“หายไปนานเลยนะเนยพี่นึกว่าจะแอบกลับหอไปแล้ว ห้องน้ำคนเยอะเหรอ” พี่ผึ้งหรือนงลักษณ์ผู้ช่วยพยาบาลถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวหายไปนานผิดปกติ
“นั่นสิ จุ๋มกำลังคิดจะไปตามเลย” จุ๋มหรือจริญญาเพื่อนสนิทที่นานๆ ครั้งจะได้ออกมาเที่ยวกันแบบนี้พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้ว่าเนยหรือรัญรวีไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวตามผับบ่อยๆ
“ห้องน้ำคนไม่เยอะหรอกแต่เจอคนกวนประสาทนิดหน่อย”
“ใครนะบังอาจทำให้พี่เนยหงุดหงิดได้พาแขไปดูหน้าหน่อยสิพี่เนย”
“อย่าเสียเวลาเลย เราสนุกกันต่อดีกว่านะ” รัญรวีรีบบอกเพราะไม่อยากเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนั้นมาทำให้ทุกคนหมดสนุก
“จุ๋มอยากรู้พรุ่งนี้เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม” จริญญากระซิบ
“ได้สิพรุ่งนี้หัวหน้าหยุดเราคงได้เม้าท์มอยกัน”
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่แผนกอายุรกรรมชายจึงไม่วุ่นวายนักเพราะไม่มีแพทย์ออกตรวจที่แผนกผู้ป่วยนอกคนไข้ที่จะแอดมิทจึงไม่มีนอกจากจะมาจากแผนกฉุกเฉินซึ่งจะไม่มากเท่ากับวอร์ดศัลยกรรม
รัญรวีเคลียร์งานRoutine (งานที่ทำเป็นประจำบนวอร์ดผู้ป่วย) เสร็จในเวลาเกือบสิบโมงเช้า พอนั่งลงก็พอดีกับจริญญาทำงานในส่วนของตนเองเสร็จพอดี
“เล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟังหน่อยสิ”
“เรื่องอะไร”
“อย่าแกล้งทำเป็นจำไม่ได้นะเนยเล่ามาเลยว่าเมื่อคืนเจออะไรมา”
“ก็แค่คนกวนประสาทไม่มีอะไรมากหรอก”
“ไม่มากนั่นแหละที่จุ๋มอยากรู้” จริญญาขยับเก้าอี้มาใกล้พร้อมรับฟังอย่างเต็มที่
“ก็แค่ผู้ชายกวนประสาทคนหนึ่ง” รัญรวีเล่าเรื่องที่ตัวเองเจอผู้ชายคนหนึ่งให้เพื่อนฟังอย่างไม่มีปิดบังและคิดว่ายังไงก็คงไม่มีโอกาสเจอกันอีกแล้ว
“แต่แปลกนะที่เขารู้ว่าเนยทำงานอยู่ที่นี่”
“เขาอาจจะรู้จักใครในกลุ่มที่ไปกับเราก็ได้”
“ถามดูดีไหม”
“อย่าถามเลยปล่อยผ่านไปเถอะเรากับเขาคงไม่เจอกันอีกหรอก”
“ก็จริงนะ เนยไม่ค่อยได้ไปเที่ยวคงยากที่จะเจอกัน ว่าแต่ขอถามหน่อยสิเขาหล่อไหม”
“ก็พอดูได้” รัญรวีตอบแล้วนึกไปถึงใบหน้าของผู้ชายที่เจอเมื่อคืน หญิงสาวเผลอยิ้มเขาเป็นผู้ชายที่หล่อมากตัวก็สูงหุ่นก็ดีมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
“พอดูได้แล้วทำไมต้องยิ้มล่ะเนย ขอคำตอบแบบไม่อคติหน่อยสิ เขาหล่อมากใช่ไหม” เพราะคบกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมจริญญาเลยรู้ว่าเพื่อนของตนนั้นแพ้คนหน้าตาดี
“เฮ้อ จุ๋มนี่จับโกหกเก่งชะมัดเลย”
“จุ๋มรู้ว่าเนยแพ้คนหล่อ ถ้ามีสิบเนยให้คะแนนเท่าไหร่”
“เอาไปแค่ 8 พอ”
“หักคะแนนตรงไหน”
“ก็ตรงที่ไม่ถูกชะตาไง คนอะไรก็ไม่รู้เจอกันครั้งแรกก็กวนประสาทแล้วยังทำเจ้าชู้ใส่อีก เนยละเกลียดมากๆ นะเลยผู้ชายแบบนี้”
“หยุดพูดเลยนะเนย”
“หยุดทำไมก็เนยพูดจริงนี่”
“ลืมแล้วเหรอที่คนโบราณเคยพูดไว้ว่าเกลียดอะไรก็ได้อย่างนั้น”
“มันก็ใจริงเสมอไปหรอกน่าจุ๋ม” รัญรวีเป็นคนรุ่นใหม่จึงไม่คิดว่าคำพูดพวกนี้จะเป็นจริง
เมื่อคุยกันพอหอมปากหอมคอแล้วต่างคนก็แยกกันไปทำงานในส่วนที่ตนเองต้องรับผิดชอบรัญรวีส่งผู้ป่วยที่หมอสั่งให้ไปส่องกล้องเพื่อตรวจกระเพาะอาหารเสร็จก็นั่งตรวจแฟ้มผู้ป่วยคนอื่นจนกระทั่งถึงเวลารับประทานอาหารเธอดูจนแน่ใจว่าผู้ป่วยได้ทานอาหารกลางวันและทานยาจนครบหมดทุกคนแล้วก็สลับให้พยาบาลคนอื่นไปทานอาหารกลางวันตอนนี้หน้าเคาน์เตอร์จึงเหลือแค่เธอและจริญญา
“เนยอ่านไลน์กลุ่มหรือยัง” จริญญากระซิบถามเบาๆ เพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน
“กลุ่มไหนล่ะจุ๋ม” เพราะมีหลายกลุ่มที่เธอและเพื่อนเป็นสมาชิกรัญรวีเลยไม่ค่อยแน่ใจว่าหมายถึงกลุ่มไหน
“ก็กลุ่มรุ่นเราไง”
“อ๋อ อ่านแล้ว จุ๋มสนใจเหรอ”
“ก็น่าสนใจนะ”
“เนยก็ว่าน่าสนในใจแต่ถ้าจะลาออกก็เสี่ยงเกินไป เงินดีก็จริงแต่พออายุมากเราก็กลัวว่าเขาจะเลิกจ้าง”
“นั้นสิ แต่ตอนนี้เรารับราชการอยู่ถ้าไม่ทำผิดวินัยร้ายแรงหรือทำความผิดอะไรเขาก็จ้างเราจนอายุ 60 นั่นแหละ”
“แต่มีเพื่อนเราบางคนยอมลาออกจากที่นี่แล้วไปทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนนะ เขาว่าเงินดีกว่าสวัสดิการดีกว่า”
“มันก็ต้องดีกว่าอยู่แล้วถ้าอย่างนั้นใครเขาจะลาออกจากงานที่มั่นคงกันล่ะ เนยคิดว่าไงจะไปกับเขาไหม”
“อยากไปอยู่เหมือนกัน แต่ไม่อยากลาออกเลย” แม้ว่างานที่โรงพยาบาลจะเงินเดือนน้อยกว่าแต่มันก็แลกมาด้วยประสบการณ์เพราะผู้ป่วยที่นี่เยอะกว่าและมีโรคที่น่าสนใจเยอะกว่า
“ลองไปสมัครพาร์ทไทม์กันดีไหม” จริญญาอยากลองออกไปหาประสบการณ์นอกโรงพยาบาลบ้าง
“น่าสนใจนะ ว่าแต่เขาจะรับพยาบาลที่ประสบการณ์แค่ 4 ปีอย่างพวกเราไหมนะ” เพราะยังไม่เคยไปรับงานที่อื่นรัญรวีเลยรู้สึกกังวล
“รับสิ ยิ่งสวยๆ อย่างเนยเขายิ่งรับเลยนะ”
“ไปทำงานเกี่ยวอะไรกับความสวยกันล่ะ”
“ก็โรงพยาบาลที่หรูหราแบบนั้นก็ต้องการพยาบาลสวยๆ เวลาผู้ป่วยมองแล้วจะได้สบายตาไงล่ะ”
“พยาบาลเวลาสวมชุดขาวเราก็ว่ามองแล้วสบายตาทุกคนนั่นแหละ แค่ยิ้มมากๆ ก็น่าจะพอแล้ว”
“แต่ถ้ายิ้มด้วยสวยด้วยก็น่ามองกว่าจริงไหมล่ะ เนยนั่งคิดไปก่อนนะจุ๋มลงไปเอาของก่อนเขามาส่งที่หน้าตึกแล้ว”
รัญรวีสรุปเวชระเบียนผู้ป่วยที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้จนเสร็จจากนั้นนั่งเขียนบันทึกทางการพบาบาลอยู่หน้าเค้าน์เตอร์
หญิงสาวทำงานเพลินจนลืมมองว่าตอนนนี้มีใครบางคนยืนยิ้มและมองเธอด้วยสายตาของผู้ชนะ
“สวัสดีครับคุณรัญรวี ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะครับ”
“คุณ...” รัญรวีพูดไม่ออกเพราะไม่คิดว่าเขาจะตามมาถึงที่นี่แถมยังเรียกชื่อของเธอถูกอีกด้วย
“ดีใจเหรอครับที่ได้เจอผมอีกครั้ง”
“ใครจะดีใจกันแล้วคุณมาที่นี่ทำไมที่นี่มันโรงพยาบาลนะ”
“ผมรู้ว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาล”
“คุณคงไม่ตามฉันมาใช่ไหม”
“โรงพยาบาลนี้คุณคนเดียวที่ไหนกันล่ะ ผมก็แค่มาเยี่ยมญาติ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญค่ะ เยี่ยมได้ถึงบ่ายโมงนะคะ” เธอรีบบอกเพราะอยากให้เขารีบไปเยี่ยมญาติเนื่องจากยังเหลือเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วโมง
“ผมไปที่เตียงแล้วแต่เขาไม่อยู่”
“เขากลับบ้านไปแล้วหรือเปล่า ว่าแต่คุณมาเยี่ยมเตียงไหนล่ะ”
“เตียง 18”
“คนไข้เตียง 18 ไปส่องกล้องที่ห้องส่องกล้องระบบทางเดินอาหารค่ะ”
“อีกนานไหมครับกว่าจะกลับ”
“ก็น่าจะสักชั่วโมงเพราะตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มส่องถ้าคุณจะตามไปก็ได้นะคะ ห้องส่องกล้องอยู่ชั้นสองออกจากลิฟต์แล้วไปทางขวามือค่ะ”
“ผมรออยู่ที่นี่ได้ไหม”
“คุณรอได้ถึงแค่บ่ายโมงค่ะ”
“ผมจะรอจนคนไข้กลับมาไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่ได้ค่ะ ที่นี่มีเวลาเยี่ยมค่ะ เที่ยงถึงบ่ายโมงและหกโมงเย็นถึงสองทุ่ม”
“อ้อ ผมนึกว่าเยี่ยมได้ตลอด”
“ที่นี่เป็นโรงพยาบาลของรัฐค่ะ จะให้เยี่ยมเป็นเวลา”
“ผมเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นตอนเย็นผมจะมาเยี่ยมใหม่”
“ค่ะ ฉันขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวสิคุณรัญรวี”
“มีอะไรอีกคะ”
“คุณลืมหรือแกล้งลืมเรื่องที่เราพนันกันไว้”
“คนอย่างฉันพูดคำไหนคำนั้นค่ะ”
“ดีครับคิดไว้เลยว่าอยากไปกินอะไรที่ไหนแล้วเย็นนี้ผมจะมาฟังคำตอบ”
เกินจะทน (ตอบจบ)พีรกันต์เครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะเขาเองก็เคยคิดเรื่องนี้แต่เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เจอลูกอีกจึงยอมปล่อยเลยตามเลย“ถ้าเขาไม่ยอมให้ตรวจมึงก็แอบตรวจสิ เป็นถึงเจ้าของโรงพยาบาลเรื่องแค่นิคิดไม่ได้”“แต่มันผิดกฎหมายนะ” นุกูลทนายหนุ่มพูดขึ้น“กูถามมึงหน่อยนะไอ้นุถ้ามึงเป็นไอ้กันต์มึงอยากจะรู้ไหมว่าเด็กที่เรียกว่าลูกน่ะเป็นลูกของมึงจริงๆ หรือเปล่า”“เป็นใครก็ต้องอยากรู้”“งั้นมึงก็เงียบไปเลยนะ” ธนวินท์หันมาทำตาดุใส่เพื่อน“ถ้ายังไม่อยากตรวจDNAก็ตรวจแค่กรุ๊ปเลือดก่อนก็ได้ มึงรู้ไหมน้องข้าวหอมกรุ๊ปเลือดอะไร”“กูไม่รู้แต่น่าจะมีในผลตรวจเลือด” เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูอีเมลที่ทางโรงพยาบาลส่งให้เมื่อครั้งก่อนพอเห็นกรุ๊ปเลือดของลูกสาวแล้วก็หน้าซีด“ไหนกูขอดูหน่อย” เมฆาคว้าโทรศัพท์ในมือเพื่อนไปดูจากนั้นก็เงยหน้ามองพีรกันต์แล้วนิ่ง“มึงเลือดกรุ๊ปอะไร”“AB” เขาตอบเหมือนคนไร้วิญญาณเพราะถ้าเขาเลือดกรุ๊ปABก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ข้าวหอมจะมีเลือดกรุ๊ปO“นั่นมึงจะไปไหนกันต์” อธิษถามเห็นพีรกันต์ลุกขึ้น“กูจะไปถามหลินให้รู้เรื่อง”“ใจเย็นก่อน” เมฆาที่นั่งอยู่ใกล้ฉุดมือของพีรกันต์ให้นั
การอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวไม่ง่ายเลยสำหรับพีรกันต์เพราะนอกจากเขาจะคอยดูแลข้าวหอมแล้วยังต้องคอยหลบหลีกลินรดาที่มักจะเข้าใกล้และยุ่งกับการใช้ชีวิตของเขามากกว่าที่คุยกันไว้“นี่มันดึกแล้วนะกันต์จะออกไปไหนอีก”“หน้าที่ของผมคือเล่านิทานและพาลูกเข้านอนตอนนี้ผมก็ทำหน้าที่ของผมเสร็จแล้วผมจะไปไหนมันก็เรื่องของผม” พีรกันต์ตอบอย่างหัวเสีย“หลินอยากคุยกับคุณ ขอเวลาหลินได้ไหมเราไปคุยกันที่ห้องนะคะ”“เรามีเรื่องอะไรต้องคุยกันอีก”“ก็เรื่องของเรา”“ระหว่างผมกับคุณมีแค่เรื่องของลูก ไม่มีเรื่องของเราหรอกนะ”“คุณชวนหลินมาอยู่ที่บ้านแต่คุณไม่เคยสนใจหลินเลยนะคะ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ คุณไม่มีใครหลินก็ไม่มีใครทำไมเราไม่ลองคุยกันอีกสักครั้ง”“ผมว่าผมชัดเจนแล้วนะว่าจะเป็นแค่พ่อของข้าวหอมที่ผมทำทุกอย่างก็เพื่อลูก ผมไม่เคยคิดอะไรกับคุณเลย”“คุณจะกลับไปหาผู้หญิงที่ชื่อเนยเหรอคะ คุณคิดว่าเธอจะรอคุณเหรอ”“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเนยเพราะถึงไม่มีเนยผมก็คิดจะกลับไปคบกับคุณ อะไรที่มันผ่านไปแล้วปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ ผมอยากทำหน้าที่พ่อที่ดีของข้าวหอมเรื่องอื่นผมไม่อยากคิด”“หลินทำผิดอะไรคุณถึงไม่คิดจะกลับมาเป
“พี่กานต์มีเบอร์อาจารย์หมอศาสตราไหมขอผมหน่อยสิ”“มีสิ นายจะเอาไปทำอะไรหรือจะจ้างอาจารย์มาตรวจพี่ว่าอย่าเสียเวลาเลยพี่เคยชวนท่านหลายครั้งแล้ว”“เปล่าครับ”“แล้วจะเอาเบอร์ไปทำไมหรือมีใครป่วย”“ผมอยากปรึกษาท่าน”“กันต์มีอะไรหรือเปล่า หรือลูกไม่สบาย” เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กมีสีหน้าเครียดคนเป็นมารดาก็ร้อนใจ“เปล่าครับแม่ คนที่ใม่สบายคือข้าวหอม”“อะไรนะ หลานแม่ป่วยเป็นอะไร”“เนยบอกผมว่าข้ามหอมเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวครับแม่”“ป่วยถึงขั้นไหนแล้วตรวจเจอนานหรือยังรักษาไปถึงขั้นไหนแล้ว ต้องให้คีโมหรือเปล่า”“ผมยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากครับวันนี้ว่าจะพาข้าวหอมไปหาอาจารย์หมอ”“น่าสงสารจังตัวแค่นั้นก็ป่วยแล้ว กันต์ต้องดูแลลูกดีๆ”“ครับแม่”“คนที่บอกนายว่าข้าวหอมป่วยคือเนยเหรอ”“ครับพี่ เนยบอกผมเมื่อคืน”“แปลกดีนะทำไมคนที่บอกไม่ใช่แม่ของข้าวหอมล่ะ แล้วเนยไปรู้มาได้ยังไง”“ผมมัวแต่ตกใจเลยลืมถามเรื่องนี้ไปเลย แต่ก็ช่างมันเถอะจะรู้จากใครความจริงก็คือความจริง”“ถ้าต้องไปดูแลข้าวหอมบ่อยๆ กันต์ก็คุยกับหนูเนยให้เข้าใจนะลูก แบ่งเวลาให้ดี” เพราะคนหนึ่งก็หลานสาวอีกคนก็ว่าที่ลูกสะใภ้“คงไม่ต้องแล้วล่ะครับแม่”“ก
เพราะมีข้าวหอมมาอยู่ด้วยที่บ้านพีรกันต์เลยไม่คิดมากเรื่องรัญรวีเท่าไหร่จนกระทั่งผ่านไปสามวันหญิงสาวก็ยังไม่ติดต่อกลับมาพีรกันต์ไม่อยากรออีกต่อไปแล้ววันนี้เขาจึงมาดักรอหญิงสาวตรงทางเดินระหว่างโรงพยาบาลกับคอนโดมิเนียม“เนย”“พี่กันต์” รัญรวีตกใจเพราะจู่ๆ เขาก็โผล่ออกมาจากมุมถนน“พี่ขอคุยด้วยหน่อย”“เอาไว้คุยวันหลังดีไหมคะ ตอนนี้มันดึกแล้ว”“พี่ไม่อยากรอแล้วนะ สามวันมานี้เนยไม่ติดต่อพี่มาเลย”“เนยงานยุ่งค่ะ”“ไปนั่งคุยกันในรถก่อน”“แต่เนยจะกลับไปพักแล้ว”“จะไปดีๆ หรือจะให้พี่อุ้มไปละเนย"เพราะคำขู่ของเขารัญรวีเลยยอมเดินตามมาที่รถ เธอขึ้นไปนั่งยังตำแหน่งเดิมที่เคยนั่งแต่ความรู้สึกแปลกออกไปเพราะตอนนี้คนข้างกายของเธอไม่ใช่คนที่เธอจะใช้ชีวิตด้วยอีกต่อไปแล้ว“พี่กันต์จะคุยอะไรคะ”“เนยเป็นอะไร โกรธอะไรพี่หรือเปล่า พี่ทำอะไรผิดเหรอเนยถึงไม่ติดต่อพี่เลยแล้วยังเก็บของพี่ออกจากคอนโด”“พี่กันต์ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยค่ะ เนยเองที่ผิด ผิดที่ไปรักคนมีเจ้าของอย่างพี่”“กำลังพูดเรื่องอะไรพี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”“ก็พี่กับครอบครัวของพี่”“ครอบครัวของพี่ก็คือเนย เราจะแต่งงานและร่วมสร้างมันด้วยกัน”“พี่กันต์ค่ะ
รัญรวีตื่นขึ้นมาในตอนสายเธอในขณะที่พีรกันต์ออกไปทำงานแล้ว หญิงสาวมองสภาพห้องนอนแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความสุขที่เขามอบให้เมื่อคืนมันยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ คำบอกรักที่เขากระซิบข้างหูเธอจำมันได้อย่างดีและจะจดจำมันไปตลอดว่าตนเองเคยมีความสุขมากแค่ไหนหญิงสาวเข้าห้องน้ำมองตัวเองในกระจกร่างกายเต็มไปด้วยรอยรักที่เขาฝากไว้ มันตอกย้ำว่าเธอและเขาผ่านเรื่องบนเตียงมาแล้วอย่างเร่าร้อนแต่มันก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกเพราะรัญรวีไม่คิดจะนอนกับใครอีกแล้ว การอยู่ตัวคนเดียวมันอาจเหงาแต่ที่ผ่านมาเธอก็เคยอยู่คนเดียวมาตลอดหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วหญิงสาวก็เก็บของใช้ของพีรกันต์ลงกระเป๋าก่อนะจะเอาไปฝากไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์ด้านล่างและสั่งไว้แล้วว่าห้ามเขาขึ้นมาบนห้องเธออีก รหัสที่ประตูหน้าห้องถูกเปลี่ยน รัญรวีตัดการติดต่อทุกช่องทางเพราะกลัวว่าถ้าได้ยินเสียงของเขาเธอจะตัดเขาออกไปจากชีวิตไม่ได้หญิงสาวใช้เวลาว่างตลอดวันจัดห้องใหม่เพราะถ้าอยู่ในบรรยากาศเดิมๆ ก็จะคิดถึงเขา กว่าทุกอย่างจะเข้าที่ก็เป็นเวลาเย็น เธอทำอาหารจากของสดที่เหลืออยู่ในตู้จากนั้นก็นั่งทานคนเดียวเงียบๆโทรศัพท์ที่อยู่ตรงหน้าดังขึ้นรีญ
พีรกันต์กอดกระชับร่างที่หอบเหนื่อยรอจนเธอหายใจเป็นปกติจากนั้นก็รีบอาบน้ำและเช็ดตัวให้เธอก่อนจะอุ้มมาวางบนเตียง“เนยจ๋า พี่ไม่ไหวขออีกคืนนี้ขอแรงหน่อยไหม” เพราะท่าทางยั่วยวนและลีลารักเมื่อครู่มันปลุกความดิบเถื่อนในกายเขาจนต้องเอ่ยขอ“เนยตามใจพี่กันต์ทุกอย่าง” เพราะนี่จะเป็นคืนสุดท้ายเธอก็อยากให้เขาทำทุกอย่างไปตามใจปรารถนา รัญรวีอยากเก็บทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาขึ้นไว้เป็นความทรงจำเมื่อเธอพูดออกมาแบบนั้นพีรกันต์ก็เริ่มบทรักอีกครั้ง ปากร้อนจูบไปทั่วใบหน้าซอกคอดูดแรงจนขึ้นรอย รัญรวีทั้งเจ็บทั้งเสียวจนได้แต่ครางหวาน“อื้อ...พี่กันต์ขาจูบเนยหน่อยได้ไหม”ลิ้นร้อนสอดเข้าโพรงปากนุ่มตวัดรัดลิ้นเล็กอย่างเร่าร้อน เธอเองก็จูบกลับไปอย่างถึงพริกถึงขิงทำให้เขาครางอย่างพอใจหญิงสาวหูอื้อตาลายไปกับปากร้อนที่จูบเบียดแนบชิด เธอปล่อยกายปล่อยใจไปตามแรงปรารถนาพีรกันต์จูบจนพอใจก็ยอมให้ปากเล็กเป็นอิสระ เขาลากไล้ความเปียกชื้นมาตามผิวนุ่มขบเม้มแทะเล็ม ฝากรอยประทับไว้ทั่วเนินอกอิ่ม ตาคมมองยอดถันที่ชูชัน ลิ้นร้อนลากวนอย่างปลุกเร้าก่อนจะครอบครองเข้าอุ้งปากร้อน ดูดแรงอย่างคนกระหาย ยิ่งเธอแอ่นโค้งเข้าหาเ