“ไม่ถึงห้านาทีคุณก็ได้กินแล้ว ทนรออีกนิดละกัน แต่ถ้าทนรอไม่ไหวหิวจนลงแดงตายก่อนก็ถือว่าช่วยไม่ได้นะ” กันติชาข่มความโมโหที่มันพลุ่งพล่านอยู่ในกระแสเลือดพูดตอบกลับไปแบบมะนาวไม่มีน้ำ พร้อมจิกกัดไปในตัวหน้าตาเฉย เพราะเธอไม่ใช่คนโง่สักเท่าไหร่เพียงแค่ไม่เฉลียวและทันคนเท่านั้นเอง แต่ก็ยังพอจะเข้าใจความหมายในการมองของชายหนุ่มได้แม้ไม่หมดทุกอย่าง เอ่ยถามแทรกขึ้นมาในความเงียบงัน
“ถ้าฉันทนไม่ไหวขึ้นมาแล้วเผลอกินเธอเข้าไปจะว่าไงล่ะ เธอจะยอมให้ฉันกินแทนอาหารพวกนั้นหรือเปล่า” นภดลตอบกลับไปอย่างยียวนและกวนประสาทอีกฝ่ายเหมือนกัน ด้วยอยากรู้ว่ายายแม่ครัวที่น่าจับปล้ำตรงหน้าจะรับมือกับพฤติกรรมห่ามๆ ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อได้มาเจอเธอของเขาอย่างไรกัน
กันติชาหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดสองแง่สองง่ามของคนตรงหน้า ที่กวนประสาทเธอเหลือหลาย แล้วยังจะมีรอยยิ้มหวานนุ่มมีเสน่ห์ส่งมอบมาให้อีก ไหล่กว้างเลิกขึ้นสูง ลืมไปได้ไงกัน พวกคนรวยๆ น่ะมีอารมณ์แปลกประหลาดปรวนแปรง่าย เดี๋ยวก็ยิ้มหวานไม่ทันถึงห้านาทีก็โมโหซะแล้ว
“ฉันไม่ใช่อาหารของใครและไม่เคยคิดจะเป็นด้วย ถ้าคุณอยากได้อาหารแบบที่ว่า ก็ไปขอจากผู้หญิงที่คุณพามาด้วยละกัน แต่ถ้าหิวมากหาที่ลงไม่ได้ก็ไปหาเอาตามข้างถนนละกัน คงจะมีให้คุณเลือกไม่อั้นเลยละ”
เอาซิบ้ามาเธอก็บ้าไป เรื่องอะไรจะยอมเป็นเบี้ยให้ถูกโขกสับอยู่ฝ่ายเดียวละ ไม่ใช่คนจ่ายเงินให้เธอเสียหน่อย ถ้าราชันย์ว่าก็ไปอีกอย่างหนึ่ง อันนั้นต้องหงอไว้ก่อน เดี๋ยวไม่ได้เงินละแย่เลย
‘หึ...ปากจัดใช่เล่นเลยนะยายแม่ครัวหัวป่า แล้วก็รู้ทันฉันด้วย อย่างนี้ก็สนุกซิ’
รอยยิ้มผุดขึ้นตรงมุมปากด้านหนึ่งแล้วจางหายไปอย่างรวดเร็วจนกันติชาไม่ทันจะได้เห็น และยิ่งร่างโปร่งบางหันหลังเดินไปหยิบเอาอาหารที่บรรจุใส่กล่องอย่างสวยงามน่ารับประทานออกมาอย่างช้าๆ เพื่อเลือกดูว่าอันไหนจะเหมาะและพอให้ชายหนุ่มจอมก่อกวนได้รับประทานแบบพอกิน ไม่เหลือทิ้งให้ต้องเกิดความเสียดาย ทำให้นภดลกวาดตามองหญิงตรงหน้าได้อย่างถนัดถนี่ ลมหายใจชายหนุ่มถึงกับหอบแรง ความกระหายในตัวมันพลุ่งพล่านอย่างไม่มีสาเหตุ
ร่างหนาเดินไปหาแม่ครัวสาวเหมือนคนที่โดนสะกดจิต ก็พอดีกับที่ร่างเล็กหันมาพอดี สองร่างจึงปะทะกันอย่างเต็มและด้วยความที่ไม่ทันระวังตัว บวกกับความหนาของคนชนทำให้ร่างโปร่งบางถึงกับกระเด็นหงายไปด้านหลัง ประจวบกับพื้นห้องครัวยังมีหยดน้ำจากการถูกพื้นเมื่อครู่หลงเหลืออยู่นิดๆ เลยทำให้กันติชาถึงกับหน้าเหวอลื่นล้มก้นกระแทกพื้นอย่างไม่เป็นท่า
“โอ๊ย!!!!”
“ทำอะไรกัน?”
กันติชาถึงกับสะดุ้งเฮือก เจ็บก้นกบยังไม่ทันจะจางหาย ใบหน้าที่นิ่วเหยเก ดวงตากลมโตยิบหยี พร้อมเสียงสูดปากและโอดโอยหยุดชะงัก เมื่อมีเสียงแข็งกร้าวและดุแข็งดังมาจากไหนก็ไม่รู้ ที่ได้ยินแล้วก็ให้นึกถึงคนบางคนที่ก่ออารมณ์ต่างๆ ให้อย่างไม่มีวันหยุดนิ่ง
“อู๊ย...มันเรื่องอะไรกันนักหนานะ ทำไมวันนี้ถึงได้มีแต่เรื่องบ้าๆ ห่วยๆ จังเลยวุ้ย” ริมฝีปากอวบอิ่มขยับบ่นพึมพำทั้งที่ดวงตากลมโตยังขยุกขยิกจะลืมก็ไม่ใช่จะปิดก็ไม่เชิง เลิกขึ้นช้าๆ จากที่ตวัดมองคนที่ทำให้เธอล้มก้นจ้ำเบ้าอย่างไม่พอใจ ต้องไพล่ไปหาต้นเสียงที่ชวนให้หวาดหวั่น
แสงจากหลอดไฟนีออนที่ส่องสว่างทำให้เธอเห็นเงาที่ทาบลงมาบนพื้น ลมหายใจสาวน้อยถึงกับติดขัด เมื่อเห็นหน้าคนถามถนัดๆ ตา
‘โอ๊ย...พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ใครก็ได้ช่วยลูกช้างที’
“พอดีฉันหิวน่ะ เลยคิดจะมาขออะไรแม่ครัวแกกินสักหน่อย” นภดลตัดบทพูดขึ้นก่อน ไม่แคร์แม้จะได้เห็นสายตาไม่พอใจจากเพื่อนกึ่งเจ้านายส่งมาก็ตาม อีกทั้งยื่นมือใหญ่ไปหวังจะช่วยคนร่างเล็กกว่าให้ลุกจากพื้น แต่ก็ไม่ทันราชันย์ที่เดินเข้ามาแทรกอย่างรวดเร็ว ดึงเอาร่างแม่ครัวหุ่นอวบอัดน่าปรารถนาขึ้นไปกกกอดหน้าตาเฉย
ใบหน้าคมคร้ามผุดรอยยิ้มเหนือมุมปากเล็กน้อยอย่างรู้เท่าทันคนเป็นเพื่อน แขนแกร่งสอดรัดร่างโปร่งเข้ามาหาจนแนบชิด แสดงความเป็นเจ้าของอย่างเปิดเผย สายตาผู้ชายด้วยกันมองกันออก นภดลให้ความสนใจกันติชาอย่างออกนอกหน้า ถึงได้พยายามตะล่อมถามเรื่องราวของหญิงสาวจากเขาและคนในบ้าน รวมถึงคอยสอดส่ายสายตามองอยู่อย่างไม่คลาดคลา
“แล้วได้หรือยังล่ะของกิน” ราชันย์ถามเรียบๆ ทั้งที่ความจริงเขามาทันเห็นนภดลกำลังจะทำอะไรกับแม่ครัวแสนหวานที่เขาจับจ้องเป็นเจ้าของตั้งแต่แรกเห็น ที่มันทำให้ความรู้สึกหวงแหนพุ่งขึ้นสู่สมองและหัวใจทันควัน อย่างไม่ทันจะรู้ตัวด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าตอนที่เห็นลมร้อนแทบจะพวยพุ่งออกจากหูด้วยซ้ำ เกือบถลาไปฝากรอยหมัดไว้บนวงหน้าหล่อหวานละมุนของเพื่อนแล้วด้วย แต่เมื่อกันติชาถลาลื่นล้มก็ให้เป็นห่วงแทน จนต้องรีบนำตัวเองสอดเข้ามาขวางลำเสียก่อน
“คุณ...หนูเจ็บนะ” กันติชาร้องบอกราชันย์เสียงเบา วงหน้าสวยเบะออกด้วยความเจ็บ เมื่อแขนแข็งแกร่งกลายตัวเป็นคีมเหล็กรัดเสียจนเอวเธอแทบจะหักขาดเป็นสองท่อน อีกทั้งการได้อยู่กับราชันย์ก็ยังดีกว่าชายหนุ่มอีกคนที่เป็นคนอารมณ์ไม่คงที่ เหมือนกับผู้หญิงวัยใกล้หมดประจำเดือน เลือดจะไปลมจะมา หาทิศทางไม่เจอ
ใบหน้าสวยเหยเกเล็กน้อย ปลายมือจิกลงไปบนกล้ามเนื้อแข็งแกร่งแรงๆ เพื่อให้เขารู้ตัวว่าทำให้เธอเจ็บ แต่ดูเหมือนว่าแรงเท่ามดตะนอยจะสร้างความเจ็บปวดและรู้สึกตัวให้อีกฝ่ายไม่ได้เลย เพราะยิ่งปฏิเสธและขยับกายหนีห่างเท่าไหร่ แขนกำยำก็ยิ่งรัดแน่นขนัดมากขึ้น จนเรือนกายโปร่งบางแนบชิดไปกับเรือนกายอันทรงพลังและแข็งแกร่งของอีกฝ่ายทั่วทั้งสรรพางค์
“ยังเลย ว่าแต่แกเถอะมาทำอะไรดึกดื่นป่านนี้ นึกว่าจะอยู่กับสาวๆ ที่คลอเคลียออดอ้อนเหมือนแมวพวกนั้นเสียอีก ของชอบไม่ใช่หรือไง”
นภดลถามพร้อมแขวะกัดไปเล็กน้อย ตามอารมณ์โกรธที่ปะทุขึ้นด้วยความอิจฉา ที่จำต้องข่มกลั้นสะกดเอาไว้ในทรวง ทุกคนต่างให้การยกย่องเชิดชูราชันย์ แม้ชายหนุ่มจะแสดงท่าทางไม่แคร์ใคร พูดจาหมาไม่รับประทานก็ตามที แต่ทุกคนก็ยังต้องพึ่งพาเพื่อนคนนี้ ไม่เว้นแม่แต่เขาเองที่ต้องพึ่งพาทั้งเรื่องงานที่ทำอยู่และเรื่องเงินที่อีกฝ่ายยอมควักออกจากกระเป๋าอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะมากมายเพียงไหนก็ไม่มีบ่นเลยสักคำ ที่ไม่เคยพอสักครั้ง ที่ความอยากเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
เมื่อถูกจับแขนเอาไว้และตรึงไว้เหนือศีรษะให้เธอทำร้ายเขาไม่ได้ ก็คงจะมีเพียงแค่เสียงจากปากเท่านั้นที่ด่าเป็นน้ำไหลไฟดับ แทบจะไม่ซ้ำคำด้วยสลับหยุดพักหายใจ ก่อนจะพ่นคำด่าออกมาอีกระลอกใหญ่ สองขาเรียวขยับเคลื่อนดันขาแข็งแกร่งที่ทาบอยู่ให้ออกห่างอย่างสุดความสามารถ โดยที่ไม่รู้เลย การกระทำดังกล่าวนอกจากจะพาตัวเองให้หลุดรอดจากเงื้อมมือราชันย์ไม่ได้แล้ว ยังเป็นการยั่วยุและกระตุ้นอารมณ์ปรารถนาของชายหนุ่มให้ลุกเป็นไฟอีกด้วย “ถามจริงไม่เหนื่อยบ้างหรือไงหนูว่าว ด่ายาวเป็นชุดเลย” ราชันย์ถามเสียงกลั้วหัวเราะ แกล้งลูบไล้มือใหญ่ไปตามลำตัวเนียนนุ่มจากด้านหลัง เรื่อยขึ้นไปจนถึงขอบเสื้อชั้นใน และวกกลับลงมาตามสีข้าง ก่อนที่ลากเลยไปด้านหน้า “ไอ้คนเฮงซวย ชอบเอาเปรียบคนอื่น ปล่อยหนูนะ ไอ้ที่เสนอไปน่ะไม่ทำให้แล้ว หนูไม่อยู่กับคุณแล้วด้วย ปล่อย...” หญิงสาวกรีดร้องเสียงยาวดังตามมาอีกระลอก ดวงตาคมวามวาวที่มองมาทำให้กายสาวเริ่มสั่นสะท้าน หัวใจเริ่มสั่นไหว เพราะเข้าใจในความหมายนั้นดี ในลำคอเริ่มที่จะแห้งผากจนกลืนน้ำลายติดๆ ขัดๆ เบือนหน้าหนีไปอีกฝั่งที่ไม่มีหน้าราชันย์อยู่ สมองเริ่มคิด จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที
“แหมคุณ...เอ่อ...โทษนะคะ ถ้าฉันจำไม่ผิดคุณคือคนที่มาขออาหารฉันกินเมื่อคืนใช่ไหมคะ” กันติชาถามน้ำเสียงเหมือนกำลังหัวเราะ “โทษทีนะคะที่ฉันเรียกชื่อคุณไม่ถูก เผอิญว่าเราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ฉันเลยสงสัย คุณเป็นอะไรคะถึงได้ทำตัวเหมือนเจ้าสัตว์สี่ขาที่คอยแยกขาฉี่ตามแถวสี่แยกนะคะ แบบ...เวลาใครเดินผ่านไปมาหรือมันไม่ชอบใจใคร ก็มักจะส่งเสียงแงดๆ แล้วก็วิ่งไล่งับจนหางสั่น” “เฮ้ย...ยาย...” มือใหญ่ยกขึ้นชี้หน้ากันติชาอย่างเร็วรี่ นภดลโกรธจนเรียกได้ว่าเลือดขึ้นหน้า ใบหน้าคร้ามขาวอย่างคนผิวดีแดงปลั่งลามไปถึงใบหู ประกายในดวงตาแดงจัดและลุกเป็นเปลวเพลิง จ้องคนในอ้อมแขนเพื่อนกึ่งนายเหมือนกับจะเผาไหม้ให้เป็นจุณ “จุ๊ๆ อย่าโกรธซิคะคุณขา ฉันเพียงแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง แล้วก็อยากจะเตือนคุณไว้สักอย่างด้วยค่ะ ปากอย่างนี้ระวังจะมีคนเอาสีมาป้ายที่ปากกับหัว จนต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มโรงบาลนะคะ” ใบหน้าสวยยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหวานนุ่ม ไหล่กว้างเลิกขึ้นสูงอย่างไม่แคร์ ทีตัวเองว่าคนอื่นได้ แต่พอเขาสวนกลับก็โกรธ ผู้ชายอะไรไม่แมนเลย...ดวงตากลมโตกวาดไล่มองนภดลใหม่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปจนถึงศีรษะอย่างไม่แคร
“แกล่ะ ไปไหนมาแต่เช้า หรือว่า...” นภดลปรายสายตามองยายแม่บ้านที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนกำยำด้วยความหงุดหงิด“ไปหาไอ้สิทธิ์มา มีธุระกับมันนิดหน่อย” “อ้าว แล้วไอ้สิทธิ์กลับตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นเมื่อคืนก็มานี่หว่า” นภดลเอ่ยถาม วาดสายตามองไปรอบๆ อย่างคนกำลังขบคิดเรื่องสำคัญ ราชันย์ไปหาสิทธิศักดิ์ทำไม มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ทำไมสองคนนี้ถึงได้ชอบคิดชอบทำอะไรลับหลังเขาเสมอนะ “แกก็รู้ว่าไอ้สิทธิ์เป็นเด็กดี ตื่นเช้าเข้านอนเร็ว เหล้ากินบุหรี่ไม่สูบ แล้วก็เกรงใจแฟนจะตาย ไอ้เรื่องนอนค้างอ้างแรมที่อื่นนะไม่มีทาง อาริตาเช็กตลอดยี่สิบชั่วโมง ถ้าทำได้” ราชันย์แขวะไปถึงเพื่อนรักที่ไม่น่าจะเข้ามาข้องแวะกับกลุ่มของเขาได้เลย เพราะพวกเขาบางคนตะวันไม่ขึ้นไม่กลับเข้าบ้านนอน แต่สิทธิศักดิ์ไม่เคยที่กลับบ้านเกินเที่ยงคืนซึ่งนั่นคือสูงสุดแล้ว ด้วยแฟนสาวเป็นห่วงยิ่งกว่าแม่เสียอีก คอยโทรเช็กเช้าเย็นตลอดจนถึงค่ำคืน ยิ่งวันไหนรู้ว่าไปกับกลุ่มของเขาละก็ แม่โทรเช็กนาทีต่อนาทีเลยเชียวล่ะ แต่อย่างน้อยการมีสิทธิศักดิ์เข้ามาในกลุ่มก็มีเรื่องดีในหลายๆ ด้าน เพราะสามารถพึ่งพาได้ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน เพียงแค่โ
ริมฝีปากเล็กขบกัดติ่งหูพร้อมสอดแทรกปลายลิ้นเล็กและร้อนไปในช่องหูกว้าง ในขณะที่มือก็ลูบไล้ปลดเข็มขัดหนัก จิกทึ้งเสื้อโปโลออกจากตัวกางเกงและสอดมือไปลูบไล้อกกว้าง บอกแล้วว่าเธอมันหน้าด้านและเก่งเรื่องจดและจำในสิ่งที่ได้พบเจอ การสอนสั่งของราชันย์ที่มอบให้เมื่อคืนจึงย้อนกลับมาสู่ตัวเขา แม้จะยังไม่เต็มที่เท่าไหร่ก็ตามเถอะ มือเล็กเคลื่อนลงไปด้านล่างอย่างเชื่องช้า และเมื่อถึงบางส่วนของเรือนกายแข็งแกร่ง แทนที่เธอจะทักทายอย่างที่ราชันย์ต้องการ กันติชาเลือกที่จะหยุดและขยับตัวถอยห่าง แต่ยังคงไม่ปล่อยมือจากกายแกร่ง “ว่าไงคะคุณใหญ่ จะตัดสินใจยังไงเอ่ย” หญิงสาวถามเสียงนุ่มและเซ็กซี่เล็กๆ ปลายลิ้นลากไล้ริมฝีปากอย่างเย้ายวนชวนเชิญ ดวงตาเป็นประกายหวานเซ็กซี่ ราชันย์ถึงกับร้อนราวถูกไฟเผา เมื่อเจอกับการยั่วยวนของแม่นางบำเรอฝึกหัด มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางเบาๆ ดวงตาตวัดมองใบหน้านวลเนียนที่มีรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มเชิญชวน ไพล่มือไปจับมือเล็กมาดมดอม ริมฝีปากหนาขบกัดปลายนิ้วเล็กๆ เหมือนกับคนกำลังคิดสะระตะ การทำตามความต้องการของกันติชา แลกกับสิ่งที่เธอจะมอบให้มันคุ้มค่ากันหรือเปล่า ทั้งที่เขาตัดสินใจได้ตั้ง
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว