สิ่งที่การันต์ทำลงไปทั้งหมดนั้นเพื่อการทำให้บริษัทที่อุตส่าห์แย่งมาจากน้องชายคนรองให้อยู่รอด และสร้างผลงานได้อย่างดีเยี่ยม วงการธุรกิจนั้นก็มักทำอะไรกันแบบนี้ทั้งนั้นให้ได้สิ่งที่ต้องการมา การทำให้น้องสาวไปนอนกับคนที่ต้องการในตัวเธอ หลงใหลในความสวย และสาวของเธอ แลกกับการที่เขาได้เงินร่วมทุนมหาศาล ชนิดที่ว่าเขาจะทำอะไรได้ง่ายขึ้นอีกหลายปี
การันต์มองเห็นน้องชายที่เขารู้มาจากแม่ของเขาเองว่าต้องกลับมาอยู่บ้านสักระยะเพราะคอนโดเกิดปัญหา เขาอยากจะเข้าไปทักทายน้องชายสักหน่อย จึงเดินออกมาจากห้องทำงานที่เขามานั่งอยู่ในนี้ตลอด ตั้งแต่มาถึงบ้าน หวังว่าจะเจอกับคนใช้คนใหม่คนนั้นอีกสักครั้ง แต่ไม่มีแม้แต่เงา
“ไง น้องชายไม่เจอกันนานเลยนะ” เขาทักทายกรินทร์ที่เดินเข้ามาในบ้าน
“อืม กลับมาแล้วสินะ”
เขาตอบกลับไปแบบขอไปทีแล้วจะเดินหนี โดยปกติเขากับพี่ชายไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกันมานานแล้ว เพราะหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาพี่ชายของเขาไม่เคยมองเห็นว่าครอบครัวคือคนที่หวังดีด้วยเลย เขามักจะคิดว่าทุกคนมีแต่ความคาดหวังกับเขา เขาจะเดินขึ้นไปให้สูงกว่าทุกคน
“อะไรกัน จะทักทายพี่แค่นี้เองเหรอ”
“ไม่รู้จะต้องคุยอะไร ตอนนี้เหนื่อย”
“ก็บอกแล้วว่ามาทำงานด้วยกัน ก็คงจะไม่เหนื่อยแบบนี้”
“ไม่ล่ะ กลัวจะทำงานให้ไม่คุ้มกับเงินเดือน”
เขาเดินหนีเพราะไม่อยากจะคุยด้วยแล้ว พอดีกับฝนกำลังจะเดินมาหาเขาพี่ชายที่เฝ้ารอผู้หญิงคนนี้มาตลอดบ่ายจึงตาลุกวาวขึ้นมาทันที
“เธอนี่เอง” เขาทักทายออกมา
“ฝน มาทำอะไรตรงนี้” กรินทร์รีบเดินกลับมาหาเธอทันที
“เอ่อ เมื่อวานที่บอกว่าคุณอยากกินกล้วยบวชชีนี่คะ”
เขามองถ้วยขนมหวานที่ว่านั่นในมือของฝน เขาจึงนึกออกว่าเมื่อคืนเขาบอกว่าอยากกินกับเธอไปเพราะรู้มาว่าแม่บ้านจะทำขนมชนิดนี้ในเย็นวันนี้
“งั้นเราไปกินด้วยกันเถอะ” กรินทร์ดึงแขนของฝนเดินผ่านไปยังห้องอาหารของบ้านซึ่งตอนนี้ว่างเปล่าเพราะว่าพ่อกับแม่ของเขาไปงานเลี้ยงของสมาคม ส่วนพี่ชายของเขาคงจะรับประทานอาหารไปแล้วอย่างแน่นอน ตอนนี้แม่บ้านน่าจะไปส่งข้าวให้น้องสาวเขา ส่วนฝนน่าจะเห็นรถของเขาเข้ามาจอดจึงรีบมาหา
เขาไม่อยากให้พี่ชายของเขาเข้าใกล้ฝนมากนัก เพาะเรื่องราวในอดีตของพี่ชายมันน่ากลัว ผู้หญิงคนไหนที่อยู่ในบ้านมักจะถูกเขาลวนลามและปิดปากด้วยเงิน บางคนยอมที่จะอยู่เพราะไม่มีที่ไป บางคนไม่ยอมแต่ถึงแม้จะแจ้งความไปก็ทำอะไรคนแบบนี้ไม่ได้
“เอาล่ะวางไว้ได้เลย” เขาบอกให้ฝนวางของลง
“ทานเลยนะคะ คุณแม่บ้านทำไว้เยอะเลย พวกเราชิมแล้วอร่อยมาก”
“ขอบใจนะที่จำได้ จริง ๆ ฉันก็ลืมไปแล้วนะ”
“คุณชอบลืมทานข้าว”
“ไม่ได้ลืมหรอก แค่ไม่อยากกินงานมันยังไม่เสร็จ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฝนจะคอยเตือนคุณเอง” เธอพูดไปด้วยความหวังดีกับเขาจริง ๆ
“ไม่ต้องหรอก ฉันจำได้ว่าต้องกินข้าว ส่วนเธอน่ะจำให้ได้ว่าตัวเองมาจากไหน ฉันอยากพาเธอกลับบ้านแล้วล่ะ”
“ค่ะ ฉันพยายามอยู่ไปหาหมอมาก็ไม่มีท่าทีว่าจะจำได้สักที หมอก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก”
“รักษาต่อไปเถอะ ฉันจะรอจนกว่าเธอจะหาย”
“ขอบคุณค่ะ”
ฝนนั่งรอจนเขาทานขนมหวานหมดแล้ว เขากำลังจะลุกขึ้นกลับขึ้นไปบนห้องพักของเขา ฝนจึงเตรียมจะเก็บข้าวของไปล้างแล้วจึงจะกลับไปนอน แต่เขากลับนั่งลงแล้วทำเหมือนจะรอให้ฝนทำงานจนเสร็จก่อน แล้วจะออกไป
“คุณไปพักผ่อนเถอะค่ะ หรือมีอะไรจะสั่งฝนไว้ไหมคะ พรุ่งนี้จะทานอะไรเป็นพิเศษ”
“ไม่มีหรอกฝน แต่มีเรื่องอยากให้เธอระวังพี่ชายฉันไว้หน่อยเขา...ฉันไม่ได้ว่าหรอกนะถ้าเธอจะชอบคนแบบนั้น แต่ถ้าเธอไม่ชอบขอให้อยู่ห่าง ๆ”
“ฝนจะต้องชอบเขาทำไมกัน” ฝนทำหน้าสงสัยแล้วก็พยักหน้า “ค่ะ ฉันจะเชื่อคุณ”
กรินทร์นึกขึ้นได้เหมือนเขาจะหวงเด็กคนนี้หรือเปล่าถ้าเธอจะชอบคนอย่างพี่ชายของเขามันคงไม่แปลกเพราะเขาหล่อและเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าได้ขนาดนี้
“ฉันไม่ได้จะห้ามนะ แต่...เตือนเอาไว้”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ แค่วันนี้...ฝนก็พอจะเห็นอะไรบ้างแล้ว”
“วันนี้เกิดอะไรขึ้น” เขารีบถามเพราะรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี
“เอ่อ...เขาเพิ่งกลับมาค่ะ แล้วให้ฝนเอาน้ำไปให้แล้วเหมือนจะ...ทำอะไรสักอย่างแต่ว่าคุณแม่บ้านเข้ามาเสียก่อนค่ะก็เลย...ไม่รู้ว่าเขาอยากได้อะไร”
“เชื่อฉัน เชื่อคุณแม่บ้านเขาไม่ใช่คนที่ปลอดภัยนัก อย่าไว้ใจอยู่กับเขาแค่สองคน”
“ได้ค่ะ แต่ว่าฝนเลือกได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ”
“เลือกได้แน่นอน คุณแม่บ้านเป็นคนหนึ่งที่เขาเกรงใจมากที่สุด แล้วก็คุณแม่ถ้าในบ้านยังมีทั้งสองท่านอยู่เขาจะไม่ทำอะไรเธอได้ แต่ถ้าเป็นเธอเองที่เดินเข้าไปหาเขาเองทุกคนก็ช่วยเธอไม่ได้”
ฝนมองเขาด้วยหลายความรู้สึก เขาดูจะเป็นห่วงเธอหรือไม่อยากเดือดร้อนเพิ่มเพราะเขาเองก็ดูแลเธอหลังจากอุบัติเหตุได้ยาวนานมากแล้ว ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีเนื่องจากพี่ชายเขาอีกคงจะเป็นภาระให้เขาไปตลอดชีวิต
เมื่อทั้งสองแยกย้ายกันไปแล้ว เขาจึงกลับขึ้นห้องพักของตัวเองไป แต่เพราะโซนด้านบนทั้งหมดเป็นส่วนของเจ้าของบ้าน พี่ชายของเขาเองก็มีห้องส่วนตัวในโซนนี้เหมือนกัน
“นั่นเมียแกเหรอกรินทร์”
“ใครบอกพี่แบบนั้นล่ะ”
“ไม่มีใครบอก แต่แม่บ้านบอกว่าเขามากับแก”
“ใช่ เขามากับผมและถ้าจะถือว่าเป็นคนของผมก็ได้” กรินทร์ตอบอย่างท้าทายเพราะเขาเชื่อว่าตัวเองอาจจะยังพอปกป้องคน ๆ หนึ่งให้รอดพ้นจากปีศาจตนนี้ได้
“ก็ได้ แต่ถ้าเธอมาหาฉันเองแกก็อย่าร้องทีหลังแล้วกัน”
“เชื่อเถอะว่า คนของผมเขาไม่ใช่คนอื่นที่พี่เคยได้มา”
กรินทร์เดินเข้าห้องพักไป โดยมีการันต์มองตาเขียวใส่เพราะเขาไม่ชอบท่าทีเหนือกว่าของน้องชายตัวดีนี่เลยสักนิด เกิดมาก็เก่งกว่าเขา แม่รักมันมากกว่าเขามาตลอด จนกระทั่งมีน้องสาวเขาก็ไม่ได้รับความรักเหมือนเดิม ส่วนมันก็กลายเป็นหัวเน่าเหมือนกันก็จริง แต่อย่างไรแม่ก็ยังส่งเสริมมันมากกว่า
ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้ว คุณพ่อเห็นความสำคัญของเขายอมยกบริษัทให้ แล้วให้กรินทร์ออกจากบ้านไปทำงานเอง
กรินทร์เข้ามาในห้อง ขมวดคิ้วจนมันรู้สึกตึงไปหมด ทำไมต้องกลับมาเจอกับคนที่ไม่มีอะไรตรงกันสักอย่างอย่างพี่ชายแท้ ๆ ที่เขาเหมือนเกลียดกันมาแต่ชาติปางก่อน มันรู้สึกรำคาญใจมาก และยังมีคนอื่นที่เขาเองก็แอบกลัวว่าจะถูกลากเข้ามาด้วย ฝนไม่รู้เรื่องภายในครอบครัวของเขา เขาจึงไม่อยากให้เธอต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เพราะว่าเขาไม่สามารถดูแลได้อย่างใกล้ชิด เขาจะส่งตัวเธอให้มาอยู่ในบ้านหวังว่าจะปลอดภัยมากกว่าไปอยู่ห้องเช่าตึกแถวเก่า ๆ นั่น เขากลัวว่าสักวันฝนจะเกิดอันตรายจากคนอื่น แต่ลืมไปเลยว่าพี่ชายของเขาเองก็น่ากลัวไม่ต่างกัน ตั้งแต่เขาหย่ากับภรรยาไปเมื่อ 6 เดือนก่อน เขาก็กลับมาอยู่บ้าน แต่พอมีงานต้องบินไปต่างประเทศก็ไปนานมากจนเขาลืมไปเลยว่าที่บ้านมีคนย้ายเข้ามา
คิดว่าโชคดีไหมที่ห้องของเขาเกิดปัญหาให้เขาได้กลับมาบ้านในช่วงนี้
สองคนมานั่งลงบนโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมเอาไว้แล้ว สองคนนั่งมองกันมากกว่าจะได้ทานอาหารในมื้อพิเศษนี้ 2 ปีแล้วที่พวกเขาคบกันแบบห่าง ๆ มาตลอด แต่วันนี้จะกลายเป็นการคบหาแบบใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะตามที่กรินทร์คาดการณ์เอาไว้แล้วว่า แฟนสาวของเขาจะต้องย้ายมาทำงานที่นี่อย่างแน่นอน“คุณได้มาจริง ๆ ด้วย ผมกำลังจะถามคุณอยู่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”“เดาเก่งจังนะคะ”“ไม่ต้องเดาเลยครับ คุณเป็นคนที่น่าจะถูกเลือกอยู่แล้วเพราะว่าเคยมาที่นี่ อีกอย่างก็เคยชินกับภาษาอยู่แล้ว”“ก็ใช่นั่นแหละค่ะ อีกอย่างก็คือฉันอยากมาอยู่ที่นี่ด้วย”“อันนี้ก็ไม่เกินความคาดเดาของผม แค่ไม่คิดว่าจะเร็วกว่าที่คิด”“เร็วไปเหรอคะ อืมงั้นกลับไปคิดใหม่อีกรอบดีกว่า”“ไม่ต้องแล้วล่ะครับเพราะว่า ผมเองก็ตัดสินใจเร็วมากเหมือนกัน”“เรื่องอะไรเหรอ”ในกระเป๋าเสื้อมีกล่องกำมะหยี่สีแดงขนาดเล็กกล่องหนึ่ง เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วยื่นไปให้คนที่อยู่ตรงข้ามกัน แหวนเพชรที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่มันน่ารักและน่าจะเหมาะสมกับคนตรงหน้า“แต่งงานกันเถอะ ผมไม่อยากจะรออะไรอีกแล้ว”“เร็วเกินไปหรือเปล่าคะ มั่นใจแล้วเหรอว่าจะเลือกฉัน”“มั่นใจนะ ระหว่างเราคงไม่ต้องเรียนรู้อะไร
เรนนี่ได้แต่ยิ้ม เธอไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพียงแค่หยิบขนมที่เตรียมมาเข้าปากไปเท่านั้น เขาพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้เธอเสมอเพราะมั่นใจว่าทั้งสองคนรู้จักกันมามากพอแล้ว เหลือแค่เมื่อไหร่จะถึงเวลาให้ได้มาอยู่ด้วยกันจริง ๆ เท่านั้นสองคนคุยกันไปหลาย ๆ เรื่องวางแผนอนาคตไว้นิดหน่อยเพราะว่าถ้าเกรซแข็งแรงดีแล้ว และหลานชายแข็งแรงมากพอ ก็พากันกลับไปบ้านที่เมืองไทยครอบครัวของพวกเขาที่รอดูหลานชายก็พร้อมเตรียมรับกลับบ้านแล้ว รอเวลาอีกสักหน่อย พวกเขาโทรศัพท์อัพเดทกันอยู่โดยตลอด จากเด็กอ่อนเพิ่งคลอดได้เติบโตขึ้นจนสามารถเดินทางข้ามประเทศได้ พวกเขาได้เดินทางกลับไปแล้วเรนนี่ยังคงอยู่ที่เดิม ไม่ได้ตามกลับมาด้วยเพราะว่าหน้าที่การงานของเธอยังต้องทำต่อไปกรินทร์กลับมาทำงานของตัวเอง และบริษัทของพ่อด้วยมันสร้างความลำบากให้เขามากแต่ก็ต้องทำเพราะว่าพ่อไม่สามารถกลับมารับหน้าที่ได้อีกแล้ว ส่วนเรื่องแฟนตอนนี้ก็แค่ห่างกัน แต่ก็สามารถพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์กันได้ตามปกติ แต่เวลาต่างกัน 12 ชม.เท่านั้น“วันนี้เป็นไงบ้างค่ะ” รอยยิ้มสวย ๆ ปรากฏหน้าจอ“วันนี้ก็เหนื่อยอีกแล้วครับ” เขาทำหน้าตาอ่อนล้าเพื่ออ้อนคนรักที่อยู่อีกซี
หลังจากนั้น เรนนี่ออกจากประเทศไทยกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวของเธออย่างแท้จริง อยู่กับคนที่หวังดีกับเรา อย่างไรมันก็ดีกว่าอย่างแน่นอน เธอเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องราวเลวร้ายอะไรให้พ่อและแม่ฟัง เธออยากได้แค่ความสงบสุข วินดี้เลือกที่จะอยู่กับสามีของเธอแล้ว และคงจะไม่กลับมาอีกเรื่องราวของพี่สาวจบลงแค่ตรงนี้ เรนนี่ไม่อยากรับรู้เรื่องราวของเธออีก เพราะรู้สึกเสียใจและผิดหวังกับพี่สาวคนนี้มากเมื่อกลับมา เธอก็หางานทำและได้เป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งงานมันก็เป็นงานออฟฟิศ เลิกงานกลับมาบ้าน ตื่นเช้าไปทำงานด้วยรถไฟฟ้า ทำทุกอย่างเหมือนเดิมซ้ำ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ แต่มีบางอย่างที่ทำให้เธอมีแรงที่จะทำอะไรเดิม ๆ ในทุก ๆ วันคือการวีดีโอคอลจากคนที่อยู่อีกฝั่งของโลก เขาเฝ้ารอในทุก ๆ วันเพียงแค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้ว ขอแค่มีเวลาให้มากพอจะได้เจอกันในสักวันหนึ่งเวลาที่ผ่านมานานแล้ว กรินทร์ได้เวลาจะต้องเดินทางออกต่างประเทศเพราะเขามีเรื่องที่จะต้องจัดการที่ตั้งใจเอาไว้นานแล้ว และมันเป็นโอกาสที่จะได้พบกับคนรักของเขาอีกด้วยสนามบิน“ฝนเหรอพี่กรินทร์” หญิงสาวที่ตอนนี้ท้องโตขึ้นมาจนเห็นได้ชัด ตอนนี้อายุครรภ์น่าจะ
เรนนี่เดินเข้ามาในสำนักงานที่ตัวเองคุ้นเคย เธอติดต่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทเพื่อขอพบชลิตา เรนนี่คิดว่าต่อให้เกลียดกันมากแค่ไหน คนอย่างวินดี้คงยังไม่กล้าทำอะไรเธอแน่นอนเพราะถ้าคิดจะทำร้ายจริง ๆ คงไม่รอให้เธอเดินมาหาเองหรอกพอบอกว่าเรนนี่ขอเข้าพบ วินดี้ที่ตอนนี้กำลังมีปัญหาภายในบริษัทอยู่ก็ล้มเลิกความตั้งใจเรื่องอื่นไปเลยเพราะเธอเองก็ยังไม่คิดว่าเรนนี่จะกล้ากลับมาหากันได้ ทั้งที่ถูกกระทำไปหลายอย่างแบบนั้นการเผชิญหน้าในรอบ 6 เดือน เรนนี่ยังส่งยิ้มให้พี่สาวแล้วเริ่มพูดคุยเรื่องที่ตัวเองมาหาในวันนี้“สบายดีใช่ไหมคะพี่สาว”“แหม หายหน้าไปตั้งนานกลับมาแล้วก็ดีแล้วนะ พี่อยากได้คนช่วยอยู่เลย”“แล้วที่ผ่านมาให้ใครช่วยเหรอคะ”“ก็ทำเองบ้างแหละ มันก็ยังไม่ได้ดีขึ้นขนาดนั้น”“วิธีการของพี่มันเลวเกินไปมั้งคะ จะดีขึ้นได้ไงล่ะ”“เรนนี่ มันจะมากไปแล้วนะใครสั่งสอนให้เธอด่าฉันแบบนี้”“ประสบการณ์ไงคะ เอาล่ะเรนขี้เกียจจะคุยกับพี่แล้ว ขอเอกสารของเรนทั้งหมดมาค่ะ”“จะเอาไปทำไม”“จะกลับอเมริกา และคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะไม่ต้องห่วงนะคะ พี่จะอยู่ที่นี่กับสามีอย่างมีความสุขแน่นอน”“แล้วเธอจะไม่เอาเรื่องพี่ใช่ไหม”
เมื่อกลับมาถึงห้อง ฝนนั่งกินข้าวที่ตัวเองซื้อมา ในหัวก็คอยคิดถึงรถคันนั้นอย่างสงสัยมันคุ้นตาแปลก ๆ เอ...หรือว่าเธอกำลังจะคิดอะไรออกอาทิตย์หน้าต้องไปหาหมอพอดี อาจจะพอมีเรื่องเล่าให้หมอฟังบ้างแล้ว แต่...ทำไมรถยี่ห้อหรูขนาดนั้นถึงคุ้นตาเธอฝนยังคงคิดอะไรไม่ออกมากไปกว่านี้ เรื่องรถและใบหน้าหญิงสาวคนนั้นที่ดูเหมือนตกใจกับเธอ หรือเรามีอะไรผิดปกติไปคืนนั้นฝนฝันถึงอะไรมากมาย แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันคืออะไรชลิตากลับมาที่คอนโดของตัวเอง มองไปรอบ ๆ ห้องที่เคยมีน้องสาวเดินไปเดินมาอยู่ในเมื่อก่อน ตอนนี้เธอหายไปกว่า 6 เดือนแล้ว เธอพยายามปกปิดเรื่องนี้กับพ่อแม่ ปกติแล้วน้องสาวไม่ใช่คนที่ติดครอบครัวจนต้องรายงานตัวทุกวัน ทำให้เป็นช่องทางให้ชลิตาแก้ตัวว่าน้องเหนื่อยกับงานจึงไม่อยากพูดคุยกับใคร“ทำไมมันยังอยู่” เธอคิดได้อย่างนั้นจึงรีบโทรหาคนที่เคยดีลเอาไว้เรื่องนี้ว่าเรื่องวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่รู้แค่ว่ามันหนีไป ตามหาไม่เจอซึ่งคำตอบยังคงเดิม ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปตอนไหนทั้งที่เมายาขนาดนั้น ไม่น่าจะหนีรอดไปไหนได้นอกจากตายเท่านั้น ซึ่งทำให้วินดี้รู้สึกสบายใจไปบ้าง แต่ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงหน้าเหมื
เมื่อพ่อแม่รู้เรื่องก็ตกใจกันเป็นการใหญ่ว่าลูกชายถูกใครซ้อมอาการหนัก กระดูกซี่โครงร้าว ปากแตก คิ้วแตกยับไปหมด พอถามก็ไม่ได้ความอะไรบอกเพียงแค่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากเอาเรื่องกับใคร ซึ่งเจ้าตัวยืนยันจึงไม่มีใครหาความอีกกรินทร์ก็รออยู่เหมือนกันว่าพี่ชายจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีอะไรกลับมาหาเขาเลย จึงไม่สนใจเขาอีก เตรียมตัวจะกลับไปอยู่คอนโดเหมือนเดิม แล้วให้น้องสาวพยายามทำตัวให้เหมือนเดิม อยู่บ้านแล้วลงไปทานข้าวกับพ่อแม่บ้าง ทานยาให้ครบไปพบแพทย์ตามนัด พอใกล้ถึงเวลาของเด็กในท้อง เขาจะจัดการให้เองไม่กี่วันฝนและกรินทร์ก็ออกจากบ้านไปเพราะกรินทร์บอกกับที่บ้านว่าที่บริษัทไม่มีแม่บ้านประจำอยากให้ฝนไปทำงานให้พอเรื่องราวเริ่มคลี่คลายได้แล้วฝนก็สบายใจ ได้ย้ายมาอยู่อพาร์ทเม้นใกล้ ๆ กับเขาด้วยมีคีย์การ์ดเข้าออกก็ปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง และเขายังอยู่ใกล้ ๆ ด้วย เพียงแค่นี้คนแอบรักอย่างฝนก็รู้สึกดีในทุกวันแล้วกรินทร์ทำงานจนเสร็จแล้วได้เวลาต้องไปพรีเซนต์งานพร้อมทีมของตัวเองให้บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง เขากำลังจะเดินไปที่ลิฟต์บังเอิญว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งที่ถือแฟ้มเดินเข้ามาเหมือนกับรีบมาก