"พี่ว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า หิวข้าวแล้ว" ฉันพูดพลางลูบท้อง
กว่ารถจะมาถึงที่บริษัทก็ค่ำพอดี ฉันพากาลนานมาทานข้าวข้างบริษัท
"อะไรกันพี่มีแต่กับแกล้มกับเหล้าไหนบอกหิวข้าว" เขาถามพร้อมมองอาหารบนโต๊ะพร้อมกับเหล้า
"หิวเหล้า แฮะๆ " ฉันแกล้งแสแสร้งว่าอยากกินเหล้า แต่จริงๆ วันนี้ฉันจะทำให้กาลนานเมาแล้วเผยตัวตนที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาออกมา ฉันจัดการรินเหล้าให้เขาพร้อมประเคนใส่มือให้ เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย
"รับน้องใหม่เหรอครับพี่" เขาถามก่อนจะยกขึ้นดื่ม
"ใช่ๆ วันนี้พี่เลี้ยงสั่งเต็มที่เลยนะถ้านานเมาเดี๋ยวพี่จะไปส่งที่บ้านเอง"
คำพูดนั้นทำให้นานหัวเราะออกมา
"เคครับ อย่าลืมไปส่งผมล่ะ" เขายกขึ้นดื่มอีกแก้ว
"ฮือๆๆ ทำมายยยย…ถึงทำกับรินแบบนี้ รินทามอารายยย…ผิด" ฉันยกดื่มอีกแก้ว ไม่ผิดคำพูดของนาน ที่ฉันเมาหรือดื่มมักจะร้องไห้กับเรื่องที่ทำให้เสียใจ
"พอได้แล้วพี่ริน เมามากแล้ว" กาลนานดึงแก้วเหล้าออกจากมือของฉัน
"ไม่มาวว…สักหน่อย นายต่างหากที่มาววว เอิ้กกก.. เผยตัวตนที่อยู่ในตัวนายออกมาสิ จริงๆ แล้วนายเป็นคนยังไงกันแน่ เวลาทำงานจะได้ราบรื่น เพราะฉันเองก็ไม่อยากเปลี่ยนผู้ช่วยใหม่หรอกนะ"
"อ๋อ ที่เลี้ยงเหล้าผมเพราะจะให้ผมเปิดเผยตัวเองงั้นเหรอ เข้าใจละ" เขาพยักหน้ายิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
"ม่ายช่ายสักหน่อยพี่แค่อยากเลี้ยง แต่ใครจะไปรู้ว่านายคอแข็งเอาไม่ลงขนาดนี้ เอิ๊ก" ฉันฟุบลงคาอกของเขาเมื่อเขาขยับเก้าอี้มานั่งข้างฉัน
"ถ้าผมเปิดเผยตัวจริงขึ้นมา คิดว่าพี่จะรับไม่ได้น่ะสิ" เขาพูดออกมาพร้อมใบหน้าแดงๆ ที่ขยับมาใกล้ฉัน รู้เลยว่าเขาเริ่มมีอาการตึงๆ นิดหน่อย แต่น่าเสียดายที่ฉันเริ่มเมาแล้ว
"นานมีแฟนหรือยัง" ฉันถามเขาทั้งที่ยังหลับตาอยู่
"มีแล้วครับ"
"ผู้ชายเหรอ" ฉันถามตามตรง
"อ๋อ พี่คิดว่าผมเป็นเกย์แบบนั้นสิ"
"ใช่" ฉันตอบสั้นๆ
"แบบนี้นี่เอง พี่เลยชวนผมมาดื่มเพื่อจะหลอกถามผม"
"เปล่าซะหน่อยแค่อยากเลี้ยงเฉยๆ "
"เดี๋ยวผมส่งพี่กลับบ้านดีกว่า ว่าแต่ว่าบ้านพี่อยู่ไหน" เขาดันหน้าฉันออกจากอกของเขา
"เดี๋ยวพี่นั่งแท็กซี่ไป" ฉันลุกขึ้นพร้อมทั้งตบไหล่ของเขา
"พี่เมาขนาดนี้ กลับเองไม่ได้หรอกครับ" เขาพยุงฉันมายังลานจอดรถบริษัท แอร์เย็นๆ และกลิ่นรถของเขารู้เลยว่าเขากำลังจะพาฉันมาส่งที่บ้าน
ติ๊ดดดติ๊ดดด ครืดดดดเสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันลุกขึ้นมากดปิดอย่างงัวเงีย พลางนึกประมวลผลกับเหตุการณ์เมื่อคืน เพดานห้อง ผนังห้องโทนขาวเทาสไตล์โมเดิร์นที่ฉันไม่คุ้นเคย ทำให้ฉันรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
"กรี๊ดดดด" หรือว่ากาลนานจะข่มขืนฉัน ฉันเปิดผ้าห่มที่คุมตัวฉันอยู่
"ยังอยู่ชุดเดิมหนิค่อยโล่งอกหน่อย" ฉันหันไปมองข้างที่นอนที่ฉันนอนอยู่กลับว่างเปล่า ฉันเปิดโทรศัพท์ดูข้อความที่นานส่งมาให้
'รถพี่รินจอดอยู่ข้างล่างนะ เอาคีย์การ์ดมาคืนผมที่ทำงานด้วยนะครับ กาลนาน'
ฉันลุกสำรวจภายในห้องที่มีรูปถ่ายของเด็กผู้ชายที่ยืนยิ้มแฉ่งกับผู้หญิงวัยกลางคน รอยยิ้มแบบนี้ของกาลนานแน่นอน
"นี่เขาพาฉันมานอนที่ห้องของเขาเหรอ ห้องดูหรูหราสะอาดไม่เบาเลยนะ แล้วเมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหนกัน"
"อ๊ะ พี่ซื้อมาฝาก" ฉันวางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะของเขา
"เมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา" ฉันกระซิบถามเขาที่ข้างหูทำให้เขาหันมา
"อุ๊ย" ฉันรีบหันหน้าหนีเมื่อริมฝีปากของฉันเฉียดไปที่แก้มของเขา
"ห้องเพื่อน ครั้งหน้าไม่ต้องชวนผมไปดื่มแล้วนะพี่ริน พี่น่ะไม่ไหวเลยจริงๆ " เขาส่ายหัวพร้อมทั้งยกแก้วกาแฟไปดื่ม
"ยังไงก็ขอบใจนานมากนะที่ไม่ทิ้งพี่ แถมตัวเองยังลำบากต้องไปนอนห้องเพื่อนอีก"
"ยังไงก็ระวังตัวด้วยแล้วกันนะครับ ผู้ชายไว้ใจไม่ได้สักคน"
"ใช่มั้ยนาน นานเองก็คิดเหมือนพี่ว่าผู้ชายไว้ใจไม่ได้"
"ผมก็เป็นผู้ชายนะพี่" เขาพูดลากเสียงแล้วยักคิ้วให้ฉันไปหนึ่งกรุบ
ฉันละสายตาจากความน่ารักของเขาไม่ได้เลยจริงๆ
"พี่มองผมแบบนี้อีกแล้วนะ" เขาขมวดคิ้ว
"อะไรพี่มองเรายังไง ก็มองปกตินะ" ฉันแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าสายตาฉันแบบนี้อยากจะเขมือบนานแค่ไหน โฮะๆ หัวเราะแบบซานต้า
หนึ่งเดือนต่อมา
"แหม่ ยายรินช่วงนี้ดูตัวติดกับน้องนานจังเลยนะ" น้ำตาลวางแฟ้มงานลงบนโต๊ะ
"ก็คนทำงานด้วยกันนี่จะไม่ให้ตัวติดกันได้ไง" ฉันพูด
"มีคนบอกว่าแกออกตัวแรงยายริน ว่าแกน่ะอ่อยน้องนานอยู่"
"ใคร"
"ก็ฉันนี่ไง อาการแกแสดงชัดว่าชอบน้องเค้า เบาๆ หน่อยนะแกเองก็มีแฟนอยู่แล้ว" น้ำตาลเตือน
"คินน่ะเหรอ ฉันห่างกับเขามาพักหนึ่งละ"
"ทำไมล่ะ ทะเลาะกันเรื่องอะไรอีก ร้ายแรงมากเหรอ" น้ำตาลจับไหล่ฉัน
"อืม ก็หนักอยู่ แต่ช่างมันเถอะฉันเองก็ทำใจมาพักหนึ่งละ" เพราะฉันไม่อยากลงรายละเอียดมากนัก มันเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนั้น
"แต่ที่แกว่าฉันอ่อยน้องนานน่ะ แกดูไม่ออกเหรอว่าน้องเค้าเป็น…ดูอ้อนแอ้นซะขนาดนั้น"
"อ้อนแอ้นอะไรฉันเห็นเขาก็เป็นผู้ชายปกติๆ นี่แหละ บางทียังดูแมนๆ ด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่ทุ้มใหญ่น่าฟังหรือแม้แต่สายตาที่เขามองแกผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นฉันคอนเฟิร์ม" น้ำตาลพูดอย่างมั่นใจ เพราะถ้าเธอรู้ว่าฉันไปค้างที่คอนโดของเขาแล้วเขาไปนอนห้องเพื่อน ปล่อยฉันให้นอนปลอดภัยในห้องของเขาคนเดียวเธอจะไม่พูดอย่างนี้แน่นอน มีที่ไหนผู้ชายลากผู้หญิงเมามาแล้วจะไม่ทำอะไร หรือว่าฉันเซ็กซี่ไม่พอ หรือว่าฉันแก่เกินแกงไม่ใช่สิฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้น
“ที่น้องนานมองฉันด้วยสายตาแบบนั้น มันแบบไหน" ฉันจับไหล่น้ำตาลเขย่า
"แกดูเอา" พร้อมทั้งยื่นโทรศัพท์เปิดรูปในมือถือให้ฉันดู
"ฉันแอบถ่ายได้ตอนแกสอนงานเขาแล้วก็ตอนแกเผลอ น้องนานแอบมองแกตลอด"
"สายตาแบบนี้ฉันไม่เคยเห็น ดูอบอุ่นดีจัง น้องคงซึ้งที่ฉันสอนงานเขาดีมาก" ฉันพยักหน้าเนิบๆ
เป็นรุ่นพี่สอนงานที่ดีจริงๆ ฉันเนี่ย
"ตลกและแก คอยดูต่อไปแล้วกันว่าน้องนานจะชอบผู้หญิงหรือว่าผู้ชายกันแน่" คำพูดของยัยน้ำตาลทำฉันครุ่นคิดอยู่ไม่น้อย
แต่ก็ยอมรับอยู่เหมือนกันว่าฉันก็เริ่มสนใจกาลนานอยู่บ้างนิดๆ
(ตอนพิเศษที่ 2 วันวานกับเรื่องบาดหมางของกาลนานกับนิรันด์และโมเม้นกาลนานเจอรินรดาครั้งแรก)เมื่อกาลนานกำลังจะขึ้นปีสองก็ได้มีการบรรยายพิเศษที่คณะจากทีมวิศวะมืออาชีพหญิงสาวสวยสะพรั่งในชุดกระโปรงทรงเอรัดรูปกับผมที่ถูกมัดขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าและต้นคองามระหงเด่นชัด“ไอ้นาน มึงมองพี่เขาขนาดนั้นเดี๋ยวพี่เขาก็ถามมึงหรอก” เจตเพื่อนที่เรียนวิศวะด้วยกันกับเขาพูดขึ้น“ถ้าพี่เขาถามกู กูจะให้เบอร์โทรพี่เขาเลย ผู้หญิงอะไรสวยแท้วะ” กาลนานนั่งพูดอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโดยที่หญิงสาวยังคงพูดบรรยายไปโดยที่ไม่ทันได้เห็นกาลนานด้วยซ้ำ“ต้องขอขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ฟังพี่รินพูดอย่างตั้งใจหวังว่าทุกคนจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในการเรียนหรือวันข้างหน้าก็สามารถปรับเปลี่ยนกับการทำงานได้ค่ะ” รินรดาพูดจบเธอก็เก็บอุปกรณ์ของตัวเอง“พี่รินครับ ผมมีข้อสงสัยครับ” นักศึกษาชายยกมือขึ้นทำให้กาลนานหันไปมองเพื่อนในชั้นทันที“มีอะไรคะ ถามได้เลยค่ะ” รินรดายิ้มแย้ม“พี่รินมีแฟนหรือยังครับ” นักศึกษาคนนั้นถามทำให้เพื่อนๆ ในห้องโห่แซวกันใหญ่“ไอ่เชี่ย” กาลนานอุทาน“พี่ยังไม่มีแฟนค่ะ และพี่ก็ไม่ชอบเด็กด้วยค่ะ” รินรดาพูดตัดจบไป ทุกคนในค
เผลอใจรักพักใจเหรอ ตอนพิเศษ1 วันวานกับพี่ชายที่ชื่อนิรันด์ย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่นตอนอายุสิบแปดของกาลนานที่เริ่มโตเป็นหนุ่มมีใบหน้าที่หล่อเหลาแม้ร่างกายที่ดูภายนอกจะบอบบางแต่จริงๆ แล้ว เขานั้นซ่อนรูปไม่เบามันเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจของหญิงแท้ชายเทียมเป็นอย่างมาก ท่ามกลางแสงสีไฟสลัวๆ ที่กระทบกับร่างกายของชายหนุ่มที่เต้นใช้เอวเป็นซะส่วนใหญ่ ค่อยๆ หมุน ค่อยๆ ควงเอวให้มันต่ำลงจนตัวเองนั่งคุกเข่าลงแล้วยกเสยเอวเด้งขึ้นเด้งลงไม่หยุด เสียงกรี๊ดของผู้หญิงในผับก็ดังแข่งกับเสียงดนตรีที่เขาเต้นอยู่บนเวทีด้วยเช่นกัน คงจะถูกใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่ปลดกระดุมลงจนเห็นสะดือกับหัวเข็มขัดถูกถอดและเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น ยิ่งทำให้เห็นกล้ามเนื้อและแผ่นหลังที่ดูแข็งแรงจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย“กรี๊ดดด ถอดอีกๆ” เสียงร้องตะโกนของสาวๆ ในผับตะโกนกู่ร้องดังเหมือนยิ่งยุให้เขาทำในสิ่งที่พวกเธอต้องการ“ข้างล่างถอดไม่ได้ครับ ขืนผมถอดเจ้าของผับแบนไม่ให้ผมเข้าอีกแน่ๆ” เมื่อกาลนานพูดจบเขาก็ก้มโค้งขอบคุณแล้วเก็บเสื้อที่เขาโยนมันลงพื้นไปแต่แรก ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายที่เขาคุ้นเคยเป็นอ
หลายวันต่อมา คุณนิรันด์กาลเรียกฉันให้เข้าไปพบที่ห้องทำงานของเขา “สวัสดีค่ะ คุณนิรันด์กาล” ฉันยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “เชิญนั่งก่อนครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะแจ้ง” “ขอบคุณค่ะ” ฉันนั่งลงตรงข้ามเขาด้วยใจที่ลุ้นระทึกอีกรอบ เขาส่งกระดาษใบสี่เหลี่ยมให้ฉัน “เงินเจ็ดล้านตามที่ตกลงกันไว้ครับ คุณทำสำเร็จนะขอบใจคุณรินมากที่ช่วยครอบครัวของเรา” “ฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” ฉันส่งเช็คนั้นคืนกลับไป “ทำไมจะยังไม่ได้ทำครับ ก็ลูกชายทั้งสองของผมบอกว่าถ้าไม่ได้คุณรินป่านนี้น่าจะยังทะเลาะกันอยู่ผมเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องครับ เลี้ยงลูกตามใจจนเอาลูกไม่อยู่จนต้องไปขอให้คุณรินช่วย” “ฉันยินดีค่ะ แต่เขาสองคนดีกันแล้วเหรอคะ” “ใช่ครับ เมื่อคืนเขาคุยกันหัวเราะชอบใจใหญ่ผมมีความสุขมากครับ” อ๋อว่าแล้วเมื่อคืนกาลนานบอกว่าจะมานอนที่บ้านเป็นแบบนี้นี่เอง “ดีใจด้วยนะคะคุณนิรันด์กาล แต่ฉันไม่ขอรับเงินจำนวนนี้หรอกค่ะเพราะว่าฉันเองก็มีส่วนทำให้เขาทั้งสองทะเลาะกันด้วย” “งั้นถ้าผมจะสู่ขอคุณรินให้เจ้ากาลนานลูกชายคนเล็กของผมล่ะครับ คุณจะรังเกียจครอบครัวของเรามั้ย“ “คะ คุณรู้เรื่องของเราเหรอคะ” ฉันก้มหน้าพูด
“รินครับ ผมมีอะไรจะให้” เขาเดินมานั่งข้างๆ ฉันที่นั่งหน้าบ้านเพราะว่าเราจะมานั่งดูพระจันทร์ด้วยกัน“อะไรคะ” เขาหยิบกิ๊บติดผมขึ้นมาแล้วติดที่ผมของฉันมันวิบวับแวววาวมากจนฉันต้องหยิบลงมาดู“ดาวครับ สวยมั้ย” เขาใช้นิ้วเกลี่ยแก้มของฉันเล่นอย่างแผ่วเบา“เพชรนี่คะ สวยจัง” ฉันทำท่าจะเอากิ๊บเข้าปากเพื่อเช็คว่าแท้มั้ย“รินทำน่ารักอีกแล้วนะแท้สิครับผมเป็นใคร ผมคือกาลนานนะ”“ล้อเล่นเฉยๆ เองขอบคุณนะคะ” แล้วฉันก็ติดกิ๊บที่ผมตามเดิม“ครั้งนี้ไม่ปฏิเสธเหรอครับ หลายล้านบาทนะอย่าเอาไปขายล่ะเวลางอนผม” “ปฏิเสธก็บ้าแล้ว นานกระแทกรินจนช่วงล่างแทบจะพังรินเสียหายนะ” “งั้นเหรอครับ งั้นผมให้ใบนี้รินไว้ใช้ดีกว่าเพราะผมจะกระแทกอีกนานเลยครับ” เขาหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาพร้อมกับหยิบบัตรการ์ดใบแข็งสีดำส่งให้ฉัน“นี่มันแบล็คการ์ดเหรอคะ นานมีจริงๆ ด้วยเพราะเมื่อก่อนรินว่าเคยเห็นนานถืออยู่นะ”ฉันหยิบมาดูพลิกไปพลิกมา“จริงสิครับ ผมให้”“สายเปย์ของจริงเลยนะเนี่ย” “แน่อยู่แล้วครับ”“งั้นคืนนี้รินขอใช้บัตรนี้ซื้อตัวนานได้มั้ยคะ เหมาทั้งคืน” ฉันขยิบตาให้พร้อมกับหย่อนบัตรลงไปในกระเป๋าเสื้อของเขา“อย่ามาร้องขอชีวิตกับผมแล้ว
หลังจากที่ฉันบอกว่าจะลาออกฉันก็ไม่เจอคุณนิรันด์ที่นี่อีกเลย ฉันเหลือบมองกาลนานที่นั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดเลยอยากเอาใจเขา“รับกาแฟมั้ยคะคุณกาลนาน” เขาเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารตรงหน้าด้วยอาการคิ้วขมวด“เรียกคุณอีกแล้ว เราอยู่กันสองคนเรียกผมนานเฉยๆ ก็ได้หรือจะเรียกผัวจ๋าแบบที่เคยเรียกก็ได้นะครับ” เขายิ้มพร้อมทั้งขยิบตาใส่“บ้า อือ แล้วพี่ชายของคุณล่ะฉันยังไม่เห็นเขาเลยตั้งแต่มา” ฉันลองถามเขาเพราะเห็นว่าเขาอารมณ์ดีอยู่“ทำไมคิดถึงเขาเหรอ” กาลนานหน้าบึ้ง“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย พี่แค่ถามดู”“มันไปดูอีกบริษัทละครับ เสือสองตัวจะอยู่ถ้ำเดียวกันได้ไงครับ”“จร้าๆ พ่อเสือใหญ่ถอดเขี้ยวเล็บด้วยนะคะ ถ้าไม่ถอดพี่จะถอดให้เอง” ฉันทำท่าเสือกางเล็บใส่เขา “เสือสิ้นลายแล้วครับโดนพี่ขี่ผมไปไหนไม่ได้แล้วครับ ว่าแล้วก็อยากโดนขี่อีกจังในนี้ดีมั้ย” กาลนานลุกมาหาฉัน“หยุดเลย ไว้ไปทำที่บ้าน”“คืนนี้ไม่อดแล้วเว้ยเราชักจนปวดมือแล้ว”“ทะลึ่ง” พอเราสองคนมาคืนดีกันแบบนี้ก็ยิ่งเติมเต็มความรักให้กันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันมัวแต่มีความสุขจนลืมคำพูดที่รับปากไว้กับคุณนิรันด์กาลพ่อของเขาสนิทเลย จะทำยังไงดี ถึงจะให้สองคนมาคืนดีก
“กาลนานอย่า” ฉันห้ามเขา แต่อคินก็ยังสวนหมัดกลับมาใส่ใบหน้าของกาลนานเต็มๆ เช่นกัน“หยุดนะคิน ถ้าคุณไม่หยุดฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก” ฉันควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงขาสั้นจุ๊ดที่ฉันใส่อยู่บ้าน“ทีไอ้นี่ยังเข้ามาได้” เขาชี้หน้ากาลนาน“ก็เขาเป็นสามีของฉันทำไมจะเข้ามาไม่ได้ล่ะ” ฉันยืนพูดเพราะยังไงวันนี้ฉันต้องจัดการเรื่องฉันกับอคินให้มันจบๆ ไปเสียที“พูดได้เต็มปาก เด็กมันจะสู้ผมได้ยังไง” อคินยังคงดื้อดึง ยิ่งทำให้กาลนานโกรธเข้าไปใหญ่“อย่าค่ะผัวจ๋า เดี๋ยวเมียจัดการเอง” ฉันแกล้งพูดให้อคินโดยมีกาลนานที่ยืนยิ้มอยู่“พอเถอะค่ะคินฉันมีผัวใหม่แล้วฉันไม่กลับไปกินของเก่าแบบคุณอีกแน่ๆ”“ถ้าคุณพูดเต็มปากขนาดนี้ว่าไอ้อ่อนนี่มันเป็นผัวใหม่ของคุณ ผมก็ไม่เอาคุณแล้วเหมือนกัน”“เชิญค่ะ นั่นประตู” อคินเดินไปอย่างหัวเสียเจอแบบนี้ใครกลับมาอีกก็บ้าแล้ว“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” ฉันหยิบเสื้อที่ตกลงกับพื้นส่งให้เขาคืน“ครับ แต่ผมโดนเขาต่อยช่วยทำแผลให้ผมหน่อยไม่ได้เหรอ”“ก็ได้ค่ะ เห็นแก่ความดีของคุณนะ” ฉันเดินไปหยิบยาทาแล้วมานั่งรอเขาที่กำลังใส่เสื้ออยู่“เดือนนี้ทั้งเดือนไม่รู้ปากของผมเป็นอะไรไปรับแต่กำปั้