“คุณ...จะทำอะไร ถอยไปนะ ไม่งั้นหนูร้องเรียกให้คนช่วยจริงๆ ด้วย” กันติชาขู่เสียงเบาหวิว จนแทบจะกลายเป็นเพียงแค่ลมเบาๆ ที่ออกจากเรียวปากอวบอิ่ม ด้วยคิดว่าคนอยู่กันเต็มบ้านแบบนี้ ถึงจะมึนเมาและยุ่งอยู่กับผู้หญิง แต่ก็ต้องมีใครสักคนแหละน่าที่ได้ยินเสียงร้องของเธอ และออกมาให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที
ราชันย์อยากจะหัวเราะให้ดังก้องลั่นห้อง นี่แม่สาวน้อยตรงหน้าไม่รู้เลยหรือไงกัน เขาไม่เคยกลัวเกรงใคร ขืนร้องแรกแหกกระเชอ ก็มีแต่จะทำให้ตัวเองนั่นแหละที่ขายหน้า
“เธอคิดว่าฉันจะกลัวหรือไงแม่สาวน้อย รู้ไหมว่ายิ่งเธอทำแบบนั้นฉันยิ่งอยากจะลอง แล้วเธอจะทำอะไรได้ถ้าฉันทำแบบนี้หือ...แม่ตัวดี...”
ราชันย์ถามและแกล้งโฉบใบหน้าลงไปคลุกเคล้ากับลำคอระหง แต่พอได้สัมผัสกับความนุ่มหอม ความอยากแกล้งเลยกลับกลายเป็นความต้องการ ริมฝีปากหนาร้อนขบเม้มจุดที่แอ่งชีพจรแม่ครัวหัวป่าด้วยความรื่นเริง ก่อนไล่ขึ้นไปตามปลายคางและสิ้นสุดบนเรียวปากนุ่ม ที่เผยอ้าไว้รอต้อนรับพอดี
อ๋อ...พูดผิด ไม่ได้เผยอ้าไว้รอรับจุมพิตเขาหรอก แต่อ้าเพื่อจะร้องเรียกให้คนอื่นมาดูโชว์สดๆ ต่างหากละ หึหึ...แม่หนูน้อยแสนหวานนี่ช่างไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ทำยิ่งกระตุ้นความปรารถนาในกายเขาให้ลุกโชติช่วง จนยากที่จะระงับเอาไว้ได้
เรือนกายโปร่งบางสั่นสะท้านเหมือนกิ่งไผ่ไหวไปตามสายลมแรง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อริมฝีปากที่กำลังเผยออ้าร้องขอความช่วยเหลือถูกปิดลงด้วยริมฝีปากหนาอุ่นร้อนเหมือนกับเปลวเพลิงไฟ จะเบือนหน้าหนีก็ไม่ได้เมื่อถูกตรึงปลายคางไว้ด้วยมือที่ยื่นมาจับรั้งตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ราชันย์ใช้ความช่ำชองกว่ากดรัดบดคลึงสลับขบกัดกลีบปากบนล่างอย่างหยอกเย้า ในขณะปลายลิ้นสากระคายก็สอดแทรกเข้าไปเกี่ยวเกาะกับลิ้นเล็ก ปลุกเร้าอารมณ์สาวน้อยที่ลุกไวเหมือนกับน้ำมันเจอสะเก็ดไฟจนลุกพรึบทันควัน มือใหญ่ขยับเคลื่อนสอดเข้าไปใต้ร่มผ้า ลูบไล้ผิวกายเนียนนุ่มดุจใยไหม จากหน้าท้องแบนราบเรียบไร้ไขมันส่วนเกิน ไล่ไปตามสีข้าง แล้วค่อยๆ ย้อนกลับอย่างช้าๆ เพื่อเข้าครองสองก้อนเนื้อที่เขารู้ดีว่าเต่งตึงและนุ่มหยุ่นมือเพียงใด
“ร้องซิจ๊ะสาวน้อย ร้องเพราะๆ นะยาหยี ฉันอยากได้ยินเสียงเธอร้องครางครวญใต้ร่างฉัน ร้องดังๆ เลยยิ่งดีนะหนูน้อย” ฝ่ามือใหญ่และร้อนผ่าวฟอนเฟ้นกดคลึงปทุมถันอวบอิ่มหนักสลับเบา
“อืม...” กันติชาร้องครางครวญในลำคอ จากที่ต่อต้านก็กลายเป็นให้ความร่วมมือ มือที่พยายามผลักดักร่างหนาใหญ่ออกไปเมื่อครู่ กลับค่อยแปลเปลี่ยนเป็นการขยับเคลื่อนไปตามกล้ามเนื้อแข็งแกร่งและสากระคายอย่างกึ่งกล้ากึ่งกลัว แต่ก็อยากรู้และอยากลอง แม้จะไม่ได้ไว้เล็บยาวแต่เมื่อความวาบหวิวและปั่นป่วนรุมเร้า เธอก็จิกปลายเล็บบนแผ่นหลังกว้าง และลากแรงๆ จนราชันย์ถึงกับแสบร้อนได้เหมือนกัน
“อืม...เบาๆ ซิยาหยี เรานี่อารมณ์ร้อนเร็วและรุนแรงใช่เล่นเลยนะสาวน้อย” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงแหบพร่านุ่มทุ้มและกระเส่า สองมือใหญ่สอดกระชับและยกร่างโปร่งบางขึ้น โดยให้สองขาเรียวยาวเกี่ยวกับสะโพกสอบ ก่อนสอดกลับไปลูบไล้ผิวเนื้อเนียนนุ่มอีกครั้ง พร้อมทำการปลดตะขอเสื้อชั้นในปลดปล่อยสองเต้าสวยให้เป็นอิสระ อย่างลืมตัวไปว่ากำลังอยู่ที่ใด เพราะใจมัวเมาในรสหวานล้ำที่ได้ลิ้มรส
มือใหญ่ซอกซอนกลับมาด้านหน้า แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวยาวใหญ่ที่กันติชาสวมติดกายออก พร้อมกดฝังใบหน้าระหว่างสองเต้าที่ชูช่อไสวเหมือนดอกไม้แรกผลิ ริมฝีปากหนาร้อนกำลังจะคีบตัวเสื้อชั้นในให้เคลื่อนขึ้นไปอยู่เหนือปทุมถันก็พอดีกับหูแว่วได้ยินเสียงคนเดินมาทางที่เขายืนอยู่
ราชันย์สบถเสียงขุ่นเขียว รีบวางร่างโปร่งบางลง พร้อมกับรีบกลัดกระดุมให้อย่างเร็วรี่ ด้วยไม่ต้องการให้ใครได้เห็นกายสาวที่เขาจับจองตั้งแต่แรก มือใหญ่สอดรัดดึงร่างกลมกลึงมาแนบอกและหันไปมองด้านหลัง พร้อมตวัดสายตาคมกริบเหมือนกับมีดโกนหันไปทางผู้บุกรุก
“ฉันเห็นแกหายมานานแล้ว เลยตามออกมาดู” นภดลบอกอย่างไม่หวั่นเกรงกระแสความโกรธเกรี้ยวที่แผ่กระจายมา
คิ้วหนาปลายหางตาด้านหนึ่งตวัดเฉียงขึ้นไปด้านบนเลิกขึ้นเล็กน้อยพร้อมไหล่กว้างเลิกขึ้นอย่างไม่แคร์ ก็เขาตั้งใจมาขัดจังหวะการพลอดรักของทั้งสองคนจริงๆ นี่นา แล้วจะไปสนใจทำไม ทำให้ใครโกรธบ้าง ดวงตาคมหวานจับจ้องที่กันติชาอย่างดูถูกเหยียดหยาม จากสภาพที่เห็น รู้ได้โดยไม่ต้องเดาเลย สองคนนี้ไม่ได้คุย แต่กำลังทำอย่างอื่นกัน
แขนใหญ่สอดกระชับร่างโปร่งบางเข้ามาแนบอก เอียงใบหน้าแนบกับบ่ากว้างของคนร่างเล็กกว่าที่ยืนตัวสั่น ก้มหน้างุดเพราะความกระดากอายและโกรธเกรี้ยว จากมือเล็กๆ ที่ประทุษร้ายร่างกายเขาทุกส่วนเท่าที่จะทำได้ แถมยังมีเสียงขู่ฟ่อๆ เหมือนงูบอกให้ปล่อยตัวเธอเสียที แต่มันกลับยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากเอาชนะ ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้ผิวกายเนียนนุ่มบริเวณเอวเล็กคอด
“เผอิญเรื่องที่คุยกันมันยาวและนานไปหน่อยใช่ไหมว่าว” ราชันย์ตอบพร้อมเสียงหัวเราะหึหึในลำคอ กายใหญ่สะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกคนตัวเล็กกว่าหยิบหนังหนาๆ ขึ้นมาและบิดแรงๆ เขาเลยตอบแทนด้วยการเคลื่อนมือขึ้นไปหาบางส่วนของเรือนกายสาวอย่างเชื่องช้า อย่างต้องการให้หญิงสาวรู้ ควรทำร้ายเขาหรือเปล่า แต่สายตากลับจ้องไปยังนภดลที่ดูเหมือนจะจับตามองเขาอยู่ทุกอิริยาบถ
‘อ๋อ...ยายแม่ครัวนี่ชื่อว่าว สงสัยโดนมนต์สะกดของราชันย์จนลอยลมบนไปเรียบร้อยแล้ว ถึงได้ยืนก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาใครแบบนั้น เฮอะผู้หญิง...ร้อยทั้งร้อยต้องมาตายด้วยผู้ชายหล่อและรวยเสมอ นภดลค่อนแคะเหยียดหยามกันติชาอยู่ในใจ’
“ดูท่านายจะหิวมากจริงๆ นั่นแหละดล งั้นหาอะไรกินเอาเองละกันนะ เพราะฉันยังมีธุระกับว่าวอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้เคลียร์”
ไม่รอให้คนที่กำลังยืนงงอ้าปากค้างงวยงงตั้งแต่ถูกเขาจู่โจมด้วยเพลิงพิศวาสที่ช่ำชองได้ตั้งตัว แขนใหญ่สอดกระหวัดกระชับร่างโปร่งบางจนสัดส่วนเรือนกายนุ่มหยุ่นทาบไปกับลำตัวกว้าง และบังคับให้เดินตามไปด้วยท่วงท่าสบายๆ พร้อมรอยยิ้มนิดที่ผุดขึ้นบนมุมหนึ่งของปาก
กว่าที่จะรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ก็พอดีกับที่ประตูห้องใหญ่ปิดลงดังปัง ใบหน้าสวยหันไปมองประตูห้อง ก่อนหันกลับมาหาคนที่พาเธอเข้ามาในห้องอันมืดมิด แต่ครู่เดียวไฟในห้องก็สว่างไสวด้วยมือราชันย์ซึ่งยืนอิงตัวเองกับโต๊ะทำงานสีดำสนิท ที่มองมาเหมือนกำลังสะกดจิต
เมื่อถูกจับแขนเอาไว้และตรึงไว้เหนือศีรษะให้เธอทำร้ายเขาไม่ได้ ก็คงจะมีเพียงแค่เสียงจากปากเท่านั้นที่ด่าเป็นน้ำไหลไฟดับ แทบจะไม่ซ้ำคำด้วยสลับหยุดพักหายใจ ก่อนจะพ่นคำด่าออกมาอีกระลอกใหญ่ สองขาเรียวขยับเคลื่อนดันขาแข็งแกร่งที่ทาบอยู่ให้ออกห่างอย่างสุดความสามารถ โดยที่ไม่รู้เลย การกระทำดังกล่าวนอกจากจะพาตัวเองให้หลุดรอดจากเงื้อมมือราชันย์ไม่ได้แล้ว ยังเป็นการยั่วยุและกระตุ้นอารมณ์ปรารถนาของชายหนุ่มให้ลุกเป็นไฟอีกด้วย “ถามจริงไม่เหนื่อยบ้างหรือไงหนูว่าว ด่ายาวเป็นชุดเลย” ราชันย์ถามเสียงกลั้วหัวเราะ แกล้งลูบไล้มือใหญ่ไปตามลำตัวเนียนนุ่มจากด้านหลัง เรื่อยขึ้นไปจนถึงขอบเสื้อชั้นใน และวกกลับลงมาตามสีข้าง ก่อนที่ลากเลยไปด้านหน้า “ไอ้คนเฮงซวย ชอบเอาเปรียบคนอื่น ปล่อยหนูนะ ไอ้ที่เสนอไปน่ะไม่ทำให้แล้ว หนูไม่อยู่กับคุณแล้วด้วย ปล่อย...” หญิงสาวกรีดร้องเสียงยาวดังตามมาอีกระลอก ดวงตาคมวามวาวที่มองมาทำให้กายสาวเริ่มสั่นสะท้าน หัวใจเริ่มสั่นไหว เพราะเข้าใจในความหมายนั้นดี ในลำคอเริ่มที่จะแห้งผากจนกลืนน้ำลายติดๆ ขัดๆ เบือนหน้าหนีไปอีกฝั่งที่ไม่มีหน้าราชันย์อยู่ สมองเริ่มคิด จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที
“แหมคุณ...เอ่อ...โทษนะคะ ถ้าฉันจำไม่ผิดคุณคือคนที่มาขออาหารฉันกินเมื่อคืนใช่ไหมคะ” กันติชาถามน้ำเสียงเหมือนกำลังหัวเราะ “โทษทีนะคะที่ฉันเรียกชื่อคุณไม่ถูก เผอิญว่าเราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ฉันเลยสงสัย คุณเป็นอะไรคะถึงได้ทำตัวเหมือนเจ้าสัตว์สี่ขาที่คอยแยกขาฉี่ตามแถวสี่แยกนะคะ แบบ...เวลาใครเดินผ่านไปมาหรือมันไม่ชอบใจใคร ก็มักจะส่งเสียงแงดๆ แล้วก็วิ่งไล่งับจนหางสั่น” “เฮ้ย...ยาย...” มือใหญ่ยกขึ้นชี้หน้ากันติชาอย่างเร็วรี่ นภดลโกรธจนเรียกได้ว่าเลือดขึ้นหน้า ใบหน้าคร้ามขาวอย่างคนผิวดีแดงปลั่งลามไปถึงใบหู ประกายในดวงตาแดงจัดและลุกเป็นเปลวเพลิง จ้องคนในอ้อมแขนเพื่อนกึ่งนายเหมือนกับจะเผาไหม้ให้เป็นจุณ “จุ๊ๆ อย่าโกรธซิคะคุณขา ฉันเพียงแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง แล้วก็อยากจะเตือนคุณไว้สักอย่างด้วยค่ะ ปากอย่างนี้ระวังจะมีคนเอาสีมาป้ายที่ปากกับหัว จนต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มโรงบาลนะคะ” ใบหน้าสวยยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหวานนุ่ม ไหล่กว้างเลิกขึ้นสูงอย่างไม่แคร์ ทีตัวเองว่าคนอื่นได้ แต่พอเขาสวนกลับก็โกรธ ผู้ชายอะไรไม่แมนเลย...ดวงตากลมโตกวาดไล่มองนภดลใหม่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปจนถึงศีรษะอย่างไม่แคร
“แกล่ะ ไปไหนมาแต่เช้า หรือว่า...” นภดลปรายสายตามองยายแม่บ้านที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนกำยำด้วยความหงุดหงิด“ไปหาไอ้สิทธิ์มา มีธุระกับมันนิดหน่อย” “อ้าว แล้วไอ้สิทธิ์กลับตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นเมื่อคืนก็มานี่หว่า” นภดลเอ่ยถาม วาดสายตามองไปรอบๆ อย่างคนกำลังขบคิดเรื่องสำคัญ ราชันย์ไปหาสิทธิศักดิ์ทำไม มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ทำไมสองคนนี้ถึงได้ชอบคิดชอบทำอะไรลับหลังเขาเสมอนะ “แกก็รู้ว่าไอ้สิทธิ์เป็นเด็กดี ตื่นเช้าเข้านอนเร็ว เหล้ากินบุหรี่ไม่สูบ แล้วก็เกรงใจแฟนจะตาย ไอ้เรื่องนอนค้างอ้างแรมที่อื่นนะไม่มีทาง อาริตาเช็กตลอดยี่สิบชั่วโมง ถ้าทำได้” ราชันย์แขวะไปถึงเพื่อนรักที่ไม่น่าจะเข้ามาข้องแวะกับกลุ่มของเขาได้เลย เพราะพวกเขาบางคนตะวันไม่ขึ้นไม่กลับเข้าบ้านนอน แต่สิทธิศักดิ์ไม่เคยที่กลับบ้านเกินเที่ยงคืนซึ่งนั่นคือสูงสุดแล้ว ด้วยแฟนสาวเป็นห่วงยิ่งกว่าแม่เสียอีก คอยโทรเช็กเช้าเย็นตลอดจนถึงค่ำคืน ยิ่งวันไหนรู้ว่าไปกับกลุ่มของเขาละก็ แม่โทรเช็กนาทีต่อนาทีเลยเชียวล่ะ แต่อย่างน้อยการมีสิทธิศักดิ์เข้ามาในกลุ่มก็มีเรื่องดีในหลายๆ ด้าน เพราะสามารถพึ่งพาได้ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน เพียงแค่โ
ริมฝีปากเล็กขบกัดติ่งหูพร้อมสอดแทรกปลายลิ้นเล็กและร้อนไปในช่องหูกว้าง ในขณะที่มือก็ลูบไล้ปลดเข็มขัดหนัก จิกทึ้งเสื้อโปโลออกจากตัวกางเกงและสอดมือไปลูบไล้อกกว้าง บอกแล้วว่าเธอมันหน้าด้านและเก่งเรื่องจดและจำในสิ่งที่ได้พบเจอ การสอนสั่งของราชันย์ที่มอบให้เมื่อคืนจึงย้อนกลับมาสู่ตัวเขา แม้จะยังไม่เต็มที่เท่าไหร่ก็ตามเถอะ มือเล็กเคลื่อนลงไปด้านล่างอย่างเชื่องช้า และเมื่อถึงบางส่วนของเรือนกายแข็งแกร่ง แทนที่เธอจะทักทายอย่างที่ราชันย์ต้องการ กันติชาเลือกที่จะหยุดและขยับตัวถอยห่าง แต่ยังคงไม่ปล่อยมือจากกายแกร่ง “ว่าไงคะคุณใหญ่ จะตัดสินใจยังไงเอ่ย” หญิงสาวถามเสียงนุ่มและเซ็กซี่เล็กๆ ปลายลิ้นลากไล้ริมฝีปากอย่างเย้ายวนชวนเชิญ ดวงตาเป็นประกายหวานเซ็กซี่ ราชันย์ถึงกับร้อนราวถูกไฟเผา เมื่อเจอกับการยั่วยวนของแม่นางบำเรอฝึกหัด มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางเบาๆ ดวงตาตวัดมองใบหน้านวลเนียนที่มีรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มเชิญชวน ไพล่มือไปจับมือเล็กมาดมดอม ริมฝีปากหนาขบกัดปลายนิ้วเล็กๆ เหมือนกับคนกำลังคิดสะระตะ การทำตามความต้องการของกันติชา แลกกับสิ่งที่เธอจะมอบให้มันคุ้มค่ากันหรือเปล่า ทั้งที่เขาตัดสินใจได้ตั้ง
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว