ปึก!
“อ้ากกกกก! นังบ้า!!”บอยร้องออกมาเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับยกมือขึ้นกุมท้ายทอยตัวเองไว้เพราะมันทั้งเจ็บและมึน “สมน้ำหน้าไอ้ชั่ว!”เอ่ยจบไอติมก็รีบลุกออกจากเตียงนั่นทันที เธอวิ่งออกมาจากห้องและไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าของตัวเองติดมือมาด้วย มือเล็กรีบล้วงหาโทรศัพท์พร้อมกับกดโทรออกหาเพื่อนทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือ “ฮึก… รับสิโรสฮื่อออ” ไอติมเอ่ยออกมาทั้งน้ำตาพร้อมกับวิ่งลงทางบันไดหนีไฟอย่างไม่คิดชีวิต เพราะหากเธอใช้ลิฟท์บอยก็จะรู้ว่าเธอหนีไปไหนและตามไปได้อยู่ดี เธอจึงเลือกกดลิฟท์ให้มันขึ้นไปบนดาดฟ้าและตัวเองวิ่งลงมาชั้นล่างทางบันไดแทน รอสายอยู่สักพักก็มีเสียงปลายสายเอ่ยทักทาย ไอติมรีบกรอกเสียงที่สั่นเครือปนสะอื้นของตนขอความช่วยเหลทอจากเพื่อนทันที “โรส มาหาติมหน่อย ช่วยติมด้วย ฮื่ออ” (มึงอยู่ไหนติม) พริมโรสเอ่ยถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง “ที่….” (ออกมา แล้วหาที่หลบกูกำลังไป) ได้ยินแบบนั้นไอติมก็รีบวิ่งลงไปชั้นล่าง ก่อนจะเห็นว่าบอยยืนกุมหัวและมองหาเธออยู่ ไอติมจึงรีบหลบและแอบมองบอยอยู่ไกลๆ มือเล็กยกขึ้นมาปิดปากและกลั้นหายใจไว้ด้วยความหวาดกลัว . . รอไม่นานนักไอติมก็ได้รับข้อความจากเพื่อนสาวอย่างพริมโรสว่ามาถึงแล้ว เธอจึงรีบวิ่งออกไปโดยไม่สนใจอะไร บอยที่ยืนอยู่หันมาเห็นพอดีก็รีบวิ่งมาจับตัวเธอไว้และออกแรงบีบจนไอติมรู้สึกเจ็บข้อมือและแขนไปหมด “อึก ปล่อยนะไอ้บ้า!” “มึงสิบ้า มานี่เลยนังตัวดี!” “กรี๊ดดด ไม่นะ ปล่อยยย!” ไอติมร้องออกมาสุดเสียง พร้อมกับสะบัดแขนของตัวเองให้หลุดออกจากมือของบอย แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะเขายังฉุดกระชากลากถูเธอไม่หยุด ก่อนที่จะมีเสียงสวรรค์ของใครคนนึงที่เธอรู้จักดีเอ่ยขึ้นอย่างแข็งกร้าวและดุดันดูมีอำนาจ “เอามือสกปรกๆของมึงออกไปจากเพื่อนกู!”พริมโรสเดินเข้ามายังลอบบี้โรงแรม โดยมีบอดี้การ์ดของเธอเดินตามประกบขนาบข้างมาด้วย “คะ คุณพริม…” บอยหยุดชะงักก่อนจะหันมามองพริมโรสและเอ่ยขึ้นเสียงเบาด้วยความงุนงง จังหวะนั้นที่บอยเผลอไอติมจึงใช้ส้นรองเท้าเหยียบกระแทกเท้ามันไปหนึ่งทีแล้ววิ่งตรงไปหาพริมโรสทั้งน้ำตา เธอรีบโอบกอดเพื่อนไว้ด้วยความเป็นห่วงและโกรธ มือเล็กยกขึ้นมาลูบหัวไอติมอย่างปลอบโยนและอ่อนโยน แต่สายตายังคงจ้องมองไปที่บอยเขม็งก่อนจะเอ่ยออกคำสั่ง “จัดการมัน อย่าให้ไปทำร้ายใครได้แบบนี้อีก” “ครับคุณหนู”หนึ่งในสองบอดี้การ์ดข้างกายของน้องสาวเจ้านาย “แล้วก็… อย่าให้มันมีที่ยืนในสังคมและมีงานทำอีก” สองบอดี้การ์ดหนุ่มเดินตรงเข้าไปหาบอยก่อนจะจัดการหิ้วปีกเขาออกไปยังนอกโรงแรม บอยพยายามดีดดิ้นเพื่อหนีและเอ่ยตะโกนขอร้องพริมโรสและขอโทษไอติมไม่หยุด แต่ก็สายเกินไปแล้วสำหรับคนแบบมัน… เมื่อทั้งสามคนเดินพ้นสายตาไป ไอติมก็ร้องไห้โฮออกมาและกอดพริมโรสไว้แน่น และได้แต่คิดในใจว่าทำไมเธอจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ทำไมมันเกิดขึ้นแต่กับเธอตลอด . . คอนโดP กึก พริมโรสวางแก้วน้ำลงที่โต๊ะหน้าโซฟาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนด้วยความสงสาร และเป็นห่วง ไอติมนั่งเงียบและสะอื้นมาสักพักจนตอนนี้เริ่มเงียบลงและนั่งเหม่อแทน คงจะคิดถึงเรื่องนั้นอีกแน่ๆ… “แกไปนอนพักไหม เดี๋ยวเรื่องที่เหลือฉันจัดการเอง แล้วเรื่องานตอนนี้ก็ไม่ต้องไปทำหรอก ไว้ค่อยมาทำกับฉันก็ได้บ้านฉันมีอีกหลายบริษัทเลยแกอยากทำที่ไหนตรงไหนบอกมาได้เลย” “ขอบคุณนะ” พริมโรสเอ่ยบอกร่ายยาว แต่ไอติมทำเพียงส่ายหน้าให้พร้อมกับเอ่ยขอบคุณแบบที่เธอชอบทำ พริมโรสได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆเพราะเธอรู้ดีว่าเพื่อนคนนี้มีนิสัยเป็นยังไง เธอไม่อยากเป็นภาระใครและไม่อยากอยู่ใต้ร่มเงาของใครเธออยากยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองแม้ว่ามันจะลำบากมากแค่ไหนก็ตาม… “งั้นแกหิวไหม เดี๋ยวฉันไปหาอะไรมาให้กิน” “...”เธอส่ายหน้า ทำให้พริมโรสต้องเงียบปากลง แม้ว่าจะเป็นห่วงเพื่อนแต่ด้วยสภาพจิตใจในตอนนี้คงอยากนั่งคิดอะไรคนเดียวเงียบๆและไม่อยากให้เธอมากวนใจ คิดได้แบบนั้นเธอจึงลุกขึ้นเตรียมจะเดินเข้าห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำแต่น้ำเสียงที่แผ่วเบาปนเศร้าของไอติมทำให้เธอต้องหยุดชะงัก “ทำไมบนโลกนี้ต้องมีผู้ชายเลวๆพวกนี้ด้วย” “...” “ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำไมอะโรส ฮึก ฮื่ออ” และสุดท้ายไอติมก็ทนไม่ไหว และร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เธอยกมือขึ้นมาปิดหน้าพร้อมกับสะอื้นร้องจนตัวสั่น พริมโรสจึงรีบเดินเข้าไปหาและกอดเอ่ยปลอบเพื่อน ทั้งยังลูบหัวลูบหลังไปด้วยเพื่อให้ไอติมผ่อนคลายลง เธอสงสารเพื่อนจับใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตลอดระยะเวลาที่คบหากันมาเธอรู้ดีว่าไอติมลำบากมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่เคยเอามาใส่ใจเลยสักนิด แต่ครั้งนี้คนที่เก็บมันเอาไว้ในใจคนที่ข่มมันไว้ได้มาตลอดอย่างไอติมก็ทนไม่ไหวเพราะครั้งนี้มันดันไปจี้ปมในอดีตที่แสนโหดร้ายในใจของเธอ… . . -กลางดึก- ป่าช้าวัดปากดง ร่างกายสูงใหญ่กำยำของพ่อครูเพลิงฟ้าเดินตรงเข้าไปในป่าช้าโดยมีเหมราชลูกศิษย์ของเพื่อนสนิทเขาและยังมีนักรบลูกศิษย์ของเขาเดินตามหลังมาติดๆ เพราะวันนี้พวกเขาได้ทำพิธีเสี่ยงข้องไปจึงต้องนำเหล่าดวงวิญญาณที่จับมาได้ไปฝังกลบและทำพิธีสะกดเอาไว้ไม่ให้ออกมาสร้างความวุ่นวายได้อีก หวืดดด~ หวืดดด~ เสียงสายลมพัดเอื่อยๆเข้ามาปะทะกับร่างกายของทั้งสามคน ทำเอาสองหนุ่มลูกศิษย์ที่อายุน้อยสะดุ้งตกใจและวิ่งเข้ามาเกาะแขนเขาไว้คนละข้างเหมือนลูกลิง “พวกตาขาวเอ้ย”เพลิงฟ้าเอ่ยขึ้นก่อนจะส่ายหน้าให้ ทั้งที่พวกมันอยู่กับเรื่องแบบนี้มาก็หลายปีแล้ว แต่ก็ยังคงหวาดกลัวไม่เลิกแบบนี้พวกเขาจะฝากฝังหมู่บ้านให้พวกมันดูแลต่อได้ยังไง… เสียเวลาสอนพวกมันชะมัด “กะข่อยย้านเนาะอ้าย” (ก็ผมกลัวเนาะพี่) เหมราชเอ่ยบอกพร้อมกับเงยหน้ามองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง ที่เขาเรียกเพลิงฟ้าว่าพี่ก็เพราะว่าเขามีอาจารย์แค่คนเดียวก็คือพ่อครูศิลา และอีกอย่างเพลิงฟ้าก็เป็นคนพูดเองว่าให้เหมราชเรียกเขาแบบนี้ “ระ รีบไปกันเถอะครับพ่อครู”ลูกศิษย์ของเขาก็อีกคน เห้อ เขาเอ่ยตอบพวกมันในลำคอก่อนจะเดินนำเข้าไปในป่าลึก เอาชนิดที่ว่าไม่มีใครน่าจะเข้ามาถึงได้แน่นอน และเมื่อเห็นว่าไกลมากและลึกมากพอสมควรแล้วเพลิงฟ้าก็ไม่รอช้า รีบจัดการหยิบกระบอกไม้ไผ่ออกมาจากย่ามสีเหลืองที่มีอยู่เกือบสิบกระบอก เพราะจับมาได้หลายหมู่บ้าน “เอาสายสิญจน์ไปโยงรอบๆตัวกู แล้วพวกมึงก็เข้ามาด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามออกไปเด็ดขาด” “ครับ/ครับ”สองหนุ่มเอ่ยตอบพร้อมกันก่อนจะรีบหยิบสายสิญจน์ในกระเป๋าย่ามออกมาแล้วจัดการทำตามที่เพลิงฟ้าบอก เพลิงฟ้าเข้าไปนั่งขัดสมาธิลงยังพื้นดินก่อนจะหยิบเทียนและธูปขึ้นมาจุด มือหนายกขึ้นพนมและหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะเอ่ยบอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำพิธี ณ ที่แห่งนี้….-หนึ่งอาทิตย์ต่อมา-สถานีขนส่งจังหวัดกำแพงเพชรสองสาวสุดสวยเดินลากกระเป๋าไปนั่งรอเพื่อนสาวอย่างจันทร์เจ้าขามารับกันตั้งแต่ตอน7โมงเช้า ตอนนี้ปาเข้าไป8โมงเกือบ9โมงแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นเงายัยเพื่อนตัวดีเลยสักนิด จนพริมโรสเริ่มจะบ่นอิดออดและเอ่ยคาดโทษจันทร์เจ้าขาไว้“มันไม่รับสาย”“ลืมพวกเราแล้วไหมวะ เดี๋ยวถ้ามานะจะจับตีก้นเลย”ปี๊บบ!!“เฮือก!”“เฮือก!”ขณะที่กำลังนั่งบ่นกับเรื่องเพื่อนที่ไม่เห็นจะโผล่หัวมาสักที ทั้งที่คุยกันไว้แล้วแท้ๆ ก็มีเสียงแตรรถดังขึ้นมาเสียก่อนทำเอาเราสองคนสะดุ้งตกใจยกมือขึ้นทาบอกทันที ไอ่บ้าที่ไหนมันมาบีบแตรรถใส่พวกฉันแถวนี้เนี่ย“ไอ้บ้าที่ไหนวะ!”“ใครวะแม่ง”ไอติมและพริมโรสสถบออกมาพร้อมๆกันด้วยความไม่พอใจก่อนจะหันไปทางต้นเสียงด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวเตรียมจะฉะกับคนที่ทำให้พวกเธอตกใจพวกเธอเห็นรถกระบะคันสีดำเงากำลังขับตรงมายังพวกเราสองคน ก่อนที่กระจกรถจะถูกลดลงและเผยให้เห็นคนที่อยู่ด้านใน เป็นชายหนุ่มรูปร่างกายสูงใหญ่เนื้อตัวเต็มไปด้วยมัดกล้าม ผิวสีแทนสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกับกางเกงสแลคสีดำและคาดด้วยเข็มขัดสีน้ำตาลทรงลุงที่ไม่คิดว่าจะมีใครใช้ แต่เมื่อจับมาอยู่บนตัวขอ
สายลมพัดโหมกระหน่ำแรงไปทั่วบริเวณในขณะที่เพลิงฟ้ากำลังบอกกล่าวเจ้าป่าเจ้าเขา ซึ่งมันเป็นเพราะความโกรธเกี้ยวของเหล่าดวงวิญญาณผีร้ายที่อยู่ในกระบอกไม้ไผ่ตรงหน้าของเพลิงฟ้า แต่เขากลับไม่สะทกสะท้านหรือหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย “พะ พ่อครู”นักรบเอ่ยขึ้นเสียงตะกุกตะกัก เมื่อเห็นว่าเทียนที่อยู่ตรงหน้าเขาใกล้จะดับเพราะแรงของลมที่พัดโหมรุนแรงจนต้นไม้โอนเอียง ใบไม้พัดปลิวไปทั่ว และมีหรือที่แสงไฟจากเปลวเทียนนี่จะรอดแต่…เพลิงฟ้าลืมตาขึ้นก่อนจะเพ่งจิตมองไปยังเปลวไฟที่ปลิวสไวตามสายลม เขาทำสมาธิและใช้วิชาสกินไฟเพื่อไม่ให้เทียนดับตามปรารถนาของพวกผีร้าย หลังจากนั้นเขาก็หลับตาลงและบริกรรมคาถาหลายต่อหลายบทเพื่อสะกดดวงวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นไว้จนกินเวลาไปหลายชั่วโมง สองหนุ่มด้านหลังที่กำลังหวาดกลัวก็เอาแต่กอดกันกลมและหรี่ตาขึ้นมองเป็นระยะ แม้ใจจะกลัวแต่ก็เป็นห่วงพ่อครูตรงหน้าพวกเขาอยู่ดี อย่างน้อยถ้ามีอะไรผิดพลาดก็จะได้รีบพากันลากเขาออกไปได้ทัน…สามชั่วโมงต่อมา บรรยากาศโดยรอบก็เริ่มสงบลง เหมราชและนักรบก็คลายกอดออกจากกัน ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เพราะน้อยครั้งนักที่เพลิงฟ้าจะเป็นคนจัดการอะไรแบบนี้ด้
ปึก!“อ้ากกกกก! นังบ้า!!”บอยร้องออกมาเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับยกมือขึ้นกุมท้ายทอยตัวเองไว้เพราะมันทั้งเจ็บและมึน“สมน้ำหน้าไอ้ชั่ว!”เอ่ยจบไอติมก็รีบลุกออกจากเตียงนั่นทันที เธอวิ่งออกมาจากห้องและไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าของตัวเองติดมือมาด้วย มือเล็กรีบล้วงหาโทรศัพท์พร้อมกับกดโทรออกหาเพื่อนทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือ“ฮึก… รับสิโรสฮื่อออ”ไอติมเอ่ยออกมาทั้งน้ำตาพร้อมกับวิ่งลงทางบันไดหนีไฟอย่างไม่คิดชีวิต เพราะหากเธอใช้ลิฟท์บอยก็จะรู้ว่าเธอหนีไปไหนและตามไปได้อยู่ดี เธอจึงเลือกกดลิฟท์ให้มันขึ้นไปบนดาดฟ้าและตัวเองวิ่งลงมาชั้นล่างทางบันไดแทนรอสายอยู่สักพักก็มีเสียงปลายสายเอ่ยทักทาย ไอติมรีบกรอกเสียงที่สั่นเครือปนสะอื้นของตนขอความช่วยเหลทอจากเพื่อนทันที“โรส มาหาติมหน่อย ช่วยติมด้วย ฮื่ออ”(มึงอยู่ไหนติม) พริมโรสเอ่ยถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“ที่….”(ออกมา แล้วหาที่หลบกูกำลังไป)ได้ยินแบบนั้นไอติมก็รีบวิ่งลงไปชั้นล่าง ก่อนจะเห็นว่าบอยยืนกุมหัวและมองหาเธออยู่ ไอติมจึงรีบหลบและแอบมองบอยอยู่ไกลๆ มือเล็กยกขึ้นมาปิดปากและกลั้นหายใจไว้ด้วยความหวาดกลัว..รอไม่นานนักไอติมก็ได้รับข้อความจากเ
เสียงเพลงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งห้องโถงขนาดใหญ่ บรรยากาศแสงสีเสียงภายในงานทำเอาสาวน้อยหน้าหวานอย่างไอติมอดที่จะใจเต้นตุบๆไม่ได้ แม้จะเคยไปเที่ยวที่ผับที่บาร์กับเพื่อนมาบ้างแต่ว่าตัวเธอนั้นก็ไม่เคยที่จะชินกับมันสักครั้งเท้าเล็กๆเดินตรงไปยังโซนของพนักงานในบริษัทก่อนจะนั่งลงยังโซฟาที่ว่างเพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าเธอนั้นมาแล้ว เพราะในตอนแรกไม่ได้คิดจะมาแต่เพราะว่ามันเป็นงานของบริษัทที่เธอเพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียงแค่อาทิตย์เดียงเท่านั้น จึงไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ อีกอย่างหัวหน้างานของเธอก็เอาแต่คะยั้นคะยอให้มาให้ได้ สุดท้ายก็เลยต้องมานั่งจ๋องอยู่นี่ท่ามกลางผู้คนมากหน้าหลายตาที่แต่งองค์ทรงเครื่องกันมาซะสวยสดหยดย้อยกันไปหมด ซึ่งต่างจากเธอที่สวมเพียงชุดเดรสสั้นเหนือเข่าสีครีมเรียบหรูกับรองเท้าส้นสูงที่ยืมเพื่อนอย่างพริมโรสมา“อ้าว มาแล้วเหรอครับน้องไอติม”บอยหัวหน้างานหัวกะทิของบริษัทเอ่ยทักทายเธอ ก่อนจะถือแก้วไวน์สีใสเดินมานั่งอยู่ด้านข้างแล้วส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แต่แค่มองดูปราดเดียวก็รู้ว่าคิดไม่ซื่อ!“ค่ะ แต่เดี๋ยวก็จะกลับแล้วพอดีว่ามี…”“มีธุระ”บอยเอ่ยสวนขึ้นก่อนที่เธอจะพูดจบอย่างรู้ทัน เพราะ