างนิ่งอึ้งไม่เคยเห็นพายุที่เป็นแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง
“คุณ..พายุ...ฉัน...” ยี่หวาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ใจอยากจะบอกเขาแทบแย่ว่าเธอคือยี่หวาคนเดิม...แต่ตอนนี้สถานะของเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาคือประธานบริษัทที่จะร่วมลงทุนกับบริษัทของผู้มีพระคุณเลี้ยงดูส่งเสียเธอเรียนมาตั้งแต่เล็กจนโต เธอก็แค่หมากเบี้ยตัวหนึ่งเท่านั้นจะพูดออกไปทั้งหมดก็คงทำให้เจ้านายตัวเองลำบากแน่ๆ เธอเม้มปากแน่นไม่ยอมพูดอะไรต่อ
“ผมรอฟังคุณอยู่ยี่หวา”
“ฉัน...ชื่อวาวาค่ะ...ไม่ใช่ยี่หวา”
“หึ...เธอเป็นคนแบบนี้เองสินะยี่หวา...ไม่สิ คุณหนูวาวา...โกหกหลอกลวงและปั่นหัวฉันเล่น!”
“......”
“ความรู้สึกของฉันมันคงดูน่าตลกสำหรับเธอสินะ”
คำพูดคำจาของพายุเปลี่ยนไปแทบจะทันทีที่ได้ยินเธอยืนยันตัวตนแบบนั้น ราวกับยืนยันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมามันคือเรื่องโกหก สาวร้านกาแฟนั้นไม่ใช่ยี่หวาอย่างที่เขาเข้าใจ แม้ภายในใจของเขาจะคาดหวังให้เธออธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้คิดว่าเขาเข้าใจผิด แต่เธอกลับตอบเพียงสั้นๆว่าเธอคือวาวา
“มันไม่ตลก...ฉันรู้สึก...”
“พอ...ฉันไม่อยากฟังคำโกหกของเธออีกแล้ววาวา...เธอคงตั้งใจจะมาอ่อยฉันเพื่อครอบครัวของเธอสินะ...เพื่อธุรกิจ...อย่างนั้นสินะ”
พายุพูดสวนขัดเธอขึ้นทันที เขาพูดออกมาด้วยความรู้สึกผิดหวัง...แค่เสี้ยววินาทีที่ยี่หวาเห็นแววตาของเขาดูเจ็บปวดแต่นั่นเธออาจจะตาฝาดไปก็ได้ พายุเข้าใจเธอผิดไปมากกว่าเดิมเสียอีกแถมยังไม่ยอมฟังอะไรจากเธอเลย ยี่หวาเงียบลงพร้อมกับมือหนาของเขาที่ยอมปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องอาหารอย่างเงียบๆ นั่งลงตรงที่เดิมภายใต้สายตาของพวกผู้ใหญ่ที่มองทั้งคู่แล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“ผมจะจัดงานแต่งให้เร็วที่สุดครับ...ผมไม่อยากพลาดผู้หญิงแบบน้องวาวาไป” อยู่ๆคนที่นั่งเอนหลังพองพนักเก้าอี้ไขว่ห้างพูดขึ้นทันที ยี่หวาหันไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ...ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดเธอไปแล้วหรอกเหรอ แต่ทำไมถึงยังยืนยันที่จะแต่งงาน...
“ถ้าคุณพายุบอกแบบนั้นผมเองก็ไม่ขัดครับ..” ทรงชัยรีบเอ่ยตกลงทันที
“พรุ่งนี้ผมจะเตรียมไปพูดคุยสู่ขอ แล้วค่อยหาฤกษ์วันแต่งภายในเดือนนี้” พายุเอ่ย
“ใจร้อนอะไรขนาดนั้นละลูก ย่าว่าหนูวาวาคงตกใจน่าดู” แม้จะพูดปรามหลานเป็นมารยาทแต่ก็ยิ้มแป้นจนปิดไม่มิดว่าดีใจแค่ไหน ยี่หวามองกันยาก่อนจะยิ้มตอบแห้งๆ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้แทนที่จะยกเลิกงานแต่งไป...
“เสร็จการสู่ขอช่วงเช้าแล้ว ผมจะเข้าไปบริษัทของคุณทรงชัยช่วงบ่ายเพื่อเซ็นสัญญาร่วมหุ้นนะครับ”
“เอ่อ...ได้ครับ”
เพราะพายุพูดขึ้นมาอย่างโจ่งแจ้งว่าที่ต้องแต่งงานเพราะธุรกิจ จนทรงชัยกระอักกระอ่วนแต่ก็ตอบออกรับออกไปพร้อมรอยยิ้มที่แสนจะแหดแห้ง ยี่หวานั่งถอนหายใจเบาๆ...ถึงเขาจะเป็นคนที่เธออยากดูใจแต่ตอนนี้สถานการณ์มันกลับเปลี่ยนไปแล้วจนน่าหนักใจ
ไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไรมากกว่าการแต่งงานหรือเปล่าถึงได้ตกลงง่ายดายอย่างนี้ ไม่ว่าจะคิดยังไงอนาคตชีวิตคู่ของเธอกับเขาคงไม่ได้หวานชื่นเหมือนที่เธอเคยวาดฝันไว้เป็นแน่
“ถ้าอย่างนั้น...คืนนี้ผมขออนุญาตไปส่งน้องนะครับ”
“มันจะดีหรือคะคุณพายุ...น้องน่าจะ...” มุกดาเอ่ยขัดขึ้น
“ผมอยากจะพาน้องไปขับรถเล่น ทำความรู้จักกันน่ะครับ...อยากคุยกันให้มากกว่านี้หน่อย...ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีหรอกครับคุณมุกดา” พายุเอ่ยขัดมุกดาทันที คุณหญิงถึงกับหน้าเจื่อนก่อนจะพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี ยี่หวาหันไปมองมุกดาอย่างอ้อนวอนขอให้ช่วย สายตาของเธอบ่งบอกว่าเธอไม่ได้อยากไปกับเขาเลยสักนิด แต่มุกดาก็ทำได้แค่ยิ้มบางๆแล้วพยักหน้าตอบเธอก็เท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นผมขอพาน้องไปก่อนนะครับ” พายุไม่รอช้ารีบลุกขึ้นอย่างใจร้อน กันยามองหลานตัวเองด้วยรอยยิ้มกริ่ม ไม่คิดว่าหลานชายของตัวเองจะร้อนอยากทำความรู้สึกหญิงสาวที่เธอเลือกให้แบบนี้ สำหรับกันยาแล้วถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะถึงอย่างไรคุณหญิงย่าก็ไม่ปล่อยให้หญิงสาวคนนี้รอดไปได้แน่ๆ
“เอ่อ...แต่ฉันยังทานข้าว...”
“แล้วหนูอยากทานอะไรล่ะคะ? พี่จะรีบพาไปไม่ว่าแพงแค่ไหนก็ไม่หวั่น” พายุพูดพร้อมยกยิ้มสีหน้าของเขาดูเหมือนเอ็นดูเธอเสียเต็มประดาจนผู้ใหญ่ที่จ้องมองพวกเขาอยู่ถึงกับยิ้มออกมาแล้วมองหน้ากันอย่างปลื้มใจ หารู้ไม่ว่านัยน์ตาคมนั้นกลับมีแต่ความน่ากลัวคงจะมีเพียงยี่หวาเท่านั้นที่เห็นมัน
“ไปเถอะลูก...ดีเหมือนกันผู้ใหญ่เขาจะได้คุยกัน” กันยาพูดขึ้นพร้อมกับจับไปที่มือเล็กของเธอเบาๆ ยี่หวามองหน้าหญิงชราก่อนจะยอมพยักหน้าแล้วลุกขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
พายุพาเธอเดินออกไปยังลานจอดรถที่ที่ลูกน้องของตนรออยู่ เมื่อเมษและแฟนต้าเห็นว่าพายุพาสาวร้านกาแฟกลับมาก็ถึงกับมองหน้ากันไปมาด้วยความ งง ก่อนจะเดินเข้าไปเอ่ยแซวผู้เป็นเจ้านาย
“แหม...ไม่คิดว่านายจะใช้ไม้นี้ ถึงขนาดพาหวานใจไปกันคนที่คุณหญิงย่าจัดหาให้” เมษเอ่ยพร้อมรอยยิ้มปรายสายตามองยี่หวาอย่างเอ็นดู
"สงสารน้องเขานะครับ โดนวีนมาแน่ๆถึงได้ลงมาเร็วแบบนี้” แฟนต้าเอ่ยเสริม
“หุบปากของพวกมึงไป...หึ...สาวร้านกาแฟงั้นเหรอ?...พวกมึงคงโดนต้มจนเปื่อยเหมือนกูสินะ”
“หมายความว่าไงครับนาย” เมษขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจก่อนจะมองยี่หวาและพายุสลับกันไม่ต่างจากแฟนต้าเลย
“นี่คุณหนูวาวา...ลูกสาวของประธานบริษัทวีโวล์...คู่หมั้นของกูที่คุณย่าจัดหาให้ไง” พายุเอ่ยพร้อมกับหันไปปราดสายตามองยี่หวาที่เอาแต่ก้มหน้าหงุด หากเธอไม่ได้รับบทเป็นวาวาคงจะเถียงเขาไปแล้ว
“ไม่ได้ยัดเยียดแค่คิดว่าคุณพายุ...อาจจะชอบวาวามากกว่า” “หืม?” “วาวาก็ลูกสาวคุณพ่อเหมือนกัน ถ้าแต่งงานกับคุณพายุคงไม่มีปัญหาอะไร...” ยี่หวาพูดพลางกเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบเลี่ยงใบหน้าหล่อของเขาที่เลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พายุชะงักกับคำพูดของเธอพลางขมวดคิ้ว เหลือบมองหญิงสาวตรงหน้าที่หลบเลี่ยงเขา “พูดแบบนี้หมายความว่าไง? ฉันแต่งงานกับเธอไปแล้ว จดทะเบียนสมรสแล้วด้วย...เธอจะให้ฉันหย่ากับคนพี่แล้วไปแต่งกับคนน้องอย่างนั้นเหรอ? ตลก...” เขาแสยะยิ้มอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ยันตัวออกห่างจากเธออย่างหัวเสียแล้วเดินนำไปยังล็อบบี้ ยี่หวามองท่าทีของเขาก่อนจะถอนหายใจ แต่ลึกๆก็เป็นห่วงควา
พายุได้แค่ปราดสายตามองยี่หวาครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้แย้งอะไรออกไป ทำยังไงได้ล่ะในเมื่อต้นเหตุมาจากเขาที่ไม่ยอมอยู่บ้านเป็นเดือนๆปล่อยให้เธออยู่คนเดียว ไม่แปลกที่ครอบครัวจะเป็นห่วงถึงแม้ว่าน้องเมียจะไม่ค่อยน่าไว้วางใจก็เถอะ “แล้วแต่เธอเลย...บ้านหลังนี้ก็เป็นของเธอเหมือนกัน” พายุเอ่ยเมื่อเห็นสายตาของยี่หวามองไปทางเขาอย่างเกรงใจ เพราะเขาตอบแบบนั้นเธอจึงทักท้วงไม่ได้ ด้านพายุเองก็คิดว่าเธอคงอยากให้น้องสาวมาอยู่ด้วย คงอยากพามากันเขาออกจากตัวเธอเองถึงได้เรียกให้น้องสาวมาอยู่ที่นี่ คนที่ดูจะดีใจจนออกนอกหน้าไม่พ้นวาวาที่กระโดดเข้าไปเกาะแขนของพายุอย่างดีใจ ยี่หวามองที่แขนของพายุแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น ความคิดที่ว่าเขาคงอยากได้เมียตัวจริงของเขาคืน เมียที่เขาควรจะต้องแต่งงานด้วยที่ไม่ใช่เธอ “เอ่อ...งั้น ฉันขอต
“ไอ้เมษ มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้ว่าช่วงที่กูไม่อยู่ยี่หวาไปเห็นอะไรมา?” หลังจากที่กินข้าวกินปลากันเรียบร้อย ยี่หวาก็เอาจานไปเก็บและล้างจานอยู่หลังครัว ได้ทีพายุก็รีบหันไปเอ่ยถามเมษทันที เพราะจากเหตุการณ์ที่เธอร้องขอหย่า เขาคิดว่าเธอต้องได้เห็นอะไรมาแน่ๆ และที่เขาเลือกถามเมษก็เพราะเมษคอยดูแลยี่หวาช่วงที่เขาออกไปนอนข้างนอก “ครับ? ก็...ไม่นะครับ” “มึงลองคิดดีๆก่อนตอบกู” พายุยังคงเค้นถามเมษอีกครั้ง เมษก็ทำท่าครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็เหมือนคิดไม่ออกว่าเรื่องอะไร “เอาดีๆนะไอ้เมษ ถ้าไม่คอขาดบาดตายนายคงไม่ถาม” แฟนต้าพูดพลางหัวเราะในลำคอลอบมองพายุที่ยังคงทำหน้าเครียด เรื่องที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับเจ้านายของเขาคงไม่พ้นเรื่องเมียแน่ๆ “ขนาดนั้นเลยเหรอวะ? เรื่องคอขาดบาดตายของนายเรื่องอะไรเหรอครับ?” เมษเอ่ยถามเชิงหยอกพายุ “นั่นสิ คุณยี่หวาทำไมเหรอครับนาย?” แฟนต้าพูดเปิดประเด็นทันที “ยี่หวา...ขอกูหย่า” พายุเอ่ยเสียงเรียบสีหน้าดูหงุดหงิดที่ต้องมาพูดเรื่องนี้ให้ลูกน้องทั้งสองคนได้รู้ แต่ถ้าไม่ยอมบอกลูก
ราวกับเจอศึกหนักก็ไม่ปาน เธออยู่กับเขาในห้องนอนยันเย็นกว่าจะได้ออกมาจากห้องเพราะสลบเมือดคาอกเขาอย่างน่าอาย คนใจร้ายไม่ยอมปล่อยให้เธอได้พักเลยซ้ำยังเอาแต่พูดว่าเพราะเธอบอกกับเขาว่าจะหย่า ยี่หวาคิดอยู่หลายตลบก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดึงดันที่จะปฏิเสธการขอหย่าของเธอทั้งที่เขาเองก็ไม่ได้รักเธอ แถมยังทำทีเกลียดขี้หน้าเธอด้วยซ้ำ มือถือทัพพีมองเหม่อด้วยความที่คิดไม่ตก คิดถึงเรื่องเขาเพราะเธอคิดว่านั่นคือทางที่ดีที่สุดสำหรับเข้าแล้วแท้ๆ “ไหม้แล้วมังแกงน่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังเรียกให้หญิงสาวที่ยืนถือทัพพีอย่างเหม่อลอยถึงกับสะดุ้ง ยี่หวาดเหลียวกลับไปมองด้านหลังยังต้นเสียงก็เห็นพายุยืนกอดอกพิงขอบประตูจ้องมองเธอด้วยสีหน้า
คำพูดของเขาทำให้ยี่หวาหวั่นใจไม่น้อย แววตาที่จ้องมองสั่นไหวราวกับเข้าใจความหมายในสิ่งที่เขาต้องการ สายตาคมฉายแววโกรธจนรู้สึกขนลุก แค่เมื่อคืนที่เขาโกรธก็ทำให้ร่างกายเธออ่อนล้าไปหมด เธอยังเจ็บไม่ทันหายดีเลยด้วยซ้ำ “ฉันไม่รู้จักคุณหรอกค่ะ และฉันไม่รู้ด้วยว่าคุณต้องการอะไร” ยี่หว่าพยายามตอบเลี่ยงคำถามของเขาเพราะคิดว่าเธอจะหนีเขาพ้น พายุที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับยกยิ้มแล้วพยักหน้าราวกับประชดประชัน “เธอไม่เคยรู้จักฉันเลยสินะ ขนาดไม่รู้จักเมื่อคืนยังตอบรับฉันดีขนาดนั้น” “เลิกพูดเรื่องบ้าๆนี่สักทีเถอะค่ะ! ฉันไม่ต้องการรู้จักคุณอีกต่อไปแล้ว ฉันจะหย่า!” ยี่หวาเน้นย้ำคำพูดนั้นด้วยความรู้สึกโกรธและอับอาย เรื่องเมื่อคืนเธอไม่ได้สมยอมเขาเสียหน่อยแล้วทำไมเขาถึงได้มาพูดราวกับว่าเธอเต็มใจแบบนี้...นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าของเล่น...ยี่หวาคิด “ฉันไม่หย่า!! ต่อให้เธออยากจะหย่าแค่ไหนก็อย่าหวังว่าจะได้ลายเซ็นของฉัน!!” “แล้วคุณเป็นบ้าอะไรถึงไม่ปล่อยฉันไป! ทั้งที่คุณเกลียดฉัน!” “ฉันเป็นผัวเธอไงยี่หวา!!” พาย
“คุณวาวามีธุระอะไรหรือเปล่าคะถึงได้มาหาฉันถึงที่นี่”ยี่หวาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเจ้านายของครอบครัวเดิมที่เธอเคยรับใช้อยู่ได้มาเยี่ยมเยือนเธอถึงที่บ้านเรือนหอ วาวายังคงมองรอบๆบ้านด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะหันไปมองยี่หวาแล้วเอามือกอดอกเอนตัวพิงพนักโซฟาห้องรับแขกด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสยี่หว่าเท่าไหร่นัก“ดูเธอคงจะโชคดีน่าดู ราวกับหนูตกถังข้าวสาร...ฉันแค่มาเยี่ยมน่ะ ไม่ได้เหรอ?”พูดพลางปั้นหน้าสร้างรอยยิ้มที่เสแสร้งอย่างจงใจให้ยี่หวารับรู้ ยี่หวาได้แต่นั่งเงียบไม่ได้ตอบโต้คำใดออกไป“ยี่หวา เห็นว่าเธออยู่บ้านนี้คนเดียวคงเหงาแย่ใช่ไหม? เพราะคุณพายุไม่กลับบ้านที่เรียกว่าเรือนหอเลยไม่ใช่เหรอ?”วาวายังคงจงใจพูดจี้ใจดำของยี่หวาอย่างไม่ลดละแม้ยี่หวาจะรู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะไล่ผู้หญิงตรงหน้าให้กลับไปได้ ด้วยความที่เธอคิดเสมอว่าวาวาคือน้องสาว เธอถึงได้ยอมแต่งงานแทนแบบนี้...ถึงแม้ว่าวาวาจะไม่เคยมองเธอเป็นพี่สาวเลยก็ตาม เพราะวาวาไม่อยากนับญาติกับคนใช้อย่างเธอ แต่ถึงอย่างนั้นวา