Mag-log inทำเหมือนห่วง ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่ากิดากานต์นอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลมาตั้งสามวัน เขาเรียกว่าห่วงประสาอะไร ไม่เห็นโผล่หัวไปเยี่ยมสักวัน!
ผิดหวังอยู่ลึกๆ แล้วถุงผ้าสีเทาก็ถูกจับโยนเข้าไปในตู้เอกสารข้างผนังไปอย่างไม่ใยดี...
อารมณ์ของเธอขุ่นมัวตั้งแต่เช้า กาแฟดำยามเช้าน่าจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาได้...เกล็ดกาแฟสำเร็จรูปถูกตักออกจากขวดด้วยใจจดจ่อ ทีละช้อนอย่างเชื่องช้า แล้วตามด้วยน้ำร้อนจัด ไอขาวพวยพุ่งลอยขึ้นเหนือแก้วกาแฟอย่างอ้อยอิ่ง
เสียงโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อดังขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ทำลายอารมณ์ที่กำลังจะดีขึ้นให้หม่นลง เพราะปลายสายคือผู้ช่วยที่รู้ใจ
“มีอะไรบ๊อบบี้โทรมาแต่เช้า”
“อาทิตย์นี้ บ้านดอนย่านาง คุณแม่ว่างมั้ยคะ” สาวสองผมทองผิวเป็นสีขาวจัด กรอกเสียงผ่านมือถือมาอย่างรู้ใจ
และทุกครั้งคำตอบที่ผู้ช่วยคิดว่าจะได้ก็คือ...กี่โมง?
กิดากานต์ไม่มีทางปฏิเสธกิจกรรมที่แสนชื่นชอบเหล่านี้ไปได้!
“คิดดูก่อน”
มีคนผิดหวังในคำตอบไปแล้วหนึ่ง แต่เขาก็ยังจะกรีดเสียงตามออกมาอีกว่า “ไม่ได้นะแม่ รอบนี้เค้าจัดเต็ม ลุงอู๊ดก็รับปากแล้วด้วย คุณแม่จะมาชิ่งอย่างนี้ไม่ได้นะคะ”
“ก็บอกว่าคิดดูก่อน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่นี่” กิดากานต์ตอบพร้อมกับเผลอกดยิ้มลงมุมปากไปไม่รู้ตัว
“งานนี้จะขาดแม่ไม่ได้นะคะ มันเป็นงานรับน้องใหม่ เอาให้สุดเหวี่ยงกันเลยค่ะคุณแม่!”
“ปริญญ์เค้าไม่ไปหรอก”
เจ้าของใบหน้าที่เปลี่ยนมาเคร่งขรึมบอกออกมาในทันที
“คุณแม๊เป็นหัวหน้า คุณแม๊สั่งได้ค่ะ”
“เค้าไม่ชอบอะไรพวกนี้ เปลี่ยนแผนอื่นซะเถอะ”
“แล้วรถแห่มันไม่สนุกตรงไหนอ่ะแม๊ ถ้ามีพวกเราหมอปริญญ์ต้องชอบสิคะแม๊”
“เอางี้ ถ้าบี้ชวนหมอปริญญ์ได้ ฉันก็จะไป” กิดากานต์กัดฟันบอกออกไปแล้วกดวางสายทันที
ฉับพลันอารมณ์แย่ๆ ก็ถูกตีขุ่นข้นขลั่กขึ้นมาเลยทีเดียว จากที่คิดว่ามันจะดีอยู่แล้ว...รถแห่งานบุญคือกิจกรรมโปรดของพวกเราชาวโรงพยาบาลช้าง กิดากานต์คือสาวสวยที่มีอีกด้านที่หลายคนคาดไม่ถึง เธอชอบความลูกทุ่งโจ๊ะๆ ฟังเพลงหมอลำเช้าเย็น แถมร้องคลอได้เพราะไม่แพ้ต้นฉบับ มันเป็นความชอบที่หลงใหลมาตั้งแต่เด็กๆ
และเป็นเหตุผลเด็ด ที่ทำให้เธอต้องเลิกกับปริญญ์...
ปริญญ์บอกไม่ชอบไลฟ์สไตล์นี้ของเธอ หล่อนบอกชอบ R&B Kpop และทนอยู่กับเธอไม่ได้อีกต่อไป หากยังจะเปิดฟังแต่เพลงหมอลำลูกทุ่ง ที่แฟนเด็กไม่เคยอิน และรำคาญอย่างสุดๆ
แก้วกาแฟถูกปล่อยให้เย็น สองมือกำแน่นเข้าหากันอยู่นาน แต่ก็ยังไม่คลายอารมณ์โกรธระคนอับอาย ต่อเหตุผลเลิกราที่สุดบ้า และนั่นก็ทำให้เธอสูญเสียความมั่นใจ จนเป็นสาเหตุที่ต้องใส่หูฟังแทบตลอดเวลา
เธอไม่กล้าจะฟังเพลงที่ชอบต่อหน้าคนอื่นอีกเลย แต่ก็โชคดีเหลือเกินที่โรงพยาบาลช้างแห่งนี้ สามารถทำให้เธอพอจะเผยตัวตนความชอบออกมาได้บ้าง
แต่ถ้าปริญญ์เอาตัวเข้ามาอยู่ในโลกใบนี้ของเธออีกครั้ง เธอควรจะทำตัวยังไงดี ขนาดเมื่อกี้บ๊อบบี้ชวนเธอก็ยังไม่กล้าจะตอบรับในทันที
ปมชีวิตของผู้คน มันมีเล็กใหญ่แตกต่างกัน แต่ทว่าในความเจ็บช้ำหม่นหมองเหล่านั้น มันคงไม่แตกต่างกันเสียเท่าใด
กาแฟยังไม่ทันถูกจิบ สายเรียกเข้าจากบ๊อบบี้ก็ดังเข้ามาอีกครั้ง
“อื้อ...ว่ายังไง”
“หมอปริญญ์ตกลงค่ะแม่!”
“ฮะ!? ว่ายังไงนะ”
“แม่ฟังไม่ผิดค่ะ หมอปริญญ์บอกจะไปด้วย ไปเต้นรถแห่กับพวกเราด้วยค่ะแม๊”
“เค้ารู้จักรู้เปล่าเหอะว่ารถแห่คืออะไร”
“หมอรู้ค่ะ ตกลงคุณแม่ไปนะค้า”
คราวนี้บ๊อบบี้เป็นฝ่ายชิงตัดสายก่อน ปล่อยให้อีกคนได้แต่นั่งมึนงงสับสน ปริญญ์ไม่มีทางรู้แน่ๆ ว่ารถแห่นั้นคืออะไร
จะให้โทรบอกโทรห้าม ก็ไม่เหลือเบอร์ในมือถือกันอีกแล้ว ดังนั้นคนเดือดจึงรีบเดินออกจากห้องทำงาน สะโพกที่ยังไม่หายดี ทำให้การเดินเร็วของกิดากานต์ต้องหยุดพักครึ่งทาง เพราะความปวดมันเล่นงานให้ต้องขบฟันเข้าหากันแน่น แต่ก็พยายามฝืนใจเดินเข้าสู่อาคารพยาบาล ซึ่งตอนนี้มีครวญช้างเพิ่งจะนำช้างเข้ามาทำการล้างแผล แต่ระหว่างที่หมอปริญญ์กำลังเตรียมยาอยู่นั้น
คนที่มากมายความฟุ้งในหัว ก็พาตัวเองไปยืนเคียงข้างทั้งเสียงถอนหายใจฟืดฟาด จนอีกคนที่ยังสวมแว่นดำหันมามอง
“คีย์กำลังจะล้างแผลให้คุณยายสร้อย ช่วงนี้พี่ไม่ต้องออกมาก็ได้นะ ให้หายดีก่อนแล้วค่อยออกมา”
“ยกเลิกนัดกับบ๊อบบี้ซะ”
คำเด็ดขาด ส่งผลให้คนฟังถอนหายใจเอือมระอา
“พี่อูนจะทำลายความสุขคนอื่นทำไม”
“พี่บอกว่าให้ยกเลิกไง คีย์รู้จักเหรอว่าเค้าจะชวนไปไหน”
“ไปเที่ยวรถแห่ แล้วมันแปลกตรงไหนเหรอคะ”
“เค้าไม่เรียกว่าเที่ยว”
“ไม่ต่างกันหรอก” ปริญญ์ตอบโต้ไปอย่างไร้อารมณ์ ทั้งที่อีกฝ่ายกำลังปั่นให้มันร้อนเป็นไฟ
“หมอลำลูกทุ่ง สิ่งที่คีย์เกลียดทั้งนั้น ได้โปรดอย่าเอาตัวเข้ามาอยู่ในโลกของพี่อีกเลยนะ”
ตอนท้ายในน้ำเสียงกึ่งขอร้องนั้น มันทำเอาอีกคนถึงกับวางขวดยาลงกับโต๊ะ แล้วหันไปคุยกันทั้งตัว
“โลกของพี่กับคีย์มันอยู่ด้วยกันไม่ได้เหรอ”
“จำไม่ได้รึไงว่าพี่เคยถามแบบนี้กับคีย์มาก่อน เฮอะ! เราอยู่ใกล้กันไม่ได้ แต่นี่อะไร คีย์จะโผล่มาที่นี่ทำไม!?” กิดากานต์กัดฟันพูดให้เบาที่สุด แต่ก็เร้นไว้ด้วยความเจ็บปวดที่สุดเช่นกัน
"ถ้ารู้ว่าพี่ทำงานอยู่ที่นี่ คีย์ก็คงไม่เลือกมา"
"รู้แล้วก็ทำเรื่องย้ายออกไปซะสิ"
"ถ้าคีย์ผิด คีย์จะไป แต่นี่พี่อูนเป็นคนผิดเต็มๆ"
"พี่ผิดอะไร"
"ก็พี่เล่นเปลี่ยนชื่อจนคีย์เข้าใจผิด จะเปลี่ยนทำไม"
"เปลี่ยนเอาความจัญไรออกจากชีวิต แต่คิดว่าคงจะไม่ได้ผลซะละมั้ง"
"รู้ตัวป่ะ พี่น่ะเหมาะกับความจัญไรแบบนี้แหละ"
“ยกเลิกนัดเค้าซะ! จะไปฉลองอะไรที่ไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่อะไรแบบนั้น”
“พี่ก็เป็นแบบนี้ พอเถียงไม่ได้ ก็มีแต่จะเผด็จการใส่” ปริญญ์พูดออกมาเหมือนระอาใจ แต่ก็อดที่จะอมยิ้มออกมานิดๆ ไม่ได้ มันเลยกลายเป็นท่ากวนประสาทที่ทำให้อีกคนเค้นเสียงออกมาว่า “แต่พี่ก็ไม่เคยทำได้สำเร็จไม่ใช่เหรอ”
“สำเร็จทุกครั้งมากกว่า แต่ครั้งนี้คีย์จะดื้อแล้วนะ”
กิดากานต์ถึงขั้นยกมือกุมขมับ รีบหลับตาสะกดจิตสะกดใจไม่ให้ตะโกนแหกปากออกมา
“ตามใจ! ถ้าไม่ชอบหรือรำคาญยังไง พี่ก็จะไม่สนใจอะไรแล้ว เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“งั้นที่ผ่านมาที่คอยห้ามแบบนั้น เรียกว่าสนใจกันได้มั้ยคะ”
“เรียกว่าเธอจะทำให้พี่หมดสนุกต่างหากล่ะ”
เสียดายที่กิดากานต์สะบัดหน้าหนีไม่ได้เหมือนทุกครั้ง คนคอแข็งทื่อที่หมดอารมณ์จะต่อกรกันเป็นเด็กๆ ก็หมุนตัวไปอีกทาง เพื่อที่จะเริ่มงานในเช้าวันใหม่ได้อย่างขมุกขมัวปล่อยทิ้งให้อีกคนมองตามด้วยความรู้สึกห่วงใยมากขึ้นไปอีก...จริงๆ แล้ว ตั้งแต่ที่เลิกกัน ปริญญ์ก็ค่อยๆ คายความเป็นตัวตน แล้วกลืนเอาความหลากหลายของกิดากานต์มาเป็นตัวเองเธอเริ่มฟังเพลงลูกทุ่งได้เพราะขึ้นมานานหลายปีแล้ว และเธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าหลงคิดว่าพวกเพลงเหล่านั้นคือสิ่งที่เข้ามาทดแทนคนรักเก่าและที่สำคัญที่สุด คือมันไม่ใช่เหตุผลจริงๆ ที่ทำให้เราเลิกกัน...นับจากนี้ ไม่ว่ากิดากานต์จะจิกกัดกันเรื่องเก่าๆ มากขนาดไหน เธอก็จะพยายามไม่ใส่ใจ เพราะสิ่งที่เธอห่วงใยจนต้องรีบรับปากบ๊อบบี้ในทันที ก็เพราะสิ่งที่กิดากานต์ชื่นชอบ มันล้อมรอบไปด้วยหนุ่มๆ ทั้งหนุ่มแตกสาว และหนุ่มฉกรรจ์ พวกเขาให้เหตุผลว่าเพื่อไปคุ้มครอง คุณหมอรถแห่ ฉายาที่ไม่ใกล้กับบุคลิกที่คนทั่วไปพบเห็นแต่นั่นคือตัวตนที่กิดากานต์ไม่กล้าเปิดเผยกับปริญญ์มาก่อน อยู่ที่นี่ได้ทำอะไรในสิ่งที่ชอบ คุณหมอรถแห่คงมีความสุขมากสินะ แล้วใครจะกล้าทำลายความสดใสนั้นลงคอล่ะไม่คิดว่าการกล
ทำเหมือนห่วง ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่ากิดากานต์นอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลมาตั้งสามวัน เขาเรียกว่าห่วงประสาอะไร ไม่เห็นโผล่หัวไปเยี่ยมสักวัน!ผิดหวังอยู่ลึกๆ แล้วถุงผ้าสีเทาก็ถูกจับโยนเข้าไปในตู้เอกสารข้างผนังไปอย่างไม่ใยดี...อารมณ์ของเธอขุ่นมัวตั้งแต่เช้า กาแฟดำยามเช้าน่าจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาได้...เกล็ดกาแฟสำเร็จรูปถูกตักออกจากขวดด้วยใจจดจ่อ ทีละช้อนอย่างเชื่องช้า แล้วตามด้วยน้ำร้อนจัด ไอขาวพวยพุ่งลอยขึ้นเหนือแก้วกาแฟอย่างอ้อยอิ่งเสียงโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อดังขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ทำลายอารมณ์ที่กำลังจะดีขึ้นให้หม่นลง เพราะปลายสายคือผู้ช่วยที่รู้ใจ“มีอะไรบ๊อบบี้โทรมาแต่เช้า”“อาทิตย์นี้ บ้านดอนย่านาง คุณแม่ว่างมั้ยคะ” สาวสองผมทองผิวเป็นสีขาวจัด กรอกเสียงผ่านมือถือมาอย่างรู้ใจและทุกครั้งคำตอบที่ผู้ช่วยคิดว่าจะได้ก็คือ...กี่โมง?กิดากานต์ไม่มีทางปฏิเสธกิจกรรมที่แสนชื่นชอบเหล่านี้ไปได้!“คิดดูก่อน”มีคนผิดหวังในคำตอบไปแล้วหนึ่ง แต่เขาก็ยังจะกรีดเสียงตามออกมาอีกว่า “ไม่ได้นะแม่ รอบนี้เค้าจัดเต็ม ลุงอู๊ดก็รับปากแล้วด้วย คุณแม่จะมาชิ่งอย่างนี้ไม่ได้นะคะ”“ก็บอกว่าคิดดูก่อน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่นี่
เดชะบุญฟิล์มดำของเธอทำให้อีกฝ่ายคงไม่มีทางเห็นหน้าเจื่อนๆ ของกันได้ เฝือกอ่อนที่ดามคออยู่ของกิดากานต์ทำให้ความเป็นห่วงที่พยายามกลบมันไว้ กลับเผยตัวตนออกมาจนรู้สึกหมั่นไส้ตัวเองเมื่อไรเธอจะควบคุมตัวเองได้เสียที เธอเกลียดเลือดลมฟุ้งซ่านนี้เต็มทน เกลียดที่ใบหน้าสวยๆ นั้นยังทำให้ใจเต้นแรงได้เสมอให้ตายเหอะ เธอลืมรักที่ผ่านมาทั้งเจ็ดคนไปได้อย่างไร พวกหล่อนๆ ทั้งหลาย เธอจำได้แค่ชื่อ ไม่เหมือนผู้หญิงคนนั้นที่ยังหมุนตัวมองกันมาจนรถเข้าจอดที่โรงจอดรถ“ป้ายทะเบียนกรุงเทพนี่”“อ๋อใช่ หมอปริญญ์เคยบอกว่าเคยทำงานกับหมออูนมาก่อนนี่นา”ได้ยินอย่างนั้น กิดากานต์ก็ถึงกับกัดฟันแน่น หลับตาปิดลงเพื่อควบคุมสติ เพียงชั่วขณะก็ลืมตาขึ้นมาถามกันชัดๆ ว่า“ปริญญ์ พุทธพัลลภ?”“ใช่ครับ”“....................”หญิงสาวทำเพียงแสยะยิ้ม อารมณ์ใดๆ ไม่หลงเหลือ ตัวมันชา ขามันสั่น ใจเต้นรัว เหมือนเกลียดกลัวอะไรสักสิ่ง แต่เธอก็ไม่ได้คิดที่จะหมุนตัวกลับ หากแต่ยังอยากยืนตั้งรับรออยู่ตรงนี้หญิงวัยสามสิบแปด เธอผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร เลยไม่คิดจะหนี อยากอยู่ตรงนี้ รออยู่ตรงนี้ รักครั้งนั้นเธอไม่ได้ผิด คนที่ควรจะไปจากที่นี่ไม
แต่ขออภัยเถอะ เธอโกรธกันจนไม่อยากจะให้อีกฝ่ายมีความสุขแม้สักวินาทีเดียว“ก็ไม่มีอะไรนะคะ คือที่ถามน่ะ ถามเผื่อพี่ชายที่เพิ่งอกหักค่ะ เผื่อจะได้เป็นแม่สื่อแม่ชักอะไรประมาณนั้น”ปริญญ์หาทางลงด้วยเหตุผลที่ฟังเข้าท่าจนอีกคนเชื่อสนิท และเธอก็ผูกมิตรกับลุงอู๊ดได้ด้วยเวลาอันรวดเร็ว แต่ก็ต้องสารภาพเลยว่า ตลอดเวลาที่ตรวจเช็คร่างกายพลายจุมพล เธอไม่มีสมาธิเท่าใดนัก ในหัวมันมีแต่เรื่องของกิดากานต์ มีทั้งเรื่องที่ทำให้สุขและเรื่องที่ทำให้เสียน้ำตาสรุปแล้วเคสนี้ เธอก็ตัดสินใจบอกกับครวญช้างเจ้าของพลายจุมพลว่าให้เอาตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล เพื่อที่จะได้ทำการเอกซเรย์หาจุดแตกหักของกระดูกทุกอย่างเสร็จสิ้นลงไปอย่างง่ายดาย จนกระทั่งกลับมานั่งบนรถ เพื่อเตรียมตัวกลับ คนที่เคยถามมาตลอดทาง ก็เอาแต่นั่งนิ่งคล้ายมีความคิดวิ่งวนอยู่ในสมองตลอดเวลา“ผมจะไปส่งหมอปริญญ์ไว้ที่โรงพยาบาลเลยนะครับ”“อ๋อ...ค่ะ”“ส่งแล้วก็จะออกไปดูหมออูนที่โรงพยาบาลสักหน่อย วันนี้ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว”“................”ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากใจสั่นๆ ขณะนี้หมอปริญญ์ไม่หลงเหลือความเป็นตัวเองมายาวนานหลายชั่วโมงเหลือเกิน มีแต่แววตาสองจิตสอง
แต่พอเดินตามกันออกมานอกห้อง ผอ. ก็ไม่ลืมที่จะผายมือไปยังทิศทางหน้าอาคารอำนวยการ ว่าให้ยืนรอคนขับรถมารับที่ตรงนั้นเมื่อผู้อำนวยการขับรถจากไป หมอปริญญ์ก็กลับมาอยู่เพียงลำพัง ที่อาคารพยาบาลไม่มีใครอยู่เลย ไม่มีแม้ช้างสักเชือก ซึ่งอันนี้พอเข้าใจได้ว่า อาจจะไม่มีช้างที่ดูแลต่อเนื่องค้างคืน แต่ถึงจะมีก็อาจจะอยู่ในคอกที่เตรียมไว้ให้ต่างหากมันเกิดขึ้นได้ แต่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็คือ ขนาดเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่มีสักคน สิ่งมีชีวิตที่มีตัวๆ พอมองเห็นได้ ก็น่าจะมีแค่เธอ และนกเกาะกิ่งไม้อีกสองตัวเท่านั้นไม่มีปัญหาๆคำๆ นี้ของผู้อำนวยการทำให้เธอถึงกับส่ายหน้ายิ้มขันใครเชื่อก็บ้าแล้ว!หญิงสาวยืนรออยู่ที่เดิมได้เกือบสิบนาที ก็ค่อยๆ สืบเท้ากลับเข้าสู่ตัวอาคารบอร์ดแผนงาน และบอร์ดจิปาถะ ถูกตกแต่งด้วยกระดาษหลากสีแบบฝีมือเด็กประถม ซึ่งมันเคยเหวี่ยงตัวออกจากความน่าสนใจมาตั้งแต่แรกเริ่ม แต่เพราะเวลานี้ ไม่มีสิ่งไหนที่น่าสนใจแม้แต่นิด มันเลยดูมีคุณค่าขึ้นมาทีละนิด ขณะที่คนคิ้วยับย่นเซ็งจัด กำลังขยับเท้าเป็นปู ขนานไปกับบอร์ดติดผนัง เพื่อเดินดูรูปถ่ายการทำงานของคนที่นี่ แต่แล้วหนึ่งในภาพนั้น มันก็ถ่ายติดสัตวแพทย
“มาไม่สาย แต่กลับเร็ว เข็มนาฬิกาตรงเป๊ะ ก็ชิ่งเลยครับ”“ถือว่าไม่ผิด แล้วพักที่ไหนอ่ะ ทำไมไม่พักด้วยกันที่นี่”“บ้านนั้นหลังคารั่วยังเข้าไม่ได้ครับ” เขาพูดถึงบ้านพักอีกหลังที่ไม่มีคนอยู่มานานมากแล้ว“อยู่ด้วยกันก็ได้ ดีซะอีก หมอจะได้มีเพื่อน”“หมอปริญญ์รอมาคุยกับหมออูนก่อนครับว่าจะอนุญาตให้อยู่ด้วยรึเปล่า”นอกจากคอจะแข็งเพราะเฝือกแล้ว ดวงตาของคุณหมอกิดากานต์ยังจะขยันกระตุกถี่ๆ คล้ายจะเป็นลางบอกเหตุอะไรสักอย่างปริน มันคือปรินแบบไหน ปริญ ปริน ปริณ ปิน ปริญญ์ไม่หรอกน่า มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้น...ถ้าอย่างนั้น ก็ขอถามอีกสักคำถามแล้วกัน“คนขอนแก่นเหรอ”“ไม่นะครับ เพราะตอนนี้พักกับเพื่อนในตัวเมือง ไปกลับหกสิบกิโล เลยอยากพักอยู่ที่นี่”“คนที่ไหน”เอาซี้...หากตอบมาว่าเป็นคนกรุงเทพฯ กิดากานต์สาบานกับตัวเองเลยว่า จะขอกรี๊ดให้มันดังๆ เอาให้สุดเสียงตอนนี้ ตรงนี้เลย พับผ่าสิ!“อันนี้ผมไม่ทราบ”หญิงสาวพ่นลมหายใจฟืดยาวออกมาไม่รู้ตัว หลังจากลุ้นจนตัวโก่ง แต่แล้วก็ต้องรีบหันไปทางเข้าโรงพยาบาล เมื่อลุงคนขับรถชี้บอกว่า“นั่นไง หมอมาแล้ว”เก๋งสีดำ ป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร ตัวอักษรในป้ายตามระยะสายตาของห

![เพียงชั่ววูบเดียว [MPREG]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)





