LOGINเจ๋งพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเขาก็หลบไปนั่งโซฟา ที่ของตัวเองก่อนจะหยิบกีตาร์ตัวหนึ่งที่เขาพกมาด้วยนั้นมาเล่น ทำให้ห้องที่เคยเงียบสงบในเวลานี้มีเสียงเพลงเพราะๆ จากเขาดังประกอบขึ้นมา
ฉันเดินไปเปิดแอร์ให้เจ๋งก่อนจะเอาเสื้อผ้าของตัวเองไปจัดการหลังจากนั้นก็กลับมานอนเล่นอยู่บนเตียงที่มีกระจกกั้นกับด้านนอกที่เจ๋งนั่งอยู่ นอนฟังเขาเล่นเพลงพลางเล่นมือถือดูอะไรเรื่อยเปื่อย ยอมรับเลยว่าเสียงของเขาเพราะมาก ทำให้ฉันคิดว่านี่เป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่พาผู้ชายคนนี้มาอาศัยอยู่ด้วย มีคนร้องเพลงให้ฟัง
“รบกวนพี่หรือเปล่า”
“ไม่ มีคนร้องเพลงให้ฟังก็ดี” ฉันบอกแล้วยิ้มก่อนจะปล่อยมือถือวางข้างหมอนแล้วขยับแขนมาหนุนนอนมองนักร้องที่เริ่มร้องเพลงต่อ
ฉันเปิดอ่านข้อความของพี่ออย รุ่นพี่ในที่ทำงานที่ส่งมาให้ตั้งแต่เมื่อคืนถามว่ากลับถึงห้องหรือยัง แล้วฉันก็ตอบกลับข้อความนั้นไปแล้วทั้งที่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตอบมันไปตอนไหน
มีนา : เมื่อคืนหนูกลับยังไงอะพี่ เมาจนจำไม่ได้เลย
ออย : ยายคนนี้ ก็เราแยกกันที่ร้าน มีนาบอกพี่ว่าจะเรียกแท็กซี่ไง
ฉันปวดขมับเพราะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก เหมือนภาพเหตุการณ์เหล่านั้นมันไม่เคยเกิดขึ้นเลย แล้วใครกันนะที่เป็นคนทำอย่างที่เจ๋งว่า
“เจ๋ง ตอนที่นายเจอฉันเมื่อ มีใครตามมาด้วยไหม”
ฉันเดินไปถามเจ๋งที่กำลังร้องเพลงอยู่จนเขาต้องหยุดแล้ววางกีตาร์ลงกับพื้น ก่อนจะหันมามองฉัน
“พี่เดินออกจากร้านไป แล้วก็เดินกลับมา ส่วนเพื่อนพี่ก็น่าจะกลับกันหมดแล้วเหลือคนนึงที่ผมเห็นยืนอยู่หน้าร้าน”
“ใคร”
“คนที่ดูแก่ๆ สุดในกลุ่ม”
หัวใจฉันเต้นแรงมากที่ได้ยินแบบนั้น เพราะถ้าเป็นแบบที่เจ๋งว่าเขาคนนั้นคือพี่ต้าหัวหน้าของฉันที่ตัวฉันเองก็กำลังสงสัยอยู่เหมือนกัน
“ขอบคุณนะ”
“รู้แล้วเหรอว่าใครทำ”
“ไม่แน่ใจว่าใช่ไหม แต่ก็คงกล่าวหามันไม่ได้หรอก”
“ระวังตัวด้วยแล้วกัน” เจ๋งบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบสีหน้าของเขานิ่งและจริงจังมากอย่างกับเป็นผัวฉันเลย
ฉันพยักหน้าให้เจ๋งแล้วเดินกลับมาที่เดิม กระโดดขึ้นเตียงไปนอนฟังเสียงเจ๋งที่รองเพลงกล่อมกัน
จนกระทั่งผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
พอตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายก็เห็นเจ๋งจัดของตัวเองเสร็จแล้ว เขานั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวพร้อมกับคอมพิวเตอร์โตบุ๊คของตัวเอง สีหน้าของเขาเคร่งเครียดจนฉันไม่อยากถามเพื่อรบกวน เดือนสุดท้ายของการเรียนมหาวิทยาลัยงานก็คงดุเดือดเอาเรื่อง
พอเห็นแบบนั้นฉันจึงค่อยๆ ย่องเดินผ่านเขาไป กลับกลายเป็นเขาที่คงเห็นความเคลื่อนไหวของฉันแล้วทักขึ้นมาแทน
“ผมซื้อข้าวเผื่อพี่แล้ว แอบหยิบคีย์การ์ดพี่ออกไปเมื่อกี้” เขาบอกแล้วชี้ไปที่ข้าวกล่องซึ่งวางอยู่ข้างตัว
“ขอบใจนะ เท่าไหร่ เดี๋ยวเอาเงินให้”
“ผมเลี้ยง”
“ไม่เป็นไร” เขาก็ไม่มีเงินฉันไม่อยากไปทำให้ลำบากเพิ่ม แต่เจ๋งก็คงเกรงใจถึงอยากเลี้ยง
“กินไปเถอะ นานทีผมจะเลี้ยงสาวสักคน”
ฉันเลือกที่จะเงียบกับประโยคนั้นของเขา ไม่รู้สิ มันบอกไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกยังไง เจ๋งเป็นผู้ชายในแบบที่ฉันไม่เคยเจอ หน้าตาก็ดีมากแต่นิสัยเขาโผงผาง พูดก็ไม่น่าฟังนั่น แต่คนแบบนี้ก็ดูจริงใจมากทีเดียว
“ปกติมีแต่สาวเลี้ยงว่างั้น”
“...” เจ๋งไม่ตอบ แต่กลับหัวเราะในลำคอ แปลว่าเขาไม่ได้ปฏิเสธกับคำพูดฉันเสียทีเดียว
ถ้าบอกว่ามีสาวเปย์ก็เชื่อเพราะเขาหน้าตาดีมากจริงๆ ระดับดารานายแบบวัยรุ่นตอนนี้เลย แถมยังมีดีกรีเป็นถึงนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังอีก แต่ก็แปลก...
“นายไม่มีแฟนเหรอ”
“ถามทำไม”
“ก็สงสัย หน้าตาก็ดีทำไมไม่มีแฟน” ฉันไม่ได้อยากชมนักหรอก พูดไปตามเนื้อผ้า เนื้อผ้ามันดีจริงก็ว่าดี
“แล้วพี่ล่ะ ทำไมถึงไม่มีแฟน”
“ก็ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ”
“ผมก็เหมือนกัน”
เจ๋งตอบแล้วเลื่อนสายตาจากหน้าจอมาที่หน้าฉัน ตอนที่กำลังตักข้าวคำโตใส่ปากเพราะหิว ก็เวลานี้มันเกือบบ่ายสองแล้ว อยู่ ๆ ก็รู้สึกอายขึ้นมา เจ๋งเล่นจ้องมาตาแทบไม่กะพริบภาพที่อ้าปากก่อนหน้านี้คงทุเรศมาก
“ไม่แปลกใจที่ไม่มีแฟน กินข้าวยังทุเรศเลย”
“โอ๊ย!”
เพราะฉุนกับคำที่เพิ่งถูกต่อว่าฉันจึงกัดข้าวไปเต็มแรงแต่ดันกัดโดนลิ้นตัวเองจนได้ ไอ้ลิ้นบ้านี่ก็ไม่รู้จักที่รู้จักทางเลย เจ็บเป็นบ้า
“หึ” เจ๋งหัวเราะเบาๆ ก่อนจะดันน้ำเย็นในแก้วมาให้
“ถ้าจะอยู่กันอย่างสันติก็ช่วยพูดอะไรที่มันเข้าหู ที่ไม่มีแฟนเพราะฉันยังไม่อยากมีเถอะ คนจีบก็เยอะนายจะไปรู้อะไร”
เขาไม่พูดอะไรสักคำมีแต่หัวเราะในลำคอพร้อมกับปรายตามองฉันอย่างกับเห็นเป็นตัวตลกที่หลงตัวเอง ถึงแม้เจ๋งจะไม่พูดแต่ฉันก็พอจะอ่านสายตานั้นได้ มันใช่แน่!
“ก็ดีแล้วที่ไม่มี เดี๋ยวผัวพี่มาต่อยหน้าผม”
“นายก็ด้วย อย่าให้สาวๆ นายมาทำฉันเดือดร้อนแล้วกัน”
“ไม่ต้องห่วง ผมปกป้องพี่อยู่แล้ว” เจ๋งพูดทั้งที่สายตาเขายังคงจับจ้องไปที่หน้าจอ มือก็ขยับยุกยิกทำงานไป แต่คำพูดเขามันทำฉันพูดไม่ออก จนอีกฝ่ายต้องละสายตากลับมาที่ฉันอีกครั้ง “อะไร”
“เปล่า”
ตอนที่ 7 หวั่นไหวตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วที่ฉันไม่ชอบเสียงฟ้าร้องและไฟดับแบบนี้ ยิ่งเสียงฟ้าผ่ามันทำเอาฉันกลัวจนต้องวิ่งไปหาสิ่งที่พึ่งพิงได้ แล้วมันก็เป็นสิ่งเดียวที่มีอยู่ในห้องนี้“กลัวอะไรขนาดนั้น”สิบสี่ปีก่อนคุณตาของฉันถูกฟ้าผ่าจนเสียชีวิตเพราะยืนอยู่กลางทุ่งนา เป็นวันที่ฉันตามติดตาไปด้วยเพราะอยากไปเที่ยวเล่นช่วงปิดเทอม นานครั้งถึงจะไปที่นั่นไปอยู่กับตาและยาย ภาพนั้นมันยังจำไม่เคยลืมเลย สายฟ้าที่ฟาดลงมาสู่ร่างของตาวันนั้นจนท่านล้มลง อยู่ในระยะสายตาที่ฉันมองเห็น ความสว่างสไวนั้นทำให้เห็นความเจ็บปวดในเสี้ยววินาทีของคนที่ฉันรักมันกลายเป็นเหตุการณ์ที่ถูกฝังลงในจิตใจ ทำให้กลัวเสียงฟ้าร้อง เสียงฟ้าผ่า มาตั้งแต่ตอนนั้น หัวใจของฉันมันสั่นไหวทุกครั้งที่ได้ยินมันรู้ตัวอีกทีฉันก็นั่งอยู่บนตักเจ๋ง กอดคอซบหน้าลงกับบ่าแกร่งจนลืมทุกความอึดอัดที่เคยมีต่อเขา เวลานี้มันแทนที่ด้วยความกลัวไปแล้ว“กลัว”เจ๋งไม่ได้พูดอะไรอีก เขาใช้แขนแข็งแรงนั้นโอบกอดฉันเอาไว้ มือหนาลูบลงกลางหลังราวกับต้องการให้ฉันรู้สึกปลอดภัยขึ้น แล้วมันก็ได้ผล ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกดีขึ้นได้ขนาดนี้หรือเพราะอ้อมกอดของเขามันกว้างและอบ
บริษัทมีเวลาเลิกงานที่สี่โมงเย็น ฉันใช้รถส่วนตัวในการเดินทางไปกลับ ถึงแม้ว่าจะเจอรถติดบ้างแต่ก็สะดวกกว่า ไม่ต้องไปเบียดผู้คนมากมายระหว่างที่รอรถติดก็เพิ่งเห็นข้อความจากเจ๋งที่ส่งมาเมื่อกลางวัน เพราะไม่ได้เปิดดูเลย มีงานเข้าตั้งแต่ช่วงบ่าย ที่แจ้งเตือนมาก็คิดว่าเป็นครามนั่นแหละ จึงไม่ได้สนใจเปิดอ่าน เดี๋ยวเขาจะรู้กันว่าฉันแอบเล่นมือถือตลอดเจ๋ง : เลิกกี่โมง ผมรอที่ล็อบบี้นะตั้งแต่เมื่อคืนที่เกิดเรื่องฉันก็ไม่ได้คุยกับเจ๋งเลย คิดว่าเขาโกรธฉันเสียอีก เพราะปกติเขาจะส่งข้อความมาวอแวกวนประสาทกันไม่เลิกแม้กระทั่งเวลาทำงานมีนา : ใกล้ถึงแล้วฉันตอบแค่นั้นแล้วก็เคลื่อนรถไปข้างหน้า ใช้เวลาจากบริษัทกลับถึงคอนโดก็คงประมาณหนึ่งชั่วโมง ไม่รู้ว่าเขารออยู่ตรงนั้นตั้งแต่ตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่ส่งข้อความาหากัน ถ้าเป็นอย่างนั้นคงเกือบสี่ชั่วโมงแล้วเจ๋งมันบ้าหรือเปล่านะ จะรีบกลับมาทำไมทั้งที่รู้ว่าขึ้นห้องไม่ได้“จะรีบกลับมาทำไม” พอเดินเข้ามาที่ล็อบบี้ก็เห็นเจ๋งนั่งรออยู่พร้อมกับโน้ตบุ๊คค่ใจของเขาที่น่าจะใช้ทำงานไปด้วยระหว่างรอฉันจะว่าไปอยู่ตรงนี้รอมันก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียวเพราะมีห้องสำหรับให้นั่งเล่น
ตอนที่ 6 เว้นระยะห่างฉันออกมาทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงกว่า ส่วนเจ๋งนั้นยังไม่ตื่น ไม่รู้ว่าเขาหลับอยู่จริงๆ หรือแกล้งหลับเพราะไม่อยากคุยกับฉันกันแน่ เพราะปกติถ้าฉันตื่นมาต้องเห็นเขาตื่นรอแล้ว เท่าที่เห็นเขามาเกือบครึ่งดือน เจ๋งไม่ใช่คนตื่นสายเลย“มีนา”เสียงของใครบางคนเรียกฉันไว้ พอหันไปมองก็ต้องแปลกใจที่เป็นคราม ผู้ชายเมื่อคืนนี้ ทั้งที่ปกติไม่เคยเห็นเขาอยู่ในบริษัทมาก่อน“คราม”“นึกว่าจะลาป่วย” เขาแซว คงเป็นเพราะเห็นฉันกลับดึกเมื่อคืน“ไม่ขนาดนั้น คอเกรดเอ” ฉันตอบพลางขำ ทั้งที่เมื่อคืนก็เมาเอาเรื่องแต่ก็พอมีสติถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาไปดื่มกับเพื่อนรับรองว่าถึงไหนถึงกันแน่นอน แต่มีผู้ชายอยู่ด้วยในห้องอีกคนฉันก็ไม่กล้าเมาขนาดนั้น ถึงแม้ว่าเจ๋งจะเอ่ยปากบอกว่าฉันมันไม่สวย ไม่ทำอะไรฉันก็เถอะ มันก็ไม่แน่หรอกนะ“สรุปเมื่อคืน เพื่อนหรือแฟน” ครามถามกันตรงๆ แต่ก็สื่อทางสายตาว่าเขาแค่แซว“น้องน่ะ”“ใช่เหรอ เขามองเราตาขวางขนาดนั้น แถมยังร้องเพลงให้อีก” ครามหัวเราะเบาๆ“จริงๆ ไม่ใช่แฟน” ฉันตอบแล้วยิ้ม เราทั้งคู่เดินเข้าลิฟต์มาด้วยกันเวลานี้มีคนทยอยเข้ามาเรื่อย จนคุยกันเหมือนเดิมไม่ได้ กระทั่งถึงชั้นสาม
เจ๋งพาซ้อนมอเตอร์ไซด์ออกจากร้านแล้วขับช้าๆ รับลมเย็นยามค่ำคืนบนท้องถนนที่เวลานี้รถราบางตากว่าตอนกลางวัน มีแสงไฟเรียงรายอยู่ด้านข้างเพราะมีร้านข้างทางมาเปิดเพื่อรับลูกค้าที่กลับมาจากการท่องราตรี บางร้านเปิดตั้งแต่ดึกถึงเช้ากันเลย“หิวข้าว ขอแวะซื้อแป๊บนึงได้ไหม”“ทานนี่ก็ได้ เดี๋ยวนั่งรอ”“พี่กินไหม”“ไม่ กินเข้าไปคงอ๊วกแตก”บอกตามตรงตอนนี้ฉันก็เมาแล้วเพียงแต่พยายามทำตัวเหมือนไม่เมามาก ให้เจ๋งต้องเยอะเย้ยกัน ถ้าไอ้เด็กนี่รู้เข้ามีหวังหัวเราะเยาะแน่ แต่จะทำยังไงไม่ให้เขารู้นี่สิ แค่จะก้าวขาลงจากรถก็คิดว่าคงได้ล้ม“ลงมาสิ” เจ๋งยืนมองฉันที่ไม่ยอมลงจากรถมอเตอร์ไซด์เสียที“นั่งรอ ตรงนี้แหละ”“พี่เป็นไร” เจ๋งไม่ยอมง่ายๆ เขาขยับเข้ามาใกล้แล้วขมวดคิ้วมองหน้ากันจนฉันต้องรีบหันหน้าหนีเพราะตอนนี้ตาปรือมาก เรียกสติกลับมาหลายรอบแล้วด้วย“เปล่า ไม่อยากลงไป จะนั่งรอตรงนี้แหละ” ว่าแล้วก็ขยับแขนขึ้นมากอดอก มองนั่นมองนี่เรื่อยเปื่อย แต่ไม่มองหน้าเจ๋งหรอก“เมา?”“บ้า!”“งั้นก็ลงมา ไปนั่งตรงนั้น”“บอกว่าจะนั่งตรงนี้”“ดื้อจังวะ” เจ๋งไม่พูดเปล่า เขาก้าวเท้าเข้ามาใกล้แล้วตวัดแขนรวบเอวฉันก่อนจะอุ้มลงไปยืนบน
ตอนที่ 5 อย่ามายุ่งกับเมียชาวบ้านเจ๋งขึ้นร้องเพลงแล้ว เพิ่งรู้ว่าเวลาเขาร้องเพลงอยู่บนนั้นมันมีเสน่ห์มากมายขนาดนี้ ทั้งหน้าตา ทั้งเสียงร้อง ทำเอาสาวๆ หลงกันทั้งร้าน ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะมีคนชอบมากมาย เดินไปทางไหนกับเขาฉันก็ต้องเจอกับแรงอาฆาตแค้นเจ๋งถนัดร้องเพลงช้า ส่วนมากจะเป็นเพลงเศร้าซึ้งๆ ซึ่งมันยิ่งสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่ชวนให้หลงใหลของเขา ระดับเจ๋งไปเป็นดาราหรือนักร้องได้เลย จะไม่มีแมวมองมาเห็นบ้างเลยหรือ น่าแปลกแต่ความเป็นเจ๋งก็ทำให้ฉันคาดไม่ถึงมาหลายเรื่องแล้ว ตั้งแต่เรื่องเพื่อนที่เยอะมากมาย ไหนจะเรื่องผู้หญิงที่ฉันคิดมาตลอดว่าคนปากหมาแบบนี้คงไม่มีใครคบ สุดท้ายเป็นยังไงล่ะ นี่มันหนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัยชัดๆ“ขอโทษนะครับ”“คะ”ขณะที่นั่งมองคนหน้าเวทีกำลังร้องเพลงอยู่ จนลืมสนใจสิ่งรอบข้างเพราะเคลิ้มกับเพลงที่เจ๋งกำลังร้อง ปลายนิ้วของใครบางคนก็มาสะกิดที่ไหล่ซ้าย เล่นเอาฉันตกใจรีบหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังโน้มหน้าลงมาแล้วส่งยิ้มให้“มาคนเดียวเหรอ”“คือ เปล่าค่ะ มากับเพื่อน”“ออ ขอชนแก้วได้ไหม”ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร ก็แค่ชนแก้ว จึงพย
“หมดธุระมึงยัง” เจ๋งถามต่อ“เออ ไปก็ได้วะ แล้วมึงไม่ไปร้องเพลงเหรอวันนี้” เพื่อนลุกออกไปนั่งโต๊ะข้างกันซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างจากนั่งตรงนี้เลย โต๊ะติดกันจนกระซิบยังได้ยิน“กำลังจะไป”“โอ้ว พาสาวไปเฝ้า” เพื่อนอีกคนแซวอีกสองสามคนก็แซวกันจนฉันเขิน“เรื่องของกู”“เจ๋งมันไม่น่ารักเลยเนอะพี่”เพื่อนเขาคนหนึ่งยื่นหน้ามาคุยกับฉัน ที่เวลานี้แทบจะไม่กล้ากินก๋วยเตี๋ยวแล้ว ก็มาแซวกันขนาดนี้ใครมันจะไปกล้าคีบเส้นแล้วอ้าปากกินได้ ฉันก็อายเป็นเหมือนกัน เลยได้แต่ยิ้มแห้งเป็นคำตอบ รับบทแฟนเจ๋งคนปากหมาไปเลยยายมีนาดีนะที่ฉันกินลูกชิ้นไปแล้วไม่อย่างนั้นคงเสียดายแย่ นี่ไงล่ะคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องกินของที่อร่อยที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก“กินไหม”เจ๋งไม่สนใจคำพูดเพื่อนเขาอีก คีบลูกชิ้นลูกใหญ่มาตรงหน้าก่อนจะวางมันในชามของฉันที่เหลือแต่เส้นเล็กขาวๆ อืดๆ กับผักใบเขียวที่ถูกเขี่ยไปด้านข้าง สร้างความแปลกใจให้ฉันไม่น้อยเลย“ไม่กินเหรอ”“แลกกัน” ว่าแล้วเจ๋งก็คีบเส้นฉันไปใส่ในจานตัวเอง แล้วคีบลูกชิ้นอีกสองลูกกลับมาให้กันอีก“คนอะไรไม่ชอบลูกชิ้น”เจ๋งไม่ตอบ เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอแล้วคีบเส้นเข้าปากอย่างไม่เกรงใจ แม้แต่ผั







