-หนึ่งอาทิตย์ต่อมา-
สถานีขนส่งจังหวัดกำแพงเพชร สองสาวสุดสวยเดินลากกระเป๋าไปนั่งรอเพื่อนสาวอย่างจันทร์เจ้าขามารับกันตั้งแต่ตอน7โมงเช้า ตอนนี้ปาเข้าไป8โมงเกือบ9โมงแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นเงายัยเพื่อนตัวดีเลยสักนิด จนพริมโรสเริ่มจะบ่นอิดออดและเอ่ยคาดโทษจันทร์เจ้าขาไว้ “มันไม่รับสาย” “ลืมพวกเราแล้วไหมวะ เดี๋ยวถ้ามานะจะจับตีก้นเลย” ปี๊บบ!! “เฮือก!” “เฮือก!” ขณะที่กำลังนั่งบ่นกับเรื่องเพื่อนที่ไม่เห็นจะโผล่หัวมาสักที ทั้งที่คุยกันไว้แล้วแท้ๆ ก็มีเสียงแตรรถดังขึ้นมาเสียก่อนทำเอาเราสองคนสะดุ้งตกใจยกมือขึ้นทาบอกทันที ไอ่บ้าที่ไหนมันมาบีบแตรรถใส่พวกฉันแถวนี้เนี่ย “ไอ้บ้าที่ไหนวะ!” “ใครวะแม่ง” ไอติมและพริมโรสสถบออกมาพร้อมๆกันด้วยความไม่พอใจก่อนจะหันไปทางต้นเสียงด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวเตรียมจะฉะกับคนที่ทำให้พวกเธอตกใจ พวกเธอเห็นรถกระบะคันสีดำเงากำลังขับตรงมายังพวกเราสองคน ก่อนที่กระจกรถจะถูกลดลงและเผยให้เห็นคนที่อยู่ด้านใน เป็นชายหนุ่มรูปร่างกายสูงใหญ่เนื้อตัวเต็มไปด้วยมัดกล้าม ผิวสีแทนสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกับกางเกงสแลคสีดำและคาดด้วยเข็มขัดสีน้ำตาลทรงลุงที่ไม่คิดว่าจะมีใครใช้ แต่เมื่อจับมาอยู่บนตัวของเขาแล้วมันกลับดูดีมีสเน่ห์ดึงดูดสายตาขึ้นมาเสียดื้อๆ ใบหน้าของเขาถูกปกปิดด้วยแว่นกันแดดสีดำที่พอสังเกตุดูแล้วก็น่าจะแพงอยู่พอสมควร ใบหน้าหล่อคมเข้มสันจมูกโด่งสูงรั้น ดูรวมๆแล้วเขาน่าจะหน้าตาดีอยู่ในระดับนึง…. ริมฝีปากสีเข้มยกยิ้มขึ้นบางๆพร้อมกับหันมามองพวกเราด้วยคำพูดคำจาที่กวนบาทาสุดๆ “จะยืนเอ๋ออีกนานไหม ขึ้นมาสิ” “...” น้ำเสียงเข้มดุเอ่ยขึ้น ทำให้ไอติมหลุดออกจากภวังค์และละสายตาจากใบหน้าของเขา แล้วขมวดคิ้วสงสัยแทน “หมายความว่าไง?” “เจ้าขาให้มารับ” เขาเอ่ยตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะเปิดประตูลงจากรถแล้วมองมาที่กองกระเป๋าของพวกเราที่มันวางเรียงกันอยู่ราวๆหกใบ เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินเข้ามาหาพวกเราและก้มลงไปหยิบกระเป๋าขึ้นมาถือไว้พร้อมกันสองใบแล้วเดินอ้อมไปที่หลังรถ จัดการยกมันขึ้นไปวางเรียงกันไว้จนหมดครบทุกใบ “มัวมองอะไร ขึ้นรถ” “ปะ ไปสิ” เขาหันมาเอ่ยบอกก่อนจะเดินอ้อมไปฝั่งคนขับและเข้าไปนั่งรอพวกเราทันที พริมโรสจึงหันมาสะกิด ให้ไอติมไปนั่งข้างหน้า แล้วนางก็รีบเปิดประตูออกแล้วเข้าไปนั่งในแคปด้านหลังทันที ไอติมจึงไม่มีทางเลือกได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูที่นั่งด้านข้างคนขับออกทว่า… “ไปนั่งข้างหลัง” “?” เสียงเข้มๆดุๆเอ่ยขึ้น ทำให้ไอติมที่กำลังจะก้าวเท้าขึ้นมาบนรถต้องหยุดชะงักและขมวดคิ้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ก็ตรงนี้ว่างจะให้ไปนั่งข้างหลังทำไม “เอาไว้ให้เมียนั่ง” “อ๋อ…”ไอติมพยักหน้าเข้าใจ ก็ถูกของเขาจะให้ใครมานั่งสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ แต่ก็ดีเพราะเธอเองไม่อยากนั่งใกล้ผู้ชายเหมือนกัน ช่วงนี้ขยาด ถึงแม้ว่าพวกผู้ชายจะไม่ได้เป็นเหมือนกันหมดก็เถอะ “อ๋อ อ๋อแล้วก็ไปนั่งข้างหลังสิจะมายืนเอ๋อเป็นอิเพิ้งอยู่ตรงนี้ทำไม” “ห้ะ! อีเพิ้ง?” คำก็เอ๋อ สองคำก็อีกเพิ้ง เอ๋อตรงไหน? อิเพิ้งตรงไหน? ไอ่บ้านี่มาว่าฉันแบบนี้ได้ยังไง รู้จักกันหรือเปล่าก็ไม่ แต่มาปากหมาแบบนี้ใส่คนอื่นเนี่ยนะ แล้วเอ๋อคืออ่ะไร ฉันเอ๋อตรงไหนดูแล้วก็ครบสติก็เต็มร้อย ถึงแม้ว่าจะหายไปบ้างเพราะเจอใบหน้าหล่อๆนั่นของเขาก็เถอะ แล้วอีกอย่างฉันแค่ปล่อยผมสยายยาวไม่ได้มัดรวบก็เรียกอิเพิ้งเหรอ ไอ้คนปากปีจอ ดูท่าคนที่ได้ไอ้บ้านี่เป็นผัวคงจะปวดหัวน่าดู “ปากแบบนี้ ไม่น่ามีคนเอาไปทำผัว!” ปึง!! เอ่ยจบไอติมก็ปิดประตูใส่หน้าเขาทันทีด้วยความแรงและไม่พอใจ ก่อนที่จะเปิดประตูแคปด้านหลังออกแล้วยัดตัวเองเข้าไปนั่งและมองขวางใส่คนขับรถข้างหน้าอย่างเอาเรื่อง “หึ ปากเธอก็พอกัน ดูท่าคงไม่มีใครกล้าเอาไปทำเมีย” “ไอ้บ้านี่!”กำปั้นเล็กๆง้างขึ้นและเบะปากใส่คนข้างหน้าอย่างเคืองๆ บรื้น~!! เอี๊ยด!! ตุ้บ! “กรี๊ดดด! ไอ้บ้า! นี่นายแกล้งฉันเหรอ!” ไอติมร้องออกมาเสียงดังเมื่อคนด้านหน้าตั้งใจกลั่นแกล้งเธอ จนทำให้ตอนนี้เธอหน้าคมำไถลไปกับเบาะคนขับด้านหน้าจนหน้าเกือบชิดกับเขา ทำให้เราสองคนสบตากันเข้าอย่างไม่ได้ตั้งตัว ดวงตาสีดำเทาภายใต้กรอบแว่นจ้องมองใบหน้าเธอตาไม่กระพริบราวกับกำลังโดนต้องมนต์ ใบหน้าสวยเรียวรูปไข่ จมูกเล็กเชิดสวย ริมฝีปากเล็กบางชมพูอ่อน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนกำลังสะกดสายตาของเขาไม่ให้ละไปไหน คุ้น คุ้นเหลือเกิน เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อนเลย “...” “กะ แกพอแล้วๆ เขาอุตส่าห์มารับนั่งเงียบๆเถอะน่า”พริมโรสที่ได้สติก็จึงดึงเพื่อนกลับมาพร้อมกับเอ่ยบอก “แต่ไอ้บ้านี่มันแกล้งฉันนะ แกก็เห็น” “เออ ไว้ค่อยเคลียร์ทีหลังตอนนี้ฉันอยากพัก ฉันหิวด้วย…”พริมโรสหันมากัดฟันกระซิบบอกพร้อมกับจับให้ไอติมนั่งลงดีๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอยอมนั้งอุดอู้อยู่ในรถตู้มาเป็นเวลานานหลายชั่วโมง เนื่องจากที่นี่ไม่มีสนามบินเลยต้องทนนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่ในรถตู้ที่แสนจะคับแคบนั่นมาแทน ไอติมจึงถอนหายใจออกมาเสียงดัง ก่อนจะกระแทกก้นนั่งลงบนเบาะและยกขาขึ้นมาไขว่ห้างกอดอกนั่งมองไปที่ชายหนุ่มด้านหน้าด้วยความไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ รอให้ถึงก่อนเถอะฉันจะให้ยัยจันทร์เจ้าขาจัดการ “หึ” เพลิงฟ้าเค้นขำในลำคออย่างชอบใจ ก่อนจะขับรถออกมาจากตัวอำเภอและขับตรงไปยังหมู่บ้านขุนไพรทันที นี่ถ้าหากว่าเขาไม่ได้ออกมาซื้อของคงไม่มีทางแวะมารับเพื่อนของเมียเพื่อนให้แบบนี้หรอก เสียเวลาและเสียสุขภาพจิตชะมัด ผู้หญิงอะไรเพิ่งเจอกันครั้งแรกก็แช่งไม่ให้เขามีเมียซะแล้ว เดี๋ยวก็จับทำเมียซะหรอกยิ่งรู้สึกคุ้นๆอยู่ด้วย . . ใช้เวลาไม่นานเพลิงฟ้าก็ขับรถมาจอดยังหน้าบ้านของจันทร์เจ้าขา ก่อนจะเปิดประตูลงมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไรแล้วจัดการยกกระเป๋าของสองสาวที่นั่งติดรถมาด้วยลงมาจนหมด ในขณะนั้นลูกสาวเจ้าของบ้านอย่างจันทร์เจ้าขาก็เดินลงมาพอดี “แกริอาจลืมพวกฉันเหรอห้ะยัยเพื่อนใจร้าย!”พริมโรสเอ่ยว่าจันทร์เจ้าขาพร้อมกับยืนเท้าสะเอวมองอย่างเคืองๆ “ฉะ ฉันเปล่าลืมนะ แค่ตื่นสายเอง”เธอรีบเอ่ยแก้ตัวและยกมือเกาหัวแกร็กๆ “แล้วนี่แกให้ใครไปรับพวกฉันห้ะ! ปากหมาที่สุดฉันไม่ชอบ!”ไอติมบ่นอุบก่อนจะมองไปที่เพลิงฟ้าด้วยสายตาที่ไม่ชอบ “ทำอย่างกับในปากเธอไม่มีหมา” เพลิงฟ้าที่ยืนเงียบและฟังยัยเตี้ยปากกล้าที่เอ่ยว่าตนอยู่ ก็เอ่ยสวนกลับทันที มีอย่างที่ไหนมาว่าคนที่มีบุญคุณต่อหน้าต่อตาเขาแบบนี้ ดวงไม่มีแถมยังตกขนาดนี้ยังจะกล้าปากดีอีก เอาไปปล่อยป่าให้ผีจับกินซะเลยดีไหมจะได้เข็ด “เอ๊ะ! ไอ้บ้านี่!” หมับ! ไอติมยกมือขึ้นเตรียมจะฟาดใส่เพลิงฟ้าแต่ว่าเขาจับข้อมือเธอไว้ได้ทัน พร้อมกับกระชากเข้าหาตัวด้วยความแรงทำให้ไอติมที่ไม่ได้ทันตั้งตัวเซถลาเข้าไปหาเขาจนใบหน้าของพวกเขาทั้งคู่เกือบจะแนบชิดติดกัน เพลิงฟ้าจ้องมองใบหน้าสวยผ่านแว่นกันแดดราคาแพงนั่นอยู่สักพักอย่างค้นหาอะไรบางอย่างในตัวเธอ ทั้งสัมผัสนี่ ทั้งแววตาคู่สวยนี่ของเธอ ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยเจอและสัมผัสแบบนี้จากที่ไหนมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออก ไอติมที่โดนกระชากแบยนั้นก็ยืนจ้องหน้าเขาเขม็งไม่ยอมละสายตาไปไหน ราวกับว่ากำลังฟาดฟันเขาด้วยสายตาดุๆของเธอที่ไม่ต่างจากแมวน้อยที่กำลังแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆ แต่มันกลับไม่มีพิษภัยอะไรที่จะสู้เขาได้เลย “อะ เอ่อ พะพอก่อนๆ มาช่วยกันขนของก่อนดีกว่าค่ะ” เสียงของจันทร์เจ้าขาเจ้าของบ้านดังขึ้น ทำให้ทั้งคู่เลิกจ้องมองกันและเพลิงฟ้าเองก็ยอมปล่อยข้อมือของไอติมให้เป็นอิสระ ก่อนจะหันหลังกลับเตรียมจะเดินตรงไปที่รถ “ขอบคุณพี่เพลิงฟ้านะคะที่ไปรับเพื่อนแทนหนู”จันทร์เจ้าขาพูดขึ้นทำให้เพลิงฟ้าหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามามองเธอที่กำลังยื่นขวดน้ำส่งมาให้ด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรครับคนสวย”เขายื่นมือออกมารับขวดน้ำแล้วเอ่ยตอบ “ว่าแต่ ทำไมพี่ถึงได้ไปรับเพื่อนหนูละคะ” “ผัว เอ่อ… หมายถึงไอ้ศิลามันฝากน่ะ พี่เข้าไปทำธุระพอดีเลยแวะรับมาให้” เพลิงฟ้าเอ่ยบอกถึงคำไหว้วานของเพื่อนเขา ที่มันดันทำให้สาวน้อยที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาตื่นไปรับเพื่อนเธอไม่ได้ เลยต้องมาลำบากเขาให้ไปรับให้แทน หมกมุ่นชิบหาย “อ๋อ ขอบคุณนะคะ”จันทร์เจ้าขายกมือไหว้ขอบคุณ “ครับ งั้นพี่ไปก่อนนะ ไปละนะยัยเตี้ยไว้เจอกันใหม่”เพลิงฟ้ายกมือขึ้นมายีผมเมียเพื่อนอย่างเอ็นดูก่อนจะมองเลยเธอไปและเอ่ยบอกใครอีกคน “เตี้ยบ้านแกสิไอ้บ้า! แล้วใครอยากเจอนายกันห้ะ!”ไอติมยืนกอดอกมองไปยังเพลิงฟ้าอย่างไม่พอใจ เขาจึงไหวไหล่ใส่เธอก่อนจะเดินกลับไปที่รถแล้วขับออกไป ปึง! เสียงปิดประตูรถดังขึ้นก่อนที่รถกระบะคันสีดำเงาจะขับออกไป โดยที่เจ้าของรถอย่างเพลิงฟ้าเอาแต่ยิ้มไม่หุบ แม้จะปากกล้าปากดีไปบ้าง แต่เขาก็อดที่จะไม่ชอบใจไม่ได้ เพราะความที่เธอต่อปากต่อคำกับเขาทั้งที่ยังไม่มีใครเคยทำมาก่อนนอกจากเพื่อนอย่างไอ้ศิลาและคนในครอบครัวซึ่งเขาไม่นับ และอีกอย่างเธอคิดจะตีเขาทั้งที่ไม่เคยมีใครจะกล้าทำแบบนี้กับเขามาก่อนมันยิ่งถูกใจเขามากกว่าเดิมไปอีก ไหนจะใบหน้าที่สวยสะกดสายตาเขาเอาไว้ได้นั่นอีก เรียกได้ว่า ถูกตาถูกปากถูกใจ “ปากแบบนี้ไม่น่ามีคนเอาทำผัวงั้นเหรอ…หึ อยากรู้เหมือนกันว่าผัวเธอจะเป็นใคร หรือว่าจะเป็นฉันดี…” ปลายนิ้วเรียวเคาะพวงมาลัยรถไปตามจังหวะเพลงอีสานม่วนๆที่เขาเพิ่งกดเปิด พร้อมกับขับรถตรงไปหาเพื่อนสนิทของเขาในหมู่บ้านแห่งนี้ เพราะวันนี้ไม่มีธุระที่จะไปไหนเลยกะว่าจะสิงอยู่ที่บ้านมันสักหน่อย และอีกอย่างเผื่อว่า…เขาจะได้เจอไอติมอีก-หนึ่งอาทิตย์ต่อมา-สถานีขนส่งจังหวัดกำแพงเพชรสองสาวสุดสวยเดินลากกระเป๋าไปนั่งรอเพื่อนสาวอย่างจันทร์เจ้าขามารับกันตั้งแต่ตอน7โมงเช้า ตอนนี้ปาเข้าไป8โมงเกือบ9โมงแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นเงายัยเพื่อนตัวดีเลยสักนิด จนพริมโรสเริ่มจะบ่นอิดออดและเอ่ยคาดโทษจันทร์เจ้าขาไว้“มันไม่รับสาย”“ลืมพวกเราแล้วไหมวะ เดี๋ยวถ้ามานะจะจับตีก้นเลย”ปี๊บบ!!“เฮือก!”“เฮือก!”ขณะที่กำลังนั่งบ่นกับเรื่องเพื่อนที่ไม่เห็นจะโผล่หัวมาสักที ทั้งที่คุยกันไว้แล้วแท้ๆ ก็มีเสียงแตรรถดังขึ้นมาเสียก่อนทำเอาเราสองคนสะดุ้งตกใจยกมือขึ้นทาบอกทันที ไอ่บ้าที่ไหนมันมาบีบแตรรถใส่พวกฉันแถวนี้เนี่ย“ไอ้บ้าที่ไหนวะ!”“ใครวะแม่ง”ไอติมและพริมโรสสถบออกมาพร้อมๆกันด้วยความไม่พอใจก่อนจะหันไปทางต้นเสียงด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวเตรียมจะฉะกับคนที่ทำให้พวกเธอตกใจพวกเธอเห็นรถกระบะคันสีดำเงากำลังขับตรงมายังพวกเราสองคน ก่อนที่กระจกรถจะถูกลดลงและเผยให้เห็นคนที่อยู่ด้านใน เป็นชายหนุ่มรูปร่างกายสูงใหญ่เนื้อตัวเต็มไปด้วยมัดกล้าม ผิวสีแทนสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกับกางเกงสแลคสีดำและคาดด้วยเข็มขัดสีน้ำตาลทรงลุงที่ไม่คิดว่าจะมีใครใช้ แต่เมื่อจับมาอยู่บนตัวขอ
สายลมพัดโหมกระหน่ำแรงไปทั่วบริเวณในขณะที่เพลิงฟ้ากำลังบอกกล่าวเจ้าป่าเจ้าเขา ซึ่งมันเป็นเพราะความโกรธเกี้ยวของเหล่าดวงวิญญาณผีร้ายที่อยู่ในกระบอกไม้ไผ่ตรงหน้าของเพลิงฟ้า แต่เขากลับไม่สะทกสะท้านหรือหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย “พะ พ่อครู”นักรบเอ่ยขึ้นเสียงตะกุกตะกัก เมื่อเห็นว่าเทียนที่อยู่ตรงหน้าเขาใกล้จะดับเพราะแรงของลมที่พัดโหมรุนแรงจนต้นไม้โอนเอียง ใบไม้พัดปลิวไปทั่ว และมีหรือที่แสงไฟจากเปลวเทียนนี่จะรอดแต่…เพลิงฟ้าลืมตาขึ้นก่อนจะเพ่งจิตมองไปยังเปลวไฟที่ปลิวสไวตามสายลม เขาทำสมาธิและใช้วิชาสกินไฟเพื่อไม่ให้เทียนดับตามปรารถนาของพวกผีร้าย หลังจากนั้นเขาก็หลับตาลงและบริกรรมคาถาหลายต่อหลายบทเพื่อสะกดดวงวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นไว้จนกินเวลาไปหลายชั่วโมง สองหนุ่มด้านหลังที่กำลังหวาดกลัวก็เอาแต่กอดกันกลมและหรี่ตาขึ้นมองเป็นระยะ แม้ใจจะกลัวแต่ก็เป็นห่วงพ่อครูตรงหน้าพวกเขาอยู่ดี อย่างน้อยถ้ามีอะไรผิดพลาดก็จะได้รีบพากันลากเขาออกไปได้ทัน…สามชั่วโมงต่อมา บรรยากาศโดยรอบก็เริ่มสงบลง เหมราชและนักรบก็คลายกอดออกจากกัน ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เพราะน้อยครั้งนักที่เพลิงฟ้าจะเป็นคนจัดการอะไรแบบนี้ด้
ปึก!“อ้ากกกกก! นังบ้า!!”บอยร้องออกมาเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับยกมือขึ้นกุมท้ายทอยตัวเองไว้เพราะมันทั้งเจ็บและมึน“สมน้ำหน้าไอ้ชั่ว!”เอ่ยจบไอติมก็รีบลุกออกจากเตียงนั่นทันที เธอวิ่งออกมาจากห้องและไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าของตัวเองติดมือมาด้วย มือเล็กรีบล้วงหาโทรศัพท์พร้อมกับกดโทรออกหาเพื่อนทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือ“ฮึก… รับสิโรสฮื่อออ”ไอติมเอ่ยออกมาทั้งน้ำตาพร้อมกับวิ่งลงทางบันไดหนีไฟอย่างไม่คิดชีวิต เพราะหากเธอใช้ลิฟท์บอยก็จะรู้ว่าเธอหนีไปไหนและตามไปได้อยู่ดี เธอจึงเลือกกดลิฟท์ให้มันขึ้นไปบนดาดฟ้าและตัวเองวิ่งลงมาชั้นล่างทางบันไดแทนรอสายอยู่สักพักก็มีเสียงปลายสายเอ่ยทักทาย ไอติมรีบกรอกเสียงที่สั่นเครือปนสะอื้นของตนขอความช่วยเหลทอจากเพื่อนทันที“โรส มาหาติมหน่อย ช่วยติมด้วย ฮื่ออ”(มึงอยู่ไหนติม) พริมโรสเอ่ยถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“ที่….”(ออกมา แล้วหาที่หลบกูกำลังไป)ได้ยินแบบนั้นไอติมก็รีบวิ่งลงไปชั้นล่าง ก่อนจะเห็นว่าบอยยืนกุมหัวและมองหาเธออยู่ ไอติมจึงรีบหลบและแอบมองบอยอยู่ไกลๆ มือเล็กยกขึ้นมาปิดปากและกลั้นหายใจไว้ด้วยความหวาดกลัว..รอไม่นานนักไอติมก็ได้รับข้อความจากเ
เสียงเพลงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งห้องโถงขนาดใหญ่ บรรยากาศแสงสีเสียงภายในงานทำเอาสาวน้อยหน้าหวานอย่างไอติมอดที่จะใจเต้นตุบๆไม่ได้ แม้จะเคยไปเที่ยวที่ผับที่บาร์กับเพื่อนมาบ้างแต่ว่าตัวเธอนั้นก็ไม่เคยที่จะชินกับมันสักครั้งเท้าเล็กๆเดินตรงไปยังโซนของพนักงานในบริษัทก่อนจะนั่งลงยังโซฟาที่ว่างเพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าเธอนั้นมาแล้ว เพราะในตอนแรกไม่ได้คิดจะมาแต่เพราะว่ามันเป็นงานของบริษัทที่เธอเพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียงแค่อาทิตย์เดียงเท่านั้น จึงไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ อีกอย่างหัวหน้างานของเธอก็เอาแต่คะยั้นคะยอให้มาให้ได้ สุดท้ายก็เลยต้องมานั่งจ๋องอยู่นี่ท่ามกลางผู้คนมากหน้าหลายตาที่แต่งองค์ทรงเครื่องกันมาซะสวยสดหยดย้อยกันไปหมด ซึ่งต่างจากเธอที่สวมเพียงชุดเดรสสั้นเหนือเข่าสีครีมเรียบหรูกับรองเท้าส้นสูงที่ยืมเพื่อนอย่างพริมโรสมา“อ้าว มาแล้วเหรอครับน้องไอติม”บอยหัวหน้างานหัวกะทิของบริษัทเอ่ยทักทายเธอ ก่อนจะถือแก้วไวน์สีใสเดินมานั่งอยู่ด้านข้างแล้วส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แต่แค่มองดูปราดเดียวก็รู้ว่าคิดไม่ซื่อ!“ค่ะ แต่เดี๋ยวก็จะกลับแล้วพอดีว่ามี…”“มีธุระ”บอยเอ่ยสวนขึ้นก่อนที่เธอจะพูดจบอย่างรู้ทัน เพราะ