“คุณ ปล่อยผมก่อน คุณเป็นอะไรทำไมต้องร้องไห้แบบนี้" ธีรกานต์ทำตัวไม่ถูกที่จู่ๆ หญิงสาวก็กอดเขาไว้แน่น
“พี่กานต์เอวาคิดถึงพี่กานต์มากที่สุด ขอกอดแบบนี้นานๆ ได้ไหม”
“เอวาเหรอ” เขาคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวที่สวยบาดตาบาดใจคนนี้จะเป็นเอวาริณน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันมานานถึงเจ็ดปี
ความทรงจำในอดีตย้อนกลับมาอีกครั้ง เขายังจำได้ดีว่างานวันเกิดปีสุดท้ายที่ได้ฉลองด้วยกันนั้นเขาและเธอพูดอะไรกันบ้าง และเธอก็ย้ำกับเขาอีกครั้งในคืนเลี้ยงส่งว่าเธอจะตั้งใจเรียนและจะกลับมาหาเขาหลังเรียนจบเพื่อทวงตำตอบ
แต่ใครจะคิดว่าเด็กสาวในวันนั้นจะโตขึ้นและกลายเป็นสาวสวยถึงเพียงนี้ ถ้าย้อนเวลาได้เขาจะตอบตกลงเป็นแฟนกับเธอตั้งแต่เมื่อปีก่อนอย่างแน่นอน
พอเห็นว่าเขาจำไม่ได้เอวาริณก็ร้องไห้หนักขึ้นไปอีกทำเขาไปไม่เป็นเพราะไม่เคยเห็นเธอร้องไห้แบบนี้มาก่อน
“พี่กานต์ใจร้ายมากรู้ไหม ไหนว่าจะไม่ลืมกัน แต่พอเอวาไปอยู่อังกฤษพี่กานต์ก็ลืมทุกอย่าง ไม่เคยโทรหา ไม่เคยตอบเมล ไม่เคยอวยพรวันเกิด”
“พี่ขอโทษ” เขาไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้นจะมีก็แต่คำขอโทษเท่านั้น เขายอมรับว่าตนเองละเลยน้องสาวคนนี้ไปมาก
“แล้วพอเอวามาพี่กานต์ก็ยังจำเอวาไม่ได้” อารมณ์น้อยใจยังไม่จางหาย
“ก็เอวาสวยขึ้นมาก สวยจนพี่จำไม่ได้ เขาพูดออกไปตามที่คิด
“จริงเหรอคะ” คนที่กอดอยู่ปล่อยแขนออกเพื่อจะได้มองหน้าเขาให้ชัดเธอยากจะเห็นว่าเขาพูดจริงหรือล้อเล่น
“จริงสิ ขนาดร้องไห้ขี้มูกโป่งยังสวยเลย” ธีรกานต์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะดึงกระดาษทิชชูส่งให้หญิงสาว
“พี่กานต์รู้ตัวใช่ไหมว่าตัวเองผิด” หญิงสาวเช็ดคราบน้ำตาออกจนหมดแล้วก็ถามขึ้น
“รู้สิ พี่ก็กำลังขอโทษอยู่นี่ไง เอวาจะยกโทษให้พี่ได้ไหม”
“ขอคิดดูก่อนค่ะ”
“อย่าคิดนานนะ”
“ทำไมคิดนานไม่ได้คะ ของแบบนี้ต้องใช้เวลา”
“พี่ให้เวลาห้านาทีระหว่างพี่เก็บของถ้าเอวายกโทษให้พี่ พี่ก็จะพาไปหาของอร่อยๆ กิน แต่ถ้าไม่พี่ก็จะไปคนเดียว” เขาเคยใช้ไม้นี้กับเอวาริณมาแล้วเมื่อครั้งที่เธอยังใช้คำนำหน้าว่าเด็กหญิงไม่รู้ว่าตอนนี้มันจะใช่ได้ผลหรือเปล่า
“วันนี้เอวายกโทษให้ก่อนก็ได้ค่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความตามที่พูดค่ะพี่กานต์รีบเก็บของเถอะค่ะ เอวาหิวแล้ว” พอนึกถึงของกินหญิงสาวก็เริ่มจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
“หายปวดท้องแล้วเหรอ” เขาถามพลางยิ้มไปด้วยเมื่อนึกถึงคนแกล้งปวดท้องเมื่อครู่
“หายแล้วค่ะ หมอพี่กานต์เก่งมากแค่ตรวจนิดเดียวเอวาก็หายเลย”
“ถ้าคนไข้ทุกคนหายปวดแค่ได้ตรวจก็คงดีนะ”
“พี่กานต์เหนื่อยเหรอคะ” เธอถามเพราะเห็นท่าทางอิดโรยของเขาเอวาริณก็ถามด้วยความเป็นห่วง
“เหนื่อยสิ ยิ่งอาทิตย์นี้หมอลาพักร้อนหลายคนพี่เลยต้องออกตรวจแทน”
“พี่กันต์บอกว่าพี่งานยุ่งตลอด”
“ก็ยุ่งเป็นปกติ เอวากลับมาตั้งแต่ตอนไหน แล้วมากับใครคุณอามาด้วยไหม”
“ไม่ค่ะ เอวามาคนเดียวเพิ่งมาถึงเมื่อเช้า”
“ทำไมไม่บอกพี่ว่าจะกลับมา แล้วใครไปรับที่สนามบิน”
“พี่กันต์ไปรับค่ะ”
“อ๋อ” เขาพยักหน้าเพราะรู้มาว่าน้องชายยังติดต่อกับหญิงสาวอยู่
“พี่กานต์เก็บของเสร็จแล้วใช่ไหมคะ” เอวาริณเริ่มจะหิวจึงถามขึ้น
“เสร็จแล้ว อยากกินอะไรล่ะ” เขาถามขณะเดินนำเธอมายังลานจอดรถ
“อยากกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำแซ่บๆ ร้านหน้าหมู่บ้านก็ได้ค่ะ”
“ซื้อไปกินที่บ้านดีกว่าไหม”
“ทำไมคะ นั่งกินที่ร้านได้บรรยากาศดีออก”
“แต่ชุดที่เอวาใส่พี่ว่ามันไม่เหมาะไปนั่งกินข้างทางแบบนั้นนะ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะ ใครๆ ก็ใส่แบบนี้”
“ถ้าอยากจะกินที่ร้านก็หาผ้าคลุมหรือจะเอาเสื้อยืดของพี่”
“เสื้อพี่อยู่ไหนคะ”
“ในกระเป๋าบนเบาะหลัง”
เอวาริณมองไปทางเบาะหลังก็เห็นกระเป๋าอยู่ใบหนึ่งพอเปิดออกเห็นแต่เสื้อกีฬา
“ใส่ได้ไหมล่ะพี่ยังไม่ได้ใส่รับรองว่าสะอาด”
หญิงสาวหยิบเสื้อขึ้นมาแล้วทาบไปกับลำตัวก่อนจะขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ
“มันคงตลกน่าดู”
“ไม่หรอกน่า ใส่เถอะเดี๋ยวก็จะถึงร้านแล้ว”
“ค่ะ” เอวาริณทำตามที่เขาบอกแต่เสื้อก็ยาวมากหญิงสาวจึงเอายางรัดผมในกระเป๋ามัดชายเสื้อด้านหนึ่งเป็นปมก่อนจะดึงให้เข้ารูปจนดูไม่รุ่มร่ามเกินไป
“แบบนี้โอเคไหมคะ”
คนถูกถามหันมามองแล้วพยักหน้าก่อนจะรีบจอดรถบริเวณข้างทาง
“เอวาจะกินอะไรเดี๋ยวพี่จะเดินไปสั่งแล้วจะเลยไปซื้อน้ำด้วย” ธีรกานต์ไม่ค่อยชอบดื่มน้ำที่ทางร้านจัดไว้ให้เขาจึงเลือกที่จะเดินไปซื้อน้ำที่ร้านสะดวกซื้อซึ่งอยู่ติดกับร้านก๋วยเตี๋ยว
“เส้นเล็กต้มยำใส่ทุกอย่างยกเว้นกระเทียมเจียวค่ะ”
“รอพี่อยู่นี่นะเดี๋ยวมา”
“ค่ะ”
ธีรกานต์ไปที่ร้านสะดวกซื้อและกลับมาในเวลาเดียวกับก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟพอดี
“น่ากินมากเลยค่ะ” แค่เห็นสีสันและได้กลิ่นเอวาริณก็รู้ว่ามันต้องอร่อยมากแน่ๆ แต่พอได้ชิมก็สำลักเพราะความเผ็ดขึ้นจมูก
“ใจเย็นสิ ค่อยๆ กิน” เขารีบส่งขวดน้ำและทิชชูมาให้
“ขอบคุณค่ะ”
“ดีขึ้นไหม กินเผ็ดได้หรือเปล่า”
“ได้ค่ะ แต่ก่อนเอวาก็กินได้”
“พี่หมายถึงตอนนี้ เอวาไปอยู่อังกฤษตั้งหลายปีพี่ว่าสั่งมาใหม่แบบเผ็ดน้อยดีไหม”
“แต่แบบนี้มันอร่อยกว่านะคะ”
“พี่รู้แต่พี่กลัวว่าจะปวดท้องเอานะ เราไม่ได้กินรสจัดมานาน”
“แต่เอวาเสียดาย”
“ชามละ 40 บาทเองนะมันไม่คุ้มหรอก” ธีรกานต์บอกด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เห็นกลัวเลยอย่าลืมสิคะว่าพี่กานต์เป็นหมอนะคะ เอวาอยากเป็นคนไข้ของพี่”
“แต่พี่ไม่อยากมีคนไข้ดื้อแบบเอวาหรอกนะ”
ชายหนุ่มดึงชามก๋วยเตี๋ยวออกแล้วสั่งชามใหม่ที่เผ็ดน้อยกว่ามาให้ เอวาริณมองการกระทำของเขาแล้วยิ้มเพราะเขายังคงใจดีและห่วงใยเธอเหมือนเดิม
หญิงสาวอยากถามเขาเหลือเกินว่ายังจำเรื่องที่คุยกันเมื่อเจ็ดปีก่อนได้ไหม แต่ยังไม่กล้าพูดกับเขาตอนนี้เพราะกลัวคำตอบ เธออยากใช้เวลากับธีรกานต์ให้มากกว่านี้ก่อนจะถามคำถามเดิมกับเขาอีกครั้ง
เอวาริณนั่งกินก๋วยเตี๋ยวแล้วนึกไปถึงอดีตที่ตนเองมักจะออกมานั่งทานก๋วยเตี๋ยวกับเขาละน้องชายเป็นประจำตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยพี่ชายทั้งสองจึงเอาใจมากเป็นพิเศษ ธีรกานต์เป็นพี่คนโตที่คอยห่วงใยและเอาใจใส่อีกทั้งยังตามใจเธอมากกว่าใครทำให้เธอรักเขามากขึ้นไปทีละนิดและมั่นใจว่าความรักที่มีให้กับเขานั้นมันไม่เคยลดน้อยลงไปเลยแม้จะไม่ได้เจอกันมานานก็ตาม
“คิดอะไรอยู่หรือว่าไม่อร่อย” ธีรกานต์ถามเมื่อเห็นเธอทานอย่างช้าๆ
“เปล่าค่ะ เอวาก็แค่กลัวสำลัก”
“เอวาโตขึ้นมากเลยนะ” เขามองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปภาพน้องสาวที่แสนน่ารักจางหายไปแล้วเหลือแค่เพียงหญิงสาวที่สวยจนอยู่ใกล้แล้วรู้สึกใจเต้นแรง
“ค่ะ เอวาสูงขึ้นตั้งเยอะ” เธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไรแต่แกล้งทำเป็นพูดอีกเรื่อง
“เล่าให้พี่ฟังหน่อยได้ไหมล่ะว่าช่วงที่ไม่ได้ติดต่อกันเอวาเป็นยังไงบ้าง”
“ได้ค่ะ แต่ขอเอาไปเล่าวันหลังนะคะวันนี้เอวาง่วงมากอยากรีบกลับไปนอนค่ะ” เอวาริณรู้สึกว่าเขาเริ่มจะสนใจเธอขึ้นมาบ้างเธอจึงเล่นตัวอีกนิด
หลังจากที่ทุกคนออกจากห้องไปแล้วบ่าวสาวก็มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง“เหนื่อยไหมครับ”“ไม่ค่ะ”“งานวันนี้เป็นพิธีในโบสถ์เราจัดแบบเรียบง่ายแต่ถ้ากลับไปที่เมืองไทยงานจะเป็นอีกแบบ”“ทำไมต้องจัดสองที่ล่ะคะ เอวาว่ามันเปลือง”“พี่ยินดีจ่าย พี่อยากให้ทุกคนรู้ว่าพี่แต่งงานกับเอวา พ่อกับแม่ของพี่ก็อยากให้ทุกคนรู้ว่าลูกชายคนโตของท่านแต่งงานแล้ว อีกอย่างสาวๆ จะได้เลิกมาสนใจพี่”“เอวาชอบข้อสุดท้ายที่สุดเลยค่ะ”“เอาละวันนี้เราเหนื่อยมามากแล้วพี่ว่ารีบไปอาบน้ำกันดีกว่าพี่ช่วยถอดชุดให้นะ”“เอวาถอดเองก็ได้”“แต่พี่อยากช่วยนี่คะ ให้พี่ช่วยนะคะ”เมื่อเขาพูดเพราะๆ แบบนี้เอวาริณก็ต้องยอมใจอ่อนถึงแม้จะรู้สึกอายมากแค่ไหนก็ตาม“พี่กานต์อย่าจ้องแบบนั้นสิคะเอวาอายนะ”“อายทำไมพี่เคยเห็นมาทั้งตัวแล้วนะ”เขาหัวเราะร่วนก่อนจะรีบถอดชุดของเธอและของตนเองออกจนร่างกายของทั้งสองไม่เหลือเสื้อผ้าเลยสักชิ้นเอววาริณตัวสั่นเมื่อเขาพาเธอมายังห้องน้ำแล้วค่อยๆ ชโลมครีมอาบน้ำลงบนผิวเธออย่างช้าๆ“คิดถึงจัง”ธีรกานต์กระซิบข้างหูและขยับเขามากอดเธอจนแน่น“เราเจอกันทุกวันนะคะ”“เอวาก็รู้ว่าพี่หมายถึงอะไร” เสียงเขาแหบพร่าทำให้คนฟังขนลุ
ธีรกานต์โทรศัพท์ไปบอกกับมารดาว่าตนเองคุยกับมารดาของเอวาริณแล้วและอยากให้ท่านกับบิดามาช่วยพูดกับบิดาของหญิงสาวเพราะอาจอห์นจะค่อนข้างเกรงใจบิดาของตนเองอยู่มาก“แม่ดีใจด้วยนะกานต์ แม่กับพ่อจะรีบไป”“ขอบคุณครับแม่”พอวางสายจากมาดราแล้วธีรกานต์ก็กลับเขามายังห้องรับแขกและนั่งคุยกับมารดาของคนรักอีกพักใหญ่“วันนี้เป็นวันหยุดของร้าน แม่ว่าเอวาออกไปเที่ยวกับพี่เขาก็ได้นะ”“พี่กานต์อยากไปเที่ยวที่ไหนคะ”“มีหลายที่เลยที่อยากไป”“แต่เราต้องกลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านนะคะ วันนี้พ่อบอกว่าจะทำสเต็กค่ะ”“กานต์ก็มากินด้วยกันนะ เดี๋ยวอาจะบอกอาจอห์นทำเผื่อ”“ขอบคุณครับ”“เราไปเดินเที่ยวใกล้ก็ได้ค่ะ วันนี้อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่”“พี่ว่าเรื่องเที่ยวเอาไว้ก่อนดีไหม พี่อยากให้เอวาพาไปซื้อเสื้อผ้า”“ไม่ได้เอามาจากเมืองไทยเหรอคะ”“พี่รีบก็เลยเอามาแค่นิดหน่อย กะว่าจะมาหาซื้อเอาข้างหน้า”“ได้เลยค่ะ เอวารู้จักร้านเยอะเลย”“รีบไปกับเถอะ เดี๋ยวจะกลับไม่ทันข้าวเย็นนะ”“ค่ะแม่”“ผมไปก่อนนะครับอาแก้ว”เอวาริณพาชายหนุ่มมายังห้างเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของตนเองเพราะที่นี่มีร้านเสื้อผ้าที่ครอบครัวของเธอมักจะมาหาซื้อประจ
เอวาริณพามารดาไปตรวจตามนัดเรียบร้อยจากนั้นก็พากันกลับมาที่บ้าน“แผลแม่แห้งดีแบบนี้อีกไม่กี่วันก็คงกลับไปทำงานได้แล้ว”“เอวาอยากให้พักผ่อนอีกนิดค่ะ ช่วงนี้เอวาดูร้านเองได้”“แล้วงานที่เมืองไทยล่ะ เราบอกพี่กันต์หรือยังว่ากลับมาอังกฤษ”“บอกแล้วค่ะ พี่กันต์ไม่ว่าอะไร เขาบอกว่าพร้อมตอนไหนก็ค่อยกลับไปทำ”“เดี๋ยวแม่ก็หายดีแล้ว หนูก็กลับได้”“ทำไมแม่อยากให้เอวากลับจังคะ มีอะไรหรือเปล่า”“แม่ก็แค่อยากให้หนูไปช่วยงานพี่เขา”“แค่นั้นจริงเหรอคะ” เอวาริณรู้ว่ามารดาของตนอยากให้ตนกับพีรกันต์คบกันซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย“แม่อยากให้หนูสนิทกับพี่กันต์”“ตอนนี้เราก็สนิทกันนะคะ”“แต่อยากให้สนิทมากกว่านี้”“แม่ก็บอกมาเลยสิคะว่าอยากให้เอวากับพี่กันต์คบกัน”“ลูกสาวแม่ฉลาดไม่เบาเลยนะ แล้วตกลงจะลองคบกันดูไหมล่ะ แม่ว่าหนูกับพี่กันต์ก็เหมาะสมกันดีนะ เรื่องนี้ป้านาก็เห็นด้วยกับแม่ ป้าเขาอยากได้หนูไปเป็นลูกสะใภ้”“ถ้าเอวากับพี่กันต์ไม่เป็นแบบที่กับป้านาคุยกันแม่จะเสียใจไหมคะ แล้วแม่กับป้านายังจะคุยกันเหมือนเดิมไหม”“มันคนละเรื่องกันนะ เรื่องของหนูกับพี่กันต์เรื่องหนึ่ง แม่กับป้านาก็เรื่องหนึ่ง ถึงลูกสองคนจะไม
จากนั้นพนักงานล้างจานคนใหม่ก็ยืนประจำตำแหน่งเขาล้างจานใบแล้วใบเล่าจนกระทั่งถึงเวลาสี่ทุ่มซึ่งลูกค้าคนสุดท้ายเพิ่งออกจากร้านไป“เป็นไงคะเหนื่อยไหม”“นิดหน่อยเอวาล่ะ พี่เห็นเราหัวหมุนเลยเก่งเหมือนกันนะ”“เอวายังเก่งไม่เท่าแม่เลยค่ะ แม่ทำได้ดีกว่านี้เอวาแค่พยายามทำให้เต็มที่”“แต่พี่ว่าได้ขนาดนี้ก็เก่งมากแล้ว เอาละเดี๋ยวตรงนี้พี่จัดการเองเอวาไปนั่งพักนะ”“ไม่เป็นไรค่ะอีกนิดเดียวช่วยกันจะได้เสร็จไวๆ”วันนี้ร้านของหญิงสาวปิดดึกกว่าทุกครั้งเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดพนักงานทุกคนจึงช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่“พี่กานต์หิวไหมคะ”“นิดหน่อย เอวาล่ะพี่เห็นตอนเย็นเรากินข้าวไปแค่นิดเดียว”“เอวาไม่ค่อยหิวค่ะ”“เราสั่งพิซซ่ามากินไหม จะได้คุยกันด้วย” เขาเห็นว่าร้านพิซซ่าที่อีกฝั่งของถนนยังเปิดอยู่จึงเสนอขึ้น“ได้ค่ะ”ไม่นานนักพิซซ่าก็มาส่ง ทั้งสองคนนั่งทานอยู่กลางร้านซึ่งตอนนี้พนักงานทุกคนกลับไป“พี่กานต์มาหาเอวาถึงพี่นี่คงไม่ใช่แค่มาเที่ยวใช่ไหมหรือมาตามกลับใช่ไหมคะ”“พี่เป็นห่วงก็เลยมาดูให้แน่ใจว่าเอวาสบายดีไหม”“แล้วรู้ได้ยังไงคะว่าเอวากลับมาที่นี่”“พี่ไปหาเอวาที่บ้านคุณยายท่านก็เลยบอกว่าเอวากลับมา
ธีรกานต์มาถึงอังกฤษแล้วก็รีบตรงไปยังร้านอาหารไทยของอาวาสิการ์ทันที แต่เขาก็เจอแค่พนักงานของร้านที่กำลังช่วยกันเก็บกวาดเพราะตอนนี้เลยเวลาร้านปิดแล้วชายหนุ่มถามถึงอาการป่วยแต่พนักงานในร้านก็ไม่มีใครยอมบอกเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านายซึ่งธีรกานต์ก็เข้าใจเรื่องนี้ดี“ผมขอที่อยู่ที่บ้านของอาแก้วได้ไหมครับ” เมื่อไม่มีใครบอกเขาเลยไปดูด้วยตาของตัวเอง“ขอโทษด้วยพวกเราคงให้ที่อยู่นั่นกับคุณไม่ได้”“ผมรู้ว่าพวกคุณคงไม่อยากให้ที่อยู่เจ้านายกับผม แต่ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าเอวามาที่นี่หรือเปล่า ผมเป็นคนรักของเธอ”“ฉันว่าคุณหาข้ออ้างที่ดีกว่านี้ไหม หนูเอวายังไม่มีคนรัก”“ผมรู้ว่ามันเชื่ออยาก แต่ผมยืนยันว่ามันคือเรื่องจริง ขอแค่ผมได้พบกับเธอ”“ถ้าคุณเป็นคนรักของหนูเอวาจริงก็คงไม่มามาตามหาที่ร้านแบบนี้ และก็คงมีเบอร์โทรศัพท์ของหนูเอวา”“เอวาทำโทรศัพท์ตกน้ำผมก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนมาใช้เบอร์ไหน”“พวกเราต้องขอโทษด้วยที่ให้ที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อของเธอไม่ได้จริงๆ นี่มันก็ดึกแล้วฉันว่าคุณกลับไปพักก่อนดีกว่าถ้าอยากเจอพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ บางทีหนูเอวาอาจจะเข้ามาที่ร้านก็ได้” แม่ครัวคนไทยบอกเขาด้วย
“แม่ครับผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” ธีรกานต์มาถึงบ้านก็รีบเข้าไปหามารดาในห้องนั่งเล่นทันที“ดูท่าทางรีบร้อนจัง เรื่องด่วนเหรอลูก”“ครับแม่”“เอาล่ะจะคุยอะไรก็ว่ามาเลยแม่พร้อมจะฟังแล้ว”“เรื่องนายกันต์กับเอวาครับ”“แม่ก็กำลังอยากจะคุยเรื่องนี้อยู่พอดีเลย ช่วงนี้สองคนนั้นเป็นยังไงกันบ้างแม่ไม่เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันเลย แต่เอวากับลูกนี่สิดูสนิทกันขึ้นนะ”“ครับ เราสองคนสนิทกันมากขึ้น”“อีกหน่อยน้องก็มาเป็นคนในครอบครัวสนิทกันไว้ก็ดีแล้วล่ะ แต่ก็อย่าสนิทกันจนเกินงามเพราะเราเป็นผู้ชายน้องเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาจะว่าน้องเอาได้นะ” เธอกังวลนิดหน่อยเพราะลูกชายคนโตก็ยังโสด ถ้ามีข่าวแบบนี้ออกไปก็คงไม่ดีแน่ๆ“แม่คิดว่าเอววากับนายกันต์จะเปิดใจคบกันจริงๆ เหรอครับ ผมว่ามันเป็นไปได้ยากนะครับ”“กานต์พูดเหมือนไปรู้อะไรมา หรือนายกันต์ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”“ผมยังไม่ได้ถามนายกันต์”“ยังไม่ถามแล้วรู้ได้ยังไง”“ผมมีเรื่องจะสารภาพกับแม่ ถ้าแม่จะโกรธผมก็ไม่ว่าอะไร ขอแค่แม่อย่าห้ามก็พอ”“กานต์ไปทำอะไรมาถึงคิดว่าแม่จะโกรธ ลองเล่ามาสิ แม่ว่าเรื่องมันคงใหญ่มากใช่ไหมสีหน้าเราถึงได้กังวลแบบนี้”“เรื่องมันใหญ่มากและผมคิดว่า