“เบาๆ นะคะ หนูยังไม่เคย” แม้อายแต่ไฟร้อนที่แผดเผานำซึ่งความสุขมาให้ เธอคือแมลงเม่าที่กระโดดเข้าหากองไฟ
ใบหน้าแดงระเรื่อแย้มยิ้มด้วยเอียงอาย ดวงตาเข้มเป็นประกายวามวาวที่เหลือบมองทำให้หัวใจเต้นระทึก ลิ้นเล็กยื่นออกมาไล้เลียกลีบปากที่บวมเจ่อเพราะแรงกดย้ำ พรางเปล่งเสียงหวานเมื่อราชันย์ส่งสัมผัสหนักหน่วงค่อนไปทางดุดัน
สองมือเล็กสั่นระริกจนต้องหาทางระบายความกระสันซ่านเสียว ลูบไล้บ่ากว้าง ปลายนิ้วซอกซอนไปในเส้นผมหนานุ่ม สลับเคลื่อนลงมาจิกทึ้งเสื้อคลุมตัวใหญ่ออกจากกายแกร่ง เพื่อให้ได้สัมผัสกับร่างกายอันทรงพลังและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่เหมือนจะเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวมันเอง
มือเล็กลากไล้ไปบนกล้ามเนื้อแข็งแกร่งอย่างไม่ประสาและสะเปะสะปะด้วยความลุ่มหลง ผิวกายชายหนุ่มสากระคายด้วยไรขนและกล้ามเนื้อ ไม่เหมือนกับผิวกายของเธอที่นุ่มลื่น ยามแตะลงไปบนกล้ามเนื้อที่เคลื่อนไหวตอบกลับมา ทำเอาหัวใจดวงน้อยถึงกับเต้นแรงและเร็ว สร้างความปั่นป่วนและร้อนรุ่มให้กับกายใหญ่ จนถึงกับเปล่งเสียงคำรามดังลั่น
“อู้...เบาๆ สิหนูน้อย เดี๋ยวฉันระงับใจเอาไว้ไม่ไหว ทำอะไรรุนแรงไป เธอนั่นแหละจะแย่” กระเซ้าเสียงพร่า ขณะช้อนสะโพกหนั่นแน่นจนลอยขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่ และจิกทึ้งเอากางเกงยีนรัดรูปออกจากกายโปร่งบางด้วยความร่วมมือจากเจ้าของ
“เธอนี่น่าแตะต้องไปหมดทุกแห่งเลยนะ” ริมฝีปากหนาร้อนยอมละจากสองบัวดอกงามหวานนุ่มชั่วคราว ด้วยการขบเม้มจุมพิตลงไปตามผิวกายเนียนนุ่มหอม แต่ก็ใช่จะยอมปล่อยให้สองเต้าอวบอัดได้เป็นอิสระ ด้วยการจัดส่งมือใหญ่ไปครอบครอง พร้อมบีบเคล้นอย่างหนักหน่วงรุนแรงตามอารมณ์ที่ปะทุขึ้นเหมือนไฟกองใหญ่กำลังไหม้กองฟาง ขณะมืออีกข้างเปิดทางให้ริมฝีปากหนาได้แนบชิดกับกายสาวสะพรั่ง
“อา...หนูน้อย เธอทั้งสวยและหวานไปหมดทั้งตัวเลย” ยังไม่ได้สัมผัสกุหลาบดอกงามเลย แต่กลิ่นของเธอยั่วยวนใจจนเขาปวดร้าว พร้อมความคิด...จะขึ้นเขาลงห้วย ทะเลเดือดพล่าน เขาจะต้องได้แม่หนูน้อยคนนี้มาครอบครอง...เตียงจะต้องร้อนยิ่งกว่าลาวาใต้พื้นพิภพ โซ่สวาทจะต้องถักทอ สองร่างจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน!
ฝ่ามือหยาบร้อนขยำนวดต้นขาเนียนเรียบและขาวนวล ริมฝีปากหนาร้อนขบเม้มขบกัดผิวหน้าท้องแบนราบเรียบและไร้ไขมันส่วนเกิน ปลายลิ้นสากระคายตวัดไล้หยอกเย้ากับช่องเล็กๆ กึ่งกลางท้องและลากลงมาทีละนิด...
“หอม...ที่ฉันรู้ว่าเธอจะต้องงดงามและพร้อมสำหรับฉัน” พึมพำเสียงแหบพร่า ขณะซบใบหน้านิ่งบนเนินดอกรัก
“ใช่ไหมหนูน้อย” ริมฝีปากหนาร้อนขบเม้มผิวกายหอมกรุ่นราวกับผีเสื้อกำลังโบยบินเสาะหาอาหาร จมูกเคล้าเคลียซุกไซ้ซอกขานุ่มและประทับแน่นิ่งตรงกึ่งกลางกุหลาบงาม
“อือ... คุณ...หนูไม่รู้” กันติชาร้องครวญคราง เรือนกายสั่นระริกเหมือนกับเรือลำน้อยล่องลอยอยู่กลางนาวาอันกว้าง ซึ่งเต็มไปด้วยพายุลูกใหญ่โหมพัดอย่างรุนแรง ท้องน้ำก็กระเพื่อมไหวอย่างเชี่ยวกราก ลำขาเรียวยาวจิกเกร็ง ปลายเท้ากดบนพรมหนานุ่ม
มือใหญ่จับขาเรียวยาวข้างหนึ่งให้พำนักบนโซฟา กุหลาบดอกสวยและงดงามมีน้ำหวานหล่อเลี้ยงอยู่เล็กน้อยไหวระริกอยู่ใต้อันเดอร์แวร์ตัวเล็กและบาง
“อู้...” ราชันย์ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังเฮือกใหญ่ ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้ไปบนบุปผาดอกนุ่มอย่างแผ่วเบา แต่ถึงจะอย่างนั้นก็ยังทำให้กายโปร่งบางสะดุ้งด้วยความเสียวซ่านจนต้องขยับหนี แต่ติดทั้งโซฟาตัวใหญ่และกายแกร่ง
“จะหนีฉันไปไหนล่ะแม่หนูน้อย” ราชันย์เอ่ยถามเสียงแหบพร่า เริ่มต้นสร้างความประทับใจและปลุกปั่นอารมณ์แม่สาวร้อนสวาทช่างยั่วด้วยการประทับจุมพิตร้อนผ่าวขบเม้มขบกัดไล่เริ่มต้นบนลำขาเนียนเสลาข้างหนึ่งแล้วย้ายไปอีกข้างและขยับเคลื่อนไปขบกัดหน้าท้องแบนราบเรียบที่ไหวกระเพื่อมเป็นลอน ก่อนหยุดแนบชิดบนกุหลาบดอกสวย
“...”
สัมผัสหนักหน่วงรุนแรงที่ตามมาติดๆ ไล่กันจนหายใจหายคอไม่ทัน กันติชาหวีดร้องเสียงหลง ด้วยวาบหวิวสยิวซ่านระคนสุขสมแล่นพล่านไปตามกระแสเลือด ลามเลียไปทั่วกายา เหงื่อกาฬไหลแตกพลั่กทั่ววงหน้าและตามร่องรูขุมขน ปลุกเร้าและกระตุ้นอารมณ์ให้ความปรารถนาในกายใหญ่ยิ่งลุกโชนเป็นไฟเร็วมากยิ่งขึ้น
มือใหญ่ลูบไล้ขยำนวดลำขาเรียวยาว ริมฝีปากขบกัดไล้เลียบนกุหลาบดอกสวยไปทั่วดอกอย่างตะกรุมตะกรามและหลงใหล จนไม่รู้ว่าที่อันเดอร์แวร์ตัวน้อยที่เปียกชื้นนั้น มาจากน้ำผึ้งหวานที่ไหลล้นมาจากเรือนกายสาว หรือเพราะน้ำลายเขากันแน่
“โอ้...แม่หนูน้อย เธอช่างหวานฉ่ำเสียจริงๆ ”
เรียวลิ้นสากระคายฉกไปกดคลึงมุกมณีอันน่าเสน่หา แต่เพราะยังมีปราการอีกชั้นขวางอยู่ เลยทำให้ราชันย์หงุดหงิดเล็กน้อยที่ได้ลิ้มชิมรสแม่สาวร้อนแรงอย่างทั่วถึงและแนบชิดเป็นเนื้อเดียวกันช้าไป
“ฉันอยากเห็น...อยากสัมผัสเธอไม่เว้นสักที่” มือใหญ่เกี่ยวอันเดอร์แวร์ตัวน้อยรูดไปตามลำขาเนียนเรียบ โดยความร่วมมือของผู้เป็นเจ้าของ ที่นอนกระส่ายกระสับร้องครางเสียงหวานแว่ว วงหน้าแดงปลั่งเหมือนกับผลทับทิมสุกยั่วเย้าให้รีบจัดการเร็วๆ
“ขอฉันชิมเธอหน่อยนะสาวน้อย” เหมือนจะเอ่ยขอ แต่ราชันย์กลับไม่คิดที่จะฟังคำอนุญาตปากเรียวปากอวบอิ่มที่กำลังขบกัดระบายอารมณ์ปรารถนาอันร้อนแรงที่มันลุกโชติช่วงอยู่ สะโพกผายส่ายเป็นระวิงยั่วยวนให้เขาถึงกับแทบจะเป็นบ้าเพราะความต้องการ
ปลายนิ้วใหญ่ร้อนระอุเปิดแยกผกากรองดอกนุ่มอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน ด้วยกลัวว่ากลีบกายบอบบางและอ่อนเยาว์จะบอบช้ำเสียก่อน กดฝังใบหน้าคมคร้ามวางแนบเนินอวบอูม ฝีปากหนาร้อนขบเม้มซุกไซ้ไปตามผิวเนื้ออ่อนไหวและไวต่อสัมผัสอย่างเชื่องช้า จนประทับบนเนินเนื้อดอกไม้หอมจรุงใจ เรียวลิ้นสอดแทรกแยกกลีบบุปผานุ่มล่วงล้ำเข้าไปแตะแต้มผนังอ่อนนุ่มที่บีบตัวตอดรัด
สองมือใหญ่บีบเคล้นปทุมถันจรดปลายยอดอย่างเมามันและรุนแรง โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเจ็บปวดหรือเปล่า รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เรือนกายปวดร้าวด้วยความต้องการจนสุดจะทานทน
มือใหญ่กระชากเสื้อคลุมออกจากกายและจับรั้งมือเล็กๆ ให้ลากไล้ไปตามเรือนกายแข็งแกร่ง แตะต้องในจุดสำคัญที่จะกระตุ้นอารมณ์เขาให้ลุกโชติช่วงเป็นเปลวเพลิง ปลายลิ้นสากระคายและร้อนผ่าวสอดแทรกแยกกลีบกุหลาบ ดูดกลืนเนื้อในฉ่ำหวานสลับกดคลึงมุกมณีแสนหวานและกรีดกรายไล้วนรอบๆ ช้าเร็วสลับกันอย่างไม่ยอมหยุดยั้ง
เมื่อถูกจับแขนเอาไว้และตรึงไว้เหนือศีรษะให้เธอทำร้ายเขาไม่ได้ ก็คงจะมีเพียงแค่เสียงจากปากเท่านั้นที่ด่าเป็นน้ำไหลไฟดับ แทบจะไม่ซ้ำคำด้วยสลับหยุดพักหายใจ ก่อนจะพ่นคำด่าออกมาอีกระลอกใหญ่ สองขาเรียวขยับเคลื่อนดันขาแข็งแกร่งที่ทาบอยู่ให้ออกห่างอย่างสุดความสามารถ โดยที่ไม่รู้เลย การกระทำดังกล่าวนอกจากจะพาตัวเองให้หลุดรอดจากเงื้อมมือราชันย์ไม่ได้แล้ว ยังเป็นการยั่วยุและกระตุ้นอารมณ์ปรารถนาของชายหนุ่มให้ลุกเป็นไฟอีกด้วย “ถามจริงไม่เหนื่อยบ้างหรือไงหนูว่าว ด่ายาวเป็นชุดเลย” ราชันย์ถามเสียงกลั้วหัวเราะ แกล้งลูบไล้มือใหญ่ไปตามลำตัวเนียนนุ่มจากด้านหลัง เรื่อยขึ้นไปจนถึงขอบเสื้อชั้นใน และวกกลับลงมาตามสีข้าง ก่อนที่ลากเลยไปด้านหน้า “ไอ้คนเฮงซวย ชอบเอาเปรียบคนอื่น ปล่อยหนูนะ ไอ้ที่เสนอไปน่ะไม่ทำให้แล้ว หนูไม่อยู่กับคุณแล้วด้วย ปล่อย...” หญิงสาวกรีดร้องเสียงยาวดังตามมาอีกระลอก ดวงตาคมวามวาวที่มองมาทำให้กายสาวเริ่มสั่นสะท้าน หัวใจเริ่มสั่นไหว เพราะเข้าใจในความหมายนั้นดี ในลำคอเริ่มที่จะแห้งผากจนกลืนน้ำลายติดๆ ขัดๆ เบือนหน้าหนีไปอีกฝั่งที่ไม่มีหน้าราชันย์อยู่ สมองเริ่มคิด จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที
“แหมคุณ...เอ่อ...โทษนะคะ ถ้าฉันจำไม่ผิดคุณคือคนที่มาขออาหารฉันกินเมื่อคืนใช่ไหมคะ” กันติชาถามน้ำเสียงเหมือนกำลังหัวเราะ “โทษทีนะคะที่ฉันเรียกชื่อคุณไม่ถูก เผอิญว่าเราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ฉันเลยสงสัย คุณเป็นอะไรคะถึงได้ทำตัวเหมือนเจ้าสัตว์สี่ขาที่คอยแยกขาฉี่ตามแถวสี่แยกนะคะ แบบ...เวลาใครเดินผ่านไปมาหรือมันไม่ชอบใจใคร ก็มักจะส่งเสียงแงดๆ แล้วก็วิ่งไล่งับจนหางสั่น” “เฮ้ย...ยาย...” มือใหญ่ยกขึ้นชี้หน้ากันติชาอย่างเร็วรี่ นภดลโกรธจนเรียกได้ว่าเลือดขึ้นหน้า ใบหน้าคร้ามขาวอย่างคนผิวดีแดงปลั่งลามไปถึงใบหู ประกายในดวงตาแดงจัดและลุกเป็นเปลวเพลิง จ้องคนในอ้อมแขนเพื่อนกึ่งนายเหมือนกับจะเผาไหม้ให้เป็นจุณ “จุ๊ๆ อย่าโกรธซิคะคุณขา ฉันเพียงแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง แล้วก็อยากจะเตือนคุณไว้สักอย่างด้วยค่ะ ปากอย่างนี้ระวังจะมีคนเอาสีมาป้ายที่ปากกับหัว จนต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มโรงบาลนะคะ” ใบหน้าสวยยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหวานนุ่ม ไหล่กว้างเลิกขึ้นสูงอย่างไม่แคร์ ทีตัวเองว่าคนอื่นได้ แต่พอเขาสวนกลับก็โกรธ ผู้ชายอะไรไม่แมนเลย...ดวงตากลมโตกวาดไล่มองนภดลใหม่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปจนถึงศีรษะอย่างไม่แคร
“แกล่ะ ไปไหนมาแต่เช้า หรือว่า...” นภดลปรายสายตามองยายแม่บ้านที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนกำยำด้วยความหงุดหงิด“ไปหาไอ้สิทธิ์มา มีธุระกับมันนิดหน่อย” “อ้าว แล้วไอ้สิทธิ์กลับตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นเมื่อคืนก็มานี่หว่า” นภดลเอ่ยถาม วาดสายตามองไปรอบๆ อย่างคนกำลังขบคิดเรื่องสำคัญ ราชันย์ไปหาสิทธิศักดิ์ทำไม มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ทำไมสองคนนี้ถึงได้ชอบคิดชอบทำอะไรลับหลังเขาเสมอนะ “แกก็รู้ว่าไอ้สิทธิ์เป็นเด็กดี ตื่นเช้าเข้านอนเร็ว เหล้ากินบุหรี่ไม่สูบ แล้วก็เกรงใจแฟนจะตาย ไอ้เรื่องนอนค้างอ้างแรมที่อื่นนะไม่มีทาง อาริตาเช็กตลอดยี่สิบชั่วโมง ถ้าทำได้” ราชันย์แขวะไปถึงเพื่อนรักที่ไม่น่าจะเข้ามาข้องแวะกับกลุ่มของเขาได้เลย เพราะพวกเขาบางคนตะวันไม่ขึ้นไม่กลับเข้าบ้านนอน แต่สิทธิศักดิ์ไม่เคยที่กลับบ้านเกินเที่ยงคืนซึ่งนั่นคือสูงสุดแล้ว ด้วยแฟนสาวเป็นห่วงยิ่งกว่าแม่เสียอีก คอยโทรเช็กเช้าเย็นตลอดจนถึงค่ำคืน ยิ่งวันไหนรู้ว่าไปกับกลุ่มของเขาละก็ แม่โทรเช็กนาทีต่อนาทีเลยเชียวล่ะ แต่อย่างน้อยการมีสิทธิศักดิ์เข้ามาในกลุ่มก็มีเรื่องดีในหลายๆ ด้าน เพราะสามารถพึ่งพาได้ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน เพียงแค่โ
ริมฝีปากเล็กขบกัดติ่งหูพร้อมสอดแทรกปลายลิ้นเล็กและร้อนไปในช่องหูกว้าง ในขณะที่มือก็ลูบไล้ปลดเข็มขัดหนัก จิกทึ้งเสื้อโปโลออกจากตัวกางเกงและสอดมือไปลูบไล้อกกว้าง บอกแล้วว่าเธอมันหน้าด้านและเก่งเรื่องจดและจำในสิ่งที่ได้พบเจอ การสอนสั่งของราชันย์ที่มอบให้เมื่อคืนจึงย้อนกลับมาสู่ตัวเขา แม้จะยังไม่เต็มที่เท่าไหร่ก็ตามเถอะ มือเล็กเคลื่อนลงไปด้านล่างอย่างเชื่องช้า และเมื่อถึงบางส่วนของเรือนกายแข็งแกร่ง แทนที่เธอจะทักทายอย่างที่ราชันย์ต้องการ กันติชาเลือกที่จะหยุดและขยับตัวถอยห่าง แต่ยังคงไม่ปล่อยมือจากกายแกร่ง “ว่าไงคะคุณใหญ่ จะตัดสินใจยังไงเอ่ย” หญิงสาวถามเสียงนุ่มและเซ็กซี่เล็กๆ ปลายลิ้นลากไล้ริมฝีปากอย่างเย้ายวนชวนเชิญ ดวงตาเป็นประกายหวานเซ็กซี่ ราชันย์ถึงกับร้อนราวถูกไฟเผา เมื่อเจอกับการยั่วยวนของแม่นางบำเรอฝึกหัด มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางเบาๆ ดวงตาตวัดมองใบหน้านวลเนียนที่มีรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มเชิญชวน ไพล่มือไปจับมือเล็กมาดมดอม ริมฝีปากหนาขบกัดปลายนิ้วเล็กๆ เหมือนกับคนกำลังคิดสะระตะ การทำตามความต้องการของกันติชา แลกกับสิ่งที่เธอจะมอบให้มันคุ้มค่ากันหรือเปล่า ทั้งที่เขาตัดสินใจได้ตั้ง
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว