Beranda / รักโบราณ / เพลิงสวาททาสรักฟาโรห์ / บทที่ 4 ค่ำคืนที่หวานกลายเป็นเลือดใต้เงาของคำสาป (2)

Share

บทที่ 4 ค่ำคืนที่หวานกลายเป็นเลือดใต้เงาของคำสาป (2)

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-10 21:36:24

“อานูบิส คา-เมเรต เนเฟรู-เรต”

(เทพแห่งความตาย จงผูกมัดวิญญาณนี้ด้วยบ่วงรักอันสาปแช่ง)

เนทาเรียกุมศีรษะทั้งสองมือเส้นเลือดนูนขึ้นตรงขมับ ร่างบางสั่นสะท้านจากดวงตาที่เคยอ่อนหวานปรากฏประกายทองวาววับ ราวกับเทพเจ้าที่หลับใหลตื่นขึ้นมาสวมวิญญาณเธอ

เงาดำรูปร่างคล้ายสตรีในชุดคลุมโบราณคืบคลานออกมาจากผืนผ้าโปร่งเสียงสตรีนั้นแหบพร่าราวพัดทะเลทราย

“หากเจ้ามอบรักแท้ให้ฟาโรห์… เลือดของผู้เป็นที่รักจักกลายเป็นบรรณาการ…”

หญิงสาวกรีดร้องทันทีที่ประโยคนั้นจบเส้นอักขระเรืองแสงสีดำแดงลอยปรากฏบนผิวเธอทีละเส้น ราวกับมีใครสลักจารึกโบราณลงบนร่างกาย

พระองค์เอื้อมมือคว้าแขนเธอ แต่เมื่อสัมผัส กลับเหมือนถูกแรงสายฟ้าดันกระเด็นออกไป

เสียงกระซิบดังพร้อมกันนับร้อย

“เมริต… เคต… เจดู…!”

(รัก… เลือด… ความตาย…)

ร่างบางทรุดคุกเข่า ร่างสั่นสะท้านเหมือนถูกบางสิ่งฉีกจากภายในน้ำตาสีเลือดไหลจากหางตา เธอแหงนหน้ามองเขา ดวงตาทองแปรเปลี่ยนเป็นแดงเข้ม

“ราเมเซส… ยิ่งข้ารักท่าน… คำสาปยิ่งแรง…

หากดวงใจเราตรงกัน ความตายจักบังเกิด!”

เสียงนั้นไม่ใช่เพียงเสียงของเธออีกต่อไป แต่เป็นเสียงซ้อนกันหลายชั้น ทั้งเสียงเด็ก หญิงชรา และนักบวชโบราณ ดังก้องสะท้อนในห้องหอ

ทันใดนั้น แสงเทียนทุกเล่มแตกกระจายเป็นประกายเลือด ห้องทั้งห้องถูกกลืนด้วยความมืดและเงาดำที่บิดเบี้ยว ประหนึ่งคำสาปโบราณได้ตื่นเต็มตัวแล้ว

เมื่อเงาดำสลายไปพร้อมเสียงภาษาสาปโบราณ เงียบงันเพียงชั่วขณะ หญิงสาวก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง สายตาใสแจ่มชัดเหมือนคนเพิ่งถูกดึงกลับจากขุมนรก

สิ่งแรกที่เธอเห็น… คือมือเล็กของตนเองเต็มไปด้วยเลือดอุ่นสดใหม่ เล็บงามเปื้อนเนื้อหนังคนที่เธอไม่รู้ว่าเป็นใครรอบกายมีทั้งทาสบ่าว ทหาร นอนนิ่งกระจัดกระจาย เลือดไหลนองจนผ้าปูเจ้าสาวสีงาช้างแปรเป็นแดงฉาน

เธอทรุดตัวลง หัวใจบีบรัดรุนแรง ริมฝีปากสั่นพึมพำ

“ข้า…ทำอะไรลงไป… เทพทั้งหลาย… ข้าได้ทำสิ่งใด…”

เสียงกระซิบโบราณแทรกขึ้นมาอีกครั้งแต่คราวนี้แผ่วเบาราวกระซิบในวิญญาณ

“หากดวงใจเจ้ากับเขาเป็นหนึ่งเดียว… ความตายจักบังเกิด…”

เนทาเรียเบิกตากว้าง หันไปมองราเมเซสที่ยังนอนกุมบาดแผล เลือดไหลไม่หยุด แต่แววตายังคงจับจ้องมาที่เธอ ไม่เคยหวาดกลัว ไม่เคยผลักไส

หยาดน้ำตารินลงบนแก้มเธอ “ไม่… ข้าจะไม่ยอมให้ท่านตายเพราะข้า… ต่อให้คำสาปบอกเช่นไร…”

เสียงวิญญาณกรีดร้องเบาลง เธอหอบแรงมือที่ถือกรีฑเริ่มสั่น

โลกกลับมาในสายตาเธอ

เธอเห็น…ร่างบ่าวไพร่กองอยู่รอบตัวเลือดนองพื้น ใบหน้าที่ตายไปโดยมือเธอเองและตรงกลาง ฟาโหห์ราเมเซสพระสวามีของเธอจมกองเลือด

“ข้า… ข้าทำอะไรลงไป…”

เสียงเธอแตกพร่า น้ำตาไหลพราก

“ราเมส… ข้าฆ่าพวกเขา… ข้า…”

หัวใจนางแตกสลายเสียงคำสาปกระซิบซ้อนในหูเย็น เหมือนน้ำแข็งแทงเข้าไขสันหลัง

“เจ้าเห็นแล้วใช่ไหม…

ไม่มีทางกลับ… จงจบมันเสีย… จงกลับมาหาเรา…”

เธอส่ายหน้าแรง ๆ มือปิดหู น้ำตาไหล

“ไม่! ข้าไม่ใช่ของเจ้า!”

แต่เสียงนั้นไม่หยุดมันหัวเราะเบา ๆ ลากเสียงยาว ภาพศพรอบตัวเธอค่อย ๆ กลายเป็นมือยื่นออกมาลากเธอลงขุมนรก

ราเมสพยายามลุกขึ้น ทหารสองคนพยุงเขาเขายื่นมือออกไปหาเธอแม้แขนจะสั่นจากการเสียเลือด

“เนธาเลีย… อย่าเชื่อมัน… อย่า ปล่อยข้า…”

นางมองเขา ชายผู้ยังเรียกนางว่า “ยอดรัก” ทั้งที่เธอทำให้เขาเลือดอาบหัวใจเธอแตกละเอียดจนไม่เหลือที่ว่างให้ความหวัง น้ำตาไหลรวมกับเลือดเปื้อนใบหน้า

“ข้า… ทำลายทุกอย่างแล้ว… ข้าไม่ควรอยู่…”

เสียงคำสาปดังขึ้นหนักกว่าเดิม

“ใช่… ฆ่าตัวเอง… จบพิธีนี้ซะ…”

เธอค่อย ๆ ลุกขึ้น มือกำกรีฑทองคำแน่น สายตาสุดท้ายหันไปสบตาฟาโรห์ผู้เป็นที่รักในดวงตาคู่นั้น เธอเห็นทั้งความห่วงหา ความเจ็บปวด และความรักที่มั่นคงไม่สั่นคลอน

เนทาเรียส่งรอยยิ้มเศร้า “หากรักข้าต้องพรากชีวิตท่าน… งั้นข้าขอเลือกสละเอง…”

เธอยกกรีฑขึ้นเหนือตนเองประกายเลือดสะท้อนแสงเทียน ที่ใกล้ดับ ก่อนจะกดลึกลงสู่หัวใจตนเองโดยไม่ลังเล เลือดแดงพุ่งออก เปื้อนชุดเจ้าสาวขาวสะอาด กลายเป็นภาพโศกนาฏกรรมที่ไม่ผู้ใดลืมได้

ราเมสเบิกตากว้าง เสียงคำรามปะทุจากลำคอ

“เนทา…เรีย!!!!”

นางเงยหน้ามองเขาเป็นครั้งสุดท้ายดวงตาเต็มไปด้วยทั้งรัก ทั้งแค้น ทั้งสิ้นหวังแล้วเธอก็ยกกรีฑทองขึ้นสูงปลายแหลมสั่นตรงอกตัวเอง

“ให้อภัยข้าด้วย… ราเมเซส… ยอดรัก…”

ก่อนใครจะทันได้ห้ามเธอแทงกรีฑลงไปในอกตนเองเลือด สีแดงสดพุ่งกระเซ็นเปื้อนพื้นหิน เสียงคำสาปหัวเราะก้องเต็มวิหาร ก่อนจะกลายเป็นเสียงกรีดร้องแหลมแล้วสลายไปในพริบตา

เธอล้มลงบนพื้น ดวงตาเบิกกว้างน้ำตาหยุดนิ่งในมือยังจับกรีฑที่เปื้อนเลือดของตัวเอง

เขาคลานเข้ามาประคองร่างเธอไว้แนบอก เลือดของเธอไหลผสมกับเลือดของเขา ร่างบางเย็นลงทุกลมหายใจ เสียงหัวเราะและเสียงร้องไห้ของเขาผสมปนกันจนกลายเป็นเสียงบ้าคลั่ง สะท้อนก้องไปทั่วห้องหอที่แปรเป็นสุสาน

“เจ้าคือชีวิตของข้า… ทำไมต้องพรากไปเช่นนี้!! ต่อให้เทพเจ้าทั้งปวง… ต่อให้วิญญาณนรกทุกตน… ข้าจะหาวิธีดึงเจ้ากลับมา… ต่อให้ต้องแลกทุกอย่างในโลกนี้…”

เสียงนั้นดังสะท้านจนคบเพลิงรอบห้องแตกดับ เหลือเพียงร่างฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่ในอ้อมแขนที่สูญสิ้นยอดรักไปตลอดกาล

ภาพทั้งหมดหยุดอยู่ตรงนั้นห้องหอที่เคยเป็นสถานที่แห่งรัก

กลับกลายเป็นสุสานของคำสาปทิ้งให้เขาอยู่กับเลือด น้ำตา และคำสาบานที่ยังไม่สิ้นสุด

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เพลิงสวาททาสรักฟาโรห์   บทที่ 8 เสียงกระซิบในเงามืด ยอดรักแห่งฟาโรห์ (2)

    เสียงของเขา... ทั้งนุ่ม ทั้งต่ำ ทั้งหยาบโลนเสียจนขาเธออ่อนวูบ และยังไม่ทันได้เอ่ยปฏิเสธอะไร เขาก็ก้าวเข้ามาเขาจับคางเธอไว้แน่นนิ่งแล้วจูบ ไม่ใช่จูบของคนแปลกหน้า แต่จูบของผู้ครอบครอง จูบของผู้ที่รู้ว่าริมฝีปากเธอชอบสัมผัสแบบไหน รุนแรงแค่ไหนถึงจะทำให้เธอครางเธอพยายามผลักเขาออก แต่ไม่มีแรงเลยแม้แต่นิด ในฝันนี้เขา เหนือกว่า เธอในทุกด้านทั้งกาย ทั้งใจทั้งความต้องการที่เหมือนเขาอ่านเธอออกหมดมือของเขาเลื่อนไปยังต้นคอ ไล่ลงมาตามแนวไหล่ ก่อนจะกระชากชุดนอนบางเบาออกเหมือนไม่มีค่าอะไร แค่ผ้าผืนนั้นร่วงลงพื้น เสียงก็ดังเหมือนโซ่ตรวนหลุดออกจากข้อมือเธอ แต่ไม่ใช่อิสระ ตรงกันข้ามมันคือการถูกจับตรึงไว้กับโชคชะตาอันเร่าร้อนที่หลีกไม่พ้น“ร่างกายของเจ้า... สร้างมาเพื่อให้ข้าสัมผัสเท่านั้น”เขากระซิบข้างหู ขณะที่ร่างของเขาเบียดแนบชิด มือของเขาไล้ไปตามเอวเธอ ทุกจุดที่นิ้วเขาผ่านไป เหมือนมีเปลวไฟแตะลงบนผิวเธอกัดริมฝีปากแน่น ฝืนไม่คราง แต่แล้วเขาก็ก้มลงดูดกลืนยอดอกที่เริ่มแข็งตั้ง"อ๊า—!"เสียงครางแรกหลุดออกมาโดยไม่รู้ตัว เขายิ้ม ยิ้มของผู้ชนะ ยิ้มข

  • เพลิงสวาททาสรักฟาโรห์   บทที่ 7 เสียงกระซิบในเงามืด ยอดรักแห่งฟาโรห์

    กาลเวลาหมุนผ่านนับพันปีทรายแห่งทะเลทรายไหลรินกลบซากวิหารและสุสานทีละชั้นเสียงพิณแห่งงานวิวาห์วันนั้นเงียบดับ กลายเป็นเพียงเสียงลมพัดก้องในซอกหินรอยเลือดที่รดลงบนพื้นหินแห้งกรัง ถูกกลบด้วยฝุ่นทรายและเถ้าถ่านเหลือไว้เพียงเงาคำสาปที่ฝังลึกลงในแผ่นดินวิญญาณที่เคยโหยหาและกรีดร้องถูกกาลเวลาโอบปิด แต่ถ้อยคำโบราณยังคงก้องสะท้อนในชั้นหิน “เมื่อรักแท้บรรจบ ความตายจักบังเกิด”พันปีแล้วพันปีเล่า…อาณาจักรล่มสลาย จักรวรรดิใหม่ ผงาดขึ้นและดับไปแม่น้ำไนล์ยังคงไหลเรื่อยไม่รู้จักสิ้น ผู้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าเดินผ่านผืนทราย โดยไม่รู้เลยว่าใต้เท้าของพวกเขายังมีความลับ รอการปลุกให้ตื่นลมทะเลทรายพัดแรงกว่าปกติ ดั่งเสียงกระซิบของวิญญาณโบราณที่ถูกจองจำมาเนิ่นนาน ประกายดวงจิตหนึ่งค่อย ๆ ฉีกม่านกาลเวลา ล่องลอยผ่านสายลม…จากร่างหญิงสาวผู้ถูกสาปพันธนาการเมื่อพันปีที่แล้ว สู่อีกเรือนกายหนึ่งในยุคปัจจุบันแสงไฟสีขาวจากเพดานสนามบินไคโรสะท้อนกับพื้นกระเบื้องหินอ่อน ผู้คนขวักไขว่ เสียงประกาศเที่ยวบินดังเป็นระยะท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงลากกระเป๋าเดินทาง รถเข็นสัมภาระ และผู้โดยสารหลายเชื้อชา

  • เพลิงสวาททาสรักฟาโรห์   บทที่ 6 เลือดพรหมจรรย์และคำสาปที่ต้องแลก

    ในความมืดมิดที่ปกคลุมห้องบูชาลับใต้ดิน แสงอักษรสีเขียวหม่นยังคงเรืองรองจากอักขระบนผนังลามไล้ลงพื้นหินราวงูเปลือยพิษ ผิวของเจ้าหญิงฮาเชียร่าเต็มไปด้วยอักษรดำที่ไหลย้อนขึ้นจากเลือด มันซึมเข้าในรูขุมขน แทรกซึมเข้าในเส้นเลือดแดงทุกเส้นเหมือนหมึกของข้อตกลงที่ไม่มีวันลบ สะท้อนใบหน้าบ้าคลั่งของเจ้าหญิง และนักพรตเฒ่าสองคน เสียงหัวเราะของนางค่อยๆ เบาลง จนเหลือเพียงเสียงหอบหายใจแผ่วเบา ทว่าคำสาปที่ถูกปลุกให้ตื่นเต็มที่แล้วนั้น มิใช่สิ่งที่ได้มาฟรีๆ มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอพรหมจรรย์ของผู้ร้องขอ ซึ่งเป็นเลือดบริสุทธิ์ที่ต้องถูกพรากไปเพื่อบูชาเทพีแห่งความมืดนักพรตเฒ่าคนแรก ผู้ที่มีผิวซีดเหมือนขี้เถ้าและตาลึกดำสนิท ก้มลงกระซิบใกล้หูของนางด้วยเสียงแหบพร่าเหมือนเสียงจากขุมนรก“คำสาปสมปรารถนาแล้ว... แต่เจ้าก็ต้องจ่ายราคา ร่างกายของเจ้าจะเป็นภาชนะของเทพีอามนี เคฟี เรธทู จิตวิญญาณของเจ้าจะถูกผ่าครึ่งเพื่อเลี้ยงปีศาจในสุสานโบราณ”นักพรตเฒ่าอีกคน ผู้ที่ผิวเหี่ยวย่นและมือสั่นเทา ยิ้มแสยะอย่างชั่วร้าย ขณะที่เขาเอื้อมมือจับชายชุดคลุมดำปักทองของนาง แล้วดึงมันออกอย่างหยาบกระด้

  • เพลิงสวาททาสรักฟาโรห์   บทที่ 5 โอ้มารดาแห่งความตาย

    ณ ห้องบูชาลับใต้ดิน กลิ่นกำยานผสมกลิ่นไหม้ของสมุนไพรเน่าเหม็นคลุ้งไปทั่ว ผนังหินสลักอักขระโบราณเรืองแสงสีดำปนเทาและกลิ่นคาวเลือด แสงไฟจากคบเพลิงส่องให้เห็นเงาดำของรูปเทพีอันบิดเบี้ยวเจ้าหญิงฮาเชียร่าในชุดคลุมดำปักทอง ยืนสง่างามราวหญิงสาวจากขุมนรก ในเงามืดริมฝีปากแดงจัดกำลังขยับท่องคาถาเสียงต่ำข้างหน้าแท่นหินดำวางตุ๊กตามัมมี่สองตัว ขดพันด้วยผ้าลินินเก่าเปื้อนคราบเลือดสดใหม่นักพรตเฒ่าผิวเหี่ยวย่น ยืนอยู่ด้านหลัง โบกธูปที่ปล่อยควันหนาทึบเสียงเขาแหบพร่าดังก้อง“อามนีนูบีซุส… โอบาคา นีตาทู…ซีตีเทคานิคเซียรู”โอ้ มารดาแห่งความตาย… คำแห่งความมืด…จงสาปแช่งนางผู้ชิงรักไปเจ้าหญิงฮาเชียร่าหัวเราะเบา ๆ ดวงตาคมวาวด้วยเปลวริษยาเธอยกมีดสั้นด้ามทอง ปลายมีดแกะสลักลายอังค์กลับแสงไฟสะท้อนวาววับ“เมื่อข้าไม่ได้… เจ้าก็ไม่มีวันได้!”เธอปักมีดลงไปกลางอกตุ๊กตามัมมี่เพศหญิงอย่างแรง เสียงแผดร้องของเนทาเรียดังสะท้อนขึ้นทันทีราวข้ามมิติ เลือดสดหยดออกมาจากผ้าลินินเหมือนตุ๊กตานั้

  • เพลิงสวาททาสรักฟาโรห์   บทที่ 4 ค่ำคืนที่หวานกลายเป็นเลือดใต้เงาของคำสาป (2)

    “อานูบิส คา-เมเรต เนเฟรู-เรต”(เทพแห่งความตาย จงผูกมัดวิญญาณนี้ด้วยบ่วงรักอันสาปแช่ง)เนทาเรียกุมศีรษะทั้งสองมือเส้นเลือดนูนขึ้นตรงขมับ ร่างบางสั่นสะท้านจากดวงตาที่เคยอ่อนหวานปรากฏประกายทองวาววับ ราวกับเทพเจ้าที่หลับใหลตื่นขึ้นมาสวมวิญญาณเธอเงาดำรูปร่างคล้ายสตรีในชุดคลุมโบราณคืบคลานออกมาจากผืนผ้าโปร่งเสียงสตรีนั้นแหบพร่าราวพัดทะเลทราย“หากเจ้ามอบรักแท้ให้ฟาโรห์… เลือดของผู้เป็นที่รักจักกลายเป็นบรรณาการ…”หญิงสาวกรีดร้องทันทีที่ประโยคนั้นจบเส้นอักขระเรืองแสงสีดำแดงลอยปรากฏบนผิวเธอทีละเส้น ราวกับมีใครสลักจารึกโบราณลงบนร่างกายพระองค์เอื้อมมือคว้าแขนเธอ แต่เมื่อสัมผัส กลับเหมือนถูกแรงสายฟ้าดันกระเด็นออกไปเสียงกระซิบดังพร้อมกันนับร้อย“เมริต… เคต… เจดู…!”(รัก… เลือด… ความตาย…)ร่างบางทรุดคุกเข่า ร่างสั่นสะท้านเหมือนถูกบางสิ่งฉีกจากภายในน้ำตาสีเลือดไหลจากหางตา เธอแหงนหน้ามองเขา ดวงตาทองแปรเปลี่ยนเป็นแดงเข้ม“ราเมเซส… ยิ่งข้ารักท่าน… คำสาปยิ่งแรง…หากดวงใจเราตรงกัน ความตายจักบังเกิด!”เสียงนั้นไม

  • เพลิงสวาททาสรักฟาโรห์   บทที่ 3 ค่ำคืนที่หวานกลายเป็นเลือดใต้เงาของคำสาป

    เขาก้มลงจูบริมฝีปากนางอีกครั้งแล้ว ดันเข้าไปอีกนิดเพียงครึ่งหนึ่งของความยาวลำเขาแน่นร้อนและฝังเข้าไปในโพรงนุ่มแคบที่กำลังขมิบรับเขาอย่างตื่นเต้นสั่นไหว“ถึงเพียงครึ่ง… แต่เจ้าตอดรัดเหลือเกิน…”“เจ้ารู้ไหม… ข้าแทบจะไม่ไหว…”เขาหยุดตรงนั้นไม่ดันเข้าไปอีก แต่เธอก็แน่นเสียจนเขาต้องกัดฟัน ความร้อนของร่างเธอกำลังกลืนเขาทีละช้า ๆ อย่างมีชีวิตเธอกระชับสะโพกแน่นเหมือนอยากได้มากกว่านั้น แต่มือเขากดเอวเธอไว้แผ่วเบาห้ามปรามอย่างรักใคร่“พอแล้ว… แค่นี้ก่อน…”“ข้าจะไม่เร่ง…เพราะข้าอยากให้เจ้าจำ ‘ครั้งแรก’ นี้ ว่ามันเริ่มด้วยความรัก ไม่ใช่เพียงตัณหา…”เขานิ่งสะโพกแนบสะโพก หายใจร้อนรินกลีบของเธอตอดเขาเบา ๆ ทุกจังหวะหัวใจและทั้งคู่นอนกอดกันแน่น โดยที่เขายังอยู่ ในตัวเธอ...คบเพลิงรอบห้องหอวูบไหวแรงขึ้นโดยไม่มีลมพัด กลิ่นกำยานหอมหวานกลายเป็นกลิ่นคาวโลหิตจาง ๆ คลออยู่ในอากาศ ใต้ร่างของหญิงสาวรอยอักษรไฮเออโรกลึกลับที่สลักไว้บนแท่นบรรทมทองเริ่มเรืองแสงเป็นเงาดำล้อมรอบจาง ๆ ทุกจังหวะหัวใจของเธอเต้นแรงเหมือนถูกใครตีกลองเรียกวิญญาณราเมเซสยังคงโอบกอดราชินีของเขาไว้แน่น ท่อนร้อนของเขาอยู่ในโพรงนุ่มเพียงครึ่ง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status