Share

6...มัดมือชก (2)

Penulis: rasita_suin
last update Terakhir Diperbarui: 2025-03-27 20:32:51

ช่วงเช้าของไร่ภูศรีจันอากาศเย็นจัดและมีหมอกหนาทว่าเปรมินทร์เคยชิน จนสามารถอาบน้ำสระผมได้สบาย ร่างสูงเพรียวแกร่งก้าวลงบันไดเร็วๆ พร้อมฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตมีแจ๊กเกตไม่หนามากนักคลุม ผมที่ยังชื้นหน่อยๆ ถูกเสยขึ้นสบายๆ ไม่ได้จัดอย่างมีพิธีรีตอง แต่เมื่อลงมาด้านล่างกำลังจะเลี้ยวไปในส่วนห้องอาหารชายหนุ่มก็ชะงัก หันมองกระเป๋าเดินทางใบย่อมที่สาวใช้ยกมาวางหน้าประตูบ้าน กับสูทของตนที่ถือติดมือเข้ามา

“อะไรน่ะ”

“สูทคุณมินทร์เจ้า ข้าเจ้าจะเอาไปซักเจ้า”

สาวใช้อายุน้อยหยุดนิ่งก้มหน้าลงพร้อมกับตอบโดยมือกุมเสื้อสูทแน่น

“รู้แล้วว่าเสื้อฉัน แต่ทำไมมาอยู่ที่เธอ แล้วนั่นอะไร ข้างนอกนั่น ใครจะไปไหน”

ชายหนุ่มเสียงห้วนจัด เสื้อของเขาเขารู้ดี และเข้าใจว่าจะได้คืนจากมือคนที่คลุมติดไปด้วยเมื่อคืน ไม่ใช่จากสาวใช้ แถมกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่วางอยู่ด้านนอกเขาก็จำได้ด้วยว่ามันเป็นของใคร นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน

“เอ่อ...”

ยังไม่ทันที่สาวใช้จะได้ตอบคำถาม ร่างของคนสามคนก็ปรากฏตัวออกมาจากทางด้านห้องอาหาร เปรมินทร์หันขวับไปมอง เขาเหลือบมองร่างบางอรชรก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะเหล่ไปทางผู้เป็นแม่ ซึ่งท่านก็ส่งสายตาเหมือนปรามเขา

ชายหนุ่มจึงยืนนิ่งไม่พูดไม่จา ขณะที่สาวใช้เลี่ยงออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรู้งาน

“ลงมาแล้วเหรอตามินทร์ หนูก้อยขอไปพักกับเพื่อนน่ะ เดี๋ยวออกไปส่งพ่อกับหนูก้อยเป็นเพื่อนแม่หน้าบ้านก่อนได้ไหม แล้วค่อยกลับมาทานข้าว ลูกรีบหรือเปล่า”

“ก็...นิดหน่อยครับ เดี๋ยวผมออกไปพร้อมทุกคนเลยก็ได้”

“ไม่ทานข้าวก่อนหรือลูก”

ผู้เป็นแม่อดห่วงลูกชายไม่ได้ เมื่อเขาทำท่าเหมือนจะไม่ทานข้าวเช้าซึ่งเป็นมื้อที่จำเป็นที่สุด

“เดี๋ยวผมไปทานกับคนงานก็ได้ครับ วันนี้พ่อจะไปไหนเหรอครับ ออกไปเร็วจัง”

ชายหนุ่มหันไปเอ่ยถามกับบิดาชวนพูดคุยขณะที่ทั้งขบวนเคลื่อนออกไปนอกประตู เขาทำเป็นไม่สนใจคนร่างบางที่เดินเคียงข้างกับมารดาของตนด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม ทั้งที่ในใจร้อนรนอยากรู้เหตุผลของการรีบไปจากที่นี่ของกัญญานันยิ่งนัก

คุณเฮนรี่บอกว่าเลขาแจ้งว่ามีแบรนด์จิวเวลรี่ชื่อดังสนใจติดต่อมาเพื่อขอเป็นคู่ค้าทางด้านอัญมณีด้วย ทำให้ต้องลงไปกรุงเทพฯ จึงรีบเดินทาง จากนั้นรถตู้ของไร่ก็เลื่อนมาจอดด้านหน้า แต่ก่อนที่ใครจะเอ่ยอะไรเปรมินทร์ก็เสนอขึ้นมา

“พ่อรีบก็ไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวจะไม่ทันขึ้นเครื่อง ผมไปส่งคุณก้อยให้เองก็ได้”

“เอางั้นเหรอ”

คุณเฮนรี่หันมองลูกชายที่ยืนหน้านิ่ง แล้วจึงหันไปยังภรรยาและเห็นว่าเจ้าปัทมาดาราพยักหน้าลงนิดๆ เขาจึงขมวดคิ้ว

“เอาตามนี้ก็ได้ค่ะคุณ ว่าแต่ลูกสะดวกแน่นะตามินทร์”

เจ้าปัทมาดาราถามย้ำ ทั้งที่รู้สึกว่าลูกชายทำได้ถูกใจท่านมาก

“ครับ ผมว่าจะเข้าไปดูของที่ไปส่งให้โรงแรมใหม่ด้วย อยากเช็กว่ามีอะไรติดขัดหรือเปล่าน่ะครับ”

คนที่เพิ่งบอกว่าจะทานข้าวกับคนงานกลับคำพูดทันที นั่นทำให้คิ้วเรียวบนใบหน้าสวยขมวดเข้าหากัน ทว่าเธอไม่อาจแย้งอะไรได้ด้วยความเกรงใจเจ้าบ้าน จึงจำต้องรับน้ำใจอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

คุณเฮนรี่ก็ยอมทำตามข้อเสนอนั้นเพราะภรรยาเห็นด้วย เมื่อโอบกอดภรรยาแล้วเขาก็ขึ้นรถกระทั่งเคลื่อนออกไป ส่วนกัญญานันกับเจ้าปัทมาดารายืนรอเปรมินทร์ที่ไปถอยรถออกมาอยู่ครู่หนึ่ง

“แล้วมาพักที่บ้านน้าอีกนะจ๊ะหนูก้อย”

“ค่ะเจ้าน้า ก้อยขอบคุณที่เจ้าน้ากรุณาก้อยในทุกๆ เรื่องค่ะ”

หญิงสาวไหว้ลาเจ้าปัทมาดารา หลังจากเด็กในบ้านยกกระเป๋าเธอขึ้นไปไว้ท้ายรถคันใหญ่ของเปรมินทร์ ซึ่งท่านก็จับมือบางรับไหว้เบาๆ แล้วยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู ก่อนร่างบางจะขึ้นรถที่ชายหนุ่มเปิดประตูรอเอาไว้แล้ว ส่วนเขาเองหันไปกอดผู้เป็นแม่และกระซิบเบาๆ

“เจ้าแม่คงต้องคิดแผนใหม่”

“ไม่จำเป็นหรอกย่ะพ่อตัวดี ทำหน้าที่ของเราตามที่แม่บอกก็พอ”

เจ้าปัทมาดารากระซิบกลับเสียงดุนิดๆ เปรมินทร์จึงยิ้มให้ก่อนจะหอมแก้มท่านแล้วผละออกมาขึ้นรถ ไม่นานโฟร์วีลคันโตของชายหนุ่มก็เลื่อนออกจากตรงนั้นโดยมีเจ้าปัทมาดารามองพร้อมกับครุ่นคิดอย่างจริงจัง

 ================

“ทำไมอยู่ๆ คุณถึงออกจากบ้านผม”

ชายหนุ่มเงียบมาตลอดทางและกลับเลือกถามหลังจอดรถหน้าตึกสามชั้นที่จะเป็นโรงเรียนของหญิงสาว

“เพื่อนฉันชวนไปอยู่บ้านเขาน่ะค่ะ ฉันเห็นว่าอยู่กับเพื่อนเดินทางสะดวกกว่า แล้วฉันก็เกรงใจเจ้าน้า ต้องคอยให้คนรับส่งทุกวัน”

หญิงสาวลอบถอนหายใจเล็กน้อยก่อนตอบ เธอคิดว่าคงไม่ต้องคุยอะไรกับชายหนุ่มเสียอีกเพราะเขาดูเฉยๆ ไม่สนใจอะไรขณะขับรถมาที่นี่

“อ๋อ เกรงใจนี่เอง”

เปรมินทร์พึมพำ ดับเครื่องก่อนจะหันมามองสบตาเธอตรงๆ เป็นครั้งแรกของเช้านี้

“ผมนึกว่าคุณกลัวผมจะทำอะไรคุณก็เลยหนีเสียอีก”

กัญญานันดูจะผงะเล็กน้อยแต่ยังเก็บอาการเอาไว้ได้ แพขนตางอนยาวกะพริบเร็วๆ บนดวงตากลมโตคู่หวานเหมือนจะเรียกสติ

“ฉันเปล่านะคะ”

“งั้นก็ดีแล้ว”

เปรมินทร์กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แววตาในดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขานิ่งลึก แต่กัญญานันอ่านมันออก

เขารู้ทัน เขารู้ว่าเธอกลัวเขา

แน่นอนเธอไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นว่าชายหนุ่มจะกล้าทำอะไรเธอในบ้านของตัวเอง เพราะเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีหื่นกระหายจนน่ากลัวเหมือนพวกโรคจิต ทว่าเขาก็เข้าใกล้เธออย่างจู่โจมแบบไม่ให้ทันตั้งตัวเสมอ นั่นเองที่ทำให้กัญญานันนึกหวาดระแวงขึ้นมา

ทุกครั้งที่เขาทำแบบนั้นมันทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่น มือไม้สั่น ใจเต้นเร็วกว่าปกติยากจะระงับให้สงบนิ่งได้ เธอไม่เคยเป็นมาก่อนเลยไม่ว่าจะเข้าใกล้ใครหรือผู้ชายคนไหน แต่กับเปรมินทร์เธอกลับประหม่าเหลือเกิน พออีกฝ่ายเข้าใกล้ก็เกร็งอย่างบอกไม่ถูก กัญญานันจึงตัดสินใจตอบตกลงกับมาธาวีหลังจากเพื่อนสาวเอ่ยปากชวน ในตอนแรกที่เธอขออนุญาตเจ้าปัทมาดาราก็มีเหตุผลโต้แย้งมากมายด้วยความเป็นห่วง ทว่าเมื่อได้รู้ว่าเพื่อนของเธอชื่ออะไรท่านจึงยอม แถมคุยไปคุยมาจึงได้รู้ว่าท่านเคยเห็นเธอรำที่งานบ้านพ่อเลี้ยงศรามาแล้วครั้งหนึ่ง

“เอ่อ คือ...ก้อยต้องขอบคุณคุณอีกครั้งสำหรับตึกนี้นะคะ”

เมื่อเขาเงียบเอาแต่จ้องเธอนิ่ง แต่แววตาคมดุนั้นทำให้กดดันแปลกๆ กัญญานันจึงเปลี่ยนเรื่องพูดในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้พร้อมทั้งยกมือไหว้

“ไม่เป็นไร คุณขอบคุณเจ้าแม่ไปหลายครั้งแล้ว”

เขาพูดมาอย่างนี้กัญญานันจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ทว่าเมื่อจะลดมือลงอีกฝ่ายกลับยื่นมือหนาข้างหนึ่งของเขามากุมมือทั้งสองข้างของเธอไว้เสียก่อน หญิงสาวสะดุ้งมองเขาตาโต ไม่คิดว่าอยู่ๆ ชายหนุ่มจะกล้าจับมือเธอเอาดื้อๆ เธอพยายามกระตุกออกเบาๆ แต่มือใหญ่กุมมือเธอไว้ได้จนหมด แม้เขาจะจับเบาๆ เธอก็ไม่เป็นอิสระ

“ปล่อยเถอะค่ะ”

“นี่เหรอไม่กลัว”

ชายหนุ่มพูดพร้อมรอยยิ้มที่เหมือนยิ้มเยาะ ทำเอากัญญานันชักไม่พอใจขึ้นมา

“แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าฉันกลัวคุณนักคะ คุณกำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่งั้นเหรอ ฉันถึงต้องกลัว”

คำพูดท้าทายกับแววตาหวั่นๆ ในดวงตากลมโตวาวหวานทำให้เปรมินทร์ยิ้มมากยิ่งขึ้น พึงใจกับความฉลาดที่มาพร้อมความอ่อนใสน่ารักในตัวอีกฝ่ายนักหนา กัญญานันไม่ยอมให้เขาต้อนอยู่ฝ่ายเดียว

“ไม่รู้สิ”

เขาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อย่างที่พูดพร้อมยอมปล่อยมือบางสวยง่ายๆ ทั้งที่ชื่นชอบความนุ่มนิ่มแทบไม่อยากปล่อย

กัญญานันมองคนที่เดี๋ยวหน้านิ่ง เดี๋ยวยิ้ม แล้วตอนนี้ก็มาทำเป็นเฉยแล้วก็ถอนหายใจออกมา หญิงสาวจับกระเป๋าใบเล็กที่สะพายติดตัว หันไปกำลังจะเปิดประตู แต่ประโยคจากเสียงทุ้มเข้มด้านหลังกลับทำเอามือสั่น

“ไม่รู้ว่าความชอบมันเรียกว่าไม่ดีหรือเปล่า แล้วคุณจะต้องกลัวอะไร ถ้าผมชอบคุณ”

ร่างบางอรชรนิ่งอยู่อย่างนั้นราวกับหยุดหายใจ ไม่ได้หันกลับไปมองอีกฝ่าย ใบหน้าสวยหวานซีดลงก่อนจะมีเฉดสีระเรื่อขึ้นมาตามพวงแก้ม ขณะรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวแต่หน้าร้อนผ่าว ไม่รับรู้อะไรจนกระทั่งประตูฝั่งเธอถูกเปิดออกโดยคนอื่น แล้วเธอก็เห็นเปรมินทร์ยืนรออยู่

“เชิญ”

ขณะนั้นกัญญานันนึกอะไรไม่ออก ราวกับสมองมึน ว่างเปล่าไปชั่วอึดใจ จึงลงรถตามที่ชายหนุ่มบอก แต่เธอก็ไม่ได้มองหน้าเขา เพียงแค่ก้มหน้าเดินผ่าน

ร่างสูงกำยำไปยืนหน้าตึก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าอย่างไร หรือทำอะไรบ้าง มารู้ตัวอีกทีก็เห็นท้ายรถเขาห่างออกไป แล้วร่างบางอ้อนแอ้นก็ทรุดลงนั่งข้างๆ กระเป๋าเดินทางใบเล็กของตนเองที่วางอยู่บนพื้นปูนหน้าประตูตึก ซึ่งชายหนุ่มยกลงมาวางไว้ให้นั่นเอง

=====

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เพลิงภูหมอก   27...ณ จุดแรกรัก (2)

    “ไม่รู้สิคะ รู้แต่ว่าเธอไม่เคยโกรธหรือเกลียดคุณ ไม่เคยมองคุณในแง่ร้าย แต่เธอเจ็บปวดที่รู้ว่าคุณทำให้เธอเสียใจ”นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนที่เปรมินทร์จะค่อยๆ คลี่ยิ้มที่มุมปากแล้วบอก“นางฟ้าคนนั้นรักผมเข้าให้แล้วล่ะ”กัญญานันก้มหน้างุดลงอย่างขัดเขิน เมื่อเห็นแววตาคู่คมวาววับราวกับล้อเลียน ทั้งที่ยังอยู่ในอารมณ์โศกเศร้าแท้ๆ แต่ก็เข้าใจว่าเปรมินทร์คงอยากให้เธอสบายใจขึ้น“เฮ้อ...ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวผมก็ห้ามใจไม่ไหวอีกนะ”อีกฝ่ายถอนหายใจออกมา แล้วก็จูบประทับหนักหน่วงเนิ่นนานบนกลีบปากสวยจนเธออ่อนระทวยอีกครั้ง ทว่าหญิงสาวยังไม่ลืมว่าชายหนุ่มพามาดูอะไร เมื่อปรือตาขึ้นมาพร้อมกับที่ใบหน้าคมคายผละออกไป เธอก็เงยหน้าขึ้นไปด้านบน แสงบางอย่างที่ร่วงลงอยู่ท่วมกลางท้องฟ้ามืดมิดดึงความสนใจของเธอให้หันมอง ร่างบอบบางถลันออกไปชะเง้อคอมองนอกเต็นท์“ฝนดาวตก”ดาวหลายดวงทยอยตกจากท้องฟ้าที่มุมหนึ่ง ทำให้กัญญานันตาวาว พูดโดยไม่หันกลับไปมองคนที่ขยับมานั่งกอดซ้อนหลังเธอ“นี่ใช่ไหมคะที่คุณพาก้อยมาดู”“อืม”เปรมินทร์ตอบรับด้วยอารมณ์เซ็งๆ“แต่ผมชักอยากรักคุณมากกว่าดูฝนดาวตกนี่แล้ว”ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะวางคางของตนบ

  • เพลิงภูหมอก   27...ณ จุดแรกรัก (1)

    ทั้งสองเซ่นไหว้ตรงจุดที่เกิดอุบัติเหตุของเจ้าปัทมาดากับคุณเฮนรี่ ก่อนจะย้อนกลับขึ้นมา เดินลึกเข้าไปด้านในยังจุดที่เกิดเรื่อง และกัญญานันก็วางฟ้ามุ่ยสีขาวไว้ตรงพื้นที่ที่เปรมินทร์บอกว่าฝังมอมแมมเอาไว้ จากนั้นชายหนุ่มก็ขอไปตรวจเอกสารที่ออฟฟิศกับดูงานที่ไร่โดยพากัญญานันออกไปในไร่กับตนเองด้วย แม้ว่าตอนแรกเขาจะห้ามเพราะกลัวเธอจะเจ็บขามากขึ้น แต่หญิงสาวบอกว่าเธอยังไม่เคยเห็นไร่ภูศรีจันอย่างแท้จริงเลยสักครั้ง ชายหนุ่มจึงต้องพาหัวหน้าฝ่ายบัญชีกับเลขาไปด้วยเพื่อให้ดูแลและเป็นเพื่อนเธอ รวมทั้งคอยอธิบายเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ตอนที่เขาตรวจงานในไร่ ทั้งคู่อยู่ที่ไร่กระทั่งเย็นจึงกลับขึ้นภู“ทำไมคุณถึงให้ลุงมั่นกางเต็นท์ให้เราล่ะคะ”กัญญานันพูดเสียงสั่นด้วยความหนาวหลังจากถูกคะยั้นคะยอให้ออกมายังจุดชมวิวด้านนอก เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวจะเข้านอน“ผมอยากให้คุณดูอะไรบางอย่างด้วยกันหน่อยน่ะ”ชายหนุ่มบอกแล้วรูดซิปเต็นท์ให้หญิงสาวเข้าไปด้านในก่อน แม้ด้านนอกจะมีกองไฟที่ให้คนขับรถคนใหม่จุดไว้แต่ก็ไม่ช่วยไล่ความหนาวเหน็บได้ ดีหน่อยที่พอไล่ยุ่งได้บ้าง“ดูข้างในไม่ได้เหรอคะ”“เราต้องดูบนท้องฟ้า”เมื่อท

  • เพลิงภูหมอก   26...ผูกพันทั้งกายใจ (2)

    “ผมรักก้อย”เสียงทุ้มพึมพำซ้ำแนบขมับชื้นเหงื่อของเธอ ตามมาด้วยรอยจูบหนักๆ“ที่สำคัญ...ผมรักหัวใจของคุณ หัวใจที่ดีงามเหมาะสมอย่างที่เจ้าแม่ผมเคยพูดเอาไว้ ท่านเคยบอกว่าผมจะรักคุณ แล้วผมก็รักจริงๆ แถมยังหลงด้วย หลงมากกก”พร้อมคำพูดเปรมินทร์ก็อุ้มร่างอรชรมานอนทับบนร่างแกร่ง ผิวเนื้อนุ่ม อกอวบอิ่ม ร่างสาวบดเบียดลงมาหาชายหนุ่มอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ กัญญานันเหมือนถูกดูดพลังงานไปจนหมด ไม่หลงเหลือแรงขัดขืนเขาด้วยซ้ำ“หลง แต่ชอบทำร้าย ชอบแกล้งเนี่ยนะคะ”มือบางตีอกกว้างเบาๆ เนื้อตัวเธอรู้สึกถึงมัดกล้ามเต็มแน่นช่วงหน้าท้องแกร่งและทั่วทั้งตัวของคนใต้ร่างเลยทีเดียว ใบหน้าหวานจึงออกอาการเขินอายเมื่อเห็นตาคมจ้องมาด้วยแววชอบอกชอบใจ“นี่เขาเรียกทำรักต่างหาก”เปรมินทร์ไม่บอกเปล่า แถมมือหนายังกดสะโพกเธอเข้าหาตัวเองซ้ำอีกจนกัญญานันต้องห้ามเสียงสั่น“อื้อ...ไม่เอาแล้วนะคะ”“เถอะน่า อีกครั้งหนึ่ง”“พอเถอะค่ะ ก้อยเหนื่อย”กัญญานันส่งสายตาขอร้องเต็มที่ เธอเพลียอยากนอนจะแย่อยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายกลับมันเขี้ยวอยากฟัดคนตัวเล็กมากกว่าจะอยากหยุด เพราะไม่ว่าหญิงสาวจะมองแบบไหนเปรมินทร์ก็รู้สึกเหมือนเธอกำลังเชิญชวนเขาทุกท

  • เพลิงภูหมอก   26...ผูกพันทั้งกายใจ (1)

    คนถูกฉุดรั้งชะงักด้วยความงุนงงกับอารมณ์ร้อนแรงของตน และคำพูดกำกวมของอีกฝ่าย ร่างอรชรหอบหายใจระรัว เพิ่งรู้ว่าเธอเหนื่อยหนักขนาดนี้ ทว่าก่อนจะถามอะไรชายหนุ่มก็พลิกกายให้เธอลงไปนอนใต้ร่างขณะมือก็ปลดเสื้อนอนเธอออกไปพร้อมกัน ไม่ลืมที่จะดึงปิ่นออกจากผมสลวยจนสยายแผ่บนที่นอนอย่างน่าหลงใหล“ผมอยากบอกรักคุณก่อน”“คะ?”ดวงหน้าหวานเหลอหลาด้วยความแปลกใจกับคำรักที่ออกมาจากปากเขาแสนง่าย หากแรงพิศวาสที่โหมอยู่ยังไม่ถูกปลดปล่อย สมองเธอจึงทำงานช้า ความสนใจอยู่ที่มัดกล้ามแน่นตึงบนเรือนกายกำยำที่ค่อยๆ อวดต่อสายตา เพิ่งเป็นครั้งแรกที่เธอกล้ามองเขาตรงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าเพราะอะไรผู้หญิงต่างก็หลงใหลได้ปลื้มสามีตนเองขณะเดียวกันร่างสูงที่ผละไปถอดเสื้อผ้าของตนก็จับจ้องผิวขาวนวลผ่องที่เผยพร้อมเรือนกายงามสล้างไม่วาง ตาคมคู่ดุกวาดมองขึ้นลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างครึ้มใจที่ตนเองได้เป็นเจ้าของความงามลออตาตรงหน้า ความภาคภูมิใจปะปนความรักหลงอัดแน่นอยู่ในอก เพราะได้ครอบครองทั้งเรือนร่างสวยกับหัวใจที่ดีงามของกัญญานัน“ผมรักทุกอย่างที่เป็นคุณ ทั้งดวงตา แก้ม ริมฝีปาก...”หลังจากทั้งร่างเปล่าเปลือยใบหน้าคมก็เลื่อนลงกระซิบพร้อม

  • เพลิงภูหมอก   25...คำสารภาพ (2)

    กัญญานันไปส่งครอบครัวพร้อมกับเปรมินทร์และพี่ชายที่เชียงใหม่ แม้เธอจะบอกให้อีกฝ่ายพักผ่อนหลังจากทำแผลแล้ว แต่สุดท้ายเปรมินทร์ก็ยังเกาะติดภรรยาของตนไม่ยอมห่าง ส่วนทางด้านเพ็ญลงไปพักกับพ่อแม่ของตนในไร่ชั่วคราว กำลังอยู่ในช่วงคิดและพักใจ บนภูจึงมีสองสาวน้อยและคนขับรถซึ่งค่อนข้างมีอายุหน่อยของไร่กับภรรยาขึ้นมาอยู่แทน หากเพ็ญกลับมาก็ไม่มีปัญหาอะไร นอกจากมีแม่บ้านดูแลเพิ่มขึ้น เปรมินทร์ยินดีรับคนขับรถที่แต่งงานแล้วและมีอายุหน่อยมากกว่าคนโสด“ทานยาหรือยัง ข้อเท้าคุณเจ็บมากขึ้นอีกหรือเปล่า”เปรมินทร์ถามเมื่ออาบน้ำออกมาเห็นคนตัวเล็กกำลังนวดข้อเท้าอยู่“ทานแล้วค่ะ แค่เจ็บนิดหน่อย ไม่เท่าตอนที่เกิดเรื่องหรอกค่ะ”หมอในไร่ตรวจข้อเท้าให้หญิงสาวเพิ่มเติมหลังทำแผลให้ชายหนุ่ม แม้จะบอกว่าไม่ได้กระทบกระเทือนมากนัก“ผมนวดให้นะ”ร่างสูงใหญ่ขยับไปนั่งที่เตียงอย่างรวดเร็วพร้อมกับเข้าไปใกล้คนตัวหอม แต่กัญญานันกลับส่ายหน้า“ได้ยังไงคะ มือคุณมีแผลอยู่”“ผมใช้มือซ้ายนวดให้”อีกฝ่ายยังพยายามจนเธอระอา แต่ก็ยังไม่ยอมอยู่ดี“ฉันนวดเองได้ค่ะ ว่าแต่คุณน่ะ ให้แผลโดนน้ำหรือเปล่าคะ มาให้ก้อยดูหน่อย”“คุณพูดว่าก้อยกับผมก็

  • เพลิงภูหมอก   25…คำสารภาพ (1)

    “คุณพ่อกับคุณแม่จะกลับกรุงเทพฯ แล้วน่ะ แต่อยากขึ้นมาบนภู แล้วก็มาหาเราก่อนกลับด้วย”กิตติกรเป็นฝ่ายบอกเมื่อพบหน้าน้องสาว หญิงสาวเชิญทุกคนไปยังโต๊ะอาหาร ขณะที่เปรมินทร์เองก็มาถึงพอดี เขากำลังจะก้าวเข้าห้องอาหารขณะได้ยินประโยคคำพูดของคุณรุจีรัตน์“แม่กับคุณชายอยากมาไหว้เจ้ากับคุณเฮนรี่ ตรงที่ที่เกิดอุบัติเหตุด้วยน่ะ เห็นว่าเราเกิดเรื่องใกล้ๆ แถวนั้น คงเพราะเจ้าช่วยคุ้มครองเราถึงรอดมาได้ แม่อยากขอบคุณเจ้า”เปรมินทร์หน้าตึงขึ้น แต่ก็พยายามทำใจให้เย็นเข้าไว้ พยายามทำตัวให้เป็นคนมีเหตุผล ยกมือสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสอง และไม่วายปรายตามองลัลนาเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปโอบไหล่บางของภรรยา หอมแก้มนวลแล้วยิ้มให้เมื่อเธอหันมาทำตาดุใส่ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ“งั้นเดี๋ยวก้อยจัดเครื่องเซ่นไหว้ให้นะคะ”“ไม่เป็นไรลูก แม่เตรียมทุกอย่างแล้วก็แวะไหว้เรียบร้อยแล้วจ้ะ”“อย่างนั้นเหรอคะ”กัญญานันหน้าจ๋อยไป เปรมินทร์จึงหันไปโอบไหล่พร้อมบอกเบาๆ“ถ้าคุณอยากขอบคุณเจ้าแม่ เดี๋ยวผมพาไปใหม่ก็ได้”“ใช่จ้ะลูก เดี๋ยวหนูไปอีกครั้งกับคุณมินทร์ก็ได้ แม่กับคุณชายแล้วก็น้องนางจะกลับกันวันนี้ ไฟลต์เที่ยงน่ะจ้ะ แม่เลยรีบจัดการทุกอย่างให

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status