ยิ่งดึกบรรยากาศก็ยิ่งครึกครื่น หกหนุ่มนั่งดื่มบนชั้นสองแต่สายตาก็จับจ้องลงมาทางด้านล่างซึ่งวันนี้มีสาวๆ ให้พวกเขามองละลานตาไปหมดเนื่องจากเป็นคืนเลดี้ไนท์ทางร้านจะมีส่วนลดให้กับสาวๆ เป็นพิเศษส่วนหนุ่มๆ ที่มาในคืนนี้ก็มักจะออกมาล่าเหยื่อสาวๆ ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ก็จะเป็นหนุ่มขาประจำกับสาวหน้าใหม่
“ดูผู้หญิงกลุ่มนั้นสิ สวยกันทั้งกลุ่มเลยวะ น่าชวนมานั่งคุยชะมัดเลย” วีรวิชญ์มองแล้วก็นึกสนุกตามประสาหนุ่มโสด
“กูว่ามึงคิดช้าไปนะวีร์” นุกูลหัวเราะร่วนเมื่อเห็นว่าสาวๆ กลุ่มนั้นกำลังมีหนุ่มเดินเข้าไปจีบ
“รอดูก่อน เดี๋ยวเขาก็ถอย”
“มึงรู้ได้ยังไงวะเกื้อ” วีรวิชญ์มองหน้าอธิษหุ้นส่วนที่รับหน้าที่บริหารผับถามด้วยความแปลกใจ
“ก็ไอ้คนที่เข้าไปจีบนะมันขี้โม้มาก ผู้หญิงเดี๋ยวนี้เขาฉลาดมองออกว่าของจริงเขาไม่โม้กันหรอก”
แล้วก็เป็นอย่างที่อธิษพูดเพราะผ่านไปห้านาทีผู้ชายคนนั้นก็กลับมานั่งที่เดิม
“เฮ้ย ผู้หญิงคนนั้นทำไมหน้าคุ้นจังวะเหมือนเคยเห็นที่ไหน”
“คนไหนวะวิน” เมฆาถามแล้วมองลงไปด้านล่าง
“คนนั้นไง สายเดี๋ยวสีดำ”
“กูว่าน่าจะเป็นคนที่อยู่ในรูปที่ไอ้กันต์ให้ดูนะ มึงว่าใช่คนเดียวกันไหม” เขาหันมาถามพีรกันต์ที่กำลังมองลงไปด้านล่าง
“ใช่เลย พรหมลิขิตชัดๆ” พีรกันต์พูดแล้วยิ้มตาเป็นประกายเขาไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกับเธอในถิ่นของตนเองแบบนี้
“ลงไปสิ” ธนวินท์เชียร์เพื่อนเต็มที่
“ยังก่อน”
“ทำไมวะ”
“ถ้าเข้าไปตอนนี้เดี๋ยวก็แห้วเหมือนคนเมื่อกี้หรอก ผู้หญิงเวลาอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มน่ากลัวจะตาย แต่ถ้าอยู่คนเดียวก็ลูกแกะดีๆ นี่เอง”
“แต่มันยากนะโอกาสที่เธอจะอยู่คนเดียว”
“รอดูไปก่อนถ้าโอกาสมาถึงช้าเราก็สร้างโอกาสเองก็ได้มันไม่ยากหรอก” พีรกันต์บอกเพื่อนทั้งที่ตอนนี้ตนเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าทำยังไงถึงจะแยกผู้หญิงคนนั้นออกจากกลุ่มเพื่อนได้
“จะให้พวกกูช่วยไปแยกสาวๆ ออกจากกันไหม”
“ยังก่อนอีกตั้งสองชั่วโมงผับจะปิดกูว่ายังไงเธอก็ต้องเดินไปเขาห้องน้ำบ้าง”
“งั้นก็ตามใจมึงนะ” เมื่อเพื่อนปฏิเสธวีรวัชญ์ก็นั่งดื่มต่อ
เหมือนว่าทุกอย่างจะเข้าข้างพีรกันต์ไปหมดเพราะหลังจากเวลาผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที่ผู้หญิงที่เขาจ้องอยู่ก็เดินแยกออกมาจากกลุ่มเพื่อนและตรงไปยังด้านหลังของร้านซึ่งเป็นส่วนของห้องน้ำ
เขารีบวางแก้วในมือก่อนจะเดินลงมาดักรอเธอที่ทางเชื่อมระหว่างห้องน้ำชายและห้องน้ำหญิง เมื่อเห็นเธอกำลังเดินออกมาเขาก็ก้มหน้ามองพื้นก่อนจะเดินช้าๆ กะจังหวะที่เธอเดินมาถึงแล้วก้าวเท้าออกไปทันที
“อุ๊ย...ขอโทษค่ะ” หญิงสาวอุทานเมื่อจู่ๆ เธอก็เดินชนคนอื่นทั้งที่มองแล้วว่าไม่น่าจะมีใคร
“ขอโทษครับเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ” หญิงสาวเงยหน้าแล้วยิ้มอย่างเป็นมิตร
“หน้าคุณคุ้นจังนะครับเราเคยเจอกันไหม” เขารู้ว่ามันเป็นมุกจีบสาวที่โบราณมากแต่ที่ทักทายออกไปแบบนั้นเพราะรู้ว่าเธอจะต้องคิดเหมือนเขาและจะทำให้บทสนทนานั้นยาวขึ้น
“คิดว่าไม่ค่ะ”
“แต่ผมมั่นใจนะว่าเราเคยเจอกัน”
“คุณคะ มุกจีบสาวแบบนี้ไม่คิดว่ามันเชยไปเหรอคะ”
“แล้วมันได้ผลไหมล่ะครับ”
“คิดว่าไม่ค่ะ”
“แย่จังผมก็จีบผู้หญิงไม่เก่งซะด้วยสิ แบบนี้ทำยังไงถึงจะได้รู้จักคุณล่ะครับ”
“ลองบอกเหตุผลมาสิว่าทำไมถึงอยากรู้จักฉัน”
“แน่ใจนะครับว่าอยากฟังเหตุผลจริงๆ”
“ลองบอกมาก่อนสิคะ”
“ถ้าผมบอกเหตุผลกับคุณ คุณจะยอมบอกชื่อผมไหมล่ะครับ”
“ก็ต้องดูก่อนว่าเหตุผลของคุณมันฟังขึ้นไหม”
“ถ้าฟังไม่ขึ้นก็จะไม่ยอมบอกชื่อเหรอครับ”
“ค่ะ”
“ผมรู้สึกว่าผมกำลังเสียเปรียบอยู่นะ”
“ยังไงคะ”
“ถ้าผมยอมบอกเหตุผลคุณก็น่าจะยอมบอกชื่อแลกกันไงครับยุติธรรมดีนะ”
“แล้วฉันจะอะไรจากเรื่องนี้ละคะ”
“เราก็จะได้ทำความรู้จักกันไงครับ”
“แต่ฉันไม่อยากรู้จักคุณนี่ค่ะ” หญิงสาวไม่เคยคิดจะทำความรู้จักกับใครในสถานที่แบบนี้อยู่แล้วเพราะที่ออกมาเที่ยวก็แค่อยากพักผ่อนสมองไม่ใช่ออกมาหาเพื่อนหรือแฟน เธอจำคำสอนของคุณยายได้ดีว่าการเจอกันในสถานที่อโครจรนั้นยากที่จะเจอคนจริงใจเพราะมารดาของเธอเจอบิดาในสถานบันเทิง
เรื่องนี้คุณยายของเธอเล่าให้ฟังตั้งแต่จำความได้ว่ามารดาของเธอนั้นเจอกับบิดาที่สถานบันเทิงและคบหากันอยู่นานจนกระทั่งตั้งครรภ์ถึงได้รู้ว่าตนเองนั้นเป็นภรรยาน้อยมาตลอดเกือบสองปี หญิงสาวไม่เคยเจอผู้เป็นบิดาเลยเพราะไม่มีใครยอมบอกว่าเป็นใครมาจากไหน และเมื่อมารดาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุโอกาสจะได้เจอบิดาก็หายไปกับชีวิตของมารดา เธอเพียรถามคุณยายแต่ท่านก็ไม่ยอมบอกจนถึงวาระสุดท้ายที่จากไปเมื่อสองปีก่อนความลับเรื่องชาติกำเนิดจึงหายพร้อมกับลมหายใจของท่าน
“แต่ผมอยากรู้จักคุณนะครับ”
“พยายามกว่านี้สิคะ”
“อย่าท้าทายผมนะครับคุณพยาบาล”
“คุณรู้เหรอว่าฉันทำงานอะไร”
“ผมรู้ว่าคุณเป็นพยาบาลอยู่ที่วอร์ดอายุรกรรมชายของโรงพยาบบาล XXX” พีรกันต์บอกไปตามที่ตนเองรู้
“แต่ฉันมั่นใจว่าเราไม่เคยเจอกัน” ที่หญิงสาวมั่นใจก็เพราะเธอตั้งแต่ทำงานมายังไม่เคยเจอผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยที่หน้าตาดีจนถึงขั้นหล่อแบบนี้เลยสักคน
“นั่นมันเรื่องของอดีตครับแต่ผมว่าอนาคตเราคงได้เจอกันบ่อยขึ้น พนันได้เลยว่าเจอกันครั้งหน้าผมจะต้องรู้ชื่อคุณให้ได้”
“ใครอยากพนันกับคุณกันล่ะคะ”
“กลัวแพ้เหรอครับ” เขาถามอย่างท้าทายเพราะเห็นแล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนไม่ยอมคน
“คนอย่างฉันไม่เคยกลัวอะไรแบบนั้น”
“ถ้าไม่กลัวก็ต้องยอมรับคำท้าสิ”
“ก็ได้ว่ามาสิจะพนันกันยังไง”
“ถ้าครั้งหน้าผมเจอคุณและเรียกชื่อคุณถูกคุณต้องเลี้ยงข้าวผมหนึ่งมื้อ”
“แล้วถ้าไม่ถูกล่ะคะ”
“ผมก็จะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีกเลย”
“ตกลงค่ะฉันรับคำท้าค่ะ” เพราะเป็นคนไม่ยอมคนหญิงสาวจึงรับคำท้าและคิดว่าตนเองกับผู้ชายที่ยืนตรงหน้าคงไม่มีทางเจอกันอีก
เกินจะทน (ตอบจบ)พีรกันต์เครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะเขาเองก็เคยคิดเรื่องนี้แต่เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เจอลูกอีกจึงยอมปล่อยเลยตามเลย“ถ้าเขาไม่ยอมให้ตรวจมึงก็แอบตรวจสิ เป็นถึงเจ้าของโรงพยาบาลเรื่องแค่นิคิดไม่ได้”“แต่มันผิดกฎหมายนะ” นุกูลทนายหนุ่มพูดขึ้น“กูถามมึงหน่อยนะไอ้นุถ้ามึงเป็นไอ้กันต์มึงอยากจะรู้ไหมว่าเด็กที่เรียกว่าลูกน่ะเป็นลูกของมึงจริงๆ หรือเปล่า”“เป็นใครก็ต้องอยากรู้”“งั้นมึงก็เงียบไปเลยนะ” ธนวินท์หันมาทำตาดุใส่เพื่อน“ถ้ายังไม่อยากตรวจDNAก็ตรวจแค่กรุ๊ปเลือดก่อนก็ได้ มึงรู้ไหมน้องข้าวหอมกรุ๊ปเลือดอะไร”“กูไม่รู้แต่น่าจะมีในผลตรวจเลือด” เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูอีเมลที่ทางโรงพยาบาลส่งให้เมื่อครั้งก่อนพอเห็นกรุ๊ปเลือดของลูกสาวแล้วก็หน้าซีด“ไหนกูขอดูหน่อย” เมฆาคว้าโทรศัพท์ในมือเพื่อนไปดูจากนั้นก็เงยหน้ามองพีรกันต์แล้วนิ่ง“มึงเลือดกรุ๊ปอะไร”“AB” เขาตอบเหมือนคนไร้วิญญาณเพราะถ้าเขาเลือดกรุ๊ปABก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ข้าวหอมจะมีเลือดกรุ๊ปO“นั่นมึงจะไปไหนกันต์” อธิษถามเห็นพีรกันต์ลุกขึ้น“กูจะไปถามหลินให้รู้เรื่อง”“ใจเย็นก่อน” เมฆาที่นั่งอยู่ใกล้ฉุดมือของพีรกันต์ให้นั
การอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวไม่ง่ายเลยสำหรับพีรกันต์เพราะนอกจากเขาจะคอยดูแลข้าวหอมแล้วยังต้องคอยหลบหลีกลินรดาที่มักจะเข้าใกล้และยุ่งกับการใช้ชีวิตของเขามากกว่าที่คุยกันไว้“นี่มันดึกแล้วนะกันต์จะออกไปไหนอีก”“หน้าที่ของผมคือเล่านิทานและพาลูกเข้านอนตอนนี้ผมก็ทำหน้าที่ของผมเสร็จแล้วผมจะไปไหนมันก็เรื่องของผม” พีรกันต์ตอบอย่างหัวเสีย“หลินอยากคุยกับคุณ ขอเวลาหลินได้ไหมเราไปคุยกันที่ห้องนะคะ”“เรามีเรื่องอะไรต้องคุยกันอีก”“ก็เรื่องของเรา”“ระหว่างผมกับคุณมีแค่เรื่องของลูก ไม่มีเรื่องของเราหรอกนะ”“คุณชวนหลินมาอยู่ที่บ้านแต่คุณไม่เคยสนใจหลินเลยนะคะ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ คุณไม่มีใครหลินก็ไม่มีใครทำไมเราไม่ลองคุยกันอีกสักครั้ง”“ผมว่าผมชัดเจนแล้วนะว่าจะเป็นแค่พ่อของข้าวหอมที่ผมทำทุกอย่างก็เพื่อลูก ผมไม่เคยคิดอะไรกับคุณเลย”“คุณจะกลับไปหาผู้หญิงที่ชื่อเนยเหรอคะ คุณคิดว่าเธอจะรอคุณเหรอ”“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเนยเพราะถึงไม่มีเนยผมก็คิดจะกลับไปคบกับคุณ อะไรที่มันผ่านไปแล้วปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ ผมอยากทำหน้าที่พ่อที่ดีของข้าวหอมเรื่องอื่นผมไม่อยากคิด”“หลินทำผิดอะไรคุณถึงไม่คิดจะกลับมาเป
“พี่กานต์มีเบอร์อาจารย์หมอศาสตราไหมขอผมหน่อยสิ”“มีสิ นายจะเอาไปทำอะไรหรือจะจ้างอาจารย์มาตรวจพี่ว่าอย่าเสียเวลาเลยพี่เคยชวนท่านหลายครั้งแล้ว”“เปล่าครับ”“แล้วจะเอาเบอร์ไปทำไมหรือมีใครป่วย”“ผมอยากปรึกษาท่าน”“กันต์มีอะไรหรือเปล่า หรือลูกไม่สบาย” เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กมีสีหน้าเครียดคนเป็นมารดาก็ร้อนใจ“เปล่าครับแม่ คนที่ใม่สบายคือข้าวหอม”“อะไรนะ หลานแม่ป่วยเป็นอะไร”“เนยบอกผมว่าข้ามหอมเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวครับแม่”“ป่วยถึงขั้นไหนแล้วตรวจเจอนานหรือยังรักษาไปถึงขั้นไหนแล้ว ต้องให้คีโมหรือเปล่า”“ผมยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากครับวันนี้ว่าจะพาข้าวหอมไปหาอาจารย์หมอ”“น่าสงสารจังตัวแค่นั้นก็ป่วยแล้ว กันต์ต้องดูแลลูกดีๆ”“ครับแม่”“คนที่บอกนายว่าข้าวหอมป่วยคือเนยเหรอ”“ครับพี่ เนยบอกผมเมื่อคืน”“แปลกดีนะทำไมคนที่บอกไม่ใช่แม่ของข้าวหอมล่ะ แล้วเนยไปรู้มาได้ยังไง”“ผมมัวแต่ตกใจเลยลืมถามเรื่องนี้ไปเลย แต่ก็ช่างมันเถอะจะรู้จากใครความจริงก็คือความจริง”“ถ้าต้องไปดูแลข้าวหอมบ่อยๆ กันต์ก็คุยกับหนูเนยให้เข้าใจนะลูก แบ่งเวลาให้ดี” เพราะคนหนึ่งก็หลานสาวอีกคนก็ว่าที่ลูกสะใภ้“คงไม่ต้องแล้วล่ะครับแม่”“ก
เพราะมีข้าวหอมมาอยู่ด้วยที่บ้านพีรกันต์เลยไม่คิดมากเรื่องรัญรวีเท่าไหร่จนกระทั่งผ่านไปสามวันหญิงสาวก็ยังไม่ติดต่อกลับมาพีรกันต์ไม่อยากรออีกต่อไปแล้ววันนี้เขาจึงมาดักรอหญิงสาวตรงทางเดินระหว่างโรงพยาบาลกับคอนโดมิเนียม“เนย”“พี่กันต์” รัญรวีตกใจเพราะจู่ๆ เขาก็โผล่ออกมาจากมุมถนน“พี่ขอคุยด้วยหน่อย”“เอาไว้คุยวันหลังดีไหมคะ ตอนนี้มันดึกแล้ว”“พี่ไม่อยากรอแล้วนะ สามวันมานี้เนยไม่ติดต่อพี่มาเลย”“เนยงานยุ่งค่ะ”“ไปนั่งคุยกันในรถก่อน”“แต่เนยจะกลับไปพักแล้ว”“จะไปดีๆ หรือจะให้พี่อุ้มไปละเนย"เพราะคำขู่ของเขารัญรวีเลยยอมเดินตามมาที่รถ เธอขึ้นไปนั่งยังตำแหน่งเดิมที่เคยนั่งแต่ความรู้สึกแปลกออกไปเพราะตอนนี้คนข้างกายของเธอไม่ใช่คนที่เธอจะใช้ชีวิตด้วยอีกต่อไปแล้ว“พี่กันต์จะคุยอะไรคะ”“เนยเป็นอะไร โกรธอะไรพี่หรือเปล่า พี่ทำอะไรผิดเหรอเนยถึงไม่ติดต่อพี่เลยแล้วยังเก็บของพี่ออกจากคอนโด”“พี่กันต์ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยค่ะ เนยเองที่ผิด ผิดที่ไปรักคนมีเจ้าของอย่างพี่”“กำลังพูดเรื่องอะไรพี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”“ก็พี่กับครอบครัวของพี่”“ครอบครัวของพี่ก็คือเนย เราจะแต่งงานและร่วมสร้างมันด้วยกัน”“พี่กันต์ค่ะ
รัญรวีตื่นขึ้นมาในตอนสายเธอในขณะที่พีรกันต์ออกไปทำงานแล้ว หญิงสาวมองสภาพห้องนอนแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความสุขที่เขามอบให้เมื่อคืนมันยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ คำบอกรักที่เขากระซิบข้างหูเธอจำมันได้อย่างดีและจะจดจำมันไปตลอดว่าตนเองเคยมีความสุขมากแค่ไหนหญิงสาวเข้าห้องน้ำมองตัวเองในกระจกร่างกายเต็มไปด้วยรอยรักที่เขาฝากไว้ มันตอกย้ำว่าเธอและเขาผ่านเรื่องบนเตียงมาแล้วอย่างเร่าร้อนแต่มันก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกเพราะรัญรวีไม่คิดจะนอนกับใครอีกแล้ว การอยู่ตัวคนเดียวมันอาจเหงาแต่ที่ผ่านมาเธอก็เคยอยู่คนเดียวมาตลอดหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วหญิงสาวก็เก็บของใช้ของพีรกันต์ลงกระเป๋าก่อนะจะเอาไปฝากไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์ด้านล่างและสั่งไว้แล้วว่าห้ามเขาขึ้นมาบนห้องเธออีก รหัสที่ประตูหน้าห้องถูกเปลี่ยน รัญรวีตัดการติดต่อทุกช่องทางเพราะกลัวว่าถ้าได้ยินเสียงของเขาเธอจะตัดเขาออกไปจากชีวิตไม่ได้หญิงสาวใช้เวลาว่างตลอดวันจัดห้องใหม่เพราะถ้าอยู่ในบรรยากาศเดิมๆ ก็จะคิดถึงเขา กว่าทุกอย่างจะเข้าที่ก็เป็นเวลาเย็น เธอทำอาหารจากของสดที่เหลืออยู่ในตู้จากนั้นก็นั่งทานคนเดียวเงียบๆโทรศัพท์ที่อยู่ตรงหน้าดังขึ้นรีญ
พีรกันต์กอดกระชับร่างที่หอบเหนื่อยรอจนเธอหายใจเป็นปกติจากนั้นก็รีบอาบน้ำและเช็ดตัวให้เธอก่อนจะอุ้มมาวางบนเตียง“เนยจ๋า พี่ไม่ไหวขออีกคืนนี้ขอแรงหน่อยไหม” เพราะท่าทางยั่วยวนและลีลารักเมื่อครู่มันปลุกความดิบเถื่อนในกายเขาจนต้องเอ่ยขอ“เนยตามใจพี่กันต์ทุกอย่าง” เพราะนี่จะเป็นคืนสุดท้ายเธอก็อยากให้เขาทำทุกอย่างไปตามใจปรารถนา รัญรวีอยากเก็บทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาขึ้นไว้เป็นความทรงจำเมื่อเธอพูดออกมาแบบนั้นพีรกันต์ก็เริ่มบทรักอีกครั้ง ปากร้อนจูบไปทั่วใบหน้าซอกคอดูดแรงจนขึ้นรอย รัญรวีทั้งเจ็บทั้งเสียวจนได้แต่ครางหวาน“อื้อ...พี่กันต์ขาจูบเนยหน่อยได้ไหม”ลิ้นร้อนสอดเข้าโพรงปากนุ่มตวัดรัดลิ้นเล็กอย่างเร่าร้อน เธอเองก็จูบกลับไปอย่างถึงพริกถึงขิงทำให้เขาครางอย่างพอใจหญิงสาวหูอื้อตาลายไปกับปากร้อนที่จูบเบียดแนบชิด เธอปล่อยกายปล่อยใจไปตามแรงปรารถนาพีรกันต์จูบจนพอใจก็ยอมให้ปากเล็กเป็นอิสระ เขาลากไล้ความเปียกชื้นมาตามผิวนุ่มขบเม้มแทะเล็ม ฝากรอยประทับไว้ทั่วเนินอกอิ่ม ตาคมมองยอดถันที่ชูชัน ลิ้นร้อนลากวนอย่างปลุกเร้าก่อนจะครอบครองเข้าอุ้งปากร้อน ดูดแรงอย่างคนกระหาย ยิ่งเธอแอ่นโค้งเข้าหาเ