Home / LGBTQ+ / เพรงพ่าย / เจ็บเท่าเก่า

Share

เจ็บเท่าเก่า

Author: ลลนล
last update Huling Na-update: 2025-11-10 23:46:43

“ใช่หมอปริญญ์ใช่มั้ยคะ”

“ใช่ค่ะ หมอปริญญ์เอง หนูช่วยเอาอันนี้ไปให้คุณแม่ด้วยนะคะ พี่มาแค่นี้นะ ขอบคุณค่ะ” ปริญญ์บอกทั้งตาแดงก่ำ แล้วยื่นซองสีน้ำตาลนั้นให้คนที่รอรับ และตามด้วยการยกมือไหว้สวัสดีหรือจะไหว้ขอบคุณ ปริญญ์ก็ไม่สนใจทั้งนั้น

เพราะตอนนี้ สาวหน้าซีดเดินตัวลอยๆ ออกมาจากห้องนั้นได้แบบสติสตังไม่อยู่กับตัว รู้ตัวอีกที ม่านน้ำตาที่พาหยดน้ำตาแรกไหลรินออกมา ก็ถูกน้ำที่เพิ่งรองเอาจากก๊อก ยกเอาทั้งอุ้งมือขึ้นมาล้างดวงตาที่เป็นสีแดงด้วยความเสียใจ

ไม่ต้องใช้สมองคิดยังคิดได้ ทำไมมันเจ็บอย่างนี้ ก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายมันเต้นแรงกระหน่ำจนมือเปียกต้องยกขึ้นทุบอกเสียให้สาแก่ใจ

เมื่อวันวานเจ็บเท่าใด วันนี้ยังเจ็บเท่าเก่า...

ปริญญ์จะอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ให้เคยชินได้เช่นไร ในเมื่อสิ่งเหล่านี้เธอเคยวิ่งหนีมาก่อน และวิ่งมาเสียไกล แต่สุดท้ายคล้ายจะวิ่งเป็นวงกลม เพราะตอนนี้เธอเพิ่งพาตัวเองมาที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง...

ใบหน้าที่ยังหมาดน้ำตา ไม่อาจจะเอาตัวอยู่กับความทุกข์ได้นาน ปริญญ์ต้องรีบดึงตัวตนตัวเองกลับมา หลังจากได้รับสายจากบ๊อบบี้ว่าช้างท้องอืดอีกเชือกได้เข้ามาถึงโรงพยาบาลแล้ว

“อืดกันทั้งจังหวัดเลยมั้ยเนี่ย” ปริญญ์บ่นลอยๆ ออกมา เมื่อเดินมาถึงอาคารพยาบาล หากแต่เพราะเป็นคนขาวจัด ดวงตาอันแดงเถือกนั้นเลยสร้างความสงสัย ซึ่งคนอย่างหนุงหนิงไม่มีทางขังความสงสัยนั้นได้นาน

“ตาแดงจังเลยคุณหมอ”

“แสบตา...”

ปริญญ์คิดบทตัวเองเอาไว้ตั้งแต่ไม่สามารถจัดการมันได้ทันเวลา เลยไม่มีใครสงสัยเพิ่มเติม หากแต่บ๊อบบี้ก็ยังจะออกความเห็นออกมาว่า “ทวงแว่นคืนจากคุณแม่เลยค่ะ”

“นี่แพ้แสงจริงๆ ไม่ใช่แพ้ออร่าคุณหมออูนหรอกเหรอคะ”

“อีหนิง!” บ๊อบบี้ตวาดให้ได้พากันหัวเราะกลบเกลื่อน

เพราะสองผู้ช่วยพอจะมองออกว่า ทั้งการกระทำและแววตาของหมอปริญญ์ยามเผลอนั้น มันซ่อนกันไม่มิด แต่ที่อ่านไม่ออกก็คือสีหน้าเหนื่อยหน่ายของหมอกิดากานต์ เลยพากันเข้าใจว่า น่าจะเป็นการแอบชอบข้างเดียวมากกว่า

ผีเห็นผี...

บ๊อบบี้ยืนยันเสียงแข็งเสียเต็มประดา และในขณะที่กำลังเตรียมน้ำเกลือให้กับช้างป่วยกันอยู่นั้น ปริญญ์ก็ยังจะแสดงอาการออกมาอีกว่า

“รู้จักแทมแทมกันมั้ย”

“อ้าว หมอแทคเอาลูกมาฝากอีกแล้วเหรอคะ” บ๊อบบี้บอกพร้อมสังเกตปฏิกิริยาหยิบขวดน้ำเกลือแล้วชะงักไปชั่วลมหายใจของหมอปริญญ์ พร้อมกับส่งสายตาหาหนุงหนิงที่มองอึ้งไปในสิ่งเดียวกัน

“พี่เค้าแต่งงานแล้วเหรอ ไม่ยักกะบอกกันบ้างแฮะ” ปริญญ์ยิ้มขื่นๆ โดยไม่คิดระวังตัว เพราะมั่นใจว่าสองผู้ช่วยนี้ไม่มีทางรู้เรื่องของพวกเธอแน่ๆ

“พวกเราก็ไม่รู้ค่ะ”

“พวกเค้าทำไมแยกกันอยู่ล่ะ”

“ไม่รู้สิคะ” หนุงหนิงและบ๊อบบี้สลับกันตอบ

“แต่งแล้วเหรอ เอ้า หนุงหนิงทำต่อที เดี๋ยวหมอจะไปเช็คดูช้างหน่อย”

อยู่ๆ ก็หงุดหงิด จนไม่กล้าหยิบจับทำอะไร เพราะเธอกลัวอารมณ์ไม่นิ่งจะทำให้การเตรียมยาผิดพลาด เลยต้องพาตัวเองมาจากที่ตรงนั้น

แต่ถึงแม้ว่า จะเดินไปทางไหน ความรู้สึกเหมือนโดนหักหลังก็เอาแต่ทิ่มแทง เธอหนีความรู้สึกอันเจ็บปวดนี้ไม่ได้สักที

เลิกจากเธอ แล้วกลับไปคบคนเก่า งั้นก็แสดงว่า ที่ผ่านมาเป็นปีที่เคยคบ ปริญญ์กลายเป็นเพียงทางผ่าน ทางที่ไม่มีใครๆ รู้จัก ตั้งแต่วันนั้น จวบจนวันนี้ เธอเคยมีค่าต่อสายตากันบ้างหรือเปล่า

กระทั่งใกล้เวลาเลิกงาน จากที่เคยคิดว่าจะรีบเอากระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไปเก็บที่บ้านพักหลังเดียวกันกับกิดากานต์ หมอปริญญ์กลับเปลี่ยนแล้วเป็นฝ่ายเอ่ยชวนน้องๆ ว่า

“นี่ๆ เลิกงานแล้วเราไปนี่กันมั้ย ร้านก่อนถึงตลาดน่ะ กินเหล้าชิลล์ๆ กันมั้ย เดี๋ยวหมอเลี้ยงเอง”

เย้!!

สองผู้ช่วยไม่มีขัดอยู่แล้ว แต่ก็ไม่วายที่จะถามขึ้นว่า “ให้หนูโทรชวนหมออูนด้วยมั้ยคะ”

“ก็แทมแทมจะค้างด้วยไม่ใช่เหรอ ทิ้งเด็กไม่ได้หรอก”

“อาจจะแค่เอามาฝากตอนนี้มั้ยคะ เพราะบางวันก็แค่มาฝาก”

“น่าปวดหัวเนอะ อย่าเลย ไปแค่พวกเรานี่แหละ”

ไม่อยากให้ซับซ้อน แค่นี้ก็ปวดตับมากมาย ปริญญ์ไม่อยากจะกลับไปพักคอนโดของเหมือนไหม แต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะเข้าไปยังบ้านพัก ที่เธอเองก็มีสิทธิ์เต็มที่ในบ้านหลังนั้น

เรื่องเลยมาจบลงที่ร้านเหล้าเล็กๆ ริมทางแห่งนี้

แก้วหนึ่ง แก้วสอง แก้วสาม...ครึ่งกลม หมอปริญญ์ก็เริ่มมีความกล้าที่จะบ่นลอยๆ ขึ้นมาว่า

“ถามลุงอู๊ด แกก็ไม่รู้ว่าแต่งรึยัง”

คนที่ล่วงหน้าไปเป็นขวด ถึงกับพากันตบแก้มตัวเอง ต่อประโยคเลื่อนลอยนั้นทั้งตาเยิ้ม

“อีหนิง มึงช่วยบอกกูทีดิว่าหมอคุยกับพวกเราหรือคุยกับใคร”

“พี่หมอคะ หันมาทางนี้ค่ะ ถ้าจะคุยกับพวกหนู” หนุงหนิงบอก พลางเอามือประคองเอาใบหน้าแดงระเรื่อด้วยเลือดฝาดเข้าหากลุ่ม

“ยังงงพี่อูน”

“อ๋อ...ถ้าเรื่องนั้น พวกเราก็งงกันทั้งโรงบาลมานานแล้วค่ะพี่หมอ”

“ยังไง”

“ก็นั่นสิ มันยังไง หมอแทคก็ไม่มีเมีย หมออูนก็เหมือนคนโสด แล้วน้องแทมแทมที่เอาแต่เรียกหมออูน แม่ๆ ขา พี่หมอคิดซิ เค้าหย่ากันตอนไหนคะ หรือแต่งก่อนจะมาที่นี่ แล้วลูกอยู่กับพ่องี้เหรอ แล้ว...”

“พอๆๆ” ปริญญ์ถึงกับยกมือขึ้นห้าม เพราะหัวใจอันแสนหวั่นไหว มันไม่ต้องการให้ใครมาขยี้ซ้ำอีกแล้ว

ทุกอย่างคือความน่าจะเป็น แต่ไม่ว่าจะทางใด มันก็เจ็บอยู่ดี!

ความเมามายบางคราวก็ช่วยทำให้ลืมเลือน แต่บางขณะมันก็ช่วยเค้นเอาความเจ็บออกมาเป็นสายเลือดได้เลยทีเดียว

เริ่มต้นจากเย็นย่ำจนถึงดึกดื่น และเป็นเวลาที่กิดากานต์ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เธอใช้ชีวิตไปอย่างปกติ เหมือนทุกครั้งที่มีแทมแทมแวะมาค้างด้วย

ห้าทุ่มคือเวลาปิดไฟนอนแล้ว โดยที่เด็กผู้หญิงวัยสี่ขวบกำลังหลับฝันหวานทีเดียว หากแต่แล้วคนที่เพิ่งจะเอนตัวลงเตียงกลับต้องสะดุ้ง เพราะเสียงเคาะประตูดังๆ จากชั้นล่าง มันดังรัวไร้มารยาทจนเด็กน้อยผวาลืมตาตื่นขึ้นมางงๆ

“คุณอาภา! คุณๆ เปิดประตู เปิดให้คีย์หน่อย คุณอาภา!”

กิดากานต์ตกอยู่ในความตื่นตระหนกไม่นาน ก็กลายเป็นหงุดหงิดรำคาญขึ้นมาแทนได้แทบจะทันที

“รอแม่ตรงนี้ก่อนนะ พี่หมอเค้ามาเรียกน่ะ” กิดากานต์บอกพลางลูบผมให้เด็กน้อยสงบลง

“เสียงดังแสบหู”

“นอนนะคะ นอนๆ เดี๋ยวแม่อูนลงไปบอกให้พี่เค้าเงียบน้า”

“.................”

เด็กน้อยยอมสงบ เจ้าของบ้านจึงยอมลุกลงจากเตียง ไฟภายในบ้านถูกเปิดเป็นลำดับ หน้าห้องนอนชั้นบน ตามด้วยไฟบันได ไล่มาถึงไฟชั้นล่างหน้าห้องโถง

“คุณอาภา!”

“คีย์เงียบค่ะ! อย่าทุบประตู” กิดากานต์บอกออกไปไม่เบานัก ขณะเริ่มปลดกลอนทีละอันด้วยความเร่งรีบ

และเมื่อบานประตูบ้านถูกเปิดออก กลิ่นเหล้าหึ่งก็ทำเอาคนพี่ต้องถอยหลบ แล้วต้องเบิกตากว้างขึ้นอีก เมื่อคนมาเยือนยามวิกาลเริ่มโยนกระเป๋าเข้าบ้านทีละใบ

“เดี๋ยวก่อน จะโผล่มาอยู่คืนนี้เลยเหรอ”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เพรงพ่าย   ออกมาหาได้มั้ย

    “ไม่ไปได้ยังไงคะป๊า ตั๋วเค้าก็จองให้หมดแล้ว แล้วอูนก็แค่ไปช่วยงาน ยังไม่ได้ย้ายสักหน่อย”“หนูไม่ต้องมาใช้คำว่าสักหน่อยกับป๊า แค่หนูป่วยแค่นิดเดียว หัวใจป๊าก็เจ็บปวด...”พูดยังไม่ทันจะจบ ลูกสาวขี้วีนก็สวนกลับทันที“อย่ามาลิเกค่ะป๊า”“ป๊าไม่ได้ลิเก แต่คราวนี้ป๊ายอมไม่ได้”“ก็บอกแล้วว่าแค่ไปช่วยงาน”“อูนเอาคำว่าแค่ช่วยงานมาอ้างให้ป๊าตายใจ ไปลาออกเลย ลูกสาวคนเดียวป๊าเลี้ยงได้ ไม่ต้องทำงานเป็นหมอแล้ว ป๊านอนไม่หลับสักวันเพราะเรื่องหนูนี่แหละ”“ป๊าลองเป็นช้างสิ ถ้าป่วยมาแล้วไม่มีหมออย่างอูน ป๊าจะรู้สึก”“หนูอย่ามาแช่งป๊านะ”“ไม่ได้แช่ง แต่ป๊าเองไม่ใช่เหรอที่เลี้ยงหนูมาให้รักสัตว์ ป๊าเองไม่ใช่เหรอที่ชอบช้างมากที่สุด หนูก็เดินตามทางที่ป๊าเคยขีดไว้ให้แล้วไง หนูจะสี่สิบแล้ว หนูถึงขอให้เลิกยุ่งกับชีวิตหนูสักที”“ก็หนูทำตัวน่าเป็นห่วง ให้ตายยังไงป๊าก็ไม่ยอมให้หนูไปลำปาง”“งั้นป๊าก็ต้องช่วยหนูแล้ว

  • เพรงพ่าย   ใช้ของด้วยกัน

    “กวนประสาท...ฮือ ทำไงดี เด็กต้องตกใจแน่ๆ ตาพี่แดงไปหมดเลย”ว่าแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิด มันก็ดันมาเกิดกลางทาง และหากจะพากันไปทั้งสภาพนี้ มันคงแย่พอๆ กับการไม่ไปร่วมขบวน ดังนั้นคนทั้งคู่เลยพากันกลับไปล้างหน้าที่บ้านอีกรอบ“แว่นคีย์ที่พี่เคยซื้อให้อยู่ไหนอ่ะ ใส่อันนั้นพรางตาได้ดีนะ” ปริญญ์บอกคนที่ยืนล้างหน้าอยู่ในครัว“อยู่บนห้องอ่ะ หยิบให้หน่อย”และเมื่อปริญญ์เดินกลับลงมาอีกครั้ง เธอก็เดินเข้าไปสวมกอดผ่านแผ่นหลังกันไปอย่างอ่อนโยน“เลิกเกลียดคีย์เรื่องเพลงน้า”“คนพูดน่ะพูดง่าย”“คีย์ขอโทษ ตอนนี้คีย์อยากเห็นคุณมีความสุข เพลงพวกนั้นมันแค่ข้ออ้างของคนปากเสีย ไม่ได้ขอให้คุณให้อภัยนะคะ แต่อยากให้เข้าใจว่า มันไม่ใช่สิ่งที่คีย์คิดจริงๆ เพราะเพลงที่คีย์ไม่ชอบจริงๆ อ่ะคือเพลงเพื่อชีวิต พี่ก็น่าจะรู้ตั้งแต่เราคบกันแรกๆ”“ไม่ใช่แค่นี้ใช่มั้ยที่โกหกพี่”“มันนานมากแล้วอ่ะ จำไม่ค่อยได้...”“แล้วที่ทำน่ะ เพราะเข้าใจว่าพี่ยังรั

  • เพรงพ่าย   รู้ใจ

    จริงดั่งที่เข้าใจมาตลอด ยิ่งปริญญ์พยายามทำให้อีกคนเจ็บมากเท่าใด แต่หัวใจของเธอกลับเจ็บยิ่งกว่า เธอมองเห็นความอ่อนล้าเหล่านั้นก็อยากจะโผเข้าไปกอด แต่หากจะทะเล่อทะล่าแสดงออกไปเช่นนั้น คนที่มีปมแน่นในใจ คงไม่ยอมเปิดใจให้กันง่ายๆเธอเลยทำได้แค่แสร้งทำเป็นว่าไม่เข้าใจ หญิงสาวไม่พูดอะไร นอกจากการเดินเข้าไปหา แล้วค่อยๆ เอนตัวลงนอนหนุนตักคนที่รักสุดหัวใจนั้นไปเงียบๆ“อืมม์...คีย์คะ คือจริงๆ ไม่ต้องพาไปก็ได้นะ เดี๋ยวพี่ไปเองก็ได้”นั่นไงล่ะ ปริญญ์คิดเอาไว้ไม่มีผิด ว่าจะต้องได้ยินอะไรแบบนี้ ดังนั้นจากที่เคยนอนหงาย ก็ค่อยๆ พลิกตัวเข้าไปกอดกันเอาไว้เพียงหลวมๆ ศีรษะได้รูปทำท่าส่ายหน้า ไม่ยอมรับข้อเสนอนั้น ก่อนจะงึมงำบอกออกมาว่า“ของีบสักห้านาทีนะ แค่ห้านาที หมดเวลาแล้วปลุกเลย”“เหนื่อยเหรอคะ”“ค่ะ ปีนขึ้นปีนลง มาหลายตัวด้วย”“ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปช่วย”“ถึงพี่อยู่คีย์ก็ไม่ยอมให้พี่ทำหรอก”“งั้นนอนพักดีกว่ามั้ย ไม่ต้องไปหรอกเนาะ”“ไม่เอา ขอแค

  • เพรงพ่าย   ถ้ายังรักกัน

    และยิ่งกิดากานต์ปฏิเสธกันเท่าใด อีกคนก็ยิ่งอยากฟาดกันให้ราบคาบเสียแต่ตอนนี้ หญิงสาวเอาแต่ยืนหายใจฟืดฟาด จ้องหน้าไม่พอใจอยู่อย่างนั้น“ก็บอกว่าจะเข้าไปส่งไง”“ก็แล้วจะเข้าเมืองไปทำไม”“จะไปส่งเมียตัวเองมันผิดตรงไหน”“เมียไหนกันแน่ ที่แน่ๆ พี่ยังไม่ใช่เมียเธอ ยัยเด็กคนไหนล่ะที่อยากไปหา มันไม่ใช่แค่อยากไปส่งพี่หรอก”และนี่ก็กลายเป็นการยืนยันว่า พวกเธอยังคงไม่เชื่อใจกันอย่างชัดเจน“ไม่อยากเป็นแล้วเหรอ ไหนเมื่อคืน...”พูดยังไม่ทันจบ อีกคนก็ทุบกำปั้นลงไหล่กันไม่เบานัก“เลิกพล่ามถึงตอนนั้นได้ป่ะ”“ความจริงคนเรามันออกมาตอนนั้นไม่ใช่เหรอ”“แล้วมันจะเป็นไปได้ไง ในเมื่อเธอไม่ได้ต้องการฉันจริงๆ”“.........................”เมื่อไม่อยากจะเถียง ปริญญ์ก็ทำเพียงยิ้มเยาะใส่หน้า เป็นท่ากวนประสาทที่อีกฝ่ายอยากจะตะโกนใส่หน้าให้สุดเสียง“ไม่ต้องด้อยค่ากันถึงขนาดนั้นก็ได้”“เปล่

  • เพรงพ่าย   รู้เป็นคนสุดท้าย?

    “มันคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้จริงๆ นะอูน”“นี่คีย์เค้าคิดว่าอูนกลับไปมีอะไรกันกับพี่แทคงั้นเหรอคะ ป้าขา...เราไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ นะคะ” กิดากานต์พูดเสียงแหบแห้งออกมาจากใจที่อ่อนล้า“ป้าจะไม่ลงรายละเอียดนะ ให้คุยกันเอง”“ไม่ได้มีจริงๆ นะคะ”“ไปคุยกันเอาเอง เพราะเจ้าปริญญ์มันก็ไม่ฟังใคร มันเชื่อที่ตามันเห็น”“ก็หนูอธิบายเค้าตั้งหลายครั้งแล้วว่าไม่ได้ทำๆ ถึงว่าสิ พอพูดถึงพี่แทคเมื่อไหร่แล้วคีย์จะกลายเป็นคนบ้าไปเลย”หลังจากวางสาย กิดากานต์ก็เพิ่งจะมานั่งคิดทบทวนว่า ปริญญ์เริ่มเปลี่ยนแปลงแหนงหน่ายกันตั้งแต่เมื่อไร และก็ถึงกับน้ำตาซึมว่ามันเกิดหลังจากสาเหตุนั้นจริงๆ เหตุการณ์ในครั้งนั้นเธอมั่นใจว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นถึงแม้กฤษกรจะทรงแบดดูกินไม่เลือกในเวอร์ชั่นผู้ชาย แต่เขาจะให้เกียรติเธอเสมอ จนกระทั่งตอนนี้ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขายังดีอยู่ ก็เพราะเขาไม่เคยหาจังหวะรังแกกันเลยสักครั้งแต่แล้วในขณะที่นั่งไล่เรียงไทม์ไลน์อย่างรวดเร็ว พลันอีกหนึ่งความสงสัยก็ผุดขึ

  • เพรงพ่าย   ไม่แฟร์

    “โอเค คีย์อาจจะขอผิดเวลา แต่ขอให้มั่นใจกับอะไรกว่านี้อีกสักหน่อย คีย์จะกลับมาขอคบอีกครั้ง”“มั่นใจเรื่องอะไรคะ”“ไว้ถึงเวลาแล้วจะบอกค่ะ”“เรื่องที่พี่เคยถามน่ะเหรอ”ทันทีปริญญ์ก็แสยะยิ้มเครียดออกมา ทำเอาอีกคนยิ่งสงสัยหนักเข้าไปอีก“นอนเถอะ...จะได้หายเร็วๆ ไว้หายแล้วค่อยคุยกัน”“ค่ะ”แล้วตอนนี้เราเป็นอะไรกัน เป็นเรื่องน่าปวดหัวที่ไม่มีใครกล้าตั้งมันขึ้นมาเป็นคำถาม...ตั้งแต่ที่ปริญญ์เดินเข้ามาจุ๊บหน้าผากก่อนออกไปทำงาน กิดากานต์ก็กลับไปเป็นคนคลั่งรักได้อย่างเงียบๆ สมองมันแล่นแปลบปลาบ ฉายแต่ภาพซ้ำๆ ที่ทำเอานอนหน้าร้อนเป็นสีระเรื่อปริญญ์เป็นเพียงคนเดียวในชีวิต ที่รู้จักร่างกายเธอดียิ่งกว่าผู้ใด การเคลื่อนไหวอย่างรู้ใจและแสนจะช่ำชอง มันพร้อมจะหลอมละลายกายที่เกร็งสั่น ให้ปวดมวนไปทั่วร่างด้วยความกำซาบฝ่ามือเจ้าเล่ห์ปาดฉวัดเฉวียนเฉียดผ่าน แต่ไม่แตะต้องเพชรเม็ดงามที่ฉ่ำลื่นจนเจ้าตัวต้องถอนหายใจซ้ำซากด้วยความอึดอัด เพราะ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status