ความเจ็บปวดทรมานแผ่ซ่านไปทั่งร่างกาย รู้สึกได้ว่าความเจ็บปวดมันจะทวีคูณกว่าครั้งแรกที่ถูกล่วงล้ำเพราะแผลเก่าที่กำลังระบมอักเสบยังไม่ทันจะหายดีก็ถูกทำให้เจ็บปวดในที่เดิม เมื่อทนพิษบาดแผลไม่ไหวไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดลง
“ริตา ริตา!” ภูตะวันหน้าเสียเมื่อเห็นคนตัวเล็กหลับตาตัวอ่อนปวกเปียก เขารีบถอดถอนตัวตนออกจากร่างกายของเธอพลันสายตาก็เห็นเลือดไหลทะลักออกมาจากร่องสวาทจนน่าตกใจ
“เมื่อไหร่จะมาถึงซะทีนะ” ภูตะวันเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คนที่นอนสลบไม่ได้สติอย่างร้อนใจ เพราะโทรตามพัชระหมอหนุ่มที่อยู่ประจำเกาะได้ครู่หนึ่งแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะมาถึงเสียที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก “มาแล้วครับคุณภู”
ภูตะวันรีบพุ่งตัวออกไปเปิดประตูให้หมอหนุ่มกับพยาบาลของเขา
“ทำไมพี่หมอช้าจังครับ”
“ผมต้องเตรียมอุปกรณ์พร้อมกับยาอยู่ครับ”
“ตามผมมาเลยครับ” เดินนำหน้าคนทั้งสองไปยังห้องนอน
ผ่านไปสิบกว่าทีแล้วภูตะวันก็ยังคงเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ไม่ห่าง ไม่รู้ว่าตอนนี้หมอกับพยาบาลทำอะไรกับพิมริตาบ้าง
“เธอเป็นยังไงบ้างครับ” เห็นหมอหนุ่มเปิดประตูออกมาได้ ภูตะวันก็เข้าประชิดตัวของเขาทันที
“ทำไมต้องรุนแรงกับเธอขนาดนี้ด้วยครับ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก
“ก็...” ยกมือเกาหัวแกรกๆ ไม่รู้จะใช้คำพูดแบบไหนตอบหมอหนุ่มออกไป จะพูดตรงไปตรงมาก็อาจจะหยาบคายแต่หาคำพูดอ้อมๆ ก็ไม่ค่อยจะเป็นอีก
“เอาเป็นว่าพี่เข้าใจอารมณ์ผู้ชายครับ พี่ฉีดยาแก้ไข้ให้เธอแล้ว ตอนนี้พยายาลกำลังเช็ดตัวให้เธออยู่ครับ อีกประมาณสี่ชั่วโมงหลังจากนี้ก็ปลุกเธอมาทานยาแล้วก็งดกิจกรรมบนเตียงจนกว่าแผลของเธอจะหายดีเข้าใจใช่ไหม”
“ครับพี่หมอ” พยักหน้าน้อยๆ รับคำหมอหนุ่ม
หมอพัชระและพยาบาลสาวกลับไปได้ภูตะวันก็นั่งเฝ้าพิมริตาไม่หลับไม่นอน เขายังคงเชดเนื้อเช็ดตัวให้เธออยู่เป็นระยะ เมื่อได้เวลาที่จะต้องให้เธอรับประทานยาจึงปลุกหญิงสาว
“ริตา ริตา” เมื่อเรียกได้แล้วเห็นอีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าจะลืมตาตื่นเขาจึงรวบตัวเธอขึ้นมาแนบอก จากนั้นก็เริ่มป้อนยากันด้วยปากเพราะหากไม่ทำเช่นนี้ไข้ที่กำลังจะลดก็คงจะกลับมาเล่นงานหญิงสาวอีกแน่
เสร็จภารกิจป้อนยาชายหนุ่มก็จ้องมองคนที่หลับตาพริ้มในอ้อมอก นึกย้อนถึงวันที่เธอมาบอกเลิกด้วยเหตุผลที่ว่าต่างกันเกินไป วินาทีนั้นเหมือนโลกของเขาหยุดหมุน ความสุขที่มีมากพลันอันตรธานหายไปในพริบตา หัวใจเต้นรัวจนรู้สึกปวดหนึบ เขาเริ่มกลืนน้ำลายไม่ลงคอและพูดอะไรไม่ออก แม้แต่จะถามหาเหตุผลมากกว่านั้นเขาก็พูดมันออกมาไม่ได้ในเวลานั้น
หลังจากเธอหายหน้าไปถูตะวันก็เสียใจจนไม่เป็นอันทำอะไร เขาจะยอมใจดีกับเธอแค่ตอนนี้ หายดีเมื่อไหร่เขาค่อยกลับมาคิดบัญชีกับเธออีกครั้ง เพราะเขาจะทำให้เธอเจ็บยิ่งกว่าที่เขาเคยเจ็บ...
พิมริตารู้สึกตัวตื่นลืมตาขึ้นมาก็เห็นแสงข้างนอกบ้านสว่างจ้าแล้ว เธอหันไปมองนาฬิกาก็เห็นว่าเป็นเวลาบ่ายใกล้เย็นเต็มทีจึงพยายามจะลุกขึ้นนั่ง
“ลุกไหวไหม” รีบลุกจากโซฟาตรงมาประคองคนตัวเล็กที่กำลังจะลุกนั่ง
พิมริตาสะบัดมือภูตะวันทิ้ง เธอไม่คิดตอบคำถามหรือจะสนทนาอะไรกับเขาเพราะยังเคืองใจกับเรื่องที่เขากักขังเธออย่างกับสัตว์เลี้ยงรวมไปถึงทำร้ายร่างกายจิตใจของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ทำอะไรเองไม่ไหวก็ยังจะทำเป็นเก่งอีก” เขารวบอุ้มเธอไปส่งที่หน้าห้องน้ำ เพราะรู้ว่าเธอคงจะอยากล้างหน้าล้างตา
“ล้างหน้าล้างตาแล้วก็รีบออกมาทานข้าวทานยา”
พิมริตาเดินเข้าห้องน้ำไปเงียบๆ ก่อนจะไปมองตัวเองที่หน้ากระจก ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นเสื้อผ้าของเธอถูกเปลี่ยนเรียบร้อย คงไม่พ้นฝีมือของเขาแน่ คิดได้ดังนั้นก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นในใจ เขาทำร้ายเธอแล้วยังมีหน้ามาทำดีกับเธอเพื่ออะไร ทำเป็นดูแลเธอเพื่อให้เธอนึกขอบคุณเขาอย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง เธอจะไม่ยอมพูดคำว่าขอบคุณกับเขาเด็ดขาด
จัดการล้างหน้าล้างตาตัวเองเสร็จเรียบร้อยก็เปิดประตูออกมาข้างนอก ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนชายหนุ่มก็รวบอุ้มเธอขึ้นอีกครั้ง
“ผมจะไม่ปล่อยให้คุณเดินเองจนกว่าแผลคุณจะหายดี”
เธอไม่คิดเอ่ยขัดเพราะหากเดินเองก็เดินลำบากอยู่แล้ว ทว่าหากเอ่ยขัดไปก็คงจะขัดใจอะไรคนเผด็จการอย่างเขาไม่ได้อยู่ดี อยากจะทำอะไรกับตัวของเธอก็เชิญ ถ้าเธอพ้นจากที่นี่ไปได้เขาจะไม่มีวันได้หาเธอพบอีกแน่
วันเวลาพ้นผ่านนานร่วมอาทิตย์แล้วที่ภูตะวันและพิมริตาอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเล็กบนเกาะ อาการเจ็บป่วยของหญิงสาวดีขึ้นมากแล้วเพียงแค่เธอยังคงไม่สนใจในการที่จะสนทนากับชายหนุ่มเท่านั้น
พิมริตาเดินออกมาจากบ้านก็เห็นภูตะวันยืนกอดอกมองพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินอยู่ที่ผาหินสูงไม่ไกลจากบ้าน เธอชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินออกไปหาชายหนุ่ม
ทางด้านภูตะวันเมื่อรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังเดินเข้ามาหาก็รีบหันหลังกลับไปมอง เมื่อเห็นเป็นพิมริตาเขาก็ยืนจ้องมองเธอไม่วางตาเงียบๆ จนหญิงสาวเข้ามาถึงตัว
“เราจะกลับไปจากที่นี่ได้เมื่อไหร่คะ?”
“ทำไมวันนี้ถึงยอมมาพูดกับผมก่อนได้ หรือเบื่อที่จะอยู่กับผมแย่แล้ว” หากไม่ใช่เรื่องนี้เธอก็คงไม่คิดที่จะอยากสนทนากับเขาสินะ
“ถ้าจะพูดแบบนั้นก็ได้ค่ะ” พูดจบก้มหน้าหลบสายตาอีกฝ่าย
“หึ่ คำขอบคุณสักคำก็ไม่มีให้ โอเค... คุณมันเป็นผู้หญิงใจดำอยู่แล้วนี่” เดินกอดอกผ่านหน้าพิมริตากลับไป
“ตกลงจะบอกได้ไหมว่าจะกลับได้เมื่อไหร่”
คำถามห้วนๆ ที่เอ่ยตามหลังทำให้ภูตะวันรีบกันกลับมารวบอุ้มเธอขึ้นด้วยท่าเจ้าสาวอีกครั้งหลังจากไม่ได้ทำกับเธอแบบนี้มาสองสามวันแล้ว
“ปล่อยริตาลงนะคะ ริตาเดินเองได้”
“ถ้าอยากให้พากลับไวๆ ก็อย่าดื้อกับผม ผมให้ทำอะไรก็ทำเข้าใจไหม”
“พูดจริงใช่ไหมคะว่าถ้าริตาไม่ดื้อจะพากลับเร็วๆ”
“ผมไม่ใช่คนพูดไปเรื่อยเหมือนคุณ”
พิมริตายอมสงบปากสงบคำแต่โดยดี ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าคำที่เขาพูดเมื่อครู่ชายหนุ่มต้องการประชดเธอเรื่องอะไร
ภูตะวันอุ้มพิมริตามาวางที่เตียงนอนอย่างเบามือ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอออกทีละชิ้นโดยที่หญิงสาวไม่ได้มีการขัดขืนแต่อย่างใด ได้แต่หลับตาลงไม่ยอมมองสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ลืมตามองผม”
สิ้นเสียงทุ้มเปลือกตาคู่สวยก็ค่อยๆ เปิดขึ้นเห็นเป็นชายหนุ่มที่กำลังเปลือยเปล่าคร่อมขึงแนบชิดอยู่บนตัว
สองหนุ่มสาวในชุดนอนนั่งมองหน้ากันครู่หนึ่งแล้ว วันนี้แปลกไปกว่าทุกวันเพราะเจ้าตัวกลมได้ถูกแสงเดือนพาไปนอนด้วย เพราะอยากให้หลานทั้งสองได้มีเวลาสวีทกันได้เต็มที่หลังจากจดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้ว“พอไม่มียัยหนูอยู่ในห้องด้วยมันก็แปลกๆ นะครับ”(ใช่ค่ะ หนูดีกลัวยัยหนูกวนคุณยายจังเลยค่ะ)“ผมว่าคุณยายผมรับมือได้ครับ อีกอย่างคุณยายน่าจะหลับฝันดีกว่าทุกคืนด้วย”(หนูดีว่าจะถามถึงคุณนิคค่ะ วันนี้ทำไมไม่เห็นคุณนิคเลยคะ) เธออยากจะขอบคุณโดมินิคที่คืนผ้าเช็ดหน้ามาให้เธอ แล้วก็ถือโอกาสขอโทษเขาด้วยที่เคยทำกิริยาไม่ดีใส่ แต่วันนี้กลับไม่เจอหน้ากันเสียอย่างนั้น“ไปตามหาหัวใจครับ”(คะ?)“ตามที่ผมบอกนั่นแหละครับ เราเลิกพูดถึงคนอื่นกันดีกว่า ผมมีอะไรจะให้คุณด้วย” พูดจบก็เดินเข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้าชนิตราที่นั่งห้อยขาอยู่ที่เตียงนอนใหญ่หญิงสาวนั่งตัวเกร็งเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังนั่งคุกเข่าโชว์แหวนเพชรเม็ดโตตรงหน้า เขากำลังจะขออะไรจากเธอเป็นการแลกเปลี่ยนกับแหวนวงนี้หรือเปล่า“ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมสามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจของคุณได้หรือยัง แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าในสายตาของคุณผมสามารถเป็นสามีที่ดีได้ไหม แต่ผมอยากจะบอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูทำเซบาสเตียนหลุดภวังค์จึงลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู“คุณยาย” มองหน้าหญิงชราหน้าตาตื่น ไม่นึกว่ายายของเขาจะเข้ามาหาในเวลานี้“ยายนอนไม่หลับ เลยจะมาดูหนูนาเสียหน่อยว่านอนรึยัง”“หลับไปได้สักพักแล้วครับ”“อ้าวเหรอ” แม้จะผิดหวังแต่อย่างน้อยเธอได้ดูหน้าของเหลนก่อนกลับไปนอนก็ยังดี คิดได้ดังนั้นก็ก้าวเข้าไปในห้องนอนตรงไปยังเปลสีหวานแล้วไปชื่นชมเจ้าตัวกลมที่หลับปุ๋ยน่ารักน่าชังราวกับตุ๊กตาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู“เหมือนไม่มีผิด”น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมาแผ่วเบาทำเซบาสเตียนหันไปมองหน้าคนเป็นยายแววตาฉงน “เหมือนใครครับ”“เหมือนแม่แกน่ะสิ”เซบาสเตียนตกใจรวมไปถึงชนิตราด้วยอีกคน เพราะคิดมาตลอดว่ายัยหนูธารมิกาละม้ายคล้ายแค่คนเป็นพ่อกับลุงที่เป็นฝาแฝดของพ่อเท่านั้น“ตอนเด็กๆ แม่ผมหน้าตาแบบนี้เลยเหรอครับ” เขาจำได้ว่าเคยเห็นรูปของแม่แค่ช่วงที่แม่ของเขาเข้าวัยประถมแล้วเท่านั้น“ใช่” วินาทีที่เงยหน้าตอบหลานชาย พลันสายตาก็ไปเห็นผ้าห่มพร้อมหมอนบนโซฟา หลังจากนั้นคิ้วของหญิงชราก็เริ่มขมวดเข้าหากัน“อ่อแล้ว...นี่แยกกันนอนเหรอ?”“เปล่าครับ คือ... ผมกับหนูดีก็นอนบนเตียง
(เข้าใจแล้วค่ะ แล้วจะแก้ปัญหายังไงคะ)“เราเออออตามที่ท่านคิดไปก่อนได้ไหมครับ ท่านน่าจะอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน อีกอย่างคุณยายจะได้สบายใจด้วยที่เห็นเราได้ลงเอยกันด้วยดีแล้ว”ชนิตราเงียบและครุ่นคิดเรื่องการแก้ปัญหาเงียบๆ ในเมื่อแสงเดือนเข้าใจว่าเธอกับเซบาสเตียนลงเอยกันด้วยดีแล้ว หากเธอไปบอกความจริงว่าตอนนี้ยังตกลงกันเรื่องสถานะความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มไม่ได้ก็คงจะทำให้แสงเดือนต้องมาเครียดกับเรื่องของพวกเธออีก(เอาอย่างงั้นก็ได้ค่ะ) สุดท้ายก็ตกลงที่จะทำตามที่ชายหนุ่มเสนอ หากแสงเดือนอยู่ที่นี่ไม่กี่วันการที่จะทำให้ผู้ใหญ่คนนึงสบายใจมันก็คงไม่ยากอะไรนัก“ดีครับ” เซบาสเตียนอมยิ้มกรุ้มกริ่มทั้งมองหญิงสาวที่กำลังเตรียมน้ำไปเสริฟให้ทุกคนที่ห้องนั่งเล่นด้วยสายตามีเลศนัย จะว่าไปการที่คุณยายของเขาเข้าใจผิดก็เป็นการดีเหมือนกัน เขาจะใช้จังหวะที่ได้อยู่ใกล้ชิดชนิตราตลอดเวลานี้นี่แหละ เพื่อทำคะแนนกับเธอ“นี่แม่พิม ได้ไปหาฤกษ์แต่งให้หนูดีกับตาเซบหรือยังล่ะ หรือเอาฤกษ์สะดวกเลยดีไหม แต่งซะวันนี้พรุ่งนี้เลยเป็นไง”พิรมนหน้าเจื่อนเพราะเธอยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ชนิตราและเซบาสเตียนจะสามารถลงเอยกันได้จริงๆ เม
เช้าวันใหม่เซบาสเตียนเริ่มทำหน้าที่พ่อที่ดีอย่างที่สัญญาเอาไว้กับชนิตราอย่างเต็มที่ เมื่อถึงเวลาที่ลูกสาวตัวกลมต้องดื่มนมเขาก็เลือกที่จะยื่นแก้วหัดดื่มแสนน่ารักให้กับเธอ เด็กหญิงทำหน้าฉงนแต่มือน้อยก็ยังรับของที่คนเป็นพ่อส่งให้ พร้อมกับเอื้อมมือหมายจะคว้าขวดนมตรงหน้า“ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องใช้ขวดนมแล้วนะครับ หนูนาจะต้องใช้แก้วดื่มนมแทน เอาขวดนมมาให้คุณพ่อครับ” เซบาสเตียนยื่นมือขอขวดนมจากลูกสาว“ไม่เยา” เจ้าก้อนกลมส่ายหัวจนแก้มสั่น“หนูนาโตแล้ว เด็กที่โตแล้วเค้าไม่ใช้ขวดนมกัน เค้าใช้แก้ว แก้วสวยกว่าขวดนมครับ” เซบาสเตียนชี้ไปที่ตัวการ์ตูนม้าน่ารักสีชมพู ทั้งมองแก้วนั้นด้วยสายตาชื่นชม“หยอ?” เด็กหญิงวัยเกือบสองขวบเริ่มก้มมองทั้งแก้วหัดดื่มและขวดนมในมือ เมื่อชั่งใจครู่หนึ่งก็เริ่มส่งขวดนมคืนให้คนเป็นพ่อ“ใช่ครับ พ่อเอาไปทิ้งแล้วนะครับ”“ทิ้งเยยค่า เยาแก้วฉวย” เด็กหญิงตอบเสียงใสหน้าระรื่น พร้อมหันมาสนใจแก้วในมือโดยที่ไม่คิดจะหันกลับไปมองขวดนมอีกเลย หลังจากนั้นเซบาสเตียนจึงเริ่มสอนให้ลูกสาวของเขาได้หัดดื่มนมในแก้ว และมันก็ไม่ได้ยากอะไรนักสำหรับคุณพ่อมือใหม่อย่างเขา เพราะเคยเห็นลูกสาวตัวเองดื่มน้ำ
วันทั้งวันเซบาสเตียนง่วนอยู่กับการตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงลูก เขาพยายามเรียนรู้ทุกอย่างจากชนิตราเรื่องการเลี้ยงลูกอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการชงนม การเลือกอาหารให้ลูก การล้างขวดนมรวมไปถึงช่วยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและกล่อมนอน ยอมรับว่าเหนื่อยและต้องละเอียดอ่อนกับทุกอย่างมากๆ แต่ทุกช่วงเวลาที่เขาได้อยู่ใกล้ชิดชนิตราได้ช่วยกันเลี้ยงลูกกับเธอมันเป็นเวลาที่เขามีความสุขมากวันนี้กว่าชนิตราจะกล่อมลูกให้นอนได้ก็เลยเวลานอนไปร่วมครึ่งชั่วโมง เพราะวันนี้ยัยหนูค่อนข้างติดเล่นเป็นพิเศษ เพราะมีเซบาสเตียนอยู่ด้วยตลอดเวลาวางเจ้าก้อนกลมในชุดนอนสีชมพูลงเปลได้เซบาสเตียนก็ยืนกอดอกอมยิ้ม เอ็นดูลูกสาวของเขาเหลือเกินที่พื้นที่เปลแทบจะไม่พอให้พลิกตัวแล้ว“อีกหน่อยคงต้องเปลี่ยนเปลแล้วใช่ไหม” เขาเงยหน้ามามองชนิตราที่เพิ่งห่มผ้าห่มให้ลูก(หนูดีว่าจะไม่ให้ลูกนอนเปลแล้ว แต่จะเปลี่ยนให้ลูกนอนเตียงแทน แล้วก็จะให้เลิกใช้ขวดนมด้วยค่ะ จะเปลี่ยนเป็นแก้วดื่ม)“แล้วผมต้องช่วยอะไรไหม หรือว่าต้องสอนอะไรลูกเป็นพิเศษ”(ช่วยสอนให้เค้าใช้แก้วดื่มนมเป็นก็พอค่ะ แล้วถ้าคุณเซบสอนภาษาลูกได้ก็เป็นเรื่องดีค่ะ)“ผมจะทำให้เต็มที่ ฝันดีนะคร
“ครับ” เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปดั่งใจเอริคก็เดินคอตกออกจากห้องทำงานของเจ้านายสาวไป เขาก็น่าจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้มีอะไรเทียบเคียงอลิซได้สักอย่าง แล้วเธออยากจะหันมามองหัวใจของเขาได้อย่างไรอลิซก้มหน้าหลับตาแล้วถอนหายใจเบาๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับเอริค เธอรู้สึกดีมากจริงๆ ที่มีชายหนุ่มคอยดูแลใกล้ชิด แต่เธอก็อยากจะให้มันอยู่ในระยะห่างแบบนี้ตลอดไป เพราะเธอกลัวว่าวันหนึ่งหากเธอเป็นคู่รักกับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าหลายปี เธอจะต้องมานั่งเสียใจเพราะความรักอีก เธอแค่ปกป้องความรู้สึกตัวเองและไม่ได้ตัดสินใจอะไรผิดไปใช่ไหมพิรมนนั่งปลอบและอยู่เป็นเพื่อนชนิตราพักใหญ่ เมื่อเห็นว่าชนิตราพร้อมที่จะพูดคุยกับเธอแล้ว เธอก็เริ่มตะล่อมที่จะคุยเรื่องของเซบาสเตียน“รู้ใช่ไหมว่าตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องของเรากับเซบแล้ว”ชนิตราพยักหน้า (หนูดีรู้แล้วค่ะว่าวันนั้นคุณเซบก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องแบบนั้น แต่ตอนนี้หนูดียังไม่พร้อมที่จะคุยอะไรกับเค้าจริงๆ ค่ะคุณแม่) เธอไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องราวที่แสนเจ็บปวดในตอนนี้จริงๆ“แม่เข้าใจหนูดีทุกอย่าง แต่ตอนนี้แม่อยากรู้ว่าถ้าเซบจะขอทำหน้าที่พ่อให้หนูนา หนูดีจะว่ายังไง”(