หลังจากที่ลองชุดเสร็จสิ้นก็กลับมานั่งรอในบริษัทอยู่นาน ในมือหนากดโทรศัพท์โทรหาลูกน้องคนสนิทอยู่หลายสายแต่กลับไม่มีคนรับสายจนเขาร้อนใจไปหมด กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าเพราะจากนิสัยลูกน้องของเขามีอะไรจะรายงานตลอดจนน่ารำคาญแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยๆหรือเรื่องไร้สาระ
"ทำไมมันไม่รับสายวะ!” พูดออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงานของตัวเองอย่างไม่ไยดี แฟนต้ายืนมองการกระทำของเขาเงียบๆอมยิ้มกรุ่มกริ่มที่เห็นเจ้านายตัวเองร้อนใจอยากรู้ข่าวคราวของหญิงสาวคนนั้นที่ทำท่าทางเกลียดนักเกลียดหนา
ก๊อกๆ
“รีบเข้ามา” เสียงเคาะประตูยังไม่ทันเงียบลงดีพายุก็รีบเอ่ยอนุญาตขึ้นมาพลางจ้องมองไปยังหน้าประตูอย่างลุ้นๆ และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดเมื่อลูกน้องคนสนิทอย่างเมษเดินเข้ามา พายุรีบเดินไปหาลูกน้องของเขาแทบจะทันที
“มึงไปไหนมา กูโทรไปตั้งหลายสายทำไมไม่รับ?”
“แหม ผมไม่คิดว่านายจะเป็นห่วงผมถึงขนาดนี้” เมษเอ่ยพลางทำท่าทางเขินอายกวนประสาทผู้เป็นเจ้านาย
“ตีนกูนี่ อย่ามาเล่นลิ้นตอบกูมา”
“คุณหนูยี่หวาชวนกินผัดไทยครับ เลยนั่งกินผัดไทยกันหน้าปากซอยทางเข้าหมู่บ้าน”
“มึงว่าอะไรนะ?! ที่มึงมาช้าเพราะไปนั่งกินผัดไทยกับยี่หวา?!”
“เธอบอกว่าจะเลี้ยง”
“แล้วมึงก็ให้เธอเลี้ยง?”
“ไม่ครับ ผมจ่ายเองในฐานะหนุ่มหล่อแล้วต้องจ่ายครับนาย”
“ตีนกูนี่!!” พายุได้ยินอย่างนั้นก็ทำท่าจะยกขาขึ้นเตะลูกน้องของตนแต่แฟนต้าเดินเข้ามาดึงเขาไว้เสียก่อน
“ใจเย็นครับนาย มันก็แค่ทำตามคำสั่งของคุณหนู” แฟนต้าเอ่ย
“ใช่ครับบบบ” เมษตอบไปอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับพยักหน้าหงึกๆ
“มึงเป็นลูกน้องกูต้องฟังกูไม่ใช่? กูบอกให้ส่งกลับบ้านเลยเสือกพายี่หวาแวะกินข้าวด้วยกันสองต่อสอง” พายุเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย ไม่ว่ากับใครก็ช่างเขาไม่อยากให้นั่งกินข้าวกับเธอนอกจากเขา
“หึงเหรอครับนาย?” เมษเอียงหน้าถามอย่างกวนๆทั้งที่มือทั้งสองข้างยังคงกุมอยู่ตรงหน้าเข็มขัดอย่างเรียบร้อย พายุหันไปปราดสายตามองเมษครู่หนึ่งก่อนจะสะบัดแขนออกจากห้ามของแฟนต้าแล้วจัดชุดสูทตัวเองให้เรียบร้อย
“ใครบอกว่ากูหึง แค่กลัวว่าจะไปเจออันตราย”
“อยู่กับนายอันตรายสุดแล้วครับ แค่วันแรกที่รู้ว่าเธอเป็นคุณหนูนายก็ลากเธอเข้าโรงแรมม่านรูดเลย” แฟนต้าเอ่ยขึ้นก่อนจะทำท่านึกคิด พายุขมวดคิ้วแน่นมองลูกน้องจอมกวนประสาทของเขา
“กูแค่ลองใจ ไม่ได้จะทำอะไรแบบนั้น...พวกมึงเลิกรวมหัวกวนตีนกูและไปทำงานได้แล้ว” พายุเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม ลูกน้องทั้งจึงยิ้มแฉ่งโค้งตอบรับก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ พายุมองตามลูกน้องตนไปจนเห็นว่าออกไปพ้นประตูแล้วก็เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตามเดิม
คำพูดของลูกน้องนั้นทำให้เขาฉุกคิดถึงคืนนั้นที่ได้ลิ้มรสริมฝีปากบางนั่นอย่างที่เขาไม่เคยได้ลิ้มรสมาก่อนทั้งที่เดทกับเธอมาตั้งสามเดือน เสืออย่างเขายอมอยู่เฉยๆทั้งที่เหยื่ออยู่ตรงหน้าเพราะมันคือเธอ คิดแล้วก็ยกมือขึ้นลูบริมฝีปากตัวเองไปมา ดีแค่ไหนแล้วที่คืนนั้นเขาห้ามใจตัวเองไว้ได้
พายุสะบัดความคิดในหัวก่อนจะเข้าอีเมล์เพื่อเช็กสถานที่ที่ร้านรับจัดงานแต่งส่งมาให้เขา ทุกสถานที่เขาเลือกมันเองแล้วคอนเฟิร์มเองกับมือ อย่างน้อยก็อาจจะทำให้เธอคิดถึงความทรงจำระหว่างเขาในช่วงสามเดือนก่อนที่เรื่องมันจะเป็นแบบนี้ได้บ้าง เขาคิดว่ามันอาจจะทำให้เธอรู้สึกได้ที่มาหลอกหลวงเขาแบบนี้ พายุคิดแล้วก็เจ็บใจ...ทั้งที่ตัวเองอุตส่าห์จะจริงจังด้วย แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องราวของเธอคือเรื่องโกหกทั้งหมด
พอคิดไปคิดว่าก็รู้สึกว่ามันแปลก พายุหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาก่อนจะกดโทรหาลูกน้องมือขวาของตัวเองในทันที เสียงรอสายดังแค่ครั้งเดียวก็ได้ยินเสียงปลายสายตอบรับ
“มึงไปสืบเรื่องยี่หวามาให้กูอย่างละเอียด และอย่าให้ใครรู้แม้แต่ย่ากูก็ด้วย” เขาพูดแค่นั้นก็กดวางสายไปในทันที ก่อนที่สายตาจะมองเหม่อลงไปยังร้านกาแฟข้างล่างที่เขาเคยซื้อมันทุกเช้าเพื่อเจอหน้าเธอ....
ตลอดอาทิตย์พายุไปรับยี่หวาเพื่อถ่ายพรีเวดดิ้งแม้ว่ายี่หวาจะไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ ๆ เขาถึงเปลี่ยนใจ หลังจากที่บอกทางร้านไปว่าให้ใช้เป็นรูปตัดต่อแทน การถ่ายพรีเวดดิ้งดำเนินไปด้วยดีอย่างไม่มีติดขัด พายุไม่ได้มีทีท่าว่าไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติจนยี่หวาแอบหวั่นใจไม่ได้
“เรียบร้อยครับ” เสียงของตากล้องเอ่ยขึ้นหลังจากถ่ายภาพเช็ตสุดท้ายในวันสุดท้ายที่นัดถ่ายสำเร็จ มือหนาที่รวบกอดเอวบางของยี่หวาไว้นั้นรีบปล่อยแทบจะทันที สีหน้าที่เคยยิ้มแย้มหน้ากล้องหุบลงเปลี่ยนเป็นใบหน้าเรียบเฉยไปเสียอย่างนั้น
พายุรูดเนกไทด์ที่คอของตัวเองพร้อมกับชุดสูทแต่งงานออกวางไว้ตรงโซฟาหลังจากถ่ายรูปคู่แต่งงานที่ต้องใช้ติดหน้างานเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนชุด ยี่หวามองดูการกระทำของเขาก่อนจะทอดถอนหายใจ ในหัวคิดต่อว่าตัวเองที่คิดอะไรโง่ๆว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาอาจจะดีขึ้นมาบ้างก็เป็นได้ เขาแค่ทำตามหน้าที่หรืออาจจะเป็นเพราะกันยาผู้เป็นย่าของเขาสั่งให้ทำก็เท่านั้น
ยี่หวาสะบัดความคิดต่างๆนานาออกจากหัวก่อนจะเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน เธอรูดซิปด้านหลังอย่างเหม่อลอยก่อนที่จะพยายามรูดลงยังไงก็ไม่ลงสักที
“เอ๊ะ...ทำไมถึงติดนะ” ยี่หวาเหลียวไปเหลียวมาพยายามมองซิบนั้นว่ามันกินผ้าส่วนไหนไปหรือเปล่าถึงได้รูดลงต่อไม่ได้ ก่อนที่หางตาจะหันไปเห็นพายุยืนกอดอกพิงผนังจับจ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่คาดเดาไม่ถูก มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“คุณพายุ ขะ...เข้ามาในห้องลองเสื้อผู้หญิงได้ยังไงคะ?”
“ไม่มีป้ายบอกนี่ว่าผู้ชายห้ามเข้า...”
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรเข้ามานะคะ”
“ฉันแค่มาตามเห็นว่าเธอชักช้า ฉันมีงานที่ต้องไปทำต่อ”
“เอ่อ...คือ...เดี๋ยวฉันจะรีบแล้วกันนะคะ” ยี่หวาพูดแค่นั้นพลางก้มหน้าอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้ประธานบริษัทอย่างเขาเสียเวลา แต่พายุกลับไม่ได้ฟังในสิ่งที่เธอพูด เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ เธอในทันทีพร้อมกับโน้มหน้าลงไปกระซิบแผ่วข้างใบหูเล็ก ยี่หวาเบิกตากว้างมองหน้าเขาผ่านกระจก
“อยู่นิ่งๆ...”
“คะ...คุณจะทำอะไรน่ะ!” เธอสะดุ้งโหยงเมื่อปลายนิ้วเรียวของเขาเลื่อนไล้ไปตามแผ่นหลัง ความรู้สึกไหววูบแล่นเข้ามาในใจและร่างกายอย่างห้ามไม่ได้ หัวใจเต้นโครมครามจนเจ้าของหัวใจรู้สึกได้
พายุยกยิ้มจดจ้องใบหน้าสวยผ่านกระจกนั้นพลางยกยิ้มอย่างพอใจที่เห็นใบหน้าสวยแดงเรื่อจนเห็นได้ชัด เขาค่อยๆรูดซิบชุดเดรสนั้นลงจนไปถึงบั้นท้ายพลางปลายนิ้วจงใจกรีดกรายโดนเนื้อเนียนสวยนั้นให้เธอสยิวเล่น เขาผละตัวออกมาเล็กน้อยก่อนจะจ้องมองแผ่นหลังสวยนั้นอย่างหลงใหล ก่อนที่มือหนาจะเลื่อนลูบเข้าไปในชุดที่อ้าออกสัมผัสเอวบางนั้นอย่างลืมตัว
“อือ...เอ่อ...เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเองได้ค่ะ” ยี่หวาเผลอครางออกมาเล็กน้อยก่อนจะรีบผลิกตัวไปมองเขาพร้อมกับถอยกรูไปติดกระจก สองแขนเรียวกอดตัวเองไว้เพื่อไม่ให้ชุดมันหลุดออกมาต่อหน้าต่อตาเขา พายุดึงสายตาขึ้นมองใบหน้าของเธอก่อนจะพยักหน้าแล้วยอมเดินออกไปแต่โดยดี ยี่หวามองดูเขาออกไปจากห้องลองเสื้อจนลับตาก่อนจะเลื่อนมือไปทาบที่อกและลูบมันเบาๆให้ใจมันเย็นลง
พายุเดินออกมาจากห้องลองเสื้อก่อนจะเดินตรงยังเคาน์เตอร์ของร้าน พนักงานสาวคนเดิมเงยหน้ามองเขาอย่างนึกสงสัยว่ามีอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า
“ซิบชุดเจ้าสาวแก้ให้ตัวนะครับ...มันติด”
“เอ่อ...ได้ค่ะ” พนักงานสาวตอบรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่พายุจะเดินกลับไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาไม่ไกลจากเคาน์เตอร์มากนัก เขายกมือขึ้นนวดหัวคิ้วราวกับว่าจะให้มันเลิกคิดถึงภาพและสัมผัสเมื่อครู่ก่อนที่ตัวเองจะห้ามใจไม่ไหว เขาต้องการจะทำให้เธอรู้สำนึก ไม่ใช่ให้เธอมาทำให้เขาหลงใหลขนาดนี้ไม่อย่างนั้นคงจะโกรธไม่ลงจนต้องยอมมันเสียทุกอย่าง
“รู้แม้กระทั่งซิบ...อย่าบอกนะว่านายแอบเข้าไปช่วยเจ้าสาวถอดชุดน่ะครับ” แฟนต้าลูกน้องมือซ้ายของพายุเอ่ยกระซิบแซวเขาใกล้ๆ พายุเหลียวไปมองลูกน้องตนตาขวางก่อนจะหันกลับมานวดขมวดตัวเองต่อ ปวดหัวกับใจตัวเองไม่พอยังต้องมาปวดหัวกับลูกน้องจอมปากหมาแซวมันทุกเรื่องอีก
ไม่นานนักยี่หวาก็เดินออกมาจากห้องลองเสื้อแต่เธอก็ยังไม่กล้าที่จะมองหน้าพายุตรงๆ พายุปรายสายตามองเธอครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้น
“วันนี้ฉันจะไปส่งเธอเอง”
“ไม่ใช่ว่ามีงานต่อเหรอคะ?”
“มีแล้วจะทำไม? ไปส่งไม่ได้?”
“เมื่อวานก็ไม่เห็นคุณจะไปส่ง ฉันกลับกับคุณเมษก็ได้ค่ะ คุณไปทำงานเถอะ” ยี่หวากล่าว
“ยินดีครับคุณหนู” เมษโค้งตอบรับด้วยใบหน้าที่ยิ้มร่า แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อพายุปราดสายตามองเขาอย่างคาดโทษ
“เมษต้องไปทำงานให้ฉัน” พายุเอ่ยขัดทันที
“งาน? งานอะไรหรือครับ? วันนี้...อ๋อ ใช่ครับ ผมมีงานที่ต้องทำ” เมษรีบกลับคำแทบไม่ทันเมื่อเห็นสายตาดุร้ายของเจ้านาย ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้อยากตกงานเงินเดือนดีๆแบบนี้แน่นอน
“ไปสิไอ้ต้า ยืนซื่อบื้ออยู่ทำไมวะ” เมษสะกิดแฟนต้าอย่างแรงทำเอามือซ้ายอย่างแฟนต้าถึงกับงง
“กู? กูด้วยเหรอวะ?” แฟนต้าชี้ตัวเองก่อนจะมองหน้าเมษเพื่อนของตนและพายุสลับกันไปมา พายุขมวดคิ้วก่อนจะสะบัดเป็นชิงบอกว่าให้ไปทั้งคู่ แฟนต้าจึงยอมออกจากร้านไปกับเมษโดยไม่พูดอะไร
“ไปกันได้หรือยัง?” พายุเอ่ยถามยี่หวาที่มองตามหลังลูกน้องทั้งสองของตนไป ยี่หวาจึงหันกลับมาพยักหน้าให้พายุก่อนที่พายุจะเดินนำออกจากร้านไป ยี่หวาเดินตามไปโดยไม่พูดอะไรแม้แต่ประตูผลักเขาก็ไม่เปิดให้ปล่อยให้มันปิดต่อหน้าต่อตายี่หวาที่เดินตามหลังเขาอยู่อย่างจงใจ ยี่หวามองประตูนั้นอย่างตกใจที่เกือบจะกระแทกเข้าที่หน้า เธอมองตามหลังพายุตาขวาง
“คนอะไรใจดำชะมัด” ยี่หวาบ่นอุบก่อนจะผลักประตูออกไปเองเมื่อเห็นว่าพายุเข้าไปนั่งในรถประจำตำแหน่งคนขับเรียบร้อยแล้ว เธอรีบเดินไปอีกฝั่งเปิดประตูที่นั่งข้างหลัง พายุเห็นอย่างนั้นก็หันไปมองเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแววตาฉายแววไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“เธอเห็นฉันเป็นคนขับรถของเธอหรือยังไง? มานั่งข้างหน้า”
“ไม่ดีกว่าค่ะ นั่งห่างๆกันบ้างก็ดีเหมือนกัน”
“ฉันบอกให้มานั่งข้างหน้า” พายุเอ่ยเสียงเข้มพลางจ้องมองเธออย่างหัวเสีย ยี่หวาทำหน้ายู่ก่อนจะยอมปิดประตูด้านหลังแล้วเดินอ้อมไปนั่งด้านข้างคนขับอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
ไม่ทันที่เธอจะได้คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยดีพายุก็รีบเหยียบคันเร่งออกรถทันที ทำเอาร่างของเธอถึงกับผะโงกโงนไปด้านหน้าก่อนที่เธอจะรีบคาดเข็มขัดนิรภัยนั้นอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“ถ้ารีบขนาดนี้ก็น่าจะปล่อยให้กลับเองสิ” ยี่หวาพึมพำแต่ก็ตั้งใจให้คนข้างๆได้ยิน
“นี่เธอ! นับวันยิ่งปากกล้าขึ้นเยอะนะ” พายุหันไปทำเสียงดุใส่เธอก่อนจะหันไปมองทาง
“แล้วทำไมฉันจะพูดบ้างไม่ได้ ทีคุณยังไม่เคยพูดดีๆกับฉันเลยนี่คะ” ยี่หวาตอบกลับทั้งที่ไม่ยอมหันหน้ามองเขา พายุปรายสายตามองเธอครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างไม่พอใจ
“ได้สิยี่หวา เธอต้องการแบบนั้นใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ฉันหรอกค่ะ คุณพายุเองต่างหาก”
“ได้เลย” พายุตอบแค่นั้นก่อนจะเหยียบคันเร่งแทบจะมิดไมล์ ปาดซ้ายปาดขวารถทุกคันที่ขวางทางจนยี่หวาถึงกับกระชับมือที่จับที่คาดเข็มขัดนิรภัยนั้นไว้แน่น ก่อนจะหลับตาข้างหนึ่งด้วยความหวาดกลัวการขับรถของเขา
หลังจากเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่บนถนนใหญ่มาสักพัก รถของเขาก็แล่นช้าลงก่อนจะจอดนิ่งสนิทในที่สุด ยี่หวาที่หลับตาตลอดทางรู้สึกว่ารถไม่เคลื่อนไหวแล้วจึงค่อยๆเปิดตาขึ้นคิดว่าคงถึงบ้านแล้วแต่พอมองบรรยากาศข้างนอกแล้วกลับไม่ใช่บ้าน แต่เป็นปากทางเข้าบ้าน เธอหันไปมองพายุที่เปิดประตูลงจากรถคันหรูก่อนจะรีบลงรถตามเขาเพื่อจะถาม
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม?”
“ฉันหิว จะแวะกินผัดไทยไม่ได้เลย?”
“คนอย่างคุณเนี่ยนะจะมานั่งกินผัดไทยที่นี่?” ยี่หวาเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ
“ทำไมจะกินไม่ได้? ก่อนหน้านี้เธอก็เป็นคนพาฉันไปกินอาหารข้างทางไม่ใช่หรือไง” พายุตอบอย่างหงุดหงิดก่อนจะนึกขึ้นได้ในสิ่งที่เขาพูดไป พายุหันกลับไปมองยี่หวาที่มองเขาตาปริบๆอ้าปากค้างเล่นเอาเขาทำตัวไม่ถูก...ไม่น่าเผลอพูดแบบนั้นออกไปเลย
“ฉันหมายถึงทีเธอยังมากินผัดไทยสองต่อสองกับไอ้เมษได้ทำไมจะกินผัดไทยกับฉันไม่ได้” พายุพยายามแก้ต่าง ยี่หวามองเขานิ่งก่อนจะหันหน้าไปทางหน้าร้าน
“ไม่เห็นเกี่ยวกันตรงไหน”
“เอาอะไรดีจ้ะ” แม่ค้าเอ่ยถามขึ้นขัดทั้งสองด้วยรอยยิ้ม ยี่หวาเหลือบมองพายุที่เหลือบมองเธอเช่นกัน ก่อนที่เขาจะพูดตะกุกตะกักขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เธอ...ก็สั่งสิ เอาแบบวันนั้นที่เธอมานั่งกินกับไอ้เมษน่ะ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นยี่หวาถึงกับส่ายหน้าก่อนจะหันไปทางแม่ค้าที่รอรับออร์เดอร์ของเธออยู่
“เอาผัดไทยกุ้งสดสองจานจ้ะป้า” ยี่หวาพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะที่ว่างอยู่ พายุจึงเดินตามเธอไปอย่างเงียบๆและนั่งลง สายตาคมมองสำรวจรอบๆร้านอย่างอยากรู้อยากเห็น
“วันก่อนนั่งกันโต๊ะนี้หรือไง?”
“เปล่า โต๊ะข้างหลัง”
“งั้นไปนั่งข้างหลัง”
“อะไรของคุณเนี่ยคุณพายุ” ยี่หวามองเขาอย่างไม่เข้าใจก่อนที่ชายหนุ่มจะลุกขึ้นเดินไปนั่งโต๊ะข้างหลังโต๊ะที่เธอนั่งอย่างเอาแต่ใจ ยี่หวาเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจยอมเดินตามไปแต่โดยดี
“เอาแต่ใจชะมัด” ยี่หวาพึมพำหลังจากที่นั่งลงตรงข้ามเขา...
“ไม่ได้ยัดเยียดแค่คิดว่าคุณพายุ...อาจจะชอบวาวามากกว่า” “หืม?” “วาวาก็ลูกสาวคุณพ่อเหมือนกัน ถ้าแต่งงานกับคุณพายุคงไม่มีปัญหาอะไร...” ยี่หวาพูดพลางกเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบเลี่ยงใบหน้าหล่อของเขาที่เลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พายุชะงักกับคำพูดของเธอพลางขมวดคิ้ว เหลือบมองหญิงสาวตรงหน้าที่หลบเลี่ยงเขา “พูดแบบนี้หมายความว่าไง? ฉันแต่งงานกับเธอไปแล้ว จดทะเบียนสมรสแล้วด้วย...เธอจะให้ฉันหย่ากับคนพี่แล้วไปแต่งกับคนน้องอย่างนั้นเหรอ? ตลก...” เขาแสยะยิ้มอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ยันตัวออกห่างจากเธออย่างหัวเสียแล้วเดินนำไปยังล็อบบี้ ยี่หวามองท่าทีของเขาก่อนจะถอนหายใจ แต่ลึกๆก็เป็นห่วงควา
พายุได้แค่ปราดสายตามองยี่หวาครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้แย้งอะไรออกไป ทำยังไงได้ล่ะในเมื่อต้นเหตุมาจากเขาที่ไม่ยอมอยู่บ้านเป็นเดือนๆปล่อยให้เธออยู่คนเดียว ไม่แปลกที่ครอบครัวจะเป็นห่วงถึงแม้ว่าน้องเมียจะไม่ค่อยน่าไว้วางใจก็เถอะ “แล้วแต่เธอเลย...บ้านหลังนี้ก็เป็นของเธอเหมือนกัน” พายุเอ่ยเมื่อเห็นสายตาของยี่หวามองไปทางเขาอย่างเกรงใจ เพราะเขาตอบแบบนั้นเธอจึงทักท้วงไม่ได้ ด้านพายุเองก็คิดว่าเธอคงอยากให้น้องสาวมาอยู่ด้วย คงอยากพามากันเขาออกจากตัวเธอเองถึงได้เรียกให้น้องสาวมาอยู่ที่นี่ คนที่ดูจะดีใจจนออกนอกหน้าไม่พ้นวาวาที่กระโดดเข้าไปเกาะแขนของพายุอย่างดีใจ ยี่หวามองที่แขนของพายุแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น ความคิดที่ว่าเขาคงอยากได้เมียตัวจริงของเขาคืน เมียที่เขาควรจะต้องแต่งงานด้วยที่ไม่ใช่เธอ “เอ่อ...งั้น ฉันขอต
“ไอ้เมษ มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้ว่าช่วงที่กูไม่อยู่ยี่หวาไปเห็นอะไรมา?” หลังจากที่กินข้าวกินปลากันเรียบร้อย ยี่หวาก็เอาจานไปเก็บและล้างจานอยู่หลังครัว ได้ทีพายุก็รีบหันไปเอ่ยถามเมษทันที เพราะจากเหตุการณ์ที่เธอร้องขอหย่า เขาคิดว่าเธอต้องได้เห็นอะไรมาแน่ๆ และที่เขาเลือกถามเมษก็เพราะเมษคอยดูแลยี่หวาช่วงที่เขาออกไปนอนข้างนอก “ครับ? ก็...ไม่นะครับ” “มึงลองคิดดีๆก่อนตอบกู” พายุยังคงเค้นถามเมษอีกครั้ง เมษก็ทำท่าครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็เหมือนคิดไม่ออกว่าเรื่องอะไร “เอาดีๆนะไอ้เมษ ถ้าไม่คอขาดบาดตายนายคงไม่ถาม” แฟนต้าพูดพลางหัวเราะในลำคอลอบมองพายุที่ยังคงทำหน้าเครียด เรื่องที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับเจ้านายของเขาคงไม่พ้นเรื่องเมียแน่ๆ “ขนาดนั้นเลยเหรอวะ? เรื่องคอขาดบาดตายของนายเรื่องอะไรเหรอครับ?” เมษเอ่ยถามเชิงหยอกพายุ “นั่นสิ คุณยี่หวาทำไมเหรอครับนาย?” แฟนต้าพูดเปิดประเด็นทันที “ยี่หวา...ขอกูหย่า” พายุเอ่ยเสียงเรียบสีหน้าดูหงุดหงิดที่ต้องมาพูดเรื่องนี้ให้ลูกน้องทั้งสองคนได้รู้ แต่ถ้าไม่ยอมบอกลูก
ราวกับเจอศึกหนักก็ไม่ปาน เธออยู่กับเขาในห้องนอนยันเย็นกว่าจะได้ออกมาจากห้องเพราะสลบเมือดคาอกเขาอย่างน่าอาย คนใจร้ายไม่ยอมปล่อยให้เธอได้พักเลยซ้ำยังเอาแต่พูดว่าเพราะเธอบอกกับเขาว่าจะหย่า ยี่หวาคิดอยู่หลายตลบก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดึงดันที่จะปฏิเสธการขอหย่าของเธอทั้งที่เขาเองก็ไม่ได้รักเธอ แถมยังทำทีเกลียดขี้หน้าเธอด้วยซ้ำ มือถือทัพพีมองเหม่อด้วยความที่คิดไม่ตก คิดถึงเรื่องเขาเพราะเธอคิดว่านั่นคือทางที่ดีที่สุดสำหรับเข้าแล้วแท้ๆ “ไหม้แล้วมังแกงน่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังเรียกให้หญิงสาวที่ยืนถือทัพพีอย่างเหม่อลอยถึงกับสะดุ้ง ยี่หวาดเหลียวกลับไปมองด้านหลังยังต้นเสียงก็เห็นพายุยืนกอดอกพิงขอบประตูจ้องมองเธอด้วยสีหน้า
คำพูดของเขาทำให้ยี่หวาหวั่นใจไม่น้อย แววตาที่จ้องมองสั่นไหวราวกับเข้าใจความหมายในสิ่งที่เขาต้องการ สายตาคมฉายแววโกรธจนรู้สึกขนลุก แค่เมื่อคืนที่เขาโกรธก็ทำให้ร่างกายเธออ่อนล้าไปหมด เธอยังเจ็บไม่ทันหายดีเลยด้วยซ้ำ “ฉันไม่รู้จักคุณหรอกค่ะ และฉันไม่รู้ด้วยว่าคุณต้องการอะไร” ยี่หว่าพยายามตอบเลี่ยงคำถามของเขาเพราะคิดว่าเธอจะหนีเขาพ้น พายุที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับยกยิ้มแล้วพยักหน้าราวกับประชดประชัน “เธอไม่เคยรู้จักฉันเลยสินะ ขนาดไม่รู้จักเมื่อคืนยังตอบรับฉันดีขนาดนั้น” “เลิกพูดเรื่องบ้าๆนี่สักทีเถอะค่ะ! ฉันไม่ต้องการรู้จักคุณอีกต่อไปแล้ว ฉันจะหย่า!” ยี่หวาเน้นย้ำคำพูดนั้นด้วยความรู้สึกโกรธและอับอาย เรื่องเมื่อคืนเธอไม่ได้สมยอมเขาเสียหน่อยแล้วทำไมเขาถึงได้มาพูดราวกับว่าเธอเต็มใจแบบนี้...นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าของเล่น...ยี่หวาคิด “ฉันไม่หย่า!! ต่อให้เธออยากจะหย่าแค่ไหนก็อย่าหวังว่าจะได้ลายเซ็นของฉัน!!” “แล้วคุณเป็นบ้าอะไรถึงไม่ปล่อยฉันไป! ทั้งที่คุณเกลียดฉัน!” “ฉันเป็นผัวเธอไงยี่หวา!!” พาย
“คุณวาวามีธุระอะไรหรือเปล่าคะถึงได้มาหาฉันถึงที่นี่”ยี่หวาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเจ้านายของครอบครัวเดิมที่เธอเคยรับใช้อยู่ได้มาเยี่ยมเยือนเธอถึงที่บ้านเรือนหอ วาวายังคงมองรอบๆบ้านด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะหันไปมองยี่หวาแล้วเอามือกอดอกเอนตัวพิงพนักโซฟาห้องรับแขกด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสยี่หว่าเท่าไหร่นัก“ดูเธอคงจะโชคดีน่าดู ราวกับหนูตกถังข้าวสาร...ฉันแค่มาเยี่ยมน่ะ ไม่ได้เหรอ?”พูดพลางปั้นหน้าสร้างรอยยิ้มที่เสแสร้งอย่างจงใจให้ยี่หวารับรู้ ยี่หวาได้แต่นั่งเงียบไม่ได้ตอบโต้คำใดออกไป“ยี่หวา เห็นว่าเธออยู่บ้านนี้คนเดียวคงเหงาแย่ใช่ไหม? เพราะคุณพายุไม่กลับบ้านที่เรียกว่าเรือนหอเลยไม่ใช่เหรอ?”วาวายังคงจงใจพูดจี้ใจดำของยี่หวาอย่างไม่ลดละแม้ยี่หวาจะรู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะไล่ผู้หญิงตรงหน้าให้กลับไปได้ ด้วยความที่เธอคิดเสมอว่าวาวาคือน้องสาว เธอถึงได้ยอมแต่งงานแทนแบบนี้...ถึงแม้ว่าวาวาจะไม่เคยมองเธอเป็นพี่สาวเลยก็ตาม เพราะวาวาไม่อยากนับญาติกับคนใช้อย่างเธอ แต่ถึงอย่างนั้นวา