Mag-log inเขาที่เคยเจ็บปวดกับความรักมาก่อนกับเธอผู้ที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน ทั้งชีวิตเธอรักแค่ยายของเธอเท่านั้น เธอจึงยอมทำทุกวิธีที่จะหาเงินมารักษายายผู้เป็นที่รัก ยอมแม้กระทั่งเอาตัวเข้าแลก
view moreบทนำ
@บ้านอลิซ 17.30 น. “ยายคะ คืนนี้อลิซคงจะกลับช้าหน่อยนะยาย พอดีที่ร้านคนขาด อลิซต้องอยู่ช่วยพี่เจนนี่ก่อน” เสียงใสเอ่ยบอกหญิงวัยกลางคนที่กำลังยืนทำอาหารอยู่ในห้องครัวอย่างตั้งอกตั้งใจ จนเธอต้องหันหน้ากลับมาถามหลานสาวของเธอด้วยความเป็นห่วง “กลับช้านี่ช้าแค่ไหนเหรอลูก ถ้าเกินเที่ยงคืนไปยายว่าอลิซค้างที่ทำงานเลยดีกว่าไหม ยายเป็นห่วงที่หนูต้องเดินทางค่ำๆมืดๆคนเดียว” เนื่องจากว่าซอยเข้าบ้านอลิซค่อนข้างที่จะเปลี่ยว ยายจึงนึกเป็นห่วงหลานสาวของตน เพราะถ้าหากว่าเลยเที่ยงคืนไปร้านค้าแถวหน้าปากซอยก็คงจะปิดหรือเก็บกันหมดแล้ว “ก็น่าจะหลังจากที่ร้านปิดค่ะยาย แต่ว่าอลิซจะกลับมานอนที่บ้านกับยายเหมือนเดิมนี่แหละ อลิซไม่อยากให้ยายต้องนอนคนเดียว อลิซเป็นห่วงยาย” เพราะโรคประจำตัวที่ยายของเธอเป็นอยู่ตอนนี้ บวกกับอายุของยายก็เริ่มมากขึ้นแล้ว เธอจึงไม่อยากทิ้งให้ยายของเธอต้องอยู่ตามลำพัง เธอจึงเลือกที่จะกลับมานอนบ้านทุกคืนหลังจากที่ทำงานเสร็จ ถึงแม้ว่าที่ทำงานของเธอจะมีที่พักให้สำหรับพนักงาน แต่อลิซก็เลือกที่จะกลับมานอนบ้าน กลับมานอนกับยายผู้เป็นที่รักของเธออย่างเช่นทุกวันเหมือนเดิม “ไม่ต้องห่วงยายเลยลูก ห่วงตัวเองก่อนดีกว่า ช่วงนี้อลิซทำงานหักโหมมากเกินไปแล้วนะ ถ้าไม่ไหวจริงๆก็ไม่ต้องทำแล้ว…” “….แค่ยายทำขนมขายเราก็อยู่กันได้แล้วนี่นาอีกอย่างเดี๋ยวหนูก็จะเข้ามหาลัยแล้วด้วย ยายอยากให้หนูเอาเวลาไปตั้งใจเรียนมากกว่า” “แต่ว่าเราต้องใช้เงินเยอะมากเลยนะยาย เดี๋ยวเดือนหน้ายายก็ต้องใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าอีก เงินที่มีตอนนี้ยังไม่พอค่าผ่าตัดเลย” ค่าผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าที่คุณหมอแจ้งมา ประมาณห้าแสน แต่ว่าตอนนี้เงินในบัญชีมีแค่สองแสนกว่า ซึ่งอลิซเธอรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะยายเอาเงินทั้งหมดที่มีให้อลิซเป็นคนเก็บไว้ เผื่อวันไหนที่เธอจากโลกใบนี้ไปกะทันหัน อย่างน้อยๆ หลานสาวของเธอก็ยังมีเงินที่สามารถเอาไว้เลี้ยงตัวเองได้สักระยะหนึ่ง “ยายตัดสินใจแล้วว่ายายจะไม่ใส่ ยายจะเก็บเงินไว้ส่งอลิซเรียนจนจบ อีกอย่างยายก็อายุมากแล้ว เกิดผ่าตัดใส่ไอ้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าอะไรนั่นแล้วยายไม่ฟื้นขึ้นมาจะทำยังไง ยายยังไม่อยากทิ้งอลิซไปตอนนี้” “ยายอย่าพูดแบบนี้สิคะ ยังไงยายก็ต้องฟื้นขึ้นมาอยู่กับอลิซไปอีกนานเลย” ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะแค่คิดตามในสิ่งที่ยายพูด ใจของเธอก็แทบขาดแล้ว ถ้าหากว่ายายของเธอไม่ฟื้นขึ้นมาจริงๆเธอจะทำยังไง เพราะในชีวิตของเธอมีแค่ยายคนเดียว “แต่ยายตัดสินใจแล้วลูก อีกอย่างเราจะหาเงินจากไหนมาให้ทันเดือนหน้า ยังขาดอีกหลายแสนเลยนะอลิซ” “แต่คุณหมอเขาบอกว่ายายจำเป็นต้องใส่นะคะ เรื่องเงินเดี๋ยวอลิซหาทางเองค่ะ งานที่อลิซทำตอนนี้เงินก็ดีอยู่นะคะ ถ้าอลิซขยันมากกว่านี้หน่อย อลิซเชื่อว่ายังไงก็ทันค่ะ” “แต่ว่ายาย…..” “ไม่มีแต่แล้วค่ะ ไหนดูสิคะแกงเขียวหวานสุกหรือยังน๊า อลิซหิวข้าวแล้วเนี่ย” เสียงใสเอ่ยตัดบทหญิงวัยกลางคนทันที เพราะเธอรู้ว่ายังไงยายของเธอก็จะต้องปฏิเสธการรักษาอีกเป็นแน่ อลิซ เธอมีชื่อจริงว่าอลิสา ปัจจุบันเธออายุสิบแปดปีเพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก ตอนนี้เธอกำลังเตรียมตัวที่จะเข้ามหาวิทยาลัย โดยเธออาศัยอยู่กับยายเพียงแค่สองคนเท่านั้น ที่สำคัญยายของเธอยังมีโรคประจำตัวที่ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก อย่างโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ อลิซเป็นสาวน้อยสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก เธอถูกผู้เป็นแม่ทอดทิ้งให้อยู่กับยายตั้งแต่เธออายุสามขวบ ซึ่งตอนนี้เธอเองก็ไม่รู้ว่าแม่ของเธออยู่ที่ไหน ตลอดระยะเวลาสิบห้าปีที่ผ่านมา แม่ของเธอไม่เคยคิดที่จะมาดูดำดูดี หรือติดต่อมาหาเธอที่เป็นลูกสาวเลย ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้สนใจหรือแคร์อะไรอยู่แล้ว คนเดียวที่อลิซรักและเป็นห่วงตอนนี้มีเพียงยายคนเดียวเท่านั้น และเธอจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะหาเงินมาใช้เป็นค่าผ่าตัดของยายเธอให้ได้ ถึงแม้ว่าเธอจะต้องทำงานในผับเพิ่มเป็นสองเท่าเธอก็ยินดี ขอเพียงมีเงินมารักษายายแค่นี้ก็พอแล้ว“คุณจะไปส่งหนูที่บ้านเหรอคะ?” “หรืออยากไปม่านรูดเหมือนเมื่อวานล่ะ” ทันทีที่พาตัวเองขึ้นมานั่งบนรถคันหรูราคาแพงหลายล้าน ฉันก็หันไปถามคนที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตอนนี้ แล้วดูที่เขาตอบฉันสิคะ ผู้ชายคนนี้ในสมองคงจะมีแต่เรื่องบนเตียงสินะ “หนูบอกคุณแล้วไงคะ ว่าหนูงดรับงาน” ทั้งๆ ที่เมื่อคืนฉันก็พิมพ์บอกเขาไปอย่างชัดเจนแล้วนะว่าช่วงนี้ฉันงดรับงานเพราะต้องเตรียมเรื่องผ่าตัดให้ยาย“แล้วจะกลับมารับอีกทีเมื่อไหร่?” “ทำไมคะ คุณติดใจหนูเหรอ?” “ถ้าบอกว่าใช่ล่ะ จะรับไหม?” แล้วทำไมต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วยเนี่ย ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยฉัน ดีนะที่รถเขาติดฟิล์มดำรอบคัน ไม่งั้นชาวบ้านแถวนี้คงได้เอาไปนินทาสนุกปากแน่“……” “เงียบทำไม ฉันรอคำตอบอยู่นะ” “ไปส่งหนูที่บ้านก่อนสิคะ แล้วเดี๋ยวจะบอก” สิ้นเสียงของฉัน คุณเพทายก็ออกรถแล้วมุ่งหน้าไปยังบ้านของฉันทันที เดี๋ยวนะ!!! แล้วเขารู้ได้ไงว่าบ้านฉันอยู่ซอยนี้“คุณรู้ได้ไงคะว่าบ้านหนูเข้าซอยนี้?” คือฉันยังไม่ได้บอกทางเขาเลยปะ แต่ว่าตอนนี้เขาเลี้ยวรถเข้ามาในซอยบ้านของฉันแล้ว“เก่งไง แล้วนี่บ้านเธอหลังไหน?” “หลังในสุดค่ะ อยู่ฝั่งซ้ายมือ” “อยู่กั
วันต่อมา บ้านอลิซ 07.30 น.“อลิซ เดี๋ยวออกไปซื้อหัวกะทิที่ตลาดเพิ่มให้ยายทีนะลูก พอดีมีออเดอร์ขนมถ้วยเพิ่มเข้ามา ที่เราซื้อมาเมื่อเช้ามันไม่พอ” “ได้ค่ะ เอากี่กิโลคะยาย” ฉันที่กำลังนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉินในโทรศัพท์มือถือ รีบกดปิดหน้าจออย่างไว เมื่อจู่ๆ ยายก็เดินมาหาฉันที่นั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อนหน้าบ้าน“กิโลเดียวก็พอลูก แล้วก็ซื้อกล่องแพคขนมมาเพิ่มด้วยนะ รีบไปรีบกลับล่ะ เดี๋ยวเราต้องรีบทำขนมไปส่งอีก”่“รับทราบค่ะ” ว่าจบฉันก็หยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูงของตัวเองอย่างไว จนลืมไปว่ายังเจ็บช่วงล่างอยู่ “เป็นอะไรเหรออลิซ ทำไมทำหน้าแบบนั้น หื้ม” ยายที่เห็นสีหน้าของฉันในตอนนี้เอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง“เอ่อ พอดีอลิซปวดขาค่ะ เมื่อกี้ลุกไวไปหน่อย” จะให้บอกว่าเจ็บกีก็คงจะไม่ได้ เลยเลือกที่จะตอบยายไปแบบนี้“ปวดมากเหรอลูก งั้นหนูไม่ต้องไปก็ได้ เดี๋ยวยายไปเองดีกว่า” “ไม่เป็นไรค่ะยาย ตอนนี้ขาอลิซไม่ค่อยปวดแล้ว เดี๋ยวอลิซไปเอง” ฉันว่าพลางเดินเข้าบ้านไปหยิบกระเป๋าสะพายข้างใบที่ฉันมักใช้เป็นประจำ พร้อมกับกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ “เดี๋ยวอลิซกลับมานะคะยาย ยายจะเอาอะไรเพิ่มไหม?” ในขณะที่ขึ้นคร่อมอยู่บนม
@บ้านเพทาย 17.45 น.“พี่เพทาย…ไปไหนมาคะ?” ทันทีที่ผมก้าวขาเข้ามาภายในบ้าน เสียงอันคุ้นเคยก็เอ่ยถามผมอย่่างสงสัย งั้นก็สงสัยต่อไปเพราะผมก็ไม่คิดที่จะบอกเธอเหมือนกัน “เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่เกี่ยว” “พราวโตแล้วนะคะ เรียนใกล้จะจบแล้วด้วย” “ถึงจะโตแค่ไหน แต่พราวก็ยังเป็นเด็กในสายตาพี่อยู่ดี แล้วนี่จะนอนค้างที่บ้านอีกคืนเหรอ ไม่กลับคอนโดรึไง?” ถึงเธอจะโตเป็นสาวเต็มวัยแล้ว แต่ยังไงยัยพราวก็ยังคงเป็นเด็กสำหรับผมอยู่ดี “เดี๋ยวจะกลับค่ะ รอคุยกับพี่เพทายก่อน” รอคุยกับผมงั้นเหรอ นี่คงเป็นเหตุผลที่ผมยังเห็นเธออยู่ที่บ้านสินะ ปกตินี่คงจะกลับคอนโดไปละ “คุยกับพี่เหรอ เรื่องอะไร?” ผมถามเธออย่างสงสัย ก่อนที่คำตอบของคนตรงหน้าจะทำให้ผมคิ้วขมวดเข้าหากัน“เอ่อ….คือว่าพราว….พราวมีแฟนแล้วนะคะ” ว่าไงนะ มีแฟนแล้วงั้นเหรอ นี่ผมคงไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม“ใคร? ไม่เห็นพามาแนะนำให้พี่รู้จัก” “ไว้เดี๋ยวฝึกงานเสร็จ พราวจะพาพี่เขามาแนะนำอย่างเป็นทางการนะคะ” “พี่เขา? มันอายุเท่าไหร่?” นี่ยัยพราวคบคนอายุมากกว่างั้นเหรอ “ก ก็ ไม่มากไปกว่าพี่เพทายหรอกค่ะ” ไม่มากไปกว่าผม งั้นก็ยังไม่เกินสามสิบ“แล้วมันอายุเท่าไหร่?”
“ซี๊ดดดด” ผมรีบชักท่อนเอ็นของผมออกมา ก่อนจะใช้มือชักรูดสองสามครั้งแล้วปล่อยให้น้ำสีขุ่นมันพุ่งใส่บั้นท้ายของเธอ แตกไปสามน้ำแล้วทำไมความต้องการในตัวของผมที่มีต่อเธอถึงไม่ลดลงเลยนะ นี่เธอทำเสน่ห์ คุณไสย ใส่ผมหรือเปล่าวะเนี่ยพรึ่บ!!!“อ๊ะ ค คุณเพทายจะทำอะไรคะ?” เธอร้องเสียงหลงออกมาหลังจากที่ถูกผมจับให้นอนหงายลงไปกับเตียง“เอาเธอต่อไง อ้าขากว้างๆ แล้วร้องครางชื่อฉันดังๆ” “อ๊ะ อื้อออ ด เดี๋ยวก่อนนะคะ คุณแตกไปสามน้ำแล้วนะ” “แล้วยังไง?” “อ๊า อื้อออ น หนูไม่ไหวค่ะ ของคุณมันใหญ่เกินไป หนูจุก” “ของฉันใหญ่หรือว่ารูเธอเล็กเกินไปกันแน่” ผมไม่สนใจคำพูดของคนตรงหน้า เพราะตอนนี้มีสิ่งเดียวที่ผมสนใจคือตัวของเธอ ผมอยากจับเธอกดให้จมเตียงแล้วอัดกระแทกเธอซ้ำๆ“อ๊ะ จ เจ็บค่ะ เบาๆ หน่อยได้ไหม” “ใครใช้ให้นมใหญ่ขนาดนี้กัน” ผมใช้สองมือขย้ำไปที่สองเต้าอวบขนาดใหญ่เกินตัวของคนตรงหน้า ตัวก็แค่นี้แต่นมนี่ยิ่งกว่าส้มโออีก “อ๊ะ อื้อออ ค คุณเพทาย อ๊า” เมื่อปลายลิ้นร้อนแตะลงไปบนยอดอกสีชมพูระเรื่อของเธอ เสียงครางกระเส่าก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง แล้วตอนนี้ดูเหมือนว่าผมจะทำเธอเคลิ้มไปกับสัมผัสที่ผมมอบให้กับเธอ“ฮื่อออ หนู
ขวับ!!!ฉันรีบหันมองซ้ายขวาอย่างไว หลังจากที่ได้รับข้อความจากผู้ชายที่ชื่อเพทาย ก่อนที่สายตาของฉันจะไปปะทะเข้ากับเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังนั่งจ้องมาทางฉันอย่างไม่วางตาผ่านบานกระจกสีใสของร้าน นี่เขานั่งอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่นะ?“มีอะไรหรือเปล่าครับน้องอลิซ?” “ไม่มีอะไรค่ะ” ฉันหันกลับมาสนใจคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะระบายรอยยิ้มออกมาและตอบเขากลับไป“ผู้ชายคนนั้น น้องอลิซรู้จักเหรอครับ ผมเห็นเขานั่งมองเราสองคนมาสักพักแล้วนะ” นั่งมองสักพักแล้วงั้นเหรอ?“เขาเป็นเพื่อนของเจ้านายอลิซค่ะ” จะให้ตอบว่าไม่รู้จักก็คงไม่ได้ เพราะเมื่อคืนก็พึ่งนอนครางชื่อเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย “โล่งอก ผมคิดว่าเขาเป็นแฟนน้องอลิซซะอีก” “ไม่ใช่ค่ะ อลิซยังไม่มีแฟนนะ โสดสนิทเลย” ตั้งแต่จำความได้ฉันยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ถึงแม้จะมีผู้ชายเข้ามาจีบมากมาย แต่ว่าฉันก็ไม่ได้สนใจที่จะคุยหรือคบกับใครเลย“ไม่น่าเชื่อนะครับ ว่าสวยๆ อย่างน้องอลิซจะโสด” “เชื่อเถอะค่ะ อีกอย่างคนหน้าตาดีๆ แบบคุณก็โสดนี่นา จริงไหมคะ” “ฮ่าๆๆ มันก็จริงนะครับ ข้อนี้ผมไม่เถียงเลย” ครืด!!ครืด!!และในขณะที่ฉันกำลังพูดคุยกับคุณกันต์อยู่นั้
วันต่อมา 11.30 น. “สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดนะคะพี่เพทาย” ผมมองไปยังกล่องของขวัญใบเล็กที่อยู่ในมือของยัยพราว น้องสาวสุดที่รักของผม ก่อนจะถามเธอออกไป “ไหนดูดิ๊ ปีนี้ซื้ออะไรให้พี่” ปกติทุกๆ ปีเธอจะซื้อพวกเนกไท ปากกา ไม่ก็เข็มขัดหนังให้ผมไง ไม่รู้ว่าปีนี้ผมจะได้อะไรเป็นของขวัญ “ว้าว ทำไมดูรวย นี่พราวเอาเงินจากไหนไปซื้อให้พี่เนี่ย” และเมื่อผมเปิดกล่องออกมาก็ต้องแปลกใจ เพราะสิ่งที่อยู่ด้านในมันคือนาฬิข้อมือยี่ห้อดังอย่างRolex ที่ผมก็เล็งเอาไว้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่นึกไม่ฝันว่ายัยพราวจะซื้อมันให้ผม แล้วนี่ไปเอาเงินจากไหนมาเยอะแยะวะ คงไม่ได้โทรไปขอเงินพ่อแม่หรอกนะ“เงินเดือนจากการฝึกงานที่พี่องศาให้พราวเป็นพิเศษ แล้วก็เงินเก็บของพราวอีกนิดหน่อยค่ะ” “ทำไมช่วงนี้ไอ้องศามันใจดีผิดปกติวะ เมื่อวานก็จ้างเด็กเอ็นมาให้พี่ แล้วนี่ยังให้เงินเดือนพราวอีกเหรอ?” หรือไอ้องศามันกินอะไรผิดมา ปกติมันไม่ได้ใจดีขนาดนี้นี่หว่า ผมได้แต่ถามน้องสาวตัวเองอย่างสงสัย “กูรวยไง เลยอยากหาคนมาช่วยใช้เงิน” ผมหันขวับไปมองทางต้นเสียงทันที ก่อนที่จะเห็นไอ้องศาเดินลงบันไดมา “ไอ้สัส ตื่นแล้วเหรอครับ ก่อนหน้านี้กูปลุกไม่ยอม
Mga Comments