ในโรงแรมหรูระดับหกดาว ในห้องจัดเลี้ยงที่จองไว้ขนาดใหญ่เพื่อรองรับแขกเหรื่อที่เข้ามาร่วมงานมงคลสมรสของทายาทบริษัทใหญ่ รูปที่ถ่ายพรีเวดดิ้งถูกประดับประดาอยู่หน้าทางเข้างานอย่างสวยงาม งานแต่งที่ดูหรูหรามีระดับบ่งบอกถึงฐานะทางสังคมได้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นการที่มียี่หวาเป็นลูกสาวคนโตของบ้านเปรมปรีย์นั้นค่อนข้างจะเป็นที่ครหาว่าเป็นลูกนอกสมรสของทรงชัย เพราะในแวดวงสังคมไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกไป
บ่าวสาวยืนรับแขกอยู่หน้างานก่อนจะถึงฤกษ์ทำพิธีอย่างไม่ยอมพัก ทั้งสองปั้นหน้ายิ้มให้กับแขกเหรื่อที่เข้ามาทักทายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่สายตาของยี่หวาจะหันไปเห็นหญิงสาวในชุดสีชมพูเดินนวยนาบเข้ามาหาเธออย่างมั่นใจ
“วาวา...” ยี่หวาเรียกชื่อนั้นอย่างอึ้งๆ เรียกสายตาของพายุให้หันไปมองตามสายตาของเธอ
“นึกว่าจะลืมฉันไปแล้วซะอีก...พี่หวา” วาวาเอ่ยทักทายก่อนจะทิ้งท้ายคำพูดเนื่องจากผู้เป็นแม่ได้บอกให้เธอเรียกยี่หวาว่าพี่ ไม่อย่างนั้นผู้ที่เป็นเจ้าบ่าวอาจจะครางแครงใจนทำให้ยกเลิกงานแต่ง เป็นจัวหวะพอดีกับที่พายุหันไปทางอื่นเพื่อทักทายแขกเหรื่อคนอื่นๆ จึงทำให้เห็นใบหน้าไม่ได้ชัดนัก
“แต่งงานกับคนแก่แบบนี้คงลำบากหน่อยนะพี่” วาวาพูดอย่างจงใจพร้อมกับหันหน้าไปทางพายุ ก่อนที่เขาจะหันกลับมายิ้มตอบรับเจื่อนๆ วาวาถึงกับอึ้งไปชั่วขณะจ้องมองใบหน้าหล่อของพายุค้างก่อนจะค่อยๆหันไปมองยี่หวาที่ยังคงทำสีหน้าไม่ถูก
“ว้าว...ไม่คิดเลยว่าพี่จะโชคดีขนาดนี้ เปลี่ยนห่านให้เป็นหงส์มันไม่ง่ายเลยจริงๆสำหรับครอบครัวของเรา...” วาวาพูดขึ้นทั้งที่ใบหน้ายังคงเปื้อนรอยยิ้มหวาน สายตาจับจ้องมองใบหน้าเจ้าบ่าวอย่างหลงใหล ยี่หวามองวาวาและพายุสลับกันครู่หนึ่งก่อนจะรีบเอ่ยขึ้น...กลัวว่าความลับของบ้านจะรั่วไหลจากคำพูดของวาวา
“เอ่อ...วาวา คุณภพไม่มาด้วยเหรอ?” ยี่หวาเอ่ยถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“อ้าว นี่ฉันยังไม่ได้บอกพี่เหรอ ว่าฉันกับคุณภพแยกทางกันไปแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะมางานแต่งพี่ทำไมล่ะคะ...พี่สาว” วาวาเอ่ย ก่อนจะเข้าไปกอดหญิงสาวในชุดเจ้าสาวตรงหน้าพอหลวมๆ จงใจเอียงหน้ากระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคนพอทำให้ใจของยี่หวากระตุกวูบ
“ความโชคดีนี้มันควรเป็นของฉัน ยี่หวา” พูดออกไปทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเป็นคนปฏิเสธงานแต่งนี้ด้วยตัวเอง จนทำให้ยี่หวาต้องมาแต่งงานแทน เพียงแค่ยี่หวายังโชคดีที่คนที่เธอแต่งงานด้วยกลับกลายเป็นคนในใจ
“ตะ...แต่ เธอเป็นคนปฏิเสธ...”
“เพราะตอนนั้นฉันไม่รู้ แต่ตอนนี้ฉันอยากได้ที่ของฉันคืน” วาวาพูดพลางผละออกจากอ้อมกอดที่เสแสร้งนั้น ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มส่งให้ยี่หวาราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้พายุที่ยืนขมวดคิ้วเล็กน้อยอยู่ข้างๆแต่มุมปากหยักได้รูปของเขาก็ยังคงเปื้อนรอยยิ้มบางๆ
“ลำบากหน่อยนะคะคุณเจ้าบ่าวสุดหล่อ...คุณควรจะได้หงส์มาครองแท้ๆ ไม่ใช่...”
“วาวา! จะมาทำไมไม่บอกแม่” มุกดาเอ่ยขัดขึ้นหลังจากที่หันมาเห็นว่าลูกสาวที่หนีออกจากบ้านไปจนเกิดเรื่องวุ่นนั้นกลับเดินเข้างานแต่งมาโดยไม่ติดต่อบอกใคร ทางครอบครัวจึงไม่ได้ส่งการ์ดเชิญไป
“หายหัวไปไม่บอกไม่กล่าว ยังจะกล้ากลับมาอีกรึ!” ผู้เป็นยายอดไม่ได้ที่จะต่อว่าหลังจากที่เห็นหลานสาวตัวดีกลับมาอยู่ในงานแต่ง มุกดาเดินเข้าไปยืนข้างๆแม่ของตน วาวาทำหน้าบอกบุญไม่รับในทันทีก่อนจะเหลือบไปเห็นสายตาพายุที่จ้องมองอยู่ จึงปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นออดอ้อนผู้เป็นยายทันที
“โธ่ ยายคะ...ก็วาวาอยากออกไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆนี่คะ”
“สิ่งใหม่ๆที่แกว่านั่นหมายถึงผู้ชายเรอะ!” ปรียาผู้เป็นยายเอ่ยขึ้นเสียงดังจนคนรอบๆเริ่มหันกลับมามอง มุกดาจึงสะกิดผู้เป็นยายเล็กน้อยก่อนจะก้มลงกระซิบเสียงแผ่ว
“คุณแม่คะ...เราอย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้เลยค่ะ ค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวคนอื่นจะว่าเอาได้” ปรียาหันไปมองหน้าลูกสาวตัวเองครู่หนึ่งก่อนจะพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกแล้ววพยักหน้าก่อนจะหันไปมองหลานสาวตัวเอง
“ไป เข้างานได้แล้วใกล้ได้ฤกษ์แล้ว” ปรียาเอ่ยก่อนจะเดินนำไปพร้อมกับพยาบาลที่ต้องคอยตามดูแลตลอด มุกดาจึงเดินเข้าไปคว้าข้อมือลูกสาวตัวเองที่ยังคงมองพายุด้วยสายตาหวานเยิ้ม ไม่ได้ฟังที่ผู้ใหญ่พูดเลยสักนิดแต่ก็วาวาก็ยอมเดินตามเข้าไปแต่โดยดี
งานดำเนินไปได้ด้วยดี วาวามองดูบ่าวสาวบนเวทีที่กำลังเซ็นใบทะเบียนสมรสพลางยกยิ้ม ภายในใจคิดว่าอย่างไรที่ตรงนั้นก็ต้องเป็นเธออยู่ดี ในเมื่อครอบครัวให้หญิงสาวรับใช้ปลอมเป็นเธอก็ต้องใช้ชื่อเธออยู่แล้ว หลังจากงานนี้เธอจะทวงทุกอย่างคืนรวมถึงเจ้าบ่าวที่มันควรจะเป็นของเธอด้วยเช่นกัน ถ้ารู้ว่าเขาจะรูปหล่อหุ่นเพอร์เฟค แถมยังรวยมหาศาลขนาดนี้ไม่ใช่ตาแก่อย่างที่เธอเข้าใจเธอคงไม่ปฏิเสธให้โง่หรอก
สิ้นสุดงานบนเวทีก็เป็นงานเลี้ยง After Party ตามแบบฉบับคนมีเงิน เจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างพากันแยกไปทักทายเพื่อนๆ ของตน แต่ทว่ายี่หวากลับไม่ได้มีเพื่อนที่เป็นไฮโซจึงได้เดินเข้าไปหาคนในครอบครัวแทน พายุที่ยืนอยู่ไกลๆแอบลองมองเธอเป็นระยะ แต่ก็ยังคงอยู่กับกลุ่มเพื่อนบอดี้การ์ดของเขา ไม่ใช่เขาไม่มีเพื่อนเพียงแต่เพื่อนของเขานั้นอยู่เมืองนอกเมืองนาเสียส่วนมใหญ่ จึงไม่ได้มาร่วมงาน
“ทำหน้าที่ได้ดีนี่ ต่อไปไม่ต้องทำแทนฉันแล้วนะ” วาวาเดินเข้าไปหายี่หวาพร้อมกอดอกพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
“พูดเรื่องอะไรไร้สาระ คิดจะมาอยากแต่งงานกับคุณพายุเอาเสียตอนนี้รึ” ปรียาผู้เป็นยายเอ่ยขัดขึ้นพลางจ้องมองหลานสาวตัวดีของตนอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก วาวาหันไปมองยายตัวเองก่อนจะยิ้มหวานออกมา
“โธ่ ยาย...ก็ตอนนี้วาไม่รู้นี่คะ ตอนนี้วารู้แล้วและจะทำตามที่ยายอยากให้ทำ” วาวาเอ่ย
“มันสายไปแล้วล่ะ ยี่หวาคือภรรยาของคุณพายุอย่างถูกต้อง” ปรียายังคงเอ่ยย้ำ
“พูดอะไรตลกจัง จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงคะ ชื่อก็ชื่อของวา...วาไม่ได้เปลี่ยนชื่อสักหน่อย แค่ไปบอกความจริงกับทางฝั่งนั้นหลังจบงานยังไงเขาก็ไม่ปฏิเสธวาหรอกค่ะ” วาวาพูดไปพลางแค่นหัวเราะราวกับมันเป็นเรื่องตลก แอบคิดว่าครอบครัวของเธอคงสับสนว่ายี่หวาเป็นลูกสาวไปแล้วละมั้ง
“เธอคงเข้าใจอะไรผิดไปนะวาวา ชื่อที่เธอว่าคงจะหมายถึงในทะเบียนสมรสสินะ” ปรียาเอ่ยพลางมองหน้าหลานสาวเรียบนิ่ง วาวาทำหน้าตาใสซื่อก่อนจะพยักหน้าราวกับว่าเธอจะเข้าผิดได้อย่างไร
“ชื่อใบสมรสเป็นชื่อของยี่หวา...พ่อรับยี่หวาเป็นลูกบุญธรรมแล้วและใช้นามสกุลเดียวกับเรา เพราะแกเอาแต่สร้างเรื่องให้ปวดหัว” ทรงชัยเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม
เมื่อได้ยินอย่างนั้นวาวาถึงกับอ้าปากค้างอึ้งไปชั่วขณะอย่างไม่เชื่อหูของตัวเอง ก่อนที่เธอจะหันไปมองยี่หวาตาขวางอย่างนึกโกรธเคือง
“แกจะแย่งสิ่งดีๆที่ฉันควรจะได้ไปหมดเลยใช่ไหมนังยี่หวา! นังคนใช้ไม่เจียมตัว!” วาวาพูดพร้อมกับผลักที่ไหล่ของยี่หวาอย่างไม่ยอม พายุที่มองอยู่ตลอดเห็นอย่างนั้นเขาก็รีบฝากแก้วไวน์ในมือให้กับลูกน้องของตนแล้วเดินเข้าไปทางยี่หวาทันที
“มีเรื่องอะไรกันหรือครับ?” พายุเอ่ยถามพร้อมกับประคองโอบไหล่เพรียวของยี่หวาไว้
“จะเรื่องอะไรอีกล่ะคะ คุณควรจะได้แต่งงานกับฉันไม่ใช่นัง...”
“วาวา!! กลับกับพ่อ!!” ทรงชัยทนฟังไม่ได้อีกต่อไป ขืนปล่อยให้พูดในงานแต่งแบบนี้มีหวังแขกเหรื่อได้ต่อว่าครอบครัวตนเป็นแน่ว่าเป็นพวกหลอกลวง วาวาขมวดคิ้วทำท่าจะอ้าปากพูดต่อแต่ทรงชัยกลับคว้าแขนของเธอเดินออกไปทันทีแต่ถึงอย่างนั้นวาวาก็ยังหันไปพูดกับยี่หวาทิ้งท้ายเอาไว้
“ฉันจะไม่ยอมแค่นี้แน่! ของของฉันก็คือของของฉัน!! แกอย่าได้ใจไป!!” ทุกคนในครอบครัวต่างส่ายหน้าไปมาและมองตามหลังยี่หวาไปจนลับตา
“อย่าถือสาน้องเลยนะ น้องสาวของยี่หวาค่อนข้างที่จะเอาแต่ใจ” ปรียาเอ่ยขึ้นพลางมองไปที่พายุด้วยแววตาขอโทษ พายุไม่ได้พูดตอบแต่อย่างใด เขาแค่พยักหน้าเบาๆเพียงเท่านั้น
“ใกล้ถึงเวลาเข้าหอแล้ว...เราไปเตรียมตัวกันเถอะค่ะ” มุกดาเอ่ยตัดบทไม่ให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้ ทุกคนพยักหน้ารับ พิธีกรบนเวทีก็กล่าวบอกเวลาพิธีถึงบ่าวสาวจะเข้าห้องหอแต่งานยังมีต่อและทางครอบครัวของทั้งสองฝ่ายจะดูแลแขกเหรื่อเอง
ครอบครัวทั้งสองฝ่ายพากันไปยังบ้านหลังใหญ่ที่ทางพายุตั้งใจจะซื้อไว้เป็นเรือนหอถือว่าเป็นสินสมรส รถลีมูซีนคันหรูจอดสนิทหน้าบ้านหลังนั้นที่ถูกประดับประดาไปด้วยริบบิ้นและดอกไม้สีขาวเพื่อต้อนรับบ่าวสาว ทั้งสองครอบครัวยืนมองหน้ากันไปมาอย่างยิ้มๆ ก่อนจะหันไปมองบ่าวสาวที่ยืนข้างๆกัน
“ว๊าย!! คุณพายุ!!!” ยี่หวาร้องอกมาเสียงหลงเมื่อพายุช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มในท่าเจ้าหญิง ทำเอาครอบครัวทั้งสองถึงกับยิ้มแป้นอย่างดีอกดีใจแตกต่างจากเมื่อครู่
พายุอุ้มเจ้าสาวของตนเดินขึ้นบันไดไปทั้งที่ยี่หวายังคงมองเขาอย่างอึ้งๆ มือเล็กคว้าคอเขาไว้แน่นด้วยความตกใจ ก่อนที่พายุจะหลุบสายตามองเธอแล้วพูดขึ้น
“เห็นยืนทำหน้าเจื่อนกันก็เลยอุ้มขึ้นมาให้จบๆ อย่าได้คิดสำคัญตัวผิด”
“ไม่ได้ยัดเยียดแค่คิดว่าคุณพายุ...อาจจะชอบวาวามากกว่า” “หืม?” “วาวาก็ลูกสาวคุณพ่อเหมือนกัน ถ้าแต่งงานกับคุณพายุคงไม่มีปัญหาอะไร...” ยี่หวาพูดพลางกเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบเลี่ยงใบหน้าหล่อของเขาที่เลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พายุชะงักกับคำพูดของเธอพลางขมวดคิ้ว เหลือบมองหญิงสาวตรงหน้าที่หลบเลี่ยงเขา “พูดแบบนี้หมายความว่าไง? ฉันแต่งงานกับเธอไปแล้ว จดทะเบียนสมรสแล้วด้วย...เธอจะให้ฉันหย่ากับคนพี่แล้วไปแต่งกับคนน้องอย่างนั้นเหรอ? ตลก...” เขาแสยะยิ้มอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ยันตัวออกห่างจากเธออย่างหัวเสียแล้วเดินนำไปยังล็อบบี้ ยี่หวามองท่าทีของเขาก่อนจะถอนหายใจ แต่ลึกๆก็เป็นห่วงควา
พายุได้แค่ปราดสายตามองยี่หวาครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้แย้งอะไรออกไป ทำยังไงได้ล่ะในเมื่อต้นเหตุมาจากเขาที่ไม่ยอมอยู่บ้านเป็นเดือนๆปล่อยให้เธออยู่คนเดียว ไม่แปลกที่ครอบครัวจะเป็นห่วงถึงแม้ว่าน้องเมียจะไม่ค่อยน่าไว้วางใจก็เถอะ “แล้วแต่เธอเลย...บ้านหลังนี้ก็เป็นของเธอเหมือนกัน” พายุเอ่ยเมื่อเห็นสายตาของยี่หวามองไปทางเขาอย่างเกรงใจ เพราะเขาตอบแบบนั้นเธอจึงทักท้วงไม่ได้ ด้านพายุเองก็คิดว่าเธอคงอยากให้น้องสาวมาอยู่ด้วย คงอยากพามากันเขาออกจากตัวเธอเองถึงได้เรียกให้น้องสาวมาอยู่ที่นี่ คนที่ดูจะดีใจจนออกนอกหน้าไม่พ้นวาวาที่กระโดดเข้าไปเกาะแขนของพายุอย่างดีใจ ยี่หวามองที่แขนของพายุแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น ความคิดที่ว่าเขาคงอยากได้เมียตัวจริงของเขาคืน เมียที่เขาควรจะต้องแต่งงานด้วยที่ไม่ใช่เธอ “เอ่อ...งั้น ฉันขอต
“ไอ้เมษ มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้ว่าช่วงที่กูไม่อยู่ยี่หวาไปเห็นอะไรมา?” หลังจากที่กินข้าวกินปลากันเรียบร้อย ยี่หวาก็เอาจานไปเก็บและล้างจานอยู่หลังครัว ได้ทีพายุก็รีบหันไปเอ่ยถามเมษทันที เพราะจากเหตุการณ์ที่เธอร้องขอหย่า เขาคิดว่าเธอต้องได้เห็นอะไรมาแน่ๆ และที่เขาเลือกถามเมษก็เพราะเมษคอยดูแลยี่หวาช่วงที่เขาออกไปนอนข้างนอก “ครับ? ก็...ไม่นะครับ” “มึงลองคิดดีๆก่อนตอบกู” พายุยังคงเค้นถามเมษอีกครั้ง เมษก็ทำท่าครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็เหมือนคิดไม่ออกว่าเรื่องอะไร “เอาดีๆนะไอ้เมษ ถ้าไม่คอขาดบาดตายนายคงไม่ถาม” แฟนต้าพูดพลางหัวเราะในลำคอลอบมองพายุที่ยังคงทำหน้าเครียด เรื่องที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับเจ้านายของเขาคงไม่พ้นเรื่องเมียแน่ๆ “ขนาดนั้นเลยเหรอวะ? เรื่องคอขาดบาดตายของนายเรื่องอะไรเหรอครับ?” เมษเอ่ยถามเชิงหยอกพายุ “นั่นสิ คุณยี่หวาทำไมเหรอครับนาย?” แฟนต้าพูดเปิดประเด็นทันที “ยี่หวา...ขอกูหย่า” พายุเอ่ยเสียงเรียบสีหน้าดูหงุดหงิดที่ต้องมาพูดเรื่องนี้ให้ลูกน้องทั้งสองคนได้รู้ แต่ถ้าไม่ยอมบอกลูก
ราวกับเจอศึกหนักก็ไม่ปาน เธออยู่กับเขาในห้องนอนยันเย็นกว่าจะได้ออกมาจากห้องเพราะสลบเมือดคาอกเขาอย่างน่าอาย คนใจร้ายไม่ยอมปล่อยให้เธอได้พักเลยซ้ำยังเอาแต่พูดว่าเพราะเธอบอกกับเขาว่าจะหย่า ยี่หวาคิดอยู่หลายตลบก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดึงดันที่จะปฏิเสธการขอหย่าของเธอทั้งที่เขาเองก็ไม่ได้รักเธอ แถมยังทำทีเกลียดขี้หน้าเธอด้วยซ้ำ มือถือทัพพีมองเหม่อด้วยความที่คิดไม่ตก คิดถึงเรื่องเขาเพราะเธอคิดว่านั่นคือทางที่ดีที่สุดสำหรับเข้าแล้วแท้ๆ “ไหม้แล้วมังแกงน่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังเรียกให้หญิงสาวที่ยืนถือทัพพีอย่างเหม่อลอยถึงกับสะดุ้ง ยี่หวาดเหลียวกลับไปมองด้านหลังยังต้นเสียงก็เห็นพายุยืนกอดอกพิงขอบประตูจ้องมองเธอด้วยสีหน้า
คำพูดของเขาทำให้ยี่หวาหวั่นใจไม่น้อย แววตาที่จ้องมองสั่นไหวราวกับเข้าใจความหมายในสิ่งที่เขาต้องการ สายตาคมฉายแววโกรธจนรู้สึกขนลุก แค่เมื่อคืนที่เขาโกรธก็ทำให้ร่างกายเธออ่อนล้าไปหมด เธอยังเจ็บไม่ทันหายดีเลยด้วยซ้ำ “ฉันไม่รู้จักคุณหรอกค่ะ และฉันไม่รู้ด้วยว่าคุณต้องการอะไร” ยี่หว่าพยายามตอบเลี่ยงคำถามของเขาเพราะคิดว่าเธอจะหนีเขาพ้น พายุที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับยกยิ้มแล้วพยักหน้าราวกับประชดประชัน “เธอไม่เคยรู้จักฉันเลยสินะ ขนาดไม่รู้จักเมื่อคืนยังตอบรับฉันดีขนาดนั้น” “เลิกพูดเรื่องบ้าๆนี่สักทีเถอะค่ะ! ฉันไม่ต้องการรู้จักคุณอีกต่อไปแล้ว ฉันจะหย่า!” ยี่หวาเน้นย้ำคำพูดนั้นด้วยความรู้สึกโกรธและอับอาย เรื่องเมื่อคืนเธอไม่ได้สมยอมเขาเสียหน่อยแล้วทำไมเขาถึงได้มาพูดราวกับว่าเธอเต็มใจแบบนี้...นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าของเล่น...ยี่หวาคิด “ฉันไม่หย่า!! ต่อให้เธออยากจะหย่าแค่ไหนก็อย่าหวังว่าจะได้ลายเซ็นของฉัน!!” “แล้วคุณเป็นบ้าอะไรถึงไม่ปล่อยฉันไป! ทั้งที่คุณเกลียดฉัน!” “ฉันเป็นผัวเธอไงยี่หวา!!” พาย
“คุณวาวามีธุระอะไรหรือเปล่าคะถึงได้มาหาฉันถึงที่นี่”ยี่หวาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเจ้านายของครอบครัวเดิมที่เธอเคยรับใช้อยู่ได้มาเยี่ยมเยือนเธอถึงที่บ้านเรือนหอ วาวายังคงมองรอบๆบ้านด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะหันไปมองยี่หวาแล้วเอามือกอดอกเอนตัวพิงพนักโซฟาห้องรับแขกด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสยี่หว่าเท่าไหร่นัก“ดูเธอคงจะโชคดีน่าดู ราวกับหนูตกถังข้าวสาร...ฉันแค่มาเยี่ยมน่ะ ไม่ได้เหรอ?”พูดพลางปั้นหน้าสร้างรอยยิ้มที่เสแสร้งอย่างจงใจให้ยี่หวารับรู้ ยี่หวาได้แต่นั่งเงียบไม่ได้ตอบโต้คำใดออกไป“ยี่หวา เห็นว่าเธออยู่บ้านนี้คนเดียวคงเหงาแย่ใช่ไหม? เพราะคุณพายุไม่กลับบ้านที่เรียกว่าเรือนหอเลยไม่ใช่เหรอ?”วาวายังคงจงใจพูดจี้ใจดำของยี่หวาอย่างไม่ลดละแม้ยี่หวาจะรู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะไล่ผู้หญิงตรงหน้าให้กลับไปได้ ด้วยความที่เธอคิดเสมอว่าวาวาคือน้องสาว เธอถึงได้ยอมแต่งงานแทนแบบนี้...ถึงแม้ว่าวาวาจะไม่เคยมองเธอเป็นพี่สาวเลยก็ตาม เพราะวาวาไม่อยากนับญาติกับคนใช้อย่างเธอ แต่ถึงอย่างนั้นวา