“เปล่า แค่มาหาอะไรดื่มแก้กระหายเท่านั้นเอง พอดีเห็นแกเข้า มันก็อดสงสัยไม่ได้ เข้ามาทำอะไรในครัวดึกๆ ดื่นๆ ก็เท่านั้นเอง” ราชันย์ตอบพร้อมไหล่กว้างที่เลิกขึ้น ก่อนปล่อยร่างโปร่งบางที่ยืนขยุกขยิกดิ้นไปมา กับความพยายามพาตัวเองให้ห่างไกลจากเขา เมื่อทำไม่ได้ดังใจก็หาทางประทุษร้ายสร้างความรำคาญจากมดตัวเล็กๆ จิกกัดอยู่ตลอดเวลา
กันติชาเป่าพ่นลมหายใจแรงๆ ออกจากปอดเมื่อได้รับการปล่อยตัว และรีบกระเถิบร่างหนีแต่ก็ไม่พ้น มือแกร่งยังยื่นมาสอดรัดจับแขนเอาไว้ นิ้วใหญ่และอุ่นร้อนไล้วนบริเวณหลังมือ ทำเอาขนกายสาวลุกชัน ริมฝีปากแห้งผากอย่างกะทันหัน จนต้องรีบส่งปลายลิ้นออกมาไล้เลีย อีกทั้งกระไอร้อนไม่รู้ว่ามาจากทิศทางใด พุ่งสู่พวงแก้มอิ่มเต็มจนเธอคิดว่ามันคงจะแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุกไปเรียบร้อยแล้ว
“เอ่อ...คุณ...หนู...” อยากจะเอ่ยบอกให้ชายหนุ่มหยุดทำแบบนั้นเสียที แต่กลับต้องชะงัก เมื่อถูกสายตาคมดุที่ตวัดมองมาอย่างห้ามปรามให้อยู่นิ่งเฉย ถ้าอยู่กันตามลำพังคงจะตอบโต้กลับไปบ้างแล้ว แต่นี่ยังมีสายตากึ่งดูถูกเหยียดหยามปนหวานเศร้าอีกคู่หนึ่งที่คอยจับตามองอยู่ เลยทำให้เกิดความรู้สึกอยากที่จะเอาชนะ และเลือกปล่อยเลยตามเลย แต่ก็ยังมีอาการสะบัดสะบิ้งเป็นครั้งคราว
คิ้วโก่งได้รูปขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยครามครัน ทำไมผู้ชายคนตรงหน้าถึงได้ทำท่าทางเหมือนกับเกลียดเธอนัก แต่บางคราก็เหมือนกับว่าต้องการเสียเหลือเกิน แต่ไม่ว่าเขาจะอยู่ในอารมณ์ใด เธอก็ไม่อยากเข้าใกล้อยู่ดีนั่นแหละ คนบ้าๆ แบบนี้อยู่ด้วยเดี๋ยวจะบ้าตาม
“แกออกไปคอยข้างนอกดีกว่าดล เดี๋ยวฉันคุยธุระกับแม่ครัวก่อน แล้วจะตามไปพร้อมอาหารของนาย” แม้พูดกับนภดล แต่ราชันย์กลับปรายสายตามามองกันติชาอย่างหงุดหงิดและไม่ชอบใจ บวกกับความรู้สึกอีกอย่างที่ครอบคลุมร่างกายตั้งแต่แรกเจอสาวน้อยตรงหน้า
ดวงตาคมกริบไล่มองไปตามเรือนกายโปร่งบางแต่อวบอิ่มและกลมกลึงไปทุกสัดส่วน รวมถึงหอมหวานเพียงไหน มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ดี ด้วยความไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ เพราะจำได้ว่าสั่งห้ามไม่ให้นุ่งกางเกงขาสั้นมาทำงานนี้ แล้วยายตัวดีนี่ดันขัดคำสั่งเขาเอาเสียได้ เลยทำให้ไอ้พวกเพื่อนหนุ่มๆ ที่แฟนเผลอตวัดสายตามองอย่างโลมเลียและหื่นกระหายเอาเสียบ่อยครั้ง เห็นแล้วมันทำให้เขาหงุดหงิดจนอยากจะตั๊นหน้าทุกๆ คนให้ล้มนอนหงายทั้งยืน
นภดลตวัดค้อนส่งให้คนเป็นทั้งเพื่อนและนายอย่างไม่พอใจสุดๆ ที่ถูกกีดกันออกไปอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิด แต่ก็จำต้องยอมฟังคำสั่ง เพราะคำสั่งของเจ้านาย...เจ้านายเฮงซวย แต่ก่อนไปก็ไม่วายหันไปทิ้งสายตาไม่พอใจให้กับอีกหนึ่งสาว ที่ตอนนี้ยืนหน้าตาแดงก่ำเหมือนกุ้งถูกต้มสุกด้วย
“ได้ นายรีบๆ เอาไปให้หน่อยแล้วกัน ฉันหิวจนจะกินยายแม่ครัวนี่ได้หมดตัวแล้ว” แม้กระทั่งจะไปแล้วนภดลยังไม่วายหย่อนระเบิดลูกโตไว้ให้กันติชา
“ทำไมถึงไม่เชื่อฟังกัน”
หลังหนุ่มผู้มาขออาหารทานแก้หิวยังเห็นอยู่ไวๆ กันติชาก็ต้องสะดุ้งเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ได้แล้วในคืนนี้ เพราะน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะราบเรียบจนเกินไปของเจ้าของบ้านร่างใหญ่ ที่เธอรู้ดีว่าภายในคงไม่เงียบดั่งเสียงที่เอ่ยออกมา ดูได้จากดวงตาคู่ที่คมวับวาวเหมือนจะเปล่งแสงสีแดงเรืองรองออกมา
“คะ?” กันติชาตอบกลับอย่างไม่เข้าใจ
อะไรหว่า? อยู่ดีๆ ก็ถามขึ้น แล้วเราจะไปเข้าใจความหมายของคำถามนี่ไหมล่ะ?
หัวคิ้วโค้งมนได้รูปค่อยๆ ขมวดเข้าหากันจนเป็นปมขนาดเล็ก ในดวงตาก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“ฉันบอกให้เธอซื้อเสื้อผ้าตัวใหม่และดีๆ มาใส่ในงานใช่ไหม แล้วทำไมยังใส่ชุดเสื้อผ้าเก่าๆ และขาดวิ่นราวกับผ้าขี้ริ้วนี่อยู่อีก”
ราชันย์เอ่ยถามเสียงเข้ม พร้อมจ้องสาวน้อยตรงหน้าแววตาคมดุราวกับมีดโกนขณะตอบคนที่กำลังอึ้ง ถึงแม้งานนี้จะมีคนเพียงแค่สิบคน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นคนมีชื่อเสียง อีกทั้งบางคนยังคิดจะร่วมทุนทำธุรกิจกับเขาด้วย ที่เหลือก็เพื่อนสนิทที่เขาไม่ชอบให้ทุกคนไขว้เขว
มือใหญ่ยื่นไปจับแขนเรียวยาวดึงเข้าหาตัว เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามที่จะถอยกายหนี “ว่าไง ทำไมถึงไม่เชื่อฟัง”
ชายหนุ่มออกแรงบีบแขนเรียวเมื่อไม่ได้รับคำตอบ จนอีกฝ่ายหน้าเบ้ มีน้ำตาหยดออกมาจากเบ้าตาเล็กน้อย มือที่ว่างเลยพยายามแกะมือใหญ่ออกไปจากแขนสลับกับทุบตี เพื่อให้ราชันย์รู้สึกตัวว่าทำคนอื่นเจ็บแค่ไหน แต่ยิ่งพยายามก็เหมือนกับเป็นการกลั่นแกล้ง เพราะแรงบีบที่หนักมือมากขึ้น แถมยังมีการขู่สำทับมาอีก
“อยู่เฉยๆ อย่าเรื่องมาก แค่ตอบคำถามมา เข้าใจไหม”
“แต่...หนูเจ็บ...นี่คะ” กันติชาบอกน้ำเสียงสั่นน้อยๆ ในหัวใจเต้นตึกตักๆ ด้วยความตกใจกลัวและไม่เข้าใจ เพียงแค่เธอไม่แต่งตัวตามคำสั่ง เพราะเสียดายเงินที่ต้องนำไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ทั้งที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด เพราะเสื้อผ้าชุดเก่าๆ ของมันยังดีอยู่ ไม่ได้สกปรกและโป๊เปลือยเหมือนกับพวกสาวๆ ที่มางานเสียหน่อย ทำไมต้องโกรธขนาดนี้ด้วย
“ทำให้เจ็บ วันหลังจะได้ไม่กล้าขัดคำสั่งฉันอีก” ชายหนุ่มเหวี่ยงร่างเล็กโปร่งบางและดันไปจนติดกับผนังห้อง ตรงส่วนที่เป็นฝาโล่งๆ ไม่มีอะไรมาวางเกะกะให้รำคาญสายตา มือใหญ่สอดเข้าไประหว่างเอวเล็กคอด กางกั้นด้วยร่างที่ทั้งหนากว่าให้หญิงสาวตกอยู่ใต้อาณัติ
“เธอรู้ไหม ฉันไม่ชอบให้ใครขัดคำสั่ง และมีเธอคนแรกที่กล้าขัดคำสั่ง ฉันควรจะลงโทษอย่างไรดีหือ...”
ราชันย์ลากเสียงยาวนุ่มทุ้มและแหบพร่า ด้วยความปรารถนาที่ลุกพรึบขึ้นมาตั้งแต่เห็นชุดของกันติชา ทั้งที่ไม่ได้เปิดเปลือยเนื้อหนังมังสาสักนิด บวกกับกลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นกายสาวที่ไม่ได้ปรุงโฉมด้วยเครื่องสำอางและน้ำหอมราคาแพงแม้แต่นิดเดียว แต่มันกลับเย้าอารมณ์เขาให้ลุกโชนเป็นไฟ เพียงเธอเดินผ่านไปมาเท่านั้นเอง ไฟปรารถนาเอ่อล้นอาบไล้ทั่วร่างกายจนแทบจะข่มกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อยากจะดึงร่างโปร่งบางมากดกอดและมอบสัมผัสพิศวาสอันเร่าร้อนให้อย่างถึงใจโดยเร็วไว
ดวงตากลมโตไหววูบไปมาเหมือนจะหวาดกลัว แต่ซอกลึกในหัวใจกลับเต้นเป็นจังหวะรัวเร็วเหมือนกับดนตรีเพลงแร็บที่แอบซุกซ่อนอารมณ์บางอย่างไว้ สองมือที่วางทาบไปบนอกกว้าง เพราะต้องการผลักร่างหนาใหญ่ให้ออกห่างสั่นระริก เมื่อพบกับกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ และไรขนสากระคายชวนเสียววูบจากศีรษะจรดปลายเท้า สร้างความปั่นป่วนทั้งร่างกายและจิตใจ
เมื่อถูกจับแขนเอาไว้และตรึงไว้เหนือศีรษะให้เธอทำร้ายเขาไม่ได้ ก็คงจะมีเพียงแค่เสียงจากปากเท่านั้นที่ด่าเป็นน้ำไหลไฟดับ แทบจะไม่ซ้ำคำด้วยสลับหยุดพักหายใจ ก่อนจะพ่นคำด่าออกมาอีกระลอกใหญ่ สองขาเรียวขยับเคลื่อนดันขาแข็งแกร่งที่ทาบอยู่ให้ออกห่างอย่างสุดความสามารถ โดยที่ไม่รู้เลย การกระทำดังกล่าวนอกจากจะพาตัวเองให้หลุดรอดจากเงื้อมมือราชันย์ไม่ได้แล้ว ยังเป็นการยั่วยุและกระตุ้นอารมณ์ปรารถนาของชายหนุ่มให้ลุกเป็นไฟอีกด้วย “ถามจริงไม่เหนื่อยบ้างหรือไงหนูว่าว ด่ายาวเป็นชุดเลย” ราชันย์ถามเสียงกลั้วหัวเราะ แกล้งลูบไล้มือใหญ่ไปตามลำตัวเนียนนุ่มจากด้านหลัง เรื่อยขึ้นไปจนถึงขอบเสื้อชั้นใน และวกกลับลงมาตามสีข้าง ก่อนที่ลากเลยไปด้านหน้า “ไอ้คนเฮงซวย ชอบเอาเปรียบคนอื่น ปล่อยหนูนะ ไอ้ที่เสนอไปน่ะไม่ทำให้แล้ว หนูไม่อยู่กับคุณแล้วด้วย ปล่อย...” หญิงสาวกรีดร้องเสียงยาวดังตามมาอีกระลอก ดวงตาคมวามวาวที่มองมาทำให้กายสาวเริ่มสั่นสะท้าน หัวใจเริ่มสั่นไหว เพราะเข้าใจในความหมายนั้นดี ในลำคอเริ่มที่จะแห้งผากจนกลืนน้ำลายติดๆ ขัดๆ เบือนหน้าหนีไปอีกฝั่งที่ไม่มีหน้าราชันย์อยู่ สมองเริ่มคิด จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที
“แหมคุณ...เอ่อ...โทษนะคะ ถ้าฉันจำไม่ผิดคุณคือคนที่มาขออาหารฉันกินเมื่อคืนใช่ไหมคะ” กันติชาถามน้ำเสียงเหมือนกำลังหัวเราะ “โทษทีนะคะที่ฉันเรียกชื่อคุณไม่ถูก เผอิญว่าเราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ฉันเลยสงสัย คุณเป็นอะไรคะถึงได้ทำตัวเหมือนเจ้าสัตว์สี่ขาที่คอยแยกขาฉี่ตามแถวสี่แยกนะคะ แบบ...เวลาใครเดินผ่านไปมาหรือมันไม่ชอบใจใคร ก็มักจะส่งเสียงแงดๆ แล้วก็วิ่งไล่งับจนหางสั่น” “เฮ้ย...ยาย...” มือใหญ่ยกขึ้นชี้หน้ากันติชาอย่างเร็วรี่ นภดลโกรธจนเรียกได้ว่าเลือดขึ้นหน้า ใบหน้าคร้ามขาวอย่างคนผิวดีแดงปลั่งลามไปถึงใบหู ประกายในดวงตาแดงจัดและลุกเป็นเปลวเพลิง จ้องคนในอ้อมแขนเพื่อนกึ่งนายเหมือนกับจะเผาไหม้ให้เป็นจุณ “จุ๊ๆ อย่าโกรธซิคะคุณขา ฉันเพียงแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง แล้วก็อยากจะเตือนคุณไว้สักอย่างด้วยค่ะ ปากอย่างนี้ระวังจะมีคนเอาสีมาป้ายที่ปากกับหัว จนต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มโรงบาลนะคะ” ใบหน้าสวยยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหวานนุ่ม ไหล่กว้างเลิกขึ้นสูงอย่างไม่แคร์ ทีตัวเองว่าคนอื่นได้ แต่พอเขาสวนกลับก็โกรธ ผู้ชายอะไรไม่แมนเลย...ดวงตากลมโตกวาดไล่มองนภดลใหม่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปจนถึงศีรษะอย่างไม่แคร
“แกล่ะ ไปไหนมาแต่เช้า หรือว่า...” นภดลปรายสายตามองยายแม่บ้านที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนกำยำด้วยความหงุดหงิด“ไปหาไอ้สิทธิ์มา มีธุระกับมันนิดหน่อย” “อ้าว แล้วไอ้สิทธิ์กลับตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นเมื่อคืนก็มานี่หว่า” นภดลเอ่ยถาม วาดสายตามองไปรอบๆ อย่างคนกำลังขบคิดเรื่องสำคัญ ราชันย์ไปหาสิทธิศักดิ์ทำไม มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ทำไมสองคนนี้ถึงได้ชอบคิดชอบทำอะไรลับหลังเขาเสมอนะ “แกก็รู้ว่าไอ้สิทธิ์เป็นเด็กดี ตื่นเช้าเข้านอนเร็ว เหล้ากินบุหรี่ไม่สูบ แล้วก็เกรงใจแฟนจะตาย ไอ้เรื่องนอนค้างอ้างแรมที่อื่นนะไม่มีทาง อาริตาเช็กตลอดยี่สิบชั่วโมง ถ้าทำได้” ราชันย์แขวะไปถึงเพื่อนรักที่ไม่น่าจะเข้ามาข้องแวะกับกลุ่มของเขาได้เลย เพราะพวกเขาบางคนตะวันไม่ขึ้นไม่กลับเข้าบ้านนอน แต่สิทธิศักดิ์ไม่เคยที่กลับบ้านเกินเที่ยงคืนซึ่งนั่นคือสูงสุดแล้ว ด้วยแฟนสาวเป็นห่วงยิ่งกว่าแม่เสียอีก คอยโทรเช็กเช้าเย็นตลอดจนถึงค่ำคืน ยิ่งวันไหนรู้ว่าไปกับกลุ่มของเขาละก็ แม่โทรเช็กนาทีต่อนาทีเลยเชียวล่ะ แต่อย่างน้อยการมีสิทธิศักดิ์เข้ามาในกลุ่มก็มีเรื่องดีในหลายๆ ด้าน เพราะสามารถพึ่งพาได้ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน เพียงแค่โ
ริมฝีปากเล็กขบกัดติ่งหูพร้อมสอดแทรกปลายลิ้นเล็กและร้อนไปในช่องหูกว้าง ในขณะที่มือก็ลูบไล้ปลดเข็มขัดหนัก จิกทึ้งเสื้อโปโลออกจากตัวกางเกงและสอดมือไปลูบไล้อกกว้าง บอกแล้วว่าเธอมันหน้าด้านและเก่งเรื่องจดและจำในสิ่งที่ได้พบเจอ การสอนสั่งของราชันย์ที่มอบให้เมื่อคืนจึงย้อนกลับมาสู่ตัวเขา แม้จะยังไม่เต็มที่เท่าไหร่ก็ตามเถอะ มือเล็กเคลื่อนลงไปด้านล่างอย่างเชื่องช้า และเมื่อถึงบางส่วนของเรือนกายแข็งแกร่ง แทนที่เธอจะทักทายอย่างที่ราชันย์ต้องการ กันติชาเลือกที่จะหยุดและขยับตัวถอยห่าง แต่ยังคงไม่ปล่อยมือจากกายแกร่ง “ว่าไงคะคุณใหญ่ จะตัดสินใจยังไงเอ่ย” หญิงสาวถามเสียงนุ่มและเซ็กซี่เล็กๆ ปลายลิ้นลากไล้ริมฝีปากอย่างเย้ายวนชวนเชิญ ดวงตาเป็นประกายหวานเซ็กซี่ ราชันย์ถึงกับร้อนราวถูกไฟเผา เมื่อเจอกับการยั่วยวนของแม่นางบำเรอฝึกหัด มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางเบาๆ ดวงตาตวัดมองใบหน้านวลเนียนที่มีรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มเชิญชวน ไพล่มือไปจับมือเล็กมาดมดอม ริมฝีปากหนาขบกัดปลายนิ้วเล็กๆ เหมือนกับคนกำลังคิดสะระตะ การทำตามความต้องการของกันติชา แลกกับสิ่งที่เธอจะมอบให้มันคุ้มค่ากันหรือเปล่า ทั้งที่เขาตัดสินใจได้ตั้ง
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว