“ริตาจะต้องทรมานอีกแล้วใช่ไหม” น้ำเสียงและสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นกลัว
“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวก็รู้เอง” พูดจบก็ก้มไปพรมจูบริมฝีปากบางด้วยความนุ่มนวล สัมผัสที่อ่อนโยนทำหญิงสาวเริ่มเบิกตากว้าง มือทั้งสองกำแน่น ความรู้สึกภายในกายเริ่มร้อนรุ่มมวนท้องขณะที่ถูกบดจูบ ทำไมครั้งนี้เธอถึงไม่รู้สึกกลัวเหมือนครั้งก่อนหน้าเลยล่ะ
“อื้อ...” เธออ้าปากร้องครางเสียงอ่อนในลำคอขณะคนตัวโตเริ่มสอดส่ายลิ้นอุ่นนุ่มเข้าหยอกล้อกับโพรงปากของเธอ มือทั้งสองแบประสานกับมือของเขาอย่างง่ายดายโดยไม่ขัดขืน
หัวใจของเธอเริ่มเต้นรัวขึ้น ความรู้สึกวาบหวามก็เริ่มแล่นปราบแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนตาเริ่มปรือรู้สึกเคลิบเคลิ้มตามอารมณ์ของคนตัวโตไปโดยง่ายดาย
ภูตะวันเริ่มหายใจหอบถี่ยิ่งได้สัมผัสคนตัวเล็กนานเท่าไหร่เลือดอันร้อนรุ่มในกายก็ยิ่งพลุ่งพล่านมากเท่านั้น เขาไล่ละเลงลิ้นโลมเลียแทบจะทุกส่วนของผิวเนื้อนวลเนียนอยู่พักใหญ่ เสียงครางหวานในลำคอที่เล็ดลอดออกมาเป็นระยะเปรียบเสมือนแรงกระตุ้นไฟสวาทในกาย เมื่อชิมความหวานทั่วตัวคนตัวเล็กไปทุกสัดส่วนเขาก็เริ่มทาบทับกับตัวเธออีกครั้งก่อนจะสอดประสานตัวตนใหญ่ยักษ์เข้าไปแทรกกลางกลีบกุหลายงามอย่างช้าๆ
“อือ อื้อ...” อกอวบอิ่มแอ่นขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับมือเรียวทั้งสองกำจิกระบายความเจ็บจุกอยู่กับกล้ามแขนใหญ่ของคนที่คร่อมอยู่บนตัว
พิมริตาหายใจหอบถี่มองจ้องใบหน้าคมด้วยแววตาหยาดเยิ้ม ความรู้สึกเจ็บจุกจากสัมผัสแรกเมื่อถูกตัวตนของชายหนุ่มแทรกเข้ามาในกลางกายเมื่อครู่เริ่มเลือนหายและแปรเปลี่ยนเป็นทวีความวาบหวามมวนท้องเข้ามาแทน ตอนนี้เธอรู้สึกต้องการเขาอย่างหน้าไม่อาย
“พี่ภู...” เสียงแหบพร่าเอ่ยเรียกพร้อมส่งสายตาบ่งบอกถึงความต้องการ
“พี่ไม่ไหวแล้ว...” พูดจบก็ก้มพรมจูบริมฝีปากบาง มือทั้งสองบดขยำอกอวบอิ่มพร้อมบดสะโพกส่งตัวตนเข้าออกร่องสวาทด้วยจังหวะนุ่มนวลเรียกเสียงครางหวานจากหญิงสาวได้เป็นอย่างดี “อ๊ะ...อื้ม...”
บทสวาทอันแสนนุ่มนวลดำเนินไปได้ครู่หนึ่งภูตะวันก็เริ่มโหมกระหน่ำกระแทกกระทั้นคนตัวเล็กด้วยลีลาเร่าร้อนจนพิมริตาตัวโยน
“อะ อ๊ะ พี่ภู อ๊าย... อื้อ” พิมริตาครางกระเส่าร้องลั่นอย่างไร้ความอายเพราะรู้สึกถึงความวาบหวามเสียวซ่านที่ได้ร่วมรักกับภูตะวันในครั้งนี้เป็นที่สุด
“ริตา อ้าส...” ภูตะวันเรียกชื่อคนตัวเล็กเสียงกระเส่า เขารู้สึกหมั่นเขี้ยวเธอในตอนนี้เป็นที่สุด ยังคงกระแทกกระทั้นบั้นท้ายของเธอด้วยลีลาเร่าร้อนไม่มีผ่อน เขาก้มจูบแลกลิ้นกับหญิงสาวสลับก้มดูดดึงยอดถันชูชันครั้งแล้วครั้งเล่า อยากจะกินเธอทั้งตัวไปเสียให้ได้ เมื่อความปรารถนาของทั้งสองทวีคูณขึ้นร่วมกัน คืนทั้งคืนห้องนอนใหญ่ก็กลายเป็นสนามรักอันเร่าร้อนแทบทั้งคืน
พิมริตาตื่นมาด้วยความอ่อนเพลียในเช้าของวันใหม่ “ไปไหนกันนะ” เธอตื่นมาก็ไม่เห็นภูตะวันอยู่ด้วยกันบนเตียงเห็นเพียงแค่เสื้อผ้าชุดใหม่ที่เขาพับกองเอาไว้ข้างเธอเท่านั้น
เธอลุกไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาหน้าชานบ้าน เห็นภูตะวันกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่เงียบๆ เธอก็หยุดชะงักฝีเท้าไม่คิดที่จะไปกวนเขา
“เราจะกลับกันตอนนี้เลยเตรียมตัวด้วย” พิมริตาหมายจะเดินกลับเข้าในครัวแต่เสียงของชายหนุ่มก็หยุดเธออาไว้ก่อน
พิมริตาหันกลับไปมองภูตะวันด้วยสายตาฉงน ทำไมจู่ๆ เขาก็นึกอยากจะกลับดื้อๆ ทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคยคิดจะตอบเธอว่าจะกลับเมื่อไหร่ ทั้งยังตั้งคำถามกับตัวเองในใจว่าทำไมตอนนี้เธอถึงไม่อยากกลับขึ้นมาเสียดื้อๆ ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่เธอต้องการมาตลอด
ทว่าคิดไปคิดมาเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วเธอไม่ควรอยู่แทรกกลางความรักของเขากับคนที่เขากำลังจะหมั้นด้วย “ค่ะ” ตอบกลับห้วนๆ จากนั้นก็กลับไปนั่งรอภูตะวันเตรียมตัวกลับที่โซฟาเงียบๆ
ตลอดทางกลับบ้านทั้งสองไม่พูดจากันแม้แต่คำเดียวเพราะต่างคนต่างก็บึ้งตึงใส่กันทั้งที่ความสัมพันธ์ที่เพิ่งเกิดไปเมื่อคืนมันเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งที่ต่างฝ่ายต่างแสดงความรักให้กันและกันด้วยปฏิกิริยาทางร่างกาย
รถยนต์คันหรูแล่นมาด้วยตวามเร็วมาจอดหน้าบ้านหลังเล็กของพิมริตา หญิงสาวรู้สึกใจหายวาบอย่างไม่ควรจะเป็นที่รู้ว่าต้องพบเจอกับการลาจากที่หน่วงหัวใจอีกครั้ง ทำไม ทำไมเธอต้องรู้สึกเสียใจที่จะต้องห่างกับเขาและยิ่งกว่านั้นที่เธอกำลังเสียใจมากอยู่ตอนนี้คือรู้ว่าเขากำลังจะเป็นของคนอื่น
“นี่เช็กสองล้าน แล้วไม่ต้องคิดหนีผมไปไหนให้ลำบากเพราะผมจะไม่มายุ่งกับคุณอีก” ภูตะวันยื่นเช็กให้ขณะพิมริตากำลังปลดเข็มขัดนิรภัยโดยที่ไม่คิดที่จะมองหน้าหญิงสาว
พิมริตาตัดใจหยิบเช็กเงินสดจากมือของชายหนุ่มแล้วเปิดประตูเดินออกไปจากรถทันที ต้องรีบหนีหน้าก่อนที่น้ำตาเจ้ากรรมจะแสดงให้เห็นความอ่อนแอในใจออกมา
ภูตะวันไม่เหลียวแลคนที่ลงไปจากรถแม้แต่หางตา เธอลงจากรถตัวเองไปได้ก็รีบเหยียบคันเร่งออกไปให้พ้นหน้าบ้านหลังเล็กก่อนจะไปจอดข้างถนนหน้าปากซอยก่อนออกถนนใหญ่
ปึก ปึก ปึก ยกกำปั้นทุบพวงมาลัยด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทำไมเขาจะต้องยังรักเธอด้วย ทำไม ที่ต้องรีบกลับไม่ใช่เพราะหัวใจเรียกร้องแต่เป็นสมองที่สั่งการให้ปกป้องหัวใจตัวเองโดยการอยู่ห่างพิมริตาให้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นเขาก็จะกลับไปหลงรักเธออย่างหัวปักหัวปำอีก
วันเวลาพ้นผ่านนานร่วมสองปี หลังจากผ่านพ้นเรื่องราวครั้งนั้นพิมริตาก็ได้ย้ายถิ่นฐานที่อยู่เพราะอยากจะลืมเรื่องราวเลวร้ายในชีวิต
รถเก๋งสีขาวขับเข้ามาในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ หญิงสาวขับรถมาจอดที่หน้าบ้านชั้นเดียวในสุดของหมู่บ้านแล้วลงจากรถด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
“ริตาพี่กลับมาแล้ว” หญิงสาวในชุดทำงานเสื้อเชิ้ตสีขาวกระโปรงสั้นทรงเอสีดำเดินถือถุงกล่องอาหารกล่องใหญ่ พร้อมกับกระเป๋าโน๊ตบุ๊คเข้ามาวางที่โต๊ะเล็กกลางโซฟาห้องนั่งเล่น ก่อนจะมองซ้ายมองขวาหาพิมริตาน้องสาวตัวเล็กที่อยู่บ้านเดียวกันมาร่วมสองปีแล้ว
“ริตาอยู่นี่ค่ะพี่แพร” หญิงสาวในชุดเดรสสีขาวสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาวิ่งออกมาจากครัว
“พี่ซื้อขาหมูยายม้วนมาฝาก”
“ขอบคุณนะคะ วันนี้ริตาทำปลาทับทิมนึ่งของโปรดพี่แพรเอาไว้ด้วยค่ะ”
“อ้าว” แพรนัชชาเริ่มหน้าเจื่อน “พี่ลืมโทรบอกว่าวันนี้พี่มีนัดทานข้าวกับคุณโดม”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เดี๋ยวริตาแช่เย็นแล้วเอามาอุ่นให้พี่แพรอีกทีก็ได้ค่ะ”
“ขอบใจนะ เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน อีกชั่วโมงคุณโดมก็จะมารับแล้ว”
“ค่ะ” พิมริตายิ้มตามหลังแพรนัชชา เธอดีใจที่พี่สาวที่แสนดีกำลังมีความรักที่สดใส เธอรักแพรนัชชาเหมือนพี่สาวแท้ๆ และรู้ว่าแพรนัชชาก็รักเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ เช่นกัน เพราะชีวิตของเธอและแพรนัชชาต่างก็เป็นเด็กกำพร้าที่ไม่เหลือใครทั้งคู่ เพราะแบบนี้โลกถึงเหวี่ยงคนที่เหมือนกันเหวี่ยงมาให้เจอกันจนได้
สองหนุ่มสาวในชุดนอนนั่งมองหน้ากันครู่หนึ่งแล้ว วันนี้แปลกไปกว่าทุกวันเพราะเจ้าตัวกลมได้ถูกแสงเดือนพาไปนอนด้วย เพราะอยากให้หลานทั้งสองได้มีเวลาสวีทกันได้เต็มที่หลังจากจดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้ว“พอไม่มียัยหนูอยู่ในห้องด้วยมันก็แปลกๆ นะครับ”(ใช่ค่ะ หนูดีกลัวยัยหนูกวนคุณยายจังเลยค่ะ)“ผมว่าคุณยายผมรับมือได้ครับ อีกอย่างคุณยายน่าจะหลับฝันดีกว่าทุกคืนด้วย”(หนูดีว่าจะถามถึงคุณนิคค่ะ วันนี้ทำไมไม่เห็นคุณนิคเลยคะ) เธออยากจะขอบคุณโดมินิคที่คืนผ้าเช็ดหน้ามาให้เธอ แล้วก็ถือโอกาสขอโทษเขาด้วยที่เคยทำกิริยาไม่ดีใส่ แต่วันนี้กลับไม่เจอหน้ากันเสียอย่างนั้น“ไปตามหาหัวใจครับ”(คะ?)“ตามที่ผมบอกนั่นแหละครับ เราเลิกพูดถึงคนอื่นกันดีกว่า ผมมีอะไรจะให้คุณด้วย” พูดจบก็เดินเข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้าชนิตราที่นั่งห้อยขาอยู่ที่เตียงนอนใหญ่หญิงสาวนั่งตัวเกร็งเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังนั่งคุกเข่าโชว์แหวนเพชรเม็ดโตตรงหน้า เขากำลังจะขออะไรจากเธอเป็นการแลกเปลี่ยนกับแหวนวงนี้หรือเปล่า“ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมสามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจของคุณได้หรือยัง แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าในสายตาของคุณผมสามารถเป็นสามีที่ดีได้ไหม แต่ผมอยากจะบอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูทำเซบาสเตียนหลุดภวังค์จึงลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู“คุณยาย” มองหน้าหญิงชราหน้าตาตื่น ไม่นึกว่ายายของเขาจะเข้ามาหาในเวลานี้“ยายนอนไม่หลับ เลยจะมาดูหนูนาเสียหน่อยว่านอนรึยัง”“หลับไปได้สักพักแล้วครับ”“อ้าวเหรอ” แม้จะผิดหวังแต่อย่างน้อยเธอได้ดูหน้าของเหลนก่อนกลับไปนอนก็ยังดี คิดได้ดังนั้นก็ก้าวเข้าไปในห้องนอนตรงไปยังเปลสีหวานแล้วไปชื่นชมเจ้าตัวกลมที่หลับปุ๋ยน่ารักน่าชังราวกับตุ๊กตาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู“เหมือนไม่มีผิด”น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมาแผ่วเบาทำเซบาสเตียนหันไปมองหน้าคนเป็นยายแววตาฉงน “เหมือนใครครับ”“เหมือนแม่แกน่ะสิ”เซบาสเตียนตกใจรวมไปถึงชนิตราด้วยอีกคน เพราะคิดมาตลอดว่ายัยหนูธารมิกาละม้ายคล้ายแค่คนเป็นพ่อกับลุงที่เป็นฝาแฝดของพ่อเท่านั้น“ตอนเด็กๆ แม่ผมหน้าตาแบบนี้เลยเหรอครับ” เขาจำได้ว่าเคยเห็นรูปของแม่แค่ช่วงที่แม่ของเขาเข้าวัยประถมแล้วเท่านั้น“ใช่” วินาทีที่เงยหน้าตอบหลานชาย พลันสายตาก็ไปเห็นผ้าห่มพร้อมหมอนบนโซฟา หลังจากนั้นคิ้วของหญิงชราก็เริ่มขมวดเข้าหากัน“อ่อแล้ว...นี่แยกกันนอนเหรอ?”“เปล่าครับ คือ... ผมกับหนูดีก็นอนบนเตียง
(เข้าใจแล้วค่ะ แล้วจะแก้ปัญหายังไงคะ)“เราเออออตามที่ท่านคิดไปก่อนได้ไหมครับ ท่านน่าจะอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน อีกอย่างคุณยายจะได้สบายใจด้วยที่เห็นเราได้ลงเอยกันด้วยดีแล้ว”ชนิตราเงียบและครุ่นคิดเรื่องการแก้ปัญหาเงียบๆ ในเมื่อแสงเดือนเข้าใจว่าเธอกับเซบาสเตียนลงเอยกันด้วยดีแล้ว หากเธอไปบอกความจริงว่าตอนนี้ยังตกลงกันเรื่องสถานะความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มไม่ได้ก็คงจะทำให้แสงเดือนต้องมาเครียดกับเรื่องของพวกเธออีก(เอาอย่างงั้นก็ได้ค่ะ) สุดท้ายก็ตกลงที่จะทำตามที่ชายหนุ่มเสนอ หากแสงเดือนอยู่ที่นี่ไม่กี่วันการที่จะทำให้ผู้ใหญ่คนนึงสบายใจมันก็คงไม่ยากอะไรนัก“ดีครับ” เซบาสเตียนอมยิ้มกรุ้มกริ่มทั้งมองหญิงสาวที่กำลังเตรียมน้ำไปเสริฟให้ทุกคนที่ห้องนั่งเล่นด้วยสายตามีเลศนัย จะว่าไปการที่คุณยายของเขาเข้าใจผิดก็เป็นการดีเหมือนกัน เขาจะใช้จังหวะที่ได้อยู่ใกล้ชิดชนิตราตลอดเวลานี้นี่แหละ เพื่อทำคะแนนกับเธอ“นี่แม่พิม ได้ไปหาฤกษ์แต่งให้หนูดีกับตาเซบหรือยังล่ะ หรือเอาฤกษ์สะดวกเลยดีไหม แต่งซะวันนี้พรุ่งนี้เลยเป็นไง”พิรมนหน้าเจื่อนเพราะเธอยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ชนิตราและเซบาสเตียนจะสามารถลงเอยกันได้จริงๆ เม
เช้าวันใหม่เซบาสเตียนเริ่มทำหน้าที่พ่อที่ดีอย่างที่สัญญาเอาไว้กับชนิตราอย่างเต็มที่ เมื่อถึงเวลาที่ลูกสาวตัวกลมต้องดื่มนมเขาก็เลือกที่จะยื่นแก้วหัดดื่มแสนน่ารักให้กับเธอ เด็กหญิงทำหน้าฉงนแต่มือน้อยก็ยังรับของที่คนเป็นพ่อส่งให้ พร้อมกับเอื้อมมือหมายจะคว้าขวดนมตรงหน้า“ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องใช้ขวดนมแล้วนะครับ หนูนาจะต้องใช้แก้วดื่มนมแทน เอาขวดนมมาให้คุณพ่อครับ” เซบาสเตียนยื่นมือขอขวดนมจากลูกสาว“ไม่เยา” เจ้าก้อนกลมส่ายหัวจนแก้มสั่น“หนูนาโตแล้ว เด็กที่โตแล้วเค้าไม่ใช้ขวดนมกัน เค้าใช้แก้ว แก้วสวยกว่าขวดนมครับ” เซบาสเตียนชี้ไปที่ตัวการ์ตูนม้าน่ารักสีชมพู ทั้งมองแก้วนั้นด้วยสายตาชื่นชม“หยอ?” เด็กหญิงวัยเกือบสองขวบเริ่มก้มมองทั้งแก้วหัดดื่มและขวดนมในมือ เมื่อชั่งใจครู่หนึ่งก็เริ่มส่งขวดนมคืนให้คนเป็นพ่อ“ใช่ครับ พ่อเอาไปทิ้งแล้วนะครับ”“ทิ้งเยยค่า เยาแก้วฉวย” เด็กหญิงตอบเสียงใสหน้าระรื่น พร้อมหันมาสนใจแก้วในมือโดยที่ไม่คิดจะหันกลับไปมองขวดนมอีกเลย หลังจากนั้นเซบาสเตียนจึงเริ่มสอนให้ลูกสาวของเขาได้หัดดื่มนมในแก้ว และมันก็ไม่ได้ยากอะไรนักสำหรับคุณพ่อมือใหม่อย่างเขา เพราะเคยเห็นลูกสาวตัวเองดื่มน้ำ
วันทั้งวันเซบาสเตียนง่วนอยู่กับการตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงลูก เขาพยายามเรียนรู้ทุกอย่างจากชนิตราเรื่องการเลี้ยงลูกอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการชงนม การเลือกอาหารให้ลูก การล้างขวดนมรวมไปถึงช่วยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและกล่อมนอน ยอมรับว่าเหนื่อยและต้องละเอียดอ่อนกับทุกอย่างมากๆ แต่ทุกช่วงเวลาที่เขาได้อยู่ใกล้ชิดชนิตราได้ช่วยกันเลี้ยงลูกกับเธอมันเป็นเวลาที่เขามีความสุขมากวันนี้กว่าชนิตราจะกล่อมลูกให้นอนได้ก็เลยเวลานอนไปร่วมครึ่งชั่วโมง เพราะวันนี้ยัยหนูค่อนข้างติดเล่นเป็นพิเศษ เพราะมีเซบาสเตียนอยู่ด้วยตลอดเวลาวางเจ้าก้อนกลมในชุดนอนสีชมพูลงเปลได้เซบาสเตียนก็ยืนกอดอกอมยิ้ม เอ็นดูลูกสาวของเขาเหลือเกินที่พื้นที่เปลแทบจะไม่พอให้พลิกตัวแล้ว“อีกหน่อยคงต้องเปลี่ยนเปลแล้วใช่ไหม” เขาเงยหน้ามามองชนิตราที่เพิ่งห่มผ้าห่มให้ลูก(หนูดีว่าจะไม่ให้ลูกนอนเปลแล้ว แต่จะเปลี่ยนให้ลูกนอนเตียงแทน แล้วก็จะให้เลิกใช้ขวดนมด้วยค่ะ จะเปลี่ยนเป็นแก้วดื่ม)“แล้วผมต้องช่วยอะไรไหม หรือว่าต้องสอนอะไรลูกเป็นพิเศษ”(ช่วยสอนให้เค้าใช้แก้วดื่มนมเป็นก็พอค่ะ แล้วถ้าคุณเซบสอนภาษาลูกได้ก็เป็นเรื่องดีค่ะ)“ผมจะทำให้เต็มที่ ฝันดีนะคร
“ครับ” เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปดั่งใจเอริคก็เดินคอตกออกจากห้องทำงานของเจ้านายสาวไป เขาก็น่าจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้มีอะไรเทียบเคียงอลิซได้สักอย่าง แล้วเธออยากจะหันมามองหัวใจของเขาได้อย่างไรอลิซก้มหน้าหลับตาแล้วถอนหายใจเบาๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับเอริค เธอรู้สึกดีมากจริงๆ ที่มีชายหนุ่มคอยดูแลใกล้ชิด แต่เธอก็อยากจะให้มันอยู่ในระยะห่างแบบนี้ตลอดไป เพราะเธอกลัวว่าวันหนึ่งหากเธอเป็นคู่รักกับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าหลายปี เธอจะต้องมานั่งเสียใจเพราะความรักอีก เธอแค่ปกป้องความรู้สึกตัวเองและไม่ได้ตัดสินใจอะไรผิดไปใช่ไหมพิรมนนั่งปลอบและอยู่เป็นเพื่อนชนิตราพักใหญ่ เมื่อเห็นว่าชนิตราพร้อมที่จะพูดคุยกับเธอแล้ว เธอก็เริ่มตะล่อมที่จะคุยเรื่องของเซบาสเตียน“รู้ใช่ไหมว่าตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องของเรากับเซบแล้ว”ชนิตราพยักหน้า (หนูดีรู้แล้วค่ะว่าวันนั้นคุณเซบก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องแบบนั้น แต่ตอนนี้หนูดียังไม่พร้อมที่จะคุยอะไรกับเค้าจริงๆ ค่ะคุณแม่) เธอไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องราวที่แสนเจ็บปวดในตอนนี้จริงๆ“แม่เข้าใจหนูดีทุกอย่าง แต่ตอนนี้แม่อยากรู้ว่าถ้าเซบจะขอทำหน้าที่พ่อให้หนูนา หนูดีจะว่ายังไง”(