บทนำ
สายตาเลื่อนลอยทอดมองทิวทัศน์เบื้องหน้าแบบไร้จุดโฟกัส...ความคิดในใจวุ่นวายแสดงออกมาทางสีหน้าจนเห็นเด่นชัด...ลมหายใจถูกผ่อนออกมาจากปอดยาวๆ เมื่อคิดถึงอาการเจ็บป่วยของตนเอง...จะไม่ให้หวันยิหวา นั่งคิดจนปวดหัวได้อย่างไร? เมื่อสมองของเธอว่างเปล่า หลังฟื้นขึ้นมาหลังอุบัติเหตุใหญ่ เธอบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย และถูกส่งตัวกลับจากอิตาลี...แบบด่วนพิเศษ!! อุบัติเหตุครั้งร้ายแรงนั่น อุบัติเหตุที่ทำให้ตนเองจำอะไรไม่ได้เลย...
สาวน้อยวัย23 ปีที่เพิ่งรับปริญญามาหมาดๆ โบนัสหลังเรียนอย่างหนัก คร่ำเร่งกับตำรามาหลายปี เธออ้อนวอนขอบิดา มารดาไปท่องเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก ประเทศในฝันของคนที่มีศิลปะในหัวใจชอบไป... อิตาลี คือสถานที่ที่เธอเลือก...เกิดอะไรขึ้นที่นั่น? หวันยิหวาไม่สามารถรู้ได้ เมื่อทุกคนรอบตัว จงใจปิดปากเงียบ แถมสมองของเธอดันลืม...ลืมสนิท มีหมอกสีขาวบังตา จนมองไม่เห็นอะไรเลย...
“หวานั่งทำอะไรตรงนั้นลูก...เข้าข้างในเถอะจ้ะ แดดมันร้อน”
สตรีสูงอายุ สีหน้าเอื้ออารี คนที่แสดงตัวเป็นมารดาเธอ ในวันที่ลืมตาวันแรกบนแผ่นดินไทย หวันยิหวาจำใครไม่ได้เลย ทุกอย่างตรงหน้าว่างเปล่า... มีเพียงสัญชาตญาณในตัวที่ร้องเตือน คนตรงหน้านั้น... เกี่ยวพันกับเธอเหมือนดั่งที่ท่านว่าจริงๆ
“ค่ะแม่...” หญิงสาวรับคำ ยืดกายลุกขึ้นยืน เอี้ยวตัวไปมา ไล่ความเมือยล้า เนื่องจากเธอนั่งจมอยู่กับความคิดตรงนี้นานแล้ว เหมือนดังที่คุณพรรณนาเตือน
หญิงสูงวัยแอบกรีดหยดน้ำตาทิ้ง สงสารลูกสาวจนอยากจะเจ็บแทน...เคราะห์ร้ายที่หวันยิหวาเคยผจญ มันยากที่จะทำใจยอมรับได้ การที่บุตรสาวลืมอดีตได้ นางคิดว่าเป็นการดี ไม่อย่างนั้น บุตรีของท่านจะเจ็บทั้งกายและใจ
“หวาอาบน้ำก่อนนะคะแม่...” หญิงสาวยิ้มเซียวๆ ให้มารดา เดินช้าๆ ขึ้นชั้นบนของตัวบ้าน พยายามไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น เพราะช่วงเวลายาวนานที่นอนแบ็บอยู่บนเตียง เธอทรมานพวกเขามานานแล้ว
6เดือนบนเตียง กับร่างกายที่ขยับได้นิดหน่อย...
“ระวังด้วยนะลูก...เดินช้าๆ ไม่ต้องรีบ” เสียงมารดาลอยตามหลังมา หวันยิหวาหันมายิ้ม แต่ท่านเดินหายเข้าไปในส่วนครัวเสียแล้ว
“พ่อ แม่สงสารลูก” เสียงเครือสะอื้น พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลปรี่
วิทย์พับหนังสือพิมพ์ในมือโยนไว้บนโต๊ะรับประทานอาหาร เดินเข้าไปประคองภรรยาวัย45ปีอย่างถนอม
“ลูกไม่เป็นอะไรแล้วนี่แม่ อย่าไปคิดถึงเรื่องนั้นซิ เราสัญญากันแล้วนี่นา”
ชายวัยกลางคนกล่าวเสียงทุ้ม เขาเองก็เจ็บแค้นแทบกระอัก แต่จะทำอะไรคน คนนั้นได้ เมื่อชายผู้นั้นทรงอิทธิพลเสียจนคนธรรมดาอย่างท่านไม่กล้าเผยอหน้า แค่ได้บุตรสาวคืนกลับมาก็นับว่าเป็นบุญหัว แม้หวันยิหวาจะไม่ต่างอะไรกับซากร่างกาย เมื่อความทรงจำของหล่อน หายไปทั้งหมด หลังโศกนาฏกรรมเลวร้ายครั้งนั้น
บุตรีของท่าน...เสียแม้แต่...สายเลือดในอก...
ประเทศไทย...กรุงเทพฯ บรรยากาศยามค่ำบนตึกสูง มองเห็นแสงไฟบนถนนคล้ายๆ เส้นเชือกที่พาดโยงไปมาน่าปวดหัว คลิสเตียนยืนนิ่ง สายตามองภาพนั้น แต่กลับคิดถึงใครบางคน ผู้หญิงคนหนึ่งสดใสเหมือนดอกไม้ป่า รอยยิ้มเต็มหน้า กับแววตามีชีวิตชีวา รอบตัวของเธอคือความสดชื่นที่คลิสเตียนไม่เคยเจอ สังคมของเขาทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นคนเย็นชา เมื่อมีแต่คนที่เข้ามาเพราะหวังผลประโยชน์ สวมหน้ากากคนใจดี แต่ลับหลังคือหมาป่าผู้หิวโซ จ้องจะตะปบเหยื่อหากตนเองเพลี่ยงพล้ำ ‘คลิส...ลองทานฝีมือของหวาหน่อยค่ะ หวาทดลองทำเองเลยน๊า’ กลิ่นขนมอบลอยตลบอบอวล เป็นกลิ่นที่เพิ่งเคยมีเป็นครั้งแรกในรั้วบ้านรอสซี บ้านที่เหงียบเหงา ไร้ชีวิตชีวาฟื้นคืนมาอีกครั้ง บ้านกลายเป็นบ้านตั้งแต่หวันยิหวาเหยียบย่างเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย หล่อนเหมือนแมวน้อย ที่ขยันมาคลอเคลียเจ้าของ มือนุ่มนิ่มนั่น แตะต้องสัมผัสเขาด้วยความอบอุ่นจริงใจ รอยยิ้มของหล่อนก็เช่นกัน ไม่ต่างอะไรกับความสดชื่นยามรุ่งอรุณ หล่อนคือความสุขที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมานานหลายปี นับตั้งแต่บิดา-มารดาลาลับไป คลิสเตียนสะบัดใบหน้าแรงๆ ความทรงจ
“ผมกำลังดูข่าวอยู่” แล็ปท็อปที่ชายหนุ่มเหวี่ยงทิ้ง หล่นอยู่ไม่ไกล คลิสเตียนเปรยเบาๆ เขาลุกไปหยิบแล็ปท็อปนั่นขึ้นมาจากพื้น และมันยังค้างอยู่หน้าเดิม สาวสวยอึ้งไปเล็กน้อย กว่าจะปรับความรู้สึกให้นิ่งได้ คลิสเตียนก็จับได้เสียแล้ว “ผมว่า ไอ้รถบรรทุกคันนั้นน่ะ ของเซมิโอเน่ไม่ใช่เหรอ ผมคุ้นๆ ตราสัญญาลักษณ์ที่ติดอยู่หน้ารถนะ” “ไม่รู้ซิคะ เจนไม่ค่อยสนใจกิจการของพ่อ...คุณอยากรู้ต้องถามพ่อเองค่ะ” หญิงสาวแสร้งไขสือ แต่การบอกปัดเร็วไปซักนิด เธอไม่แม้แต่จะขอดูรูปเพื่อหาข้อแก้ต่างเลย เจนน่ารีบปฏิเสธทันที เหมือนรูปข่าวนั้น เธอเคยเห็นมาก่อน... “เจนน่า!” คลิสเตียนเรียกเจนน่าเสียงเย็นๆ “เจนขอตัวค่ะ พอดีนึกได้ว่ามีธุระ...ไว้ว่างๆ เจนจะมาหาใหม่นะคะคลิส” เจนน่าร้อนตัว เธอทนนั่งอยู่ต่อหน้าคลิสเตียนไม่ไหว เกรงว่าตนเองจะเผลอเผยพิรุธให้ชายหนุ่มจับได้ แต่สิ่งที่เจนน่าทำ หล่อนแทบจะแบให้คลิสเตียนเห็นจนถึงไส้ถึงพุง แค่อาการที่หล่อนร้อนตัว ก็ทำให้คลิสเตียนเดาทางถูก คลิสเตียนไม่ได้รั้งไว้ เขาปล่อยเจนน่ากลับไป...เพราะชายหนุ่มมีหนทางสืบได้แบบไม่อยาก
“พูดมา ฉันรอฟังอยู่” ชายหนุ่มเปรย สายตาไม่ได้ละไปจากเอกสารในมือ เขาแน่ใจว่าเซเก้ต้องการสื่อสารเรื่องอะไร “มีตั๋วจากโรมไปไทย แต่ที่นั่งเป็นแบบชั้นประหยัดครับ ถ้าเจ้านายจะไปพรุ่งนี้” คลิสเตียนเหลือบมอง “เรื่องแค่นี้จัดการไม่ได้ ฝีมือนายตกไปนะเซเก้ หรือจะต้องให้ฉันซื้อทั้งสนามบินมาเสียเลย” เซเก้กลืนน้ำลายฝืดๆ คำประชดประชันของเจ้านายเล่นเอาเขาเหงื่อตก “ทุกอย่างจะเรียบร้อยครับ” การ์ดหนุ่มรับคำเสียงหนักแน่น คงไม่ต้องถึงขั้นซื้อสนามบิน แต่คงต้องรีบก่อนที่เจ้านายจะระเบิดตูม “ดี” เซเก้ถอยหลังกลับ เขาคงต้องไปกว้านหาซื้อตั๋วเครื่องบิน ก่อนที่เจ้านายจะพิโรธ...ชายหนุ่มยกมือปาดเหงื่อ...ทุกวันแทบจะร้างราผู้โดยสาร ทำไมต้องจำเพราะเจาะจงเป็นวันที่คลิสเตียนต้องการเดินทาง ตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสเต็มทุกที่นั่ง...และนั่นคือสาเหตุให้เขาวิ่งวุ่นอยู่ตอนนี้... หลังลูกน้องคู่ใจหายลับไป คลิสเตียนหยิบแล็ปท็อปส่วนตัวขึ้นมาค้นหาอะไรบางอย่าง ข่าววันเกิดอุบัติเหตุใหญ่ เป็นข่าวครึกโครมอยู่เกือบเดือน... แต่กลับเงียบหายไปดื้อๆ เหมือนมีใครบางคนปกป
หญิงสาวลงจากรถประจำทางเดินเข้าซอยแคบๆ หนึ่งอึดใจต่อมาเธอก็เดินถึงบ้านหลังน้อย ซีรีนขมวดคิ้ว ในบ้านมืดสนิท เหมือนไม่มีคนอยู่ หญิงสาวไขกุญแจรั้ว เดินผ่านประตูหน้าจัดแจงล็อครั้วด้านนอกเหมือนเดิม ก่อนจะเดินไปไขประตูบ้าน ไฟฟ้าสว่างพรึ่บ!! เมื่อเธอกดสวิทซ์เปิด แสงสว่างจัดจ้าขึ้นมา หญิงสาวกราดตามองไปรอบๆ ตัวสมบัติน้อยชิ้นยังอยู่ที่เดิม หญิงสาวแอบขำตัวเอง หากผู้ชายคนนั้นเป็นคนร้าย เขาก็โง่เต็มทน เมื่อเขาให้เธอไปเอาเงินจำนวนมากจากคน คนหนึ่งแลกกับการยกเค้าบ้านเธอ ซึ่งเปรียบกันไม่ได้เลย “เป็นไงบ้างคุณ?” หญิงสาวโผล่หน้าเข้าไปถาม อัลเบโต้ปรือตามอง เขาปวดแผลอย่างมากเลยใช้วิธีนอนหลับ เพื่อให้ลืมๆ ความเจ็บปวดนั่น ถุงไก่ทอด กับอาหารอ่อนอีกหนึ่งอย่าง ซีรีนวางไว้ข้างตัวคนป่วย เธอยกมืออังหน้าผากชายหนุ่ม “ตัวร้อนนี่ ปวดแผลไหม? โทษทีนะ ฉันมัวแต่หาบ้านหลังนั้น ใช้เวลานานกว่าจะเจอใครจะไปคิดล่ะ บ้านที่คุณให้ไปหลังใหญ่ยังกับปราสาท” หญิงสาวพูดไปเรื่อย เพื่อไม่ให้เงียบเกินไป เธอฉวยผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก เดินไปชุบน้ำมาหมาดๆ ก่อนจะเดินกลับมาเพื่อจัดการเช็ดตัวคนป่วยให้อุณหภูมิในร่
บทที่4.แก้ปม... หลังพบหมอ...หวันยิหวาไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย คำแนะนำของท่าน ไม่ช่วยให้เธอจำอะไรได้มากขึ้น สิ่งที่คอยแวบเข้ามาในสมอง ก็ยังเป็นอยู่เช่นเดิม ความทรงจำเหล่านั้น คงพยายามโผล่มาให้เธอนึกออก แต่มันรวดเร็วเสียจนคว้าเอาไว้ไม่ทัน หญิงสาวถอนใจแรงๆ นึกเบื่อตนเองที่กลายเป็นภาระของบิดา มารดา เธออยากรู้นักอะไรทำให้เธอกดความทรงจำนั้นไว้ มันเป็นเรื่องสะเทือนใจหรืออย่างไร?!! กลไกในร่างกายของเธอจึงปกปิดไว้...ช่วยปกป้องเธอจากความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น หากเธอจำสิ่งเหล่านั้นได้ทั้งหมด หวันยิหวาเดินทอดน่องริมทะเลที่มีคลื่นลูกเล็กๆ พัดเข้าหาชายฝั่ง เธอคิดอะไรเพลินๆ ปล่อยให้กระแสลมพัดต้องผิวกาย พวงผมสลวยด้านหลังถูกสายลมพัดใส่จนผมเส้นเล็กไหวไปมาเหมือนดั่งระลอกคลื่นในท้องทะเลก็ไม่ปาน กลิ่นไอทะเลที่มีความเค็มปะปนมาด้วย ช่วยให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลาย สภาพอากาศที่แสนคุ้นเคย เธอแน่ใจ... สิ่งรอบตัวนี้ เธอพบเจอมาตั้งแต่เด็ก หญิงสาวตัดใจ เดินย้อนขึ้นไปด้านบน เธอมองหารถรับจ้าง เพื่อโดยสารกลับบ้าน แต่มาเปลี่ยนใจตอนหลัง หวันยิหวาเบื่อที่จะอยู่คนเดียว การมีเพื่อนช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ
“เจน...หนูเอาคนของพ่อไปใช้ แล้วทำไมพ่อจะไม่รู้ล่ะว่าหนูเอาพวกมันไปทำอะไรมา” เสียงของเปาโลทุ้มนุ่ม เขากำลังหาทางช่วยบุตรสาว เมื่อคนที่เจนน่าต่อกรด้วย น่ากลัวกว่าเสือร้ายหลายสิบเท่า หญิงสาวสบถออกมาเบาๆ “เชี่ย!” นึกขัดใจความภักดีของคนเหล่านั้น ไม่ว่าจะยังไงบิดาของเธอก็ยังเป็นเจ้าชีวิต ที่พวกมันไม่คิดจะหักหลัง ทั้งๆ ที่เธอกำชับกำชาหลายสิบรอบ พวกมันก็ยังคาบข่าวมาบอกบิดาของเธอจนได้ “อย่าไปว่าพวกเขาเลย...บอกพ่อน่ะดีแล้ว พ่อจะได้หาทางช่วย...หนูเล่นผิดคนแล้วล่ะเจน...เพราะถึงอนาคตของเราจะเป็นดองกับฝ่ายนั้น...แต่คนอย่างคลิสเตียนคงไม่ยอมให้ใครมาลูบคมง่ายๆ” เปาโลเตือน คลิสเตียนน่ากลัว เขาเป็นคนดูยาก ขนาดมีสัญญาใจผูกมัด ชายผู้นั้นยังยืดระยะเวลาออกไปจนได้ ไม่แน่ว่า...ความฝันระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะเป็นหมั้น เพราะหากคลิสเตียนตกลงปลงใจจริง...เขาน่าจะยอมนานแล้ว ไม่ใช่ยื้อเวลาไว้เช่นนี้ ในเมื่อบุตรีของท่านก็ไม่ได้ด้อยกว่าผู้หญิงคนไหนในโรมเลย “อีนั่นสมควรตายค่ะพ่อ มันฉกคลิสไปกก หนูยอมไม่ได้!!” ความหึง หวงฉายชัดออกมาทางแววตา หวันยิหวาสมควรตาย หล่อนเป็นใครมาจากไหน