เรื่องเงินสินะ ที่ทำให้ลูกสาวของเปี่ยมเดินทางข้ามจังหวัดมาหาเขาถึงที่ไร่ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
จะยืมหลักแสนหลักล้านก็ย่อมได้
“ม่านมาขอยืมเงินอาธรรศค่ะ” เห็นธรรศเงียบม่านมุกก็ตัดสินใจบอกเขาไปตรง ๆเชื่อว่าธรรศเองก็คงไม่ใจร้ายใจดำ เขาเป็นเพื่อนพ่อ แม้ตอนนี้พ่อจะลาโลกไปนับสิบปี ทว่าความเป็นเพื่อนก็น่าจะหลงเหลืออยู่
“หนูม่านอยากได้เท่าไหร่ ?”
“1 ล้านค่ะ” จากที่ปรึกษาคุณหมอแจ้งว่ายานอกที่ใช้รักษาเข็มละหนึ่งแสนบาท การรักษาด้วยยานอกครั้งแรกต้องใช้หกเข็ม แต่ที่เอ่ยปากขอยืมธรรศเป็นจำนวนหนึ่งล้านเพราะเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าการรักษาจะด้วยจบยากี่เข็ม
ธรรศรับรู้ด้วยใบหน้านิ่ง ๆหลังจากที่เปี่ยมเสีย ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอครอบครัวของเพื่อนก็ตอนที่ไปร่วมไว้อาลัยงานศพ ตอนนั้นม่านมุกยังอายุสิบกว่าขวบ ยังเป็นเด็กถักผมเปียทั้งสองข้าง แต่เค้าโครงความสวยก็มีมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย พอโตเป็นสาวสะพรั่ง ความงดงามก็ปรากฏชัดเจนขึ้น
“ม่านประกาศขายบ้านอยู่ ถ้าขายได้แล้ว ม่านจะรีบเอาเงินมาคืนอาธรรศค่ะ” กว่าจะกล่อมแม่ให้ยอมขายสมบัติเพื่อแลกกับเงินมารักษาตัวได้ ม่านมุกก็ต้องพยายามอยู่นาน ตอนนี้บ้านเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่และอีกไม่นานก็คงขายได้เหมือนสมบัติชิ้นอื่น
“แล้วถ้าเกิดขายบ้านไม่ได้ หนูม่านจะหาเงินที่ไหนมาใช้คืนให้อาล่ะ ?” เขาไม่คิดอยากได้เงินคืน แต่อยากรู้ว่าเด็กน้อยจะแก้ปัญหาด้วยวิธีไหน เงินหนึ่งล้านสำหรับคนที่กำลังเดือดร้อน ไม่ใช่จำนวนน้อยที่จะหามาใช้คืนได้ง่าย ๆ
“อาธรรศทำสัญญากู้ยืมได้ไหมคะ คิดดอกเบี้ยม่านก็ได้ ถ้าขายบ้านไม่ได้ ม่านอยากขอผ่อนจ่ายเป็นรายเดือนจนกว่าหนี้จะหมดค่ะ” ถ้าธรรศจะกรุณาทำเป็นสัญญากู้ยืมและให้ผ่อนชำระเดือนไม่กี่หลักพันบาท ม่านมุกก็คิดว่าตัวเองน่าจะพอหาเงินมาใช้คืนให้เขาได้ในแต่ละเดือน
“เงินตั้งหนึ่งล้าน กี่ปีหนูม่านจะใช้อาหมด”
พอเห็นสีหน้าคิดหนักของเด็กสาว ริมฝีปากหยักที่มีสีคล้ำนิดก็ยกโค้งก่อนจะขีดเป็นเส้นตรงเมื่อคนที่จับตาอยู่เงยหน้าช้อนตาขึ้นสบกับดวงตาของเขา
“ม่านก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ม่านคงหาเงินมาคืนอาธรรศได้หลักพันต่อเดือน”
พูดเสียงอ่อน สารภาพไปตามจริง ลำพังต้องดูแลแม่ก็แทบไม่มีเวลาได้ออกไปหางานทำนอกบ้านแล้ว ทุกวันนี้ที่ยังพอมีเงินเข้ามาเล็ก ๆน้อย ๆ หลักหมื่นต้น ๆต่อเดือนก็เพราะทำกับข้าวขายให้กับคนในหมู่บ้าน
“เอาอย่างนี้ดีไหมล่ะ ?” ธรรศหยิบบุหรี่ออกมาจากซองหนึ่งมวนแล้วจุดไฟ คีบขึ้นมาดูดพร้อมกับลุกเดินไปที่หน้าต่าง มองสายฝนที่กำลังตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา พ่นควันสีเทาโขมงลอยไปกับสายลม “เรื่องค่ารักษาแม่ อาจะรับผิดชอบเอง”
ม่านมุกที่นั่งหันหน้าไปทางด้านหลังของเจ้าของบ้าน ย่นหัวคิ้วนิดพลางมองร่างสูงใหญ่ที่อายุย่างเข้าสี่สิบปี ทว่ายังดูหนุ่มเกินวัย
“แต่อามีข้อแลกเปลี่ยน” พ่นควันบุหรี่พร้อมโยนบุหรี่ทิ้ง เหลียวหน้ามาหาเด็กสาวอย่างเนิบช้าพร้อมด้วยแววตาที่ทำเอาคนถูกมองใจสั่นสะท้าน ขนลุกวาบไปทั่วกาย ลมหายใจติดขัดอย่างฉับพลัน “เงินค่ารักษาแม่แลกกับ
หนูม่าน”“อาธรรศหมายความว่ายังไงคะ ?”
กว่าม่านมุกจะหาเสียงของตัวเองเจอ ธรรศก็เดินเข้ามายืนค้ำหัว กายหนาโน้มตัวลง ยื่นหน้าเข้าใกล้ดวงหน้าสวยหวานที่บัดนี้ฉายแววตกตะลึง
“เป็นของอาแล้วอาจะให้หนูม่านทุกอย่าง”
ขณะที่นัยน์ตาคู่งามยังประสานกับดวงตาสีนิล ม่านมุกกับรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วรัวจนคล้ายกับว่าธรรศเองก็เหมือนจะรู้ว่าเธอกำลังกลัวเขา
“ต้องนอนกับอาธรรศเท่านั้นใช่ไหมคะ ม่านถึงจะได้เงิน” ถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยใจในโชคชะตาและผิดหวังในตัวของอาหนุ่มตรงหน้า
ธรรศที่พ่อเคยบอกว่าเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่พ่อรักและไว้ใจที่สุด เพื่อนรุ่นน้องที่พ่อบอกว่าเขาเป็นคนดี เป็นคนมีความรับผิดชอบ แต่คนที่พ่อเคยยกย่องกำลังอยากได้พรหมจรรย์ของเธอเพื่อมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับเงินที่ต้องใช้รักษาแม่
“หนูม่านจะได้ทุกอย่างจากอา”
“ตกลงค่ะ ม่านจะนอนกับอาธรรศ”
ธรรศจ้องลึกไปในดวงตาคู่งามที่ปรากฏแววสั่นระริก ม่านมุกคงกำลังคิดว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัว ถือโอกาสเอาเปรียบคนที่กำลังไร้หนทาง เอาความเป็นความตายมาเป็นข้อบังคับ
...แต่สักวันหนึ่ง
เด็กสาวจะรู้เองว่าเพราะอะไรเขาถึงทำแบบนี้
“ผมเตรียมโต๊ะให้แล้วครับนาย” ลุงสุขเดินเข้ามาหาธรรศ ดวงตาฝ้าฟางของชายสูงวัยเลื่อนมองไปยังหญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยสะอาดสะอ้านโตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว สวยเสียด้วย“ขอบคุณครับลุง”ม่านมุกยิ้มน้อย ๆให้ชายชราผู้ซึ่งที่กำลังมองมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เหมือนจะเคยเจอ แต่คิดว่าคงไม่ใช่เพราะเพิ่งเคยมาไร่องุ่นของธรรศ ไม่น่าจะเคยเห็นหรือเคยรู้จักคุณลุงคนนี้“ไปตักข้าวกัน” ธรรศแตะที่หลังศอกของม่านมุก บอกให้อีกฝ่ายเดินไปยังเคาน์เตอร์ที่มีถาดอาหารวางเรียงรายอยู่หลายถาด“นายรับอะไรดีคะ”“หนูม่านเลือกก่อนเลย” เหลียวหน้าบอกคนที่ยืนอยู่ข้างกาย ม่านมุกมองถาดอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วจึงบอกแม่ครัวที่รอตักอาหารให้อยู่“เอาผัดผักคะน้ากับไข่เจียวค่ะ เอาข้าวนิดเดียวนะคะ” ไม่ได้รู้สึกหิวมาก แต่กินเพราะเกรงใจธรรศ“เอาแบบนี้อีกจาน แต่เอาข้าวเยอะกว่านี้”ธรรศสั่งเหมือนม่านมุก ยืนรอแค่เดี๋ยวเดียวก็ถือจานข้าวกลับมาที่โต๊ะที่ลุงสุขเตรียมทไว้ให้ ยังไม่ทันได้ลุกไปเอาน้ำดื่ม วิมาลาก็เดินเอาแก้วน้ำมาเสิร์ฟให้แล้ว“แว๋วไม่รู้ว่าคุณธรรศจะมากินข้าวกลางวันด้วย ไม่งั้นก็คงให้แม่ครัวเตรียมอาหารดี ๆให้แล้วค่ะ”วางแก้วน้ำดื่มลงบนโต๊ะให
“ห้องทำงานอา”แม้แต่ห้องทำงานก็ยังเงียบง่าย มีโต๊ะทำงาน มีชั้นวางเอกสาร เรียบง่ายเหมือนห้องนอนที่บ้านม่านมุกกวาดตามองสำรวจ สะดุดตาเข้ากับบานประตูบานใหญ่ที่อยู่ติดผนังด้านหลังโต๊ะทำงานของธรรศ คงเป็นห้องน้ำละมั้ง“ห้องนอน อาทำไว้เผื่ออยากนอนพัก เข้าไปดูกันไหม อาให้คนมาทำความสะอาดแล้ว” เพราะเห็นว่าเด็กดีมองไปยังห้องนอนห้องเล็กที่ทำไว้เผื่อขี้เกียจกลับไปนอนที่บ้าน เขาก็จะนอนที่ห้องนี้แทน แต่ก็นาน ๆทีถึงจะนอนจูงมือม่านมุกเดินไปหลังโต๊ะทำงาน เปิดประตูแล้วให้เด็กสาวเดินเข้าไปก่อน ธรรศเปิดไฟจนสว่างทั่วห้อง เป็นห้องที่ไม่กว้างมาก มีเตียงขนาดสามฟุตและมีห้องน้ำเล็ก ๆอยู่ข้างในด้วยเล็กแต่ก็ไม่ได้ชวนให้อึดอัด“ให้หนูม่านมานอนรอตอนอาทำงาน”“ม่านอยากช่วยงานอาธรรศค่ะ” คิดไว้แล้วว่าจะของานธรรศทำ งานอะไรก็ได้ ขอแค่ได้แบ่งเบาภาระของอีกฝ่ายบ้างก็ยังดี “ม่านไม่เอาเงินเดือนค่ะ ม่านแค่อยากช่วยงานอาธรรศบ้าง”“เป็นเมียเจ้าของไร่ ใครให้ทำงานกันเล่า”“อาธรรศ ม่านจริงจังนะคะ”พอเห็นธรรศยิ้มเหมือนไม่จริงจังกับสิ่งที่เธอบอก ม่านมุกก็ทำหน้าตึงมองเขาแบบเคือง ๆ“อาก็จริงจังกับหนูม่าน จริงจังมาก ๆด้วย”“อาธรรศ” น้ำ
“ม่านไม่เหงาหรอกค่ะ”“อารู้ว่าหนูม่านเก่ง เก่งมาก ๆด้วย” ยกมือลูบศีรษะของม่านมุก ต้องเหงาอยู่แล้ว ทำไมเขาจะไม่รู้ ม่านมุกแค่พูดเพื่อให้เขาสบายใจจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลม่านมุกยิ้มอ่อน รู้สึกสบายใจทุกครั้งเวลาที่ธรรศลูบศีรษะ เขาดูอ่อนโยน แววตามีแต่ความอบอุ่นถ้าไม่ติดว่าเขายื่นข้อเสนอให้เธอเอาตัวเข้าแลกกับเงิน ไม่แน่ เธออาจจะลองเปิดใจให้ธรรศก็ได้เลือกเดินซื้อของที่จะเอาไปทำกินมื้อกลางวันกับมื้อเย็นได้จนครบ ธรรศเป็นฝ่ายหิ้วของเต็มไม้เต็มมือทั้งสองข้าง โดยที่ม่านมุกเสนอตัวจะช่วยหิ้ว เขาก็ไม่ยอม“อาธรรศแบ่งให้ม่านหิ้วบ้างสิคะ มืออาธรรศแดงหมดแล้ว” เห็นนิ้วมือทั้งสิบนิ้วของธรรศที่ถูกหูหิ้วรัดแน่นจนเนื้อเปลี่ยนเป็นสีแดง ม่านมุกก็เป็นห่วง เอ่ยขอจะช่วยหิ้วของตั้งหลายที อีกฝ่ายก็ตีมึน ทำไม่สนใจ หิ้วของเดินหนีอยู่นั่นแหละ“จะถึงรถแล้ว หนูม่านช่วยล้วงกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงให้อาหน่อยสิ”“ได้ค่ะ”“ล้วงดี ๆนะ เดี๋ยวจับโดนอย่างอื่น”กำลังจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของธรรศ ทว่าสิ่งที่เขาพูดตามมาเล่นเอาม่านมุกชะงักพร้อมช้อนตาขึ้นสบด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อยม่านมุกระบายลมหายใจเนิบช้า ค่อย ๆล้วงมือเข้
“หนูม่านทำอะไร”ม่านมุกที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาพับเสื้อผ้าของธรรศเก็บเข้าตู้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสะดุ้งนิดเมื่อได้ยินเสียงของธรรศพูดขึ้น“ม่านเก็บเสื้อผ้าให้อาธรรศค่ะ”ด้วยความที่ถูกแม่สอนตั้งแต่เด็กว่าให้จัดเก็บเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แยกเสื้อกับกางเกงไว้คนละส่วน เวลาที่จะหยิบออกมาใส่จะได้ง่ายและสะดวก“เละเทะมากใช่ไหม”ธรรศถามยิ้ม ๆ เขาเป็นผู้ชาย เสื้อผ้าตัวไหนอยู่ใกล้มือก็หยิบมาใส่ไว้ก่อน ไม่ได้เลือกมาก เน้นที่เร็วและง่ายที่สุดเป็นหลักเด็กดีของเขาเห็นแล้วคงขัดใจหรือไม่ก็รำคาญตากับความไม่เป็นระเบียบ ถึงได้เก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ แยกสี แยกกางเกงกับเสื้ออย่างเรียบร้อยแบบนี้“ผู้ชายก็แบบนี้แหละค่ะ” ดันประตูตู้เสื้อผ้าปิดก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ธรรศเดินเข้ามาใกล้ “ธุระของอาธรรศเสร็จแล้วเหรอคะ”“เสร็จแล้ว หนูม่านหิวรึยัง”“ในตู้เย็นไม่มีอะไรเลยค่ะ” หลังจากที่ธรรศออกไปจากบ้าน ม่านมุกก็นอนเกลือกกลิ้งไปมาอยู่แป๊บหนึ่ง ตั้งใจว่าจะลุกมาทำข้าวเช้าไว้รอเขา แม้ธรรศจะบอกว่าอาจจะกลับมาสาย แต่พอไปเปิดตู้เย็นดู ไม่มีอะไรนอกจากน้ำเปล่ากับเบียร์“อาทำกับข้าวไม่เป็น อยากมีคนทำใ
หลังจากที่สั่งการลูกน้อง ธรรศก็ยืนนิ่งมองบ้านพักคนงานที่ถูกไฟไหม้ไปหลายหลัง โชคดีที่คนงานช่วยกันดับไฟทันและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ“ไอ้หมึกมันติดยากับนาย”ยาเสพติดอีกแล้วสินะเขาเคยสั่งนักสั่งหนา สั่งห้ามลูกน้องยุ่งเกี่ยวกับมัน ถ้าใครฝืนคำสั่งแอบเล่นยา ถ้าเขารู้ เขาไม่ปล่อยให้อยู่ที่ไร่เพื่อจะกลายเป็นปัญหาสำหรับคนอื่น“มันคงตั้งใจเผาห้องพักมันแล้วอาศัยจังหวะที่คนงานออกมาช่วยกันดับไฟเข้าไปขโมยเงิน”“ใครที่โดนขโมยเงินให้ไปแจ้งกับคุณแว๋ว เดี๋ยวผมจะจัดการให้เอง” สร้างเรื่องได้ถูกจังหวะ คนงานเพิ่งได้รับเงินเดือนจากฝ่ายบัญชีเมื่อสองวันก่อนคงมีบางคนที่ยังไม่ทันได้เอาเงินไปฝากธนาคารไอ้สารเลวมันเลยได้โอกาสขโมย“ครับนาย”“เด็กคนนั้น ลูกสาวพี่เปี่ยม...อยู่ที่นี่”“นายไปรับมาแล้วเหรอครับ” ชายชราเอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยสีหน้าและแววตานอบน้อมธรรศพยักหน้า สองตายังจับอยู่ที่กลุ่มควันที่ลอยขึ้นมาจากกองเถ้าถ่านที่ไฟมอดแล้วสิบกว่าปี ที่รู้จักกับเปี่ยมตอนนั้น เขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบต้น ๆ รู้จักกับอีกฝ่ายด้วยเหตุบังเอิญล้วน ๆ“ช่วงนี้หลานสาวของลุงปิดเทอมใช่ไหม”“ครับ นายจะใช้อะไรมันรึเปล่าครับ”“ให้มาอยู่เป็
“พรุ่งนี้อาจะพาหนูม่านไปทำงานด้วย”อาบน้ำเสร็จ ธรรศก็เดินมายืนอยู่ด้านหน้าของ ม่านมุกในขณะที่เด็กสาวกำลังนั่งหวีผมอยู่ที่ปลายเตียง ดวงตาคมกริบจับไปยังดวงตากลมโตที่ยังคงปรากฏความเศร้าสะท้อนออกมาให้เห็นปลายนิ้วสากเชยคางมนให้เงยขึ้น ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่วัน ผ่านความวาบหวามมาก็หลายครั้งเขาเองก็ดูออกว่าเด็กดีของเขาพยายามที่จะเป็นคนเข้มแข็งทั้งที่ใจกำลังเปราะบาง“อยากร้องไห้ไหม หนูม่านร้องออกมาได้เลยนะ ร้องออกมาดัง ๆ”มือขาวเล็กที่จับหวี กำแน่นเข้าจนสั่น ริมฝีปากเล็กบางขยับนิด ต่อจากนั้นเสียงสะอื้นแผ่วเบาถูกปล่อยออกมาพร้อมด้วยหยาดน้ำตาที่ค่อยเอ่อล้นอยู่ที่เบ้าตาก่อนที่จะกลิ้งผ่านขนตาไหลลงมาตามแก้มขาวนวล กายเล็กค่อย ๆไหวเอน หยดน้ำตาไหลรินหยดแล้วหยดเล่า เธอคิดถึงแม่“ม่านคิดถึงแม่”ธรรศทิ้งตัวนั่งชิดกับเด็กสาว สวมกอดแล้วโน้มใบหน้าจูบที่ขมับของอีกฝ่าย ฟังเสียงร่ำไห้จากคนที่พยายามฝืนเป็นคนแข็งแกร่งมาได้ตั้งหลายวัน“แต่งงานกับอานะ อาจะดูแลหนูม่านเอง”“แต่ม่านไม่ได้รักอาธรรศ” รอจนตัวเองสงบแล้ว ม่านมุกก็บอกธรรศไปตรง ๆ บอกธรรศไปแล้วและก็ยินดีจะย้ำให้เขาฟังอีกครั้งโดยที่ไม่มีความลังเลเธอไม