“น้องนานอยู่ที่ไหนแล้วคะ" ฉันโทรหากาลนานทันทีที่ฉันหาที่จอดรถได้
"ผมกำลังจะจอดรถพอดีครับ" "โอ๊ะ พี่เห็นนานแล้ว" ฉันโบกมือหย็อยๆ ให้เขา "ไปรถผมดีกว่าครับพี่ เดี๋ยวผมขับให้" เขาลดกระจกรถลงตะโกนออกมา "รถหรูขนาดนี้เลยเหรอ" ฉันมองรถที่เขาขับมาก็พอจะเดาได้ว่ายี่ห้อนี้รุ่นนี้ราคาไม่ต่ำกว่า6ล้านบาท "จะดีเหรอไปรถพี่ดีกว่า ได้ค่าน้ำมันด้วย"ฉันพยักหน้า พลางชี้มาที่รถตัวเอง "ผมขี้เกียจหาที่จอดรถแล้วครับพี่ วนอยู่หลายรอบละ ทำไมที่จอดรถน้อยจัง" เขาขมวดคิ้ว "นี่อย่าบ่นเลย โอเคๆ ไปรถนานก็ได้เดี๋ยวพี่เอากระเป๋ากับกล่องเครื่องมือก่อน" ระหว่างที่นั่งรถไปในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อที่จะเข้าไปดูเครื่องจักรที่มีปัญหาที่ทางลูกค้าแจ้งมา ฉันมองสังเกตกาลนานตลอดทางไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือผิวพรรณ ดูผู้ดีเกินเบอร์อะไรขนาดนั้นหน้าใสไร้ที่ติ จมูกโด่งสวยขึ้นเป็นสันขนคิ้วที่สวยได้รูป ปากอมชมพูเป็นธรรมชาติ ไม่รู้ใช้ลิปอะไรถึงน่าดึงดูดขนาดนี้ ขนาดไรหนวดยังดูเซ็กซี่ ฉันเผลอกัดริมฝีปาก "พี่ริน ถ้าจะมองผมขนาดนี้ไม่มาเข้าสิงผมเลยล่ะ ผมไม่มีสมาธิขับรถเลยเพราะพี่มองผมแบบนี้อ่ะ" เขาอมยิ้ม "อะไร มองอะไรกัน พี่ก็มองไปทั่ว แล้วพี่ก็มองว่านานหลับหรือเปล่าต่างหากล่ะ แหม่ดูท่าทางไม่ค่อยพูด แต่พอพูดก็เอาเรื่องเหมือนกันนะ" ฉันตีไหล่เขาไปหนึ่งทีกลบเกลื่อน เด็กบ้ารู้ทัน "สวัสดีค่ะพี่ศิระ/สวัสดีครับ" ฉันยกมือไหว้พี่ศิระหัวหน้าแผนกเมื่อเข้าไปข้างในโรงงาน พร้อมกับกาลนาน "สวัสดีครับริน รบกวนอีกแล้วนะครับ เอ๊ะนี่ผู้ช่วยคนใหม่เหรอครับ" "ค่ะพี่ พอดีอาร์เกิดอุบัติค่ะเลยลายาวเลยค่ะ" "อ้าว แล้วเป็นไงบ้างล่ะครับ" "ขาหักค่ะพี่ ชอบขี่รถซิ่งดีนัก" ฉันนึกถึงบิ๊กไบร์ที่อาร์ชอบขี่ "ฟาดเคราะห์ไปอาร์เอ๊ย" พี่ศิระพูด "แล้วผู้ช่วยคนใหม่ชื่ออะไรล่ะ" "นานครับ" กาลนานบอกชื่อพร้อมยิ้มอย่างเป็นมิตรดูอบอุ่นอะไรขนาดนี้ "ป่ะเราไปดูเครื่องจักรกันดีกว่าครับ" พี่ศิระพาเราเดินเข้ามาเกือบสุดโรงงาน ทำเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน "ออกกำลังกายบ้างมั้ยพี่" กาลนานกระซิบถามเมื่อเห็นฉันเริ่มหายใจแรง "ทำไม" "ผมเห็นพี่หายใจแรงเหนื่อยเหรอครับ" แล้วยิ้มยียวนใส่ฉันกวนชะมัด "จร้าพ่อคนหนุ่มไฟแรง" ฉันขี้เกียจพูดทะเลาะด้วย นี่ขนาดรู้จักกันแค่2วัน ยังปากเก่งแซวฉันขนาดนี้สงสัยผู้ชายคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะปกติพนักงานใหม่จะต้องเขินๆ ตื่นหน้างานบ้าง แต่นี่เดินจ้ำอ้าวไม่หยุด "งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ มีอะไรเรียกพี่ได้เลยนะครับริน" พี่ศิระผู้จัดการแผนกหนุ่มวัยสี่สิบพูด ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุสักหน่อยแต่ก็ยังถือว่าดูดีอยู่ "น้องนาน มาค่ะเดี๋ยวพี่จะสอนการทำงานเบื้องต้นให้ค่ะ" ฉันดึงแขนของเขาให้เข้ามาใกล้ๆ เพื่อจะสงบศึกเมื่อกี้ "เรียกผมนานก็ได้ครับ เรียกน้องนานมันไม่คุ้น" เขาขมวดคิ้วใส่ "พี่ว่าน้องนานเหมาะจะตาย คิดว่าหลายๆ คนน่าจะเรียกบ่อยๆ" "พี่คนแรกเลยที่เรียกอะไรแบบนี้ผมไม่น่ารักอะไรขนาดนั้นหรอกครับ" เขายิ้มทำหน้ากวนๆ "น่ารักสิ ถ้าเปรียบกับเจ้าอาร์ห่างกันลิบลับ" ฉันนึกถึงเจ้าอาร์คู่หูที่ลุยๆ ที่ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องรูปร่างหน้าตาตัวเองเท่าไหร่ สกปรกเป็นที่หนึ่ง แต่อาจเพราะความสกปรกของเขาทำให้ฉันไม่ต้องตัวเลอะหรือมือเลอะน้ำมันเลยเวลาอยู่ซ่อมเครื่อง นึกแล้วก็คิดถึงเจ้าอาร์เหมือนกัน ฉันเสียบสายยูเอสบีโน๊ตบุคเข้ากับเครื่องจักรขนาดใหญ่เพื่อดูการทำงานของโปรแกรม ฉันสังเกตท่าทางตั้งใจและขะมักเขม้นของกาลนานมีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย เสื้อเชิตสีน้ำเงินที่พันแขนเสื้อลวกๆ ชายเสื้อออกมานิดหน่อยทำเอาฉันอดมองไม่ได้เลย "พี่รินครับ ผมทำอะไรผิดหรือเปล่าครับมองผมไม่ละสายตาเลยหรือหน้าผมเลอะ" เขาหันหน้าไปส่องหน้าจอของเครื่องจักรที่คล้ายกระจก "เปล่านี่ พี่จะบอกเราว่าออกพื้นที่ครั้งแรกใช้ได้เลยนะ เคยทำงานเกี่ยวกับเครื่องกลอะไรแบบนี้เหรอ" ฉันถาม "ก็เคยมีผ่านๆ บ้างครับ" เขาเอาผ้าเช็ดมือแล้วพลางพับเก็บโน๊ตบุค "งานเสร็จแล้วเราจะกลับเลยหรือยังไงต่อครับ" "เห็นพี่ศิระจะชวนเราไปทานข้าวแล้วมีดื่มนิดหน่อย พี่ยังลังเลอยู่" "ถ้ามีดื่มด้วยเราอย่าไปเลยครับพี่ ผมขี้เกียจฟังคนร้องไห้" แล้วเขาก็เดินไปหาพี่ศิระที่อยู่อีกฟังหนึ่งของแผนก "อะไรของเขาเนี่ย รู้ได้ไง ไม่ ฉันไม่เคยเมาแล้วร้องไห้ เอ๊ะหรือว่าร้อง" ฉันเดินเกาหัวไป "มีดูงานต่ออีกเหรอครับริน พี่คิดว่าเสร็จงานแล้ว" พี่ศิระถามขณะที่ฉันเดินเข้ามา พลางมองหน้ากาลนานที่ส่งซิกทางสายตาขยิบๆ "อ๋อใช่ค่ะ พอดีว่าเสร็จตรงนี้แล้วจะไปต่อเลยค่ะ คงไม่ได้ไปดื่มกับพวกพี่ๆ" ฉันทำหน้าเศร้าตามแผนกาลนาน "เคๆ ไว้ครั้งหน้าแล้วกันเนอะ ห้ามเบี้ยวพี่ล่ะ" "ได้ค่ะพี่ ไม่เบี้ยวแน่นอน" ฉันกับกาลนานยกมือไหว้บอกลาพี่ศิระที่กำลังเดินตามมาส่ง ที่ลานจอดรถ "ทำไมไปโกหกพี่ศิระแบบนั้นล่ะนาน" ฉันถามเขาเมื่อเรามานั่งบนรถ "ผมไม่อยากให้พี่ดื่ม เดี๋ยวก็ร้องไห้อีก" "พี่ไม่เคยร้องไห้" ฉันพูดเสียงแข็ง "แล้วใครที่เมาขว้างแก้วเหล้าใส่คนอื่น" เขาจอดรถแล้วหันมาพูดกับฉัน "อย่าบอกนะว่าคืนนั้นนานอยู่ร้านนั้น แล้วแผลที่หน้าพี่ก็เป็นคนทำ"ฉันเบิกตา กว้างเพราะคิดว่าวันนั้นอาจไม่โดนใคร แต่คนที่เจ็บตัวมาอยู่ตรงหน้าของฉันแล้ว "ก็ใช่น่ะสิครับ ผมถึงบอกว่าพี่ไม่ควรดื่มเหล้าอีก" "พี่ขอโทษ ไม่รู้ว่าเป็นนานเจ็บมากมั้ย"ฉันเอามือไปจับหน้าของเขา "สกปรก พี่น่ะล้างมือหรือยังครับเดี๋ยวสิวก็ขึ้นหน้าผมกันพอดี" เขาเบือนหน้าออกจากมือของฉัน "ยัง" แต่นานเป็นคนยังไงกันแน่นะมองดูเหมือนไม่มีอะไรแต่คำพูดคำจาน่าจะเอาเรื่องอยู่ หรือว่าเขาแอ๊บไว้ อย่างนี้ต้องทำการละลายพฤติกรรม(ตอนพิเศษที่ 2 วันวานกับเรื่องบาดหมางของกาลนานกับนิรันด์และโมเม้นกาลนานเจอรินรดาครั้งแรก)เมื่อกาลนานกำลังจะขึ้นปีสองก็ได้มีการบรรยายพิเศษที่คณะจากทีมวิศวะมืออาชีพหญิงสาวสวยสะพรั่งในชุดกระโปรงทรงเอรัดรูปกับผมที่ถูกมัดขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าและต้นคองามระหงเด่นชัด“ไอ้นาน มึงมองพี่เขาขนาดนั้นเดี๋ยวพี่เขาก็ถามมึงหรอก” เจตเพื่อนที่เรียนวิศวะด้วยกันกับเขาพูดขึ้น“ถ้าพี่เขาถามกู กูจะให้เบอร์โทรพี่เขาเลย ผู้หญิงอะไรสวยแท้วะ” กาลนานนั่งพูดอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโดยที่หญิงสาวยังคงพูดบรรยายไปโดยที่ไม่ทันได้เห็นกาลนานด้วยซ้ำ“ต้องขอขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ฟังพี่รินพูดอย่างตั้งใจหวังว่าทุกคนจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในการเรียนหรือวันข้างหน้าก็สามารถปรับเปลี่ยนกับการทำงานได้ค่ะ” รินรดาพูดจบเธอก็เก็บอุปกรณ์ของตัวเอง“พี่รินครับ ผมมีข้อสงสัยครับ” นักศึกษาชายยกมือขึ้นทำให้กาลนานหันไปมองเพื่อนในชั้นทันที“มีอะไรคะ ถามได้เลยค่ะ” รินรดายิ้มแย้ม“พี่รินมีแฟนหรือยังครับ” นักศึกษาคนนั้นถามทำให้เพื่อนๆ ในห้องโห่แซวกันใหญ่“ไอ่เชี่ย” กาลนานอุทาน“พี่ยังไม่มีแฟนค่ะ และพี่ก็ไม่ชอบเด็กด้วยค่ะ” รินรดาพูดตัดจบไป ทุกคนในค
เผลอใจรักพักใจเหรอ ตอนพิเศษ1 วันวานกับพี่ชายที่ชื่อนิรันด์ย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่นตอนอายุสิบแปดของกาลนานที่เริ่มโตเป็นหนุ่มมีใบหน้าที่หล่อเหลาแม้ร่างกายที่ดูภายนอกจะบอบบางแต่จริงๆ แล้ว เขานั้นซ่อนรูปไม่เบามันเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจของหญิงแท้ชายเทียมเป็นอย่างมาก ท่ามกลางแสงสีไฟสลัวๆ ที่กระทบกับร่างกายของชายหนุ่มที่เต้นใช้เอวเป็นซะส่วนใหญ่ ค่อยๆ หมุน ค่อยๆ ควงเอวให้มันต่ำลงจนตัวเองนั่งคุกเข่าลงแล้วยกเสยเอวเด้งขึ้นเด้งลงไม่หยุด เสียงกรี๊ดของผู้หญิงในผับก็ดังแข่งกับเสียงดนตรีที่เขาเต้นอยู่บนเวทีด้วยเช่นกัน คงจะถูกใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่ปลดกระดุมลงจนเห็นสะดือกับหัวเข็มขัดถูกถอดและเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น ยิ่งทำให้เห็นกล้ามเนื้อและแผ่นหลังที่ดูแข็งแรงจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย“กรี๊ดดด ถอดอีกๆ” เสียงร้องตะโกนของสาวๆ ในผับตะโกนกู่ร้องดังเหมือนยิ่งยุให้เขาทำในสิ่งที่พวกเธอต้องการ“ข้างล่างถอดไม่ได้ครับ ขืนผมถอดเจ้าของผับแบนไม่ให้ผมเข้าอีกแน่ๆ” เมื่อกาลนานพูดจบเขาก็ก้มโค้งขอบคุณแล้วเก็บเสื้อที่เขาโยนมันลงพื้นไปแต่แรก ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายที่เขาคุ้นเคยเป็นอ
หลายวันต่อมา คุณนิรันด์กาลเรียกฉันให้เข้าไปพบที่ห้องทำงานของเขา “สวัสดีค่ะ คุณนิรันด์กาล” ฉันยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “เชิญนั่งก่อนครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะแจ้ง” “ขอบคุณค่ะ” ฉันนั่งลงตรงข้ามเขาด้วยใจที่ลุ้นระทึกอีกรอบ เขาส่งกระดาษใบสี่เหลี่ยมให้ฉัน “เงินเจ็ดล้านตามที่ตกลงกันไว้ครับ คุณทำสำเร็จนะขอบใจคุณรินมากที่ช่วยครอบครัวของเรา” “ฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” ฉันส่งเช็คนั้นคืนกลับไป “ทำไมจะยังไม่ได้ทำครับ ก็ลูกชายทั้งสองของผมบอกว่าถ้าไม่ได้คุณรินป่านนี้น่าจะยังทะเลาะกันอยู่ผมเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องครับ เลี้ยงลูกตามใจจนเอาลูกไม่อยู่จนต้องไปขอให้คุณรินช่วย” “ฉันยินดีค่ะ แต่เขาสองคนดีกันแล้วเหรอคะ” “ใช่ครับ เมื่อคืนเขาคุยกันหัวเราะชอบใจใหญ่ผมมีความสุขมากครับ” อ๋อว่าแล้วเมื่อคืนกาลนานบอกว่าจะมานอนที่บ้านเป็นแบบนี้นี่เอง “ดีใจด้วยนะคะคุณนิรันด์กาล แต่ฉันไม่ขอรับเงินจำนวนนี้หรอกค่ะเพราะว่าฉันเองก็มีส่วนทำให้เขาทั้งสองทะเลาะกันด้วย” “งั้นถ้าผมจะสู่ขอคุณรินให้เจ้ากาลนานลูกชายคนเล็กของผมล่ะครับ คุณจะรังเกียจครอบครัวของเรามั้ย“ “คะ คุณรู้เรื่องของเราเหรอคะ” ฉันก้มหน้าพูด
“รินครับ ผมมีอะไรจะให้” เขาเดินมานั่งข้างๆ ฉันที่นั่งหน้าบ้านเพราะว่าเราจะมานั่งดูพระจันทร์ด้วยกัน“อะไรคะ” เขาหยิบกิ๊บติดผมขึ้นมาแล้วติดที่ผมของฉันมันวิบวับแวววาวมากจนฉันต้องหยิบลงมาดู“ดาวครับ สวยมั้ย” เขาใช้นิ้วเกลี่ยแก้มของฉันเล่นอย่างแผ่วเบา“เพชรนี่คะ สวยจัง” ฉันทำท่าจะเอากิ๊บเข้าปากเพื่อเช็คว่าแท้มั้ย“รินทำน่ารักอีกแล้วนะแท้สิครับผมเป็นใคร ผมคือกาลนานนะ”“ล้อเล่นเฉยๆ เองขอบคุณนะคะ” แล้วฉันก็ติดกิ๊บที่ผมตามเดิม“ครั้งนี้ไม่ปฏิเสธเหรอครับ หลายล้านบาทนะอย่าเอาไปขายล่ะเวลางอนผม” “ปฏิเสธก็บ้าแล้ว นานกระแทกรินจนช่วงล่างแทบจะพังรินเสียหายนะ” “งั้นเหรอครับ งั้นผมให้ใบนี้รินไว้ใช้ดีกว่าเพราะผมจะกระแทกอีกนานเลยครับ” เขาหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาพร้อมกับหยิบบัตรการ์ดใบแข็งสีดำส่งให้ฉัน“นี่มันแบล็คการ์ดเหรอคะ นานมีจริงๆ ด้วยเพราะเมื่อก่อนรินว่าเคยเห็นนานถืออยู่นะ”ฉันหยิบมาดูพลิกไปพลิกมา“จริงสิครับ ผมให้”“สายเปย์ของจริงเลยนะเนี่ย” “แน่อยู่แล้วครับ”“งั้นคืนนี้รินขอใช้บัตรนี้ซื้อตัวนานได้มั้ยคะ เหมาทั้งคืน” ฉันขยิบตาให้พร้อมกับหย่อนบัตรลงไปในกระเป๋าเสื้อของเขา“อย่ามาร้องขอชีวิตกับผมแล้ว
หลังจากที่ฉันบอกว่าจะลาออกฉันก็ไม่เจอคุณนิรันด์ที่นี่อีกเลย ฉันเหลือบมองกาลนานที่นั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดเลยอยากเอาใจเขา“รับกาแฟมั้ยคะคุณกาลนาน” เขาเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารตรงหน้าด้วยอาการคิ้วขมวด“เรียกคุณอีกแล้ว เราอยู่กันสองคนเรียกผมนานเฉยๆ ก็ได้หรือจะเรียกผัวจ๋าแบบที่เคยเรียกก็ได้นะครับ” เขายิ้มพร้อมทั้งขยิบตาใส่“บ้า อือ แล้วพี่ชายของคุณล่ะฉันยังไม่เห็นเขาเลยตั้งแต่มา” ฉันลองถามเขาเพราะเห็นว่าเขาอารมณ์ดีอยู่“ทำไมคิดถึงเขาเหรอ” กาลนานหน้าบึ้ง“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย พี่แค่ถามดู”“มันไปดูอีกบริษัทละครับ เสือสองตัวจะอยู่ถ้ำเดียวกันได้ไงครับ”“จร้าๆ พ่อเสือใหญ่ถอดเขี้ยวเล็บด้วยนะคะ ถ้าไม่ถอดพี่จะถอดให้เอง” ฉันทำท่าเสือกางเล็บใส่เขา “เสือสิ้นลายแล้วครับโดนพี่ขี่ผมไปไหนไม่ได้แล้วครับ ว่าแล้วก็อยากโดนขี่อีกจังในนี้ดีมั้ย” กาลนานลุกมาหาฉัน“หยุดเลย ไว้ไปทำที่บ้าน”“คืนนี้ไม่อดแล้วเว้ยเราชักจนปวดมือแล้ว”“ทะลึ่ง” พอเราสองคนมาคืนดีกันแบบนี้ก็ยิ่งเติมเต็มความรักให้กันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันมัวแต่มีความสุขจนลืมคำพูดที่รับปากไว้กับคุณนิรันด์กาลพ่อของเขาสนิทเลย จะทำยังไงดี ถึงจะให้สองคนมาคืนดีก
“กาลนานอย่า” ฉันห้ามเขา แต่อคินก็ยังสวนหมัดกลับมาใส่ใบหน้าของกาลนานเต็มๆ เช่นกัน“หยุดนะคิน ถ้าคุณไม่หยุดฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก” ฉันควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงขาสั้นจุ๊ดที่ฉันใส่อยู่บ้าน“ทีไอ้นี่ยังเข้ามาได้” เขาชี้หน้ากาลนาน“ก็เขาเป็นสามีของฉันทำไมจะเข้ามาไม่ได้ล่ะ” ฉันยืนพูดเพราะยังไงวันนี้ฉันต้องจัดการเรื่องฉันกับอคินให้มันจบๆ ไปเสียที“พูดได้เต็มปาก เด็กมันจะสู้ผมได้ยังไง” อคินยังคงดื้อดึง ยิ่งทำให้กาลนานโกรธเข้าไปใหญ่“อย่าค่ะผัวจ๋า เดี๋ยวเมียจัดการเอง” ฉันแกล้งพูดให้อคินโดยมีกาลนานที่ยืนยิ้มอยู่“พอเถอะค่ะคินฉันมีผัวใหม่แล้วฉันไม่กลับไปกินของเก่าแบบคุณอีกแน่ๆ”“ถ้าคุณพูดเต็มปากขนาดนี้ว่าไอ้อ่อนนี่มันเป็นผัวใหม่ของคุณ ผมก็ไม่เอาคุณแล้วเหมือนกัน”“เชิญค่ะ นั่นประตู” อคินเดินไปอย่างหัวเสียเจอแบบนี้ใครกลับมาอีกก็บ้าแล้ว“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” ฉันหยิบเสื้อที่ตกลงกับพื้นส่งให้เขาคืน“ครับ แต่ผมโดนเขาต่อยช่วยทำแผลให้ผมหน่อยไม่ได้เหรอ”“ก็ได้ค่ะ เห็นแก่ความดีของคุณนะ” ฉันเดินไปหยิบยาทาแล้วมานั่งรอเขาที่กำลังใส่เสื้ออยู่“เดือนนี้ทั้งเดือนไม่รู้ปากของผมเป็นอะไรไปรับแต่กำปั้