LOGIN“เรื่องอะไร” เอ่ยถามเสียงเข้ม พร้อมพลิกกายนอนตะแคง แขนใหญ่ยกขึ้นเท้าตั้งฉากกับเตียง ให้มือใหญ่รับน้ำหนักของศีรษะ คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงพร้อมเครื่องหมายคำถามที่ผุดขึ้นเต็มวงหน้า “เรื่องที่คุยกันตอนก่อนจะเข้าบ้านไงเล่า” กันติชาแหวใส่ สองมือเล็กยกขึ้นเท้าสะเอว ไอร้อนผ่าวเริ่มเอ่อล้นทั่วกายและแผ่ซ่านไปถึงใบหน้า ที่เคยเป็นสีน้ำผึ้งเริ่มมีสีแดงแต่งแต้ม ปลายจมูกเล็กโด่งเชิดขึ้น ริมฝีปากขบเม้มจนราบเรียบเหมือนไม้บรรทัด
View More“นังแก่ปากเสียนั่นมาทำไมยายว่าว”
เสียงถามอ้อแอ้ๆ เหมือนคนลิ้นคับปากดังจากร่างผอมกะหร่องกะแหร่งที่เดินโซซัดโซเซไม่ตรงทาง จนต้องใช้มือช่วยจับโน่นจับนี่สลับกับหยุดยืน เพื่อคายน้ำเหม็นที่กระหน่ำดื่มเข้าไปทิ้งตลอดทาง
กันติชาผ่อนลมหายใจออกจากปอด เมื่อเห็นคนถามก้าวขึ้นนั่งบนบันไดขึ้นบ้านได้สำเร็จและปลอดภัย ไม่สะดุดขาตัวเองหรืออะไรก็ตามที่วางอยู่ข้างๆ แตกกระจายและล้มก้นกระแทกพื้นเหมือนเช่นวันก่อนๆ
แม้จะอยู่ในอาการมึนเมาเพียงใด แต่ฤทธิ์รงค์ก็ยังจำได้ดี คนที่มานั้นเคยด่าว่าเขาไม่เอาถ่าน ดีแต่เมาเหมือนหมาแล้วก็สร้างภาระให้กับหลานสาวต้องมาหาเลี้ยง อยากด่ากลับ แต่...เถียงไม่ทัน ก็เลยต้องยอมแพ้
กันติชาเบ้หน้าและหันไปอีกฝั่งด้วยเหนื่อยหน่ายใจ เมื่อเห็นสภาพเมามายของน้าชายที่ชวนให้หนักใจยิ่งนักและเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม เพราะรู้ดีว่าถึงตอบไปตอนนี้น้าชายก็จำไม่ได้อยู่ดี โน่นต้องสร่างเมาก็คือรุ่งสางของอีกวันโน่นแหละถึงจะคุยกันรู้เรื่อง
‘ไม่รู้จะกินไปทำไมหนักหนากับ เหล้าไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยสักนิด กินแล้วยังทำให้เสียสุขภาพอย่างแรงและกลับไปแก้ไขเรื่องในอดีตไม่ได้ด้วย นอกจากจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่านั้น’
แม้จะเข้าใจ น้าชายต้องการดื่ม เพื่อดับทุกข์จากการคิดถึงบางคน แต่การดื่มมากไปก็ทำให้สุขภาพจิตเสีย สุขภาพทรุดโทรมและเสื่อมไว เธอยังอยากให้มีคนที่รักอยู่เป็นกำลังใจให้อีกนานๆ
“เฮ้ย...มึงจะหนีไปไหนวะนังว่าว กูถามไม่ได้ยินหรือไง” ฤทธิ์รงค์มองหลานสาวด้วยสายตาเกรี้ยวกราดและน้อยใจปะปนกัน น้ำเสียงที่ตวาดแหวใส่ไปก็เช่นกัน ยิ่งอีกคนไม่สนใจน้ำตาก็เอ่อล้นคลอเบ้า วงหน้าอวบอูมเพราะฤทธิ์ของสุราที่กินเข้าไปเป็นเวลาหลายปีแดงก่ำ หายใจฟืดๆ ฟาดๆ ไม่สบอารมณ์ ตั้งแต่ทำมาหากินด้วยตัวเองได้ กันติชาเริ่มที่จะไม่สนใจเขาเสียแล้ว น้ำตาคนมึนเมาเอ่อล้นคลอด้วยความหวาดกลัวว่ากำลังจะสูญเสียคนที่รักไปอีกคน
ทำไมใครๆ ถึงต้องทอดทิ้งเขาด้วย เขาไม่ดีที่ตรงไหน? ...ฤทธิ์รงค์ก่นถามตัวเองในใจ หรือเพราะเขากลายเป็นไอ้ขี้เมา ไม่...ศีรษะทุยสะบัดแรงๆ ถึงเขาจะเมา แต่ยังพูดจารู้เรื่องนะ ยังรักคนเป็นด้วย เขารักกันติชาไง รัก...รักมากด้วย รักพอที่จะทำทุกอย่างให้หลานมีความสุข ยกเว้นอย่างเดียวที่ถูกขอแล้วเขาทำให้ไม่ได้ นั่นคือ...
“งดเหล้า เป็นตายยังไงก็จะไม่หยุดกิน เพราะมันคือความสุขอย่างที่สองที่เขาทำได้”
กันติชามองน้าชายด้วยหนักใจ นี่ก็อีกอย่างที่น้ำเหม็นๆ ทำให้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนที่เคยแต่งกายสะอาดสะอ้าน พูดจาสุภาพเรียบร้อย กลับกลายเป็นแต่งกายสกปรก เสื้อผ้ายับยู่ยี่และเหม็นเน่าชวนอาเจียน
อารมณ์ที่เคยดียิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาหยอกล้อให้คนอื่นยิ้มเสมอๆ กลับกลายเป็นหงุดหงิดง่าย ก้าวร้าวรุนแรง แปรปรวนง่ายยิ่งกว่าผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนเสียอีก ใครพูดไม่เข้าหูนิดเดียวก็เอะอะอาละวาดด่าทอ ชวนเขาทะเลาะต่อยตีอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ เคยมีบางคนทนไม่ไหวต่อยจนล้มคว่ำและล้มทั้งยืน แต่น้าก็ไม่สนและกินหนักมากขึ้นไปอีก จนเกือบจะเรียกว่าอาบน้ำเหล้าต่างน้ำแล้ว
น้าชายอะไรก็ดีไปหมด เสียอย่างเดียวพอเหล้าเข้าปาก ก็จะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น เมาจนบางครั้งนอนกับหมาข้างถนนก็ได้ ร้อนถึงเธอที่ต้องออกตามหาด้วยความเป็นห่วง ไม่ก็เพื่อนบ้านที่สมเพชเวทนาจนทนไม่ไหวหอบหิ้วมาส่ง
ไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่รับปากกับเธอ จะไม่กินอีกแล้ว แต่สุดท้ายก็ระงับใจตัวเองไม่ได้ เจอเพื่อนชวนเข้าหน่อยก็รีบรับมาดื่มมือไม้สั่น เธอเคยถามกินเข้าไปทำไมนักหนา กินแล้วเขาจะกลับมาหาหรือไง ก็ตอบกลับมาอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ และตัดพ้อต่อว่า เธอไม่รักและคิดผลักไสให้ไปไกล เธอเลยไม่เซ้าซี้ถามต่อ
“หนูว่าน้าฤทธิ์ไปนอนดีกว่าค่ะ เมามากแล้ว มีอะไรตื่นเช้าค่อยมาคุยกัน” กันติชาบอกและรีบเดินเลี่ยงไปอีกทาง เพื่อไปเอาตะกร้าใส่ของและเงินที่ได้แอบซ่อนเอาไว้ นำไปซื้อเนื้อสัตว์และผักสดมาเตรียมไว้ทำอาหารขายในวันพรุ่งนี้
“ไม่...กูไม่ไป มึงอย่าเสือก...มีหน้าที่หาเงินมาให้กูใช้ ก็ทำไป อย่ามายุ่งเรื่อง” ฤทธิ์รงค์ต่อว่าหลานสาวที่มักจะทำตัวเป็นแม่มากขึ้นทุกวัน มือใหญ่กระดกเหล้าขึ้นดื่มและขว้างทิ้งอย่างรวดเร็ว เมื่อน้ำหวานๆ และอร่อยลิ้นที่ทำให้เขาลืมเรื่องราวซึ่งทำให้หัวใจเหมือนถูกเผาไหม้จมอยู่ในกองแห่งความทุกข์ระทมหมดไปจากขวด
“เฮ้ย!! นังว่าวขอเงินไปซื้อเหล้าหน่อยซิวะ มานหมดแล้วนะ เห็นไหม” ฤทธิ์รงค์ร้องโวยวายเสียงดังลั่น แต่เสียงที่ออกมากลับยานๆ และจับคำแทบไม่ได้ ร่างเล็กผอมกะหร่องกะแหร่งพยายามลุกจากที่นั่งเดินตามไปไถเงินหลานสาวเพื่อไปซื้อเหล้ากิน ก็พอดีกับที่กันติชาเดินออกจากทางด้านหลังของบ้านในชุดเตรียมพร้อมที่จะออกไปด้านนอก
“หนูไม่มีเงินให้น้าเอาไปซื้อเหล้าอีกแล้วนะ ถ้าอยากจะกินก็หาเงินเอาเอง” เมื่อหงุดหงิดและรำคาญเข้ากันติชาก็ตัดบทอย่างไม่สนใจอาการลงแดงของน้าชาย แต่ก็แอบมองผ่านม่านสายตาด้วยความรักและสงสาร
ฤทธิ์รงค์สูดลมหายใจ พร้อมแผดร้องเสียงดังลั่นด้วยความไม่ชอบใจ ดวงตาแดงก่ำขุ่นขวางจ้องหลานสาวด้วยความโกรธเคือง แล้วก็ได้เห็นบางอย่าง ทำให้นึกถึงคำพูดของคนบางคน ดวงตาที่แดงก่ำด้วยฤทธิ์สุราก็มองหน้าหลานสาวใหม่อีกครั้งอย่างพินิจพิจารณา
เออแฮะ...นังว่าวสวยอย่างที่ไอ้เสี่ยอ้วนซึ่งเป็นทั้งเจ้าของตลาดและออกเงินกู้หน้าเลือดที่คอยรีดไถคนจนๆ เหมือนกับขูดรีดเลือดจากปู แต่กับเขาแล้วไอ้เสี่ยนี่กลับหยวนๆ ให้เสมอ ไปหยิบยืมมาใช้ก่อนโดยไม่คิดดอกเบี้ย แถมขอยืมสิบกลับให้มาเป็นร้อยเสียอีกด้วยจริง
ดวงตาแดงก่ำคมวาว มือใหญ่ยกขึ้นลูบปลายคางเบาอย่างคนกำลังใช้ความคิด ไอ้เสี่ยนั่นตาแหลมกว่าที่คิด ที่เห็นเพชรซึ่งซุกซ่อนอยู่ในโคลนตมอย่างหลานสาวเขา มิหนาละ หวังของสูงอย่างนี้นี่เองถึงได้ยอมควักเงินให้เขาอย่างไม่เสียดายเลย ทั้งที่ความจริงแล้วเค็มยิ่งกว่าเกลือ ขนาดทะเลยังต้องเรียกพี่เลย
“ถ้ามึงไม่ให้ กูจะไปเอากับไอ้เสี่ยอ้วนหน้าปากซอย มันคงให้กูหรอกนะ ให้เยอะด้วย เพราะมันจ้องมึงตาเป็นมันอยู่ไม่ใช่หรือไงนังว่าว” ฤทธิ์รงค์ถามอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
วงหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุราแย้มยิ้ม จ้องหลานสาวตามันวาว ไม่ใช่จะทำจริงๆ หรอกนะ ก็เพียงแค่ขู่เท่านั้นเอง ช่วยไม่ได้อยากงกเองนี่นา ขอนิดหน่อย ร้อยครึ่งร้อยไปซื้อเหล้า ไม่เห็นจะมากมายอะไรเลย แล้ววงหน้าอวบอูมและแดงก่ำก็มีรอยยิ้มแต่งแต้ม เมื่อเห็นท่าทางงอนสะบัดของหลานสาวสุดที่รัก
กันติชากัดริมฝีปากจนห้อเลือด สองมือกำแน่นจนปลายเล็บที่เริ่มจะยาวและยังไม่ได้ตัดเล็มให้เรียบร้อยทิ่มแทงไปในฝ่ามือ แต่ก็เจ็บไม่เท่าที่หัวใจเจ็บและรวดร้าวไปหมดทั้งทรวงกับความคิดของน้าชาย ก่อนรีบตัดใจผ่อนลมหายใจยาวๆ ผ่อนออกจากจมูกและริมฝีปาก
สะโพกสอบแทรกลึกจุ่มจ้วงกายแข็งแกร่งและร้อนระอุไปในความอุ่นร้อนชื้นอย่างไม่บันยะบันยัง กายสาวตอบรับถี่ยิบทุกสัมผัสที่ถาโถมเข้าหาอย่างเร่าร้อนส่งมอบความสุขให้สองร่างหล่อหลอมกลายเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์บทรักครั้งแรกผ่านพ้น ครั้งที่สองสามก็ตามมาตลอดจนเกือบจะรุ่งสางของอีกวัน ก่อนที่สองร่างจะนอนกกกอดอย่างแนบชิด พลั่ก!! พลั่ก!! “ว้าย!!! พี่ใหญ่/คุณใหญ่” สองสาวกรีดร้องอย่างตกใจ เมื่ออยู่ดีๆ เพียงแค่เห็นหน้าสิทธิศักดิ์เท่านั้นราชันย์ก็ต่อยอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ชายิกาถลาเข้าไปกกกอดคนรัก ในขณะที่กันติชาก็รีบเขากอดราชันย์ขัดขวางไม่ให้ชายหนุ่มไปซ้ำเติมอีกครั้ง“มีอะไรคะคุณใหญ่ ต่อยคุณสิทธิ์ทำไม ไหนเราตกลงกันแล้วนะคะว่าจะยอมปล่อยให้...” “หมัดแรก เพราะมันไม่เชื่อฟังคำพูดฉัน เมื่อวานจำได้ไหมว่าให้เวลาแค่สิบนาที แต่ทำไมวันนี้ยังเสือกอยู่ในบ้านฉันอีก แล้วดูเหมือนไอ้เพื่อนเฮงซวยยังไม่ได้กลับบ้านด้วยซ้ำ ส่วนหมัดสองต่อย เพราะอยากเอาคืนในทุกๆ เรื่อง” ราชันย์ยกมือชี้หน้าสิทธิ์ “แกจำไว้เลยนะไอ้สิทธิ์ ถึงฉันจะยกน้องสาวให้ แต่เมื่อไหร่ที่แกทำให้ยายน้องต้องเจ็บปวด รับรองได้เลยว่าแกได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต
“ได้...ให้โอกาส แต่ขอดูความประพฤติสักสามปีได้ไหมล่ะ ถ้าทำตัวดีก็ให้คบกับยายน้องได้ แล้วก็ดูใจกันอีกสักสี่ห้าปีค่อยแต่งงาน รอได้ไหมล่ะ” วงหน้าคมคร้ามผุดรอยยิ้มในดวงตา สามปีที่อีกฝ่ายจะไม่ได้เจอหน้าชายิกา เพราะเขาจะให้น้องสาวอยู่กับแม่ ให้โอกาสแค่โทรคุยไม่ให้พบหน้า ส่วนเวลาอีกสี่ห้าปีก็ประมาณว่าดูแลแบบห้ามแตะต้อง ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ไต่ตอมแน่ะ...ยังไม่วายตั้งแง่อีก เฮ้อ...วงหน้าสวยส่ายเบาๆ หันไปส่งกำลังใจให้สองคนที่ตอนนี้เริ่มขยับเข้าไปยืนใกล้กัน มือเล็กอยู่ในอุ้งมือใหญ่ที่เริ่มขยับเคลื่อนสอดไปด้านหลัง หวังโอบรอบกายบอบบาง แต่ต้องหยุดชะงัก เมื่อเจอกับสายตาคมกริบที่จับจ้องอย่างไม่คลาดแม้สักนิดเดียว “คุณใหญ่อย่าแกล้งคุณสิทธิ์กับคุณน้องซิคะ” “ไม่ได้แกล้ง แต่ยายน้องยังเด็ก ก็อยากให้คบกันนานๆ สักหน่อย อีกอย่างฉันอยากให้ยายน้องเรียนจบตรีก่อนจะมีแฟน เรียนจบโทแล้วค่อยแต่งงาน” ราชันย์พูดกลั้วหัวเราะ แล้วเมื่อเห็นหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสิทธิศักดิ์จนอยากจะหัวเราะให้ดังลั่นห้อง เออ...แกล้งคนนี่สนุกดีเหมือนกัน ทำให้น้องสาวเขาเจ็บและเป็นทุกข์จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ผอมไปเป็นกอง ก็ทรมานอีกสักหน่
“ได้...ให้โอกาส แต่ขอดูความประพฤติสักสามปีได้ไหมล่ะ ถ้าทำตัวดีก็ให้คบกับยายน้องได้ แล้วก็ดูใจกันอีกสักสี่ห้าปีค่อยแต่งงาน รอได้ไหมล่ะ” วงหน้าคมคร้ามผุดรอยยิ้มในดวงตา สามปีที่อีกฝ่ายจะไม่ได้เจอหน้าชายิกา เพราะเขาจะให้น้องสาวอยู่กับแม่ ให้โอกาสแค่โทรคุยไม่ให้พบหน้า ส่วนเวลาอีกสี่ห้าปีก็ประมาณว่าดูแลแบบห้ามแตะต้อง ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ไต่ตอมแน่ะ...ยังไม่วายตั้งแง่อีก เฮ้อ...วงหน้าสวยส่ายเบาๆ หันไปส่งกำลังใจให้สองคนที่ตอนนี้เริ่มขยับเข้าไปยืนใกล้กัน มือเล็กอยู่ในอุ้งมือใหญ่ที่เริ่มขยับเคลื่อนสอดไปด้านหลัง หวังโอบรอบกายบอบบาง แต่ต้องหยุดชะงัก เมื่อเจอกับสายตาคมกริบที่จับจ้องอย่างไม่คลาดแม้สักนิดเดียว “คุณใหญ่อย่าแกล้งคุณสิทธิ์กับคุณน้องซิคะ” “ไม่ได้แกล้ง แต่ยายน้องยังเด็ก ก็อยากให้คบกันนานๆ สักหน่อย อีกอย่างฉันอยากให้ยายน้องเรียนจบตรีก่อนจะมีแฟน เรียนจบโทแล้วค่อยแต่งงาน” ราชันย์พูดกลั้วหัวเราะ แล้วเมื่อเห็นหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสิทธิศักดิ์จนอยากจะหัวเราะให้ดังลั่นห้อง เออ...แกล้งคนนี่สนุกดีเหมือนกัน ทำให้น้องสาวเขาเจ็บและเป็นทุกข์จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ผอมไปเป็นกอง ก็ทรมานอีกสักหน่
“ผมรู้ว่าคำตอบที่ให้ไปจะทำให้คุณเจ็บปวด เพราะตัวผมเองก็เจ็บปวดเหมือนกัน แต่ผมรู้อย่างเดียวว่าผมทำร้ายริตาไม่ได้” นี่คือความจริงใจจากเขาที่จะยังทำให้อาริตาได้ ความซื่อสัตย์และภักดีอย่างที่คนรักควรจะมอบให้แก่กัน แม้อีกฝ่ายจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ตามที“ถ้าอย่างนั้นนายมาที่นี่ทำไม มาทำให้ฉันเจ็บปวดอีกทำไม” หญิงสาวถามพร้อมเสียงสะอื้น น้ำตาอุ่นร้อนไหลอาบสองแก้ม ร่างบอบบางสั่นสะท้านกับความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วหัวใจและร่างกาย กัดกร่อนหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ให้แทบจะหยุดเต้น ทำไมถึงไม่บอกให้เธอดีใจก่อน แล้วค่อยบอกให้รู้ในวันหลัง ซึ่งคงจะทำใจได้มากที่จะยอมรับความจริงนี้ได้แล้ว“ทำไมถึงไม่ยอมปล่อยฉันไป ไม่นานฉันคงทำใจได้” “เพราะผมรักคุณ ผมรักคุณน้อง คุณจะให้โอกาสผมได้ไหม” “ไม่ได้...ถ้าแกยังคิดว่ายายฉันมีบุญคุณกับแกอยู่ และยังคิดว่าฉันเป็นเพื่อนก็ออกไปจากบ้านฉัน อย่าให้ต้องเรียกตำรวจ” ราชันย์ห้ามเสียงแข็งกร้าวและดุร้าย ใบหน้าคมคร้ามแดงคล้ำด้วยความโกรธ มือใหญ่กำหมัดเอาไว้แน่น นี่ถ้าไม่ฉุกใจว่าไอ้รถที่แอบจอดอยู่ห่างจากบ้านไปไม่มากเป็นรถสิทธิศักดิ์ละก็ ไม่รู้ว่าป่านนี้อีกฝ่ายจะทำร้ายอะไรน้องสาวเขาอี