“เรื่องอะไร” เอ่ยถามเสียงเข้ม พร้อมพลิกกายนอนตะแคง แขนใหญ่ยกขึ้นเท้าตั้งฉากกับเตียง ให้มือใหญ่รับน้ำหนักของศีรษะ คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงพร้อมเครื่องหมายคำถามที่ผุดขึ้นเต็มวงหน้า “เรื่องที่คุยกันตอนก่อนจะเข้าบ้านไงเล่า” กันติชาแหวใส่ สองมือเล็กยกขึ้นเท้าสะเอว ไอร้อนผ่าวเริ่มเอ่อล้นทั่วกายและแผ่ซ่านไปถึงใบหน้า ที่เคยเป็นสีน้ำผึ้งเริ่มมีสีแดงแต่งแต้ม ปลายจมูกเล็กโด่งเชิดขึ้น ริมฝีปากขบเม้มจนราบเรียบเหมือนไม้บรรทัด
view more“นังแก่ปากเสียนั่นมาทำไมยายว่าว”
เสียงถามอ้อแอ้ๆ เหมือนคนลิ้นคับปากดังจากร่างผอมกะหร่องกะแหร่งที่เดินโซซัดโซเซไม่ตรงทาง จนต้องใช้มือช่วยจับโน่นจับนี่สลับกับหยุดยืน เพื่อคายน้ำเหม็นที่กระหน่ำดื่มเข้าไปทิ้งตลอดทาง
กันติชาผ่อนลมหายใจออกจากปอด เมื่อเห็นคนถามก้าวขึ้นนั่งบนบันไดขึ้นบ้านได้สำเร็จและปลอดภัย ไม่สะดุดขาตัวเองหรืออะไรก็ตามที่วางอยู่ข้างๆ แตกกระจายและล้มก้นกระแทกพื้นเหมือนเช่นวันก่อนๆ
แม้จะอยู่ในอาการมึนเมาเพียงใด แต่ฤทธิ์รงค์ก็ยังจำได้ดี คนที่มานั้นเคยด่าว่าเขาไม่เอาถ่าน ดีแต่เมาเหมือนหมาแล้วก็สร้างภาระให้กับหลานสาวต้องมาหาเลี้ยง อยากด่ากลับ แต่...เถียงไม่ทัน ก็เลยต้องยอมแพ้
กันติชาเบ้หน้าและหันไปอีกฝั่งด้วยเหนื่อยหน่ายใจ เมื่อเห็นสภาพเมามายของน้าชายที่ชวนให้หนักใจยิ่งนักและเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม เพราะรู้ดีว่าถึงตอบไปตอนนี้น้าชายก็จำไม่ได้อยู่ดี โน่นต้องสร่างเมาก็คือรุ่งสางของอีกวันโน่นแหละถึงจะคุยกันรู้เรื่อง
‘ไม่รู้จะกินไปทำไมหนักหนากับ เหล้าไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยสักนิด กินแล้วยังทำให้เสียสุขภาพอย่างแรงและกลับไปแก้ไขเรื่องในอดีตไม่ได้ด้วย นอกจากจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่านั้น’
แม้จะเข้าใจ น้าชายต้องการดื่ม เพื่อดับทุกข์จากการคิดถึงบางคน แต่การดื่มมากไปก็ทำให้สุขภาพจิตเสีย สุขภาพทรุดโทรมและเสื่อมไว เธอยังอยากให้มีคนที่รักอยู่เป็นกำลังใจให้อีกนานๆ
“เฮ้ย...มึงจะหนีไปไหนวะนังว่าว กูถามไม่ได้ยินหรือไง” ฤทธิ์รงค์มองหลานสาวด้วยสายตาเกรี้ยวกราดและน้อยใจปะปนกัน น้ำเสียงที่ตวาดแหวใส่ไปก็เช่นกัน ยิ่งอีกคนไม่สนใจน้ำตาก็เอ่อล้นคลอเบ้า วงหน้าอวบอูมเพราะฤทธิ์ของสุราที่กินเข้าไปเป็นเวลาหลายปีแดงก่ำ หายใจฟืดๆ ฟาดๆ ไม่สบอารมณ์ ตั้งแต่ทำมาหากินด้วยตัวเองได้ กันติชาเริ่มที่จะไม่สนใจเขาเสียแล้ว น้ำตาคนมึนเมาเอ่อล้นคลอด้วยความหวาดกลัวว่ากำลังจะสูญเสียคนที่รักไปอีกคน
ทำไมใครๆ ถึงต้องทอดทิ้งเขาด้วย เขาไม่ดีที่ตรงไหน? ...ฤทธิ์รงค์ก่นถามตัวเองในใจ หรือเพราะเขากลายเป็นไอ้ขี้เมา ไม่...ศีรษะทุยสะบัดแรงๆ ถึงเขาจะเมา แต่ยังพูดจารู้เรื่องนะ ยังรักคนเป็นด้วย เขารักกันติชาไง รัก...รักมากด้วย รักพอที่จะทำทุกอย่างให้หลานมีความสุข ยกเว้นอย่างเดียวที่ถูกขอแล้วเขาทำให้ไม่ได้ นั่นคือ...
“งดเหล้า เป็นตายยังไงก็จะไม่หยุดกิน เพราะมันคือความสุขอย่างที่สองที่เขาทำได้”
กันติชามองน้าชายด้วยหนักใจ นี่ก็อีกอย่างที่น้ำเหม็นๆ ทำให้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนที่เคยแต่งกายสะอาดสะอ้าน พูดจาสุภาพเรียบร้อย กลับกลายเป็นแต่งกายสกปรก เสื้อผ้ายับยู่ยี่และเหม็นเน่าชวนอาเจียน
อารมณ์ที่เคยดียิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาหยอกล้อให้คนอื่นยิ้มเสมอๆ กลับกลายเป็นหงุดหงิดง่าย ก้าวร้าวรุนแรง แปรปรวนง่ายยิ่งกว่าผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนเสียอีก ใครพูดไม่เข้าหูนิดเดียวก็เอะอะอาละวาดด่าทอ ชวนเขาทะเลาะต่อยตีอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ เคยมีบางคนทนไม่ไหวต่อยจนล้มคว่ำและล้มทั้งยืน แต่น้าก็ไม่สนและกินหนักมากขึ้นไปอีก จนเกือบจะเรียกว่าอาบน้ำเหล้าต่างน้ำแล้ว
น้าชายอะไรก็ดีไปหมด เสียอย่างเดียวพอเหล้าเข้าปาก ก็จะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น เมาจนบางครั้งนอนกับหมาข้างถนนก็ได้ ร้อนถึงเธอที่ต้องออกตามหาด้วยความเป็นห่วง ไม่ก็เพื่อนบ้านที่สมเพชเวทนาจนทนไม่ไหวหอบหิ้วมาส่ง
ไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่รับปากกับเธอ จะไม่กินอีกแล้ว แต่สุดท้ายก็ระงับใจตัวเองไม่ได้ เจอเพื่อนชวนเข้าหน่อยก็รีบรับมาดื่มมือไม้สั่น เธอเคยถามกินเข้าไปทำไมนักหนา กินแล้วเขาจะกลับมาหาหรือไง ก็ตอบกลับมาอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ และตัดพ้อต่อว่า เธอไม่รักและคิดผลักไสให้ไปไกล เธอเลยไม่เซ้าซี้ถามต่อ
“หนูว่าน้าฤทธิ์ไปนอนดีกว่าค่ะ เมามากแล้ว มีอะไรตื่นเช้าค่อยมาคุยกัน” กันติชาบอกและรีบเดินเลี่ยงไปอีกทาง เพื่อไปเอาตะกร้าใส่ของและเงินที่ได้แอบซ่อนเอาไว้ นำไปซื้อเนื้อสัตว์และผักสดมาเตรียมไว้ทำอาหารขายในวันพรุ่งนี้
“ไม่...กูไม่ไป มึงอย่าเสือก...มีหน้าที่หาเงินมาให้กูใช้ ก็ทำไป อย่ามายุ่งเรื่อง” ฤทธิ์รงค์ต่อว่าหลานสาวที่มักจะทำตัวเป็นแม่มากขึ้นทุกวัน มือใหญ่กระดกเหล้าขึ้นดื่มและขว้างทิ้งอย่างรวดเร็ว เมื่อน้ำหวานๆ และอร่อยลิ้นที่ทำให้เขาลืมเรื่องราวซึ่งทำให้หัวใจเหมือนถูกเผาไหม้จมอยู่ในกองแห่งความทุกข์ระทมหมดไปจากขวด
“เฮ้ย!! นังว่าวขอเงินไปซื้อเหล้าหน่อยซิวะ มานหมดแล้วนะ เห็นไหม” ฤทธิ์รงค์ร้องโวยวายเสียงดังลั่น แต่เสียงที่ออกมากลับยานๆ และจับคำแทบไม่ได้ ร่างเล็กผอมกะหร่องกะแหร่งพยายามลุกจากที่นั่งเดินตามไปไถเงินหลานสาวเพื่อไปซื้อเหล้ากิน ก็พอดีกับที่กันติชาเดินออกจากทางด้านหลังของบ้านในชุดเตรียมพร้อมที่จะออกไปด้านนอก
“หนูไม่มีเงินให้น้าเอาไปซื้อเหล้าอีกแล้วนะ ถ้าอยากจะกินก็หาเงินเอาเอง” เมื่อหงุดหงิดและรำคาญเข้ากันติชาก็ตัดบทอย่างไม่สนใจอาการลงแดงของน้าชาย แต่ก็แอบมองผ่านม่านสายตาด้วยความรักและสงสาร
ฤทธิ์รงค์สูดลมหายใจ พร้อมแผดร้องเสียงดังลั่นด้วยความไม่ชอบใจ ดวงตาแดงก่ำขุ่นขวางจ้องหลานสาวด้วยความโกรธเคือง แล้วก็ได้เห็นบางอย่าง ทำให้นึกถึงคำพูดของคนบางคน ดวงตาที่แดงก่ำด้วยฤทธิ์สุราก็มองหน้าหลานสาวใหม่อีกครั้งอย่างพินิจพิจารณา
เออแฮะ...นังว่าวสวยอย่างที่ไอ้เสี่ยอ้วนซึ่งเป็นทั้งเจ้าของตลาดและออกเงินกู้หน้าเลือดที่คอยรีดไถคนจนๆ เหมือนกับขูดรีดเลือดจากปู แต่กับเขาแล้วไอ้เสี่ยนี่กลับหยวนๆ ให้เสมอ ไปหยิบยืมมาใช้ก่อนโดยไม่คิดดอกเบี้ย แถมขอยืมสิบกลับให้มาเป็นร้อยเสียอีกด้วยจริง
ดวงตาแดงก่ำคมวาว มือใหญ่ยกขึ้นลูบปลายคางเบาอย่างคนกำลังใช้ความคิด ไอ้เสี่ยนั่นตาแหลมกว่าที่คิด ที่เห็นเพชรซึ่งซุกซ่อนอยู่ในโคลนตมอย่างหลานสาวเขา มิหนาละ หวังของสูงอย่างนี้นี่เองถึงได้ยอมควักเงินให้เขาอย่างไม่เสียดายเลย ทั้งที่ความจริงแล้วเค็มยิ่งกว่าเกลือ ขนาดทะเลยังต้องเรียกพี่เลย
“ถ้ามึงไม่ให้ กูจะไปเอากับไอ้เสี่ยอ้วนหน้าปากซอย มันคงให้กูหรอกนะ ให้เยอะด้วย เพราะมันจ้องมึงตาเป็นมันอยู่ไม่ใช่หรือไงนังว่าว” ฤทธิ์รงค์ถามอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
วงหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุราแย้มยิ้ม จ้องหลานสาวตามันวาว ไม่ใช่จะทำจริงๆ หรอกนะ ก็เพียงแค่ขู่เท่านั้นเอง ช่วยไม่ได้อยากงกเองนี่นา ขอนิดหน่อย ร้อยครึ่งร้อยไปซื้อเหล้า ไม่เห็นจะมากมายอะไรเลย แล้ววงหน้าอวบอูมและแดงก่ำก็มีรอยยิ้มแต่งแต้ม เมื่อเห็นท่าทางงอนสะบัดของหลานสาวสุดที่รัก
กันติชากัดริมฝีปากจนห้อเลือด สองมือกำแน่นจนปลายเล็บที่เริ่มจะยาวและยังไม่ได้ตัดเล็มให้เรียบร้อยทิ่มแทงไปในฝ่ามือ แต่ก็เจ็บไม่เท่าที่หัวใจเจ็บและรวดร้าวไปหมดทั้งทรวงกับความคิดของน้าชาย ก่อนรีบตัดใจผ่อนลมหายใจยาวๆ ผ่อนออกจากจมูกและริมฝีปาก
เมื่อถูกจับแขนเอาไว้และตรึงไว้เหนือศีรษะให้เธอทำร้ายเขาไม่ได้ ก็คงจะมีเพียงแค่เสียงจากปากเท่านั้นที่ด่าเป็นน้ำไหลไฟดับ แทบจะไม่ซ้ำคำด้วยสลับหยุดพักหายใจ ก่อนจะพ่นคำด่าออกมาอีกระลอกใหญ่ สองขาเรียวขยับเคลื่อนดันขาแข็งแกร่งที่ทาบอยู่ให้ออกห่างอย่างสุดความสามารถ โดยที่ไม่รู้เลย การกระทำดังกล่าวนอกจากจะพาตัวเองให้หลุดรอดจากเงื้อมมือราชันย์ไม่ได้แล้ว ยังเป็นการยั่วยุและกระตุ้นอารมณ์ปรารถนาของชายหนุ่มให้ลุกเป็นไฟอีกด้วย “ถามจริงไม่เหนื่อยบ้างหรือไงหนูว่าว ด่ายาวเป็นชุดเลย” ราชันย์ถามเสียงกลั้วหัวเราะ แกล้งลูบไล้มือใหญ่ไปตามลำตัวเนียนนุ่มจากด้านหลัง เรื่อยขึ้นไปจนถึงขอบเสื้อชั้นใน และวกกลับลงมาตามสีข้าง ก่อนที่ลากเลยไปด้านหน้า “ไอ้คนเฮงซวย ชอบเอาเปรียบคนอื่น ปล่อยหนูนะ ไอ้ที่เสนอไปน่ะไม่ทำให้แล้ว หนูไม่อยู่กับคุณแล้วด้วย ปล่อย...” หญิงสาวกรีดร้องเสียงยาวดังตามมาอีกระลอก ดวงตาคมวามวาวที่มองมาทำให้กายสาวเริ่มสั่นสะท้าน หัวใจเริ่มสั่นไหว เพราะเข้าใจในความหมายนั้นดี ในลำคอเริ่มที่จะแห้งผากจนกลืนน้ำลายติดๆ ขัดๆ เบือนหน้าหนีไปอีกฝั่งที่ไม่มีหน้าราชันย์อยู่ สมองเริ่มคิด จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที
“แหมคุณ...เอ่อ...โทษนะคะ ถ้าฉันจำไม่ผิดคุณคือคนที่มาขออาหารฉันกินเมื่อคืนใช่ไหมคะ” กันติชาถามน้ำเสียงเหมือนกำลังหัวเราะ “โทษทีนะคะที่ฉันเรียกชื่อคุณไม่ถูก เผอิญว่าเราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ฉันเลยสงสัย คุณเป็นอะไรคะถึงได้ทำตัวเหมือนเจ้าสัตว์สี่ขาที่คอยแยกขาฉี่ตามแถวสี่แยกนะคะ แบบ...เวลาใครเดินผ่านไปมาหรือมันไม่ชอบใจใคร ก็มักจะส่งเสียงแงดๆ แล้วก็วิ่งไล่งับจนหางสั่น” “เฮ้ย...ยาย...” มือใหญ่ยกขึ้นชี้หน้ากันติชาอย่างเร็วรี่ นภดลโกรธจนเรียกได้ว่าเลือดขึ้นหน้า ใบหน้าคร้ามขาวอย่างคนผิวดีแดงปลั่งลามไปถึงใบหู ประกายในดวงตาแดงจัดและลุกเป็นเปลวเพลิง จ้องคนในอ้อมแขนเพื่อนกึ่งนายเหมือนกับจะเผาไหม้ให้เป็นจุณ “จุ๊ๆ อย่าโกรธซิคะคุณขา ฉันเพียงแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง แล้วก็อยากจะเตือนคุณไว้สักอย่างด้วยค่ะ ปากอย่างนี้ระวังจะมีคนเอาสีมาป้ายที่ปากกับหัว จนต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มโรงบาลนะคะ” ใบหน้าสวยยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหวานนุ่ม ไหล่กว้างเลิกขึ้นสูงอย่างไม่แคร์ ทีตัวเองว่าคนอื่นได้ แต่พอเขาสวนกลับก็โกรธ ผู้ชายอะไรไม่แมนเลย...ดวงตากลมโตกวาดไล่มองนภดลใหม่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปจนถึงศีรษะอย่างไม่แคร
“แกล่ะ ไปไหนมาแต่เช้า หรือว่า...” นภดลปรายสายตามองยายแม่บ้านที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนกำยำด้วยความหงุดหงิด“ไปหาไอ้สิทธิ์มา มีธุระกับมันนิดหน่อย” “อ้าว แล้วไอ้สิทธิ์กลับตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นเมื่อคืนก็มานี่หว่า” นภดลเอ่ยถาม วาดสายตามองไปรอบๆ อย่างคนกำลังขบคิดเรื่องสำคัญ ราชันย์ไปหาสิทธิศักดิ์ทำไม มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ทำไมสองคนนี้ถึงได้ชอบคิดชอบทำอะไรลับหลังเขาเสมอนะ “แกก็รู้ว่าไอ้สิทธิ์เป็นเด็กดี ตื่นเช้าเข้านอนเร็ว เหล้ากินบุหรี่ไม่สูบ แล้วก็เกรงใจแฟนจะตาย ไอ้เรื่องนอนค้างอ้างแรมที่อื่นนะไม่มีทาง อาริตาเช็กตลอดยี่สิบชั่วโมง ถ้าทำได้” ราชันย์แขวะไปถึงเพื่อนรักที่ไม่น่าจะเข้ามาข้องแวะกับกลุ่มของเขาได้เลย เพราะพวกเขาบางคนตะวันไม่ขึ้นไม่กลับเข้าบ้านนอน แต่สิทธิศักดิ์ไม่เคยที่กลับบ้านเกินเที่ยงคืนซึ่งนั่นคือสูงสุดแล้ว ด้วยแฟนสาวเป็นห่วงยิ่งกว่าแม่เสียอีก คอยโทรเช็กเช้าเย็นตลอดจนถึงค่ำคืน ยิ่งวันไหนรู้ว่าไปกับกลุ่มของเขาละก็ แม่โทรเช็กนาทีต่อนาทีเลยเชียวล่ะ แต่อย่างน้อยการมีสิทธิศักดิ์เข้ามาในกลุ่มก็มีเรื่องดีในหลายๆ ด้าน เพราะสามารถพึ่งพาได้ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน เพียงแค่โ
ริมฝีปากเล็กขบกัดติ่งหูพร้อมสอดแทรกปลายลิ้นเล็กและร้อนไปในช่องหูกว้าง ในขณะที่มือก็ลูบไล้ปลดเข็มขัดหนัก จิกทึ้งเสื้อโปโลออกจากตัวกางเกงและสอดมือไปลูบไล้อกกว้าง บอกแล้วว่าเธอมันหน้าด้านและเก่งเรื่องจดและจำในสิ่งที่ได้พบเจอ การสอนสั่งของราชันย์ที่มอบให้เมื่อคืนจึงย้อนกลับมาสู่ตัวเขา แม้จะยังไม่เต็มที่เท่าไหร่ก็ตามเถอะ มือเล็กเคลื่อนลงไปด้านล่างอย่างเชื่องช้า และเมื่อถึงบางส่วนของเรือนกายแข็งแกร่ง แทนที่เธอจะทักทายอย่างที่ราชันย์ต้องการ กันติชาเลือกที่จะหยุดและขยับตัวถอยห่าง แต่ยังคงไม่ปล่อยมือจากกายแกร่ง “ว่าไงคะคุณใหญ่ จะตัดสินใจยังไงเอ่ย” หญิงสาวถามเสียงนุ่มและเซ็กซี่เล็กๆ ปลายลิ้นลากไล้ริมฝีปากอย่างเย้ายวนชวนเชิญ ดวงตาเป็นประกายหวานเซ็กซี่ ราชันย์ถึงกับร้อนราวถูกไฟเผา เมื่อเจอกับการยั่วยวนของแม่นางบำเรอฝึกหัด มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางเบาๆ ดวงตาตวัดมองใบหน้านวลเนียนที่มีรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มเชิญชวน ไพล่มือไปจับมือเล็กมาดมดอม ริมฝีปากหนาขบกัดปลายนิ้วเล็กๆ เหมือนกับคนกำลังคิดสะระตะ การทำตามความต้องการของกันติชา แลกกับสิ่งที่เธอจะมอบให้มันคุ้มค่ากันหรือเปล่า ทั้งที่เขาตัดสินใจได้ตั้ง
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว
Mga Comments