LOGINณ ห้องบูชาลับใต้ดิน กลิ่นกำยานผสมกลิ่นไหม้ของสมุนไพรเน่าเหม็นคลุ้งไปทั่ว ผนังหินสลักอักขระโบราณเรืองแสงสีดำปนเทาและกลิ่นคาวเลือด แสงไฟจากคบเพลิงส่องให้เห็นเงาดำของรูปเทพีอันบิดเบี้ยว
เจ้าหญิงฮาเชียร่าในชุดคลุมดำปักทอง ยืนสง่างามราวหญิงสาวจากขุมนรก ในเงามืดริมฝีปากแดงจัดกำลังขยับท่องคาถาเสียงต่ำข้างหน้าแท่นหินดำวางตุ๊กตามัมมี่สองตัว ขดพันด้วยผ้าลินินเก่าเปื้อนคราบเลือดสดใหม่
นักพรตเฒ่าผิวเหี่ยวย่น ยืนอยู่ด้านหลัง โบกธูปที่ปล่อยควันหนาทึบเสียงเขาแหบพร่าดังก้อง
“อามนีนูบีซุส… โอบาคา นีตาทู…ซีตีเทคานิคเซียรู”
โอ้ มารดาแห่งความตาย… คำแห่งความมืด…
จงสาปแช่งนางผู้ชิงรักไป
เจ้าหญิงฮาเชียร่าหัวเราะเบา ๆ ดวงตาคมวาวด้วยเปลวริษยา
เธอยกมีดสั้นด้ามทอง ปลายมีดแกะสลักลายอังค์กลับแสงไฟสะท้อนวาววับ“เมื่อข้าไม่ได้… เจ้าก็ไม่มีวันได้!”
เธอปักมีดลงไปกลางอกตุ๊กตามัมมี่เพศหญิงอย่างแรง เสียงแผดร้องของเนทาเรียดังสะท้อนขึ้นทันทีราวข้ามมิติ เลือดสดหยดออกมาจากผ้าลินินเหมือนตุ๊กตานั้นมีชีวิตจริง
เจ้าหญิงฮาเชียร่าหัวเราะก้อง “สมน้ำหน้านังสารเลว! คิดจะแย่งราเมเนเซสของข้า? ตายไปเถอะ! หญิงแห่งทวยเทพอันใดกัน… โสโครกไร้ค่า!”
เธอเอื้อมมือกอดตุ๊กตามัมมี่เพศชายไว้แนบอก ดวงตาเปล่งประกายบ้าคลั่ง
“เมื่อเจ้าตาย… ข้าจะครอบครองเขา! เขาจะเป็นของข้า!”
เสียงหัวเราะของนางดังสะท้อนออกมาต่ำบ้าง แหลมบ้าง ขาดเป็นห้วงราวกับเสียงวิญญาณต้องสาป
“ฮะ…ฮะฮะฮ่า! ฮ่าๆๆๆ!!!”
นักพรตเฒ่าเสริมเสียงคาถา ดังก้องกังวานหนักขึ้น ไฟคบเพลิงปะทุสูง แสงสว่างบิดเบี้ยวจนเป็นสีดำเงาของเจ้าหญิงและนักพรตทอดยาวบนผนังเหมือนปีศาจสองตนทำพิธีบูชายัญ
เลือดจากมีดค่อย ๆ ไหลลงบนอักขระโบราณบนพื้นหิน อักษรเหล่านั้นเรืองแสงราวจะปลุกวิญญาณเฮเดสจากสุสาน เสียงหัวเราะบ้าคลั่งของเจ้าหญิงผสานกับเสียงสวดมืดหม่น ทั้งห้องสั่นสะเทือนราวโลกเบื้องล่างเปิดประตู
ข้างแท่นบูชา มีนักพรตเฒ่าตัวงออีกคน ผิวซีดเหมือนขี้เถ้า
ตาลึกดำ แต่รอยยิ้มแฝงเลศนัยมือเขาถือคัมภีร์หนังสัตว์เก่าแก่ที่เต็มไปด้วยอักขระโบราณ ลมหายใจแผ่ว ๆ ของเขาเหมือนเสียงกระซิบของผีเสียงหัวเราะของนางดังขึ้นในห้องเงียบเหมือนเสียงนกกาหัวเราะบนสุสาน
“หึ…เมื่อข้าไม่ได้เขา เจ้าก็ไม่มีทางได้เช่นกัน…”
“ตายไปก็ดี!”
นางก้มลงจ้องตุ๊กตาผู้หญิงตาของนางบ้าคลั่ง ริมฝีปากยกยิ้มจนเห็นฟันขาว นักพรตเฒ่าพูดด้วยเสียงแหบแผ่วเหมือนงูพ่นพิษ
“เจ้าต้องเรียกนามเทพีลับให้ถูก… จึงจะมอบพลังให้คำสาปนี้”
นางหันไปสบตาชายชราพยักหน้า แล้วเริ่มท่องคาถาเสียงต่ำสั่น เหมือนพายุใต้ดิน
“อามนี–เคฟี–เรธทู… นีฮิราห์ เซธาห์… โอบาคา นีตาทู…”
เสียงอักขระโบราณก้องสะท้อนกับผนังหินไฟคบเพลิงกระพริบแรงเหมือนถูกดูดออก อักษรที่สลักบนผนังเรืองแสงสีเขียวหม่น
เงาคนในห้องขยายยาวบิดเบี้ยวเหมือนงูเลื้อยนางยกมีดขึ้นเหนือหัว แล้วปักลงไปที่ตุ๊กตาผู้หญิงอีกครั้ง ทีเดียวลึกจนทะลุผ้าขาดออกเป็นสองส่วน
“จงตาย… จงแตกสลาย… จงถูกคำสาปแห่งรักนี้กลืนกิน…”
ทันใดนั้นเลือดสด ๆ พุ่งออกมาจากหน้าท้องตุ๊กตา ทั้งที่มันเป็นเพียงผ้า หยดเลือดนั้นกลายเป็นควันดำพวยพุ่งขึ้นหมุนวนรอบนาง
เสียงหัวเราะของนางดังขึ้นอีกครั้ง“เมื่อเจ้าตาย… ข้าก็จะครอบครองเขา…”
“เขาเป็นของข้าเพียงผู้เดียว!”
นักพรตเฒ่าเอื้อมมือขึ้นวาดอักษรในอากาศ ประกายไฟสีดำ เล็ก ๆ ลอยจากปลายนิ้วเขา ลงไปยังตุ๊กตาชาย ทำให้มันกระตุกเหมือนมีชีวิตควันดำจากตุ๊กตาผู้หญิงพุ่งเข้าซึมในตุ๊กตาผู้ชาย อักขระบนคัมภีร์เรืองแสงแรงขึ้นจนเหมือนจะลุกไหม้
“มันสำเร็จแล้ว…” เสียงนักพรตเฒ่ากระซิบ “คำสาปจะไม่ทำงาน จนกว่าเขาทั้งสองจะรักกันเต็มหัวใจ… แต่เมื่อรักเกิดขึ้น… มันจะฉีกทุกอย่างให้ขาด…”
หญิงสาวหัวเราะทั้งน้ำตามือยังปักมีดค้างในตุ๊กตา ผมยาวสยายเหมือนเปลวไฟดำเสียงหัวเราะของนางก้องไปทั่วห้องใต้ดินเหมือนเสียงปีศาจปล่อยผีในคืนพายุ
รอบตัวทั้งสามคน เงาของเทพีโบราณในผนังเริ่มขยับช้า ๆ เหมือนกำลังคลานออกมาจากภาพกลิ่นกำยานหวานกลายเป็นกลิ่นเน่า
อุณหภูมิในห้องตกต่ำจนลมหายใจเป็นควัน ทุกอย่างสั่นสะเทือนเหมือนโลกทั้งใบกำลังตอบสนองคำสาปและที่ปลายนิ้วของหญิงสาว เลือดจากตุ๊กตาผู้หญิงค่อย ๆ ไหลย้อนขึ้นมาตามแขนทิ้งรอยอักษรดำไว้บนผิว นางไม่สนใจนางแค่หัวเราะ ก้มลงกระซิบกับตุ๊กตา
“เมื่อเจ้าตาย ข้าจะเก็บเขาไว้ในอ้อมกอดของข้า…”
“นางหญิงชั้นต่ำที่แย่งของข้าไป… ข้าจะส่งเจ้าลงนรกเอง!”
เสียงของเขา... ทั้งนุ่ม ทั้งต่ำ ทั้งหยาบโลนเสียจนขาเธออ่อนวูบ และยังไม่ทันได้เอ่ยปฏิเสธอะไร เขาก็ก้าวเข้ามาเขาจับคางเธอไว้แน่นนิ่งแล้วจูบ ไม่ใช่จูบของคนแปลกหน้า แต่จูบของผู้ครอบครอง จูบของผู้ที่รู้ว่าริมฝีปากเธอชอบสัมผัสแบบไหน รุนแรงแค่ไหนถึงจะทำให้เธอครางเธอพยายามผลักเขาออก แต่ไม่มีแรงเลยแม้แต่นิด ในฝันนี้เขา เหนือกว่า เธอในทุกด้านทั้งกาย ทั้งใจทั้งความต้องการที่เหมือนเขาอ่านเธอออกหมดมือของเขาเลื่อนไปยังต้นคอ ไล่ลงมาตามแนวไหล่ ก่อนจะกระชากชุดนอนบางเบาออกเหมือนไม่มีค่าอะไร แค่ผ้าผืนนั้นร่วงลงพื้น เสียงก็ดังเหมือนโซ่ตรวนหลุดออกจากข้อมือเธอ แต่ไม่ใช่อิสระ ตรงกันข้ามมันคือการถูกจับตรึงไว้กับโชคชะตาอันเร่าร้อนที่หลีกไม่พ้น“ร่างกายของเจ้า... สร้างมาเพื่อให้ข้าสัมผัสเท่านั้น”เขากระซิบข้างหู ขณะที่ร่างของเขาเบียดแนบชิด มือของเขาไล้ไปตามเอวเธอ ทุกจุดที่นิ้วเขาผ่านไป เหมือนมีเปลวไฟแตะลงบนผิวเธอกัดริมฝีปากแน่น ฝืนไม่คราง แต่แล้วเขาก็ก้มลงดูดกลืนยอดอกที่เริ่มแข็งตั้ง"อ๊า—!"เสียงครางแรกหลุดออกมาโดยไม่รู้ตัว เขายิ้ม ยิ้มของผู้ชนะ ยิ้มข
กาลเวลาหมุนผ่านนับพันปีทรายแห่งทะเลทรายไหลรินกลบซากวิหารและสุสานทีละชั้นเสียงพิณแห่งงานวิวาห์วันนั้นเงียบดับ กลายเป็นเพียงเสียงลมพัดก้องในซอกหินรอยเลือดที่รดลงบนพื้นหินแห้งกรัง ถูกกลบด้วยฝุ่นทรายและเถ้าถ่านเหลือไว้เพียงเงาคำสาปที่ฝังลึกลงในแผ่นดินวิญญาณที่เคยโหยหาและกรีดร้องถูกกาลเวลาโอบปิด แต่ถ้อยคำโบราณยังคงก้องสะท้อนในชั้นหิน “เมื่อรักแท้บรรจบ ความตายจักบังเกิด”พันปีแล้วพันปีเล่า…อาณาจักรล่มสลาย จักรวรรดิใหม่ ผงาดขึ้นและดับไปแม่น้ำไนล์ยังคงไหลเรื่อยไม่รู้จักสิ้น ผู้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าเดินผ่านผืนทราย โดยไม่รู้เลยว่าใต้เท้าของพวกเขายังมีความลับ รอการปลุกให้ตื่นลมทะเลทรายพัดแรงกว่าปกติ ดั่งเสียงกระซิบของวิญญาณโบราณที่ถูกจองจำมาเนิ่นนาน ประกายดวงจิตหนึ่งค่อย ๆ ฉีกม่านกาลเวลา ล่องลอยผ่านสายลม…จากร่างหญิงสาวผู้ถูกสาปพันธนาการเมื่อพันปีที่แล้ว สู่อีกเรือนกายหนึ่งในยุคปัจจุบันแสงไฟสีขาวจากเพดานสนามบินไคโรสะท้อนกับพื้นกระเบื้องหินอ่อน ผู้คนขวักไขว่ เสียงประกาศเที่ยวบินดังเป็นระยะท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงลากกระเป๋าเดินทาง รถเข็นสัมภาระ และผู้โดยสารหลายเชื้อชา
ในความมืดมิดที่ปกคลุมห้องบูชาลับใต้ดิน แสงอักษรสีเขียวหม่นยังคงเรืองรองจากอักขระบนผนังลามไล้ลงพื้นหินราวงูเปลือยพิษ ผิวของเจ้าหญิงฮาเชียร่าเต็มไปด้วยอักษรดำที่ไหลย้อนขึ้นจากเลือด มันซึมเข้าในรูขุมขน แทรกซึมเข้าในเส้นเลือดแดงทุกเส้นเหมือนหมึกของข้อตกลงที่ไม่มีวันลบ สะท้อนใบหน้าบ้าคลั่งของเจ้าหญิง และนักพรตเฒ่าสองคน เสียงหัวเราะของนางค่อยๆ เบาลง จนเหลือเพียงเสียงหอบหายใจแผ่วเบา ทว่าคำสาปที่ถูกปลุกให้ตื่นเต็มที่แล้วนั้น มิใช่สิ่งที่ได้มาฟรีๆ มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอพรหมจรรย์ของผู้ร้องขอ ซึ่งเป็นเลือดบริสุทธิ์ที่ต้องถูกพรากไปเพื่อบูชาเทพีแห่งความมืดนักพรตเฒ่าคนแรก ผู้ที่มีผิวซีดเหมือนขี้เถ้าและตาลึกดำสนิท ก้มลงกระซิบใกล้หูของนางด้วยเสียงแหบพร่าเหมือนเสียงจากขุมนรก“คำสาปสมปรารถนาแล้ว... แต่เจ้าก็ต้องจ่ายราคา ร่างกายของเจ้าจะเป็นภาชนะของเทพีอามนี เคฟี เรธทู จิตวิญญาณของเจ้าจะถูกผ่าครึ่งเพื่อเลี้ยงปีศาจในสุสานโบราณ”นักพรตเฒ่าอีกคน ผู้ที่ผิวเหี่ยวย่นและมือสั่นเทา ยิ้มแสยะอย่างชั่วร้าย ขณะที่เขาเอื้อมมือจับชายชุดคลุมดำปักทองของนาง แล้วดึงมันออกอย่างหยาบกระด้
ณ ห้องบูชาลับใต้ดิน กลิ่นกำยานผสมกลิ่นไหม้ของสมุนไพรเน่าเหม็นคลุ้งไปทั่ว ผนังหินสลักอักขระโบราณเรืองแสงสีดำปนเทาและกลิ่นคาวเลือด แสงไฟจากคบเพลิงส่องให้เห็นเงาดำของรูปเทพีอันบิดเบี้ยวเจ้าหญิงฮาเชียร่าในชุดคลุมดำปักทอง ยืนสง่างามราวหญิงสาวจากขุมนรก ในเงามืดริมฝีปากแดงจัดกำลังขยับท่องคาถาเสียงต่ำข้างหน้าแท่นหินดำวางตุ๊กตามัมมี่สองตัว ขดพันด้วยผ้าลินินเก่าเปื้อนคราบเลือดสดใหม่นักพรตเฒ่าผิวเหี่ยวย่น ยืนอยู่ด้านหลัง โบกธูปที่ปล่อยควันหนาทึบเสียงเขาแหบพร่าดังก้อง“อามนีนูบีซุส… โอบาคา นีตาทู…ซีตีเทคานิคเซียรู”โอ้ มารดาแห่งความตาย… คำแห่งความมืด…จงสาปแช่งนางผู้ชิงรักไปเจ้าหญิงฮาเชียร่าหัวเราะเบา ๆ ดวงตาคมวาวด้วยเปลวริษยาเธอยกมีดสั้นด้ามทอง ปลายมีดแกะสลักลายอังค์กลับแสงไฟสะท้อนวาววับ“เมื่อข้าไม่ได้… เจ้าก็ไม่มีวันได้!”เธอปักมีดลงไปกลางอกตุ๊กตามัมมี่เพศหญิงอย่างแรง เสียงแผดร้องของเนทาเรียดังสะท้อนขึ้นทันทีราวข้ามมิติ เลือดสดหยดออกมาจากผ้าลินินเหมือนตุ๊กตานั้
“อานูบิส คา-เมเรต เนเฟรู-เรต”(เทพแห่งความตาย จงผูกมัดวิญญาณนี้ด้วยบ่วงรักอันสาปแช่ง)เนทาเรียกุมศีรษะทั้งสองมือเส้นเลือดนูนขึ้นตรงขมับ ร่างบางสั่นสะท้านจากดวงตาที่เคยอ่อนหวานปรากฏประกายทองวาววับ ราวกับเทพเจ้าที่หลับใหลตื่นขึ้นมาสวมวิญญาณเธอเงาดำรูปร่างคล้ายสตรีในชุดคลุมโบราณคืบคลานออกมาจากผืนผ้าโปร่งเสียงสตรีนั้นแหบพร่าราวพัดทะเลทราย“หากเจ้ามอบรักแท้ให้ฟาโรห์… เลือดของผู้เป็นที่รักจักกลายเป็นบรรณาการ…”หญิงสาวกรีดร้องทันทีที่ประโยคนั้นจบเส้นอักขระเรืองแสงสีดำแดงลอยปรากฏบนผิวเธอทีละเส้น ราวกับมีใครสลักจารึกโบราณลงบนร่างกายพระองค์เอื้อมมือคว้าแขนเธอ แต่เมื่อสัมผัส กลับเหมือนถูกแรงสายฟ้าดันกระเด็นออกไปเสียงกระซิบดังพร้อมกันนับร้อย“เมริต… เคต… เจดู…!”(รัก… เลือด… ความตาย…)ร่างบางทรุดคุกเข่า ร่างสั่นสะท้านเหมือนถูกบางสิ่งฉีกจากภายในน้ำตาสีเลือดไหลจากหางตา เธอแหงนหน้ามองเขา ดวงตาทองแปรเปลี่ยนเป็นแดงเข้ม“ราเมเซส… ยิ่งข้ารักท่าน… คำสาปยิ่งแรง…หากดวงใจเราตรงกัน ความตายจักบังเกิด!”เสียงนั้นไม
เขาก้มลงจูบริมฝีปากนางอีกครั้งแล้ว ดันเข้าไปอีกนิดเพียงครึ่งหนึ่งของความยาวลำเขาแน่นร้อนและฝังเข้าไปในโพรงนุ่มแคบที่กำลังขมิบรับเขาอย่างตื่นเต้นสั่นไหว“ถึงเพียงครึ่ง… แต่เจ้าตอดรัดเหลือเกิน…”“เจ้ารู้ไหม… ข้าแทบจะไม่ไหว…”เขาหยุดตรงนั้นไม่ดันเข้าไปอีก แต่เธอก็แน่นเสียจนเขาต้องกัดฟัน ความร้อนของร่างเธอกำลังกลืนเขาทีละช้า ๆ อย่างมีชีวิตเธอกระชับสะโพกแน่นเหมือนอยากได้มากกว่านั้น แต่มือเขากดเอวเธอไว้แผ่วเบาห้ามปรามอย่างรักใคร่“พอแล้ว… แค่นี้ก่อน…”“ข้าจะไม่เร่ง…เพราะข้าอยากให้เจ้าจำ ‘ครั้งแรก’ นี้ ว่ามันเริ่มด้วยความรัก ไม่ใช่เพียงตัณหา…”เขานิ่งสะโพกแนบสะโพก หายใจร้อนรินกลีบของเธอตอดเขาเบา ๆ ทุกจังหวะหัวใจและทั้งคู่นอนกอดกันแน่น โดยที่เขายังอยู่ ในตัวเธอ...คบเพลิงรอบห้องหอวูบไหวแรงขึ้นโดยไม่มีลมพัด กลิ่นกำยานหอมหวานกลายเป็นกลิ่นคาวโลหิตจาง ๆ คลออยู่ในอากาศ ใต้ร่างของหญิงสาวรอยอักษรไฮเออโรกลึกลับที่สลักไว้บนแท่นบรรทมทองเริ่มเรืองแสงเป็นเงาดำล้อมรอบจาง ๆ ทุกจังหวะหัวใจของเธอเต้นแรงเหมือนถูกใครตีกลองเรียกวิญญาณราเมเซสยังคงโอบกอดราชินีของเขาไว้แน่น ท่อนร้อนของเขาอยู่ในโพรงนุ่มเพียงครึ่ง







![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [นางร้าย]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)