หลังจากนั้น เรนนี่ออกจากประเทศไทยกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวของเธออย่างแท้จริง อยู่กับคนที่หวังดีกับเรา อย่างไรมันก็ดีกว่าอย่างแน่นอน เธอเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องราวเลวร้ายอะไรให้พ่อและแม่ฟัง เธออยากได้แค่ความสงบสุข วินดี้เลือกที่จะอยู่กับสามีของเธอแล้ว และคงจะไม่กลับมาอีก
เรื่องราวของพี่สาวจบลงแค่ตรงนี้ เรนนี่ไม่อยากรับรู้เรื่องราวของเธออีก เพราะรู้สึกเสียใจและผิดหวังกับพี่สาวคนนี้มาก
เมื่อกลับมา เธอก็หางานทำและได้เป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งงานมันก็เป็นงานออฟฟิศ เลิกงานกลับมาบ้าน ตื่นเช้าไปทำงานด้วยรถไฟฟ้า ทำทุกอย่างเหมือนเดิมซ้ำ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ แต่มีบางอย่างที่ทำให้เธอมีแรงที่จะทำอะไรเดิม ๆ ในทุก ๆ วันคือการวีดีโอคอลจากคนที่อยู่อีกฝั่งของโลก เขาเฝ้ารอในทุก ๆ วัน
เพียงแค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้ว ขอแค่มีเวลาให้มากพอจะได้เจอกันในสักวันหนึ่ง
เวลาที่ผ่านมานานแล้ว กรินทร์ได้เวลาจะต้องเดินทางออกต่างประเทศเพราะเขามีเรื่องที่จะต้องจัดการที่ตั้งใจเอาไว้นานแล้ว และมันเป็นโอกาสที่จะได้พบกับคนรักของเขาอีกด้วย
สนามบิน
“ฝนเหรอพี่กรินทร์” หญิงสาวที่ตอนนี้ท้องโตขึ้นมาจนเห็นได้ชัด ตอนนี้อายุครรภ์น่าจะ 8 เดือนได้แล้ว พี่ชายช่วยจัดการเรื่องการเดินทางทั้งหมดให้ แล้วพามาอยู่ในที่แห่งนี้ที่ถือว่าปลอดภัยที่สุด
“คุณเกรซ นั่งเครื่องมานานเป็นอะไรไหมคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“กรินทร์คะ ได้เจอตัวจริงกันซะทีนะ”
สองคนกอดกันกลมเพราะความคิดถึง น้องสาวอย่างเกรซถึงกับตะลึงเพราะพี่ชายคนรองของเธอ ไม่เคยเปิดเผยเรื่องราวความรักกับใครเลย เขาทำงาน และมุ่งมั่นกับงานจนเธอเองคิดว่าพี่ชายคงได้ขึ้นคานแน่ ๆ
สองคนที่มีความรักให้กัน และน้องสาวที่ต้องการความช่วยเหลือเพราะอยากคลอดลูกในที่ไม่มีใครรู้จัก ก่อนหน้านี้กรินทร์ขอความช่วยเหลือจากเรนนี่อยู่แล้ว และเธอลองปรึกษาพ่อกับแม่แล้วว่าทำได้ ขอแค่มีเงินมากพอจะใช้จ่ายทั้งหมด
ซึ่งเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ของครอบครัวของกรินทร์ เกรซได้พักอยู่ในบ้านที่น่าสบายแห่งหนึ่งใกล้กับบ้านของเรนนี่ รออยู่รอคลอดไปอีก 1 เดือน ครอบครัวของกรินทร์รับรู้เรื่องนี้หลังจากเกรซยอมเอ่ยปาก เรื่องของพ่อของเด็กเธอขอไม่พูดถึงเพราะมันทำให้เธอรู้สึกแย่ และที่บ้านก็ยอมรับความจริงว่ามันเกิดขึ้นแล้ว การันต์โดนทำโทษอย่างหนัก ไม่มีหน้าออกมาพบผู้คนได้อีก ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่งในบริษัท
กรินทร์คือคนที่จะต้องกลับไปทำงานให้พ่อของตัวเอง เพราะท่านรับรู้อยู่แล้วว่าลูกชายคนรองเก่งพอที่จะควบคุมดูแลทุกอย่างได้ ในขณะที่ผู้เป็นแม่นั้นด้วยความที่ตัวเองลำเอียงมาตลอด พอรู้ความจริงว่าลูกชายคนโตที่ตัวเองรักนักหนานั้นชั่วร้ายแค่ไหน เธอเสียใจมากและไม่ยอมเจอหน้าลูกชายเลย หลังจากถูกสั่งกักบริเวณไม่ให้ไปไหน
การันต์ตอนแรกจะไม่ยอมให้พ่อทำแบบนี้ แต่พ่อที่เป็นนักการเมืองมีอิทธิพลมาก ถ้าจะแจ้งตำรวจจับเขา เขาก็ต้องได้รับโทษอยู่ดี จึงต้องยอมที่จะถูกขังไว้ในบ้านเองดีกว่า พ่อแม่ถึงแม้ว่าจะรักลูกมากแค่ไหน แต่เขาทำผิดรุนแรงและยิ่งทำกับคนในครอบครัวเดียวกันได้โดยไม่คิดว่ามันผิดเลยนั้น มันอันตรายจนเกินไป เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น ไม่ว่าจะอาการหน้าเขียวช้ำ และซี่โครงร้าวในครั้งนั้นเป็นฝีมือน้องชายตัวเองที่เห็นความเลวมาตลอด แต่ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร ถูกใส่ร้ายจนแม่ไม่รักก็ไม่เคยตัดพ้อ
ในห้องพักของกรินทร์ที่ยังต้องอยู่กับน้องสาวจนกว่าจะคลอด มีหญิงสาวมานั่งมองเขาทำนั่นทำนี่ให้ดูทั้งวัน วันนี้วันหยุดเรนนี่มาอยู่กับแฟนตลอดทั้งวัน
“วันนี้ยังจัดห้องไม่เสร็จเลย เราไม่ได้ไปไหนกันเลย” กรินทร์บ่น
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุณยังอยู่อีกตั้งนาน อาจจะมากกว่า 1 เดือนด้วยซ้ำ ตาหนูจะต้องแข็งแรงก่อนนะคะ ถึงจะกลับได้ จัดไปเลยค่ะที่นี่มีครัวอยู่แล้ว ทำอาหารทานเองได้เลย แค่จะต้องออกไปซื้อวัตถุดิบก่อน”
“ได้ครับ รอก่อนนะเดี๋ยวผมเก็บเสื้อใส่ตู้ก็เสร็จแล้ว”
พอเขาจัดห้องที่ตัวเองต้องอาศัยอยู่เสร็จแล้วจึงพากันออกไปซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้าน สองคนช่วยกันซื้ออาหารสด อาหารแห้งเพื่อจะเก็บไว้ทำเองไปอีกสักพักเพราะว่าช่วงอาทิตย์แรกนี้คงยังไปไหนไม่ได้ รอจนกว่าจะลงตัวก่อนจึงจะเริ่มใช้ชีวิตด้วยกันบ้าง
เพราะห่างกันมาหลายเดือน ทำให้สองคนอยากมีเวลาที่จะอยู่ด้วยกันนาน ๆ ทางครอบครัวของเรนนี่ไม่ได้ว่าอะไรเพราะลูกสาวก็โตพอที่จะคบหาใครก็ได้ ทั้งสองคนใช้เวลาทั้งหมดที่มีในตอนนี้เรียนรู้กันและกันไปก่อน
กิจกรรมในแต่ละวันก็เหมือนเดิม พูดคุย ทำอาหาร เพียงเท่านี้สองคนก็เหมือนได้เติมเต็มช่วงเวลาที่ขาดหายกันไปหลายเดือน การเตรียมการให้ตาหนูน้อยคลอดนั้นจัดการเอาไว้แล้ว และเมื่อวันคลอดมาถึงทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างตื่นเต้นมาก
ใช้เวลาไม่นานนักลูกชายตัวน้อยของเกรซก็คลอดออกมาอย่างแข็งแรงปลอดภัย ใช้เวลาอยู่โรงพยาบาลสองสามวัน แล้วกลับมาพักที่บ้านพักที่เช่าอยู่ด้วยกันกับพี่ชาย ว่าที่พี่สะใภ้ที่เธอเองก็ปลื้มมาก จากที่เคยเห็นเป็นแค่คนใช้ ไม่ได้รับรู้เรื่องราวอะไรในบ้าน จนตอนนี้มาพบเห็นกับตาตนเองนั้น ครอบครัวของเรนนี่ไม่ธรรมดาทำงานในบริษัทไอทีชื่อดังทั้งคู่ และลูกสาวก็ตามพ่อแม่เข้าไปติด ๆ ทำงานเก่ง และยังรับเงินเดือนดีมากเสียด้วย
การพักฟื้นของเกรซนั้นไม่นานนัก แต่เพราะลูกชายที่โชคดีว่าหน้าตามาทางแม่มาก ทำให้เกรซไม่รู้สึกอะไรมากนัก นี่คือลูกของเธอเพียงคนเดียวและไม่อยากกลับไปจุดนั้นอีกแล้ว
ครอบครัวที่ไทยก็รับรู้ว่ามีหลานชายที่เพิ่งเกิดขึ้นมา รอเวลาว่าจะได้กลับมาเมืองไทยได้เมื่อไหร่ หนูน้อยจะได้รับการต้อนรับจากครอบครัวอย่างดีแน่นอน
ในช่วงเวลานี้ของกรินทร์เขาขอหาที่สำหรับพวกเขาทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันบ้าง หลังจากเกรซได้ลองพยายามเลี้ยงลูกเองได้แล้ว อาจจะยากลำบากในช่วงแรก ๆ บ้าง แต่ตอนนี้เริ่มอยู่ตัวแล้ว คุณลุงและคุณป้าจึงขอไปเดตบ้างเพราะตั้งแต่มา ยังไม่ได้ไปไหนด้วยกันเลย
“วันนี้อากาศดีมาก” กรินทร์ที่ถือตระกร้าที่ใส่อาหารเข้ามานั่งในสวนพร้อมกับแฟนสาว
“ใช่ ปกติวันอากาศดี ๆ แบบนี้คนเขาก็จะออกมาปิกนิคด้วยกัน”
“ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยใช่ไหมล่ะ ปกติอยู่แต่หน้าคอม ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด”
“ถ้าคุณทำงานก็เป็นเหมือนกันนั่นแหละ”
สองคนคุยกันไปทานอาหารที่นำมาด้วยกันไป บางครั้งก็เถียงกันเรื่องรอบ ๆ ตัว เรื่องใหญ่ที่สุดก็คงจะเป็นชื่อหลาน ยังไม่มีบทสรุปจริง ๆ ว่าเขาจะชื่ออะไร
“อืม เรื่องสภาพจิตใจคุณเกรซดีแล้วใช่ไหมคะ”
“ก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นหรอก ยังต้องอาศัยยาบางตัวอยู่ แต่ตอนนี้มีลูกให้ต้องเลี้ยงแล้ว คงจะทำให้สภาพจิตใจดีขึ้นได้บ้าง”
“เรื่องเลวร้ายมันผ่านไปแล้วค่ะ มันจะต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน”
“ก็หวังว่าจะไม่มีอะไรมาทำร้ายเขาอีก ส่วนคนที่ทำร้ายเธอเอาไว้ก็ให้มันแพ้ภัยตัวเองไปในสักวันหนึ่ง”
“ใช่ค่ะ อาจจะนานไม่ทันใจเรา แต่เชื่อเถอะมันจะมาถึงอย่างแน่นอน”
สองคนยังคงนั่งคุยกัน ถ่ายรูปไว้เป็นความทรงจำ รอให้ถึงเวลาแห่งการสุกงอมของความรักแล้ว ทั้งคู่จะตกลงปลงใจใช้ชีวิตต่อไปด้วยกัน
“พรุ่งนี้วันจันทร์แล้วอ่า อยากกดหยุดเวลาไว้ตรงนี้ได้ไหม” เรนนี่บ่นเพราะต้องกลับไปทำงานอีกครั้ง
“ถ้าแต่งงานแล้ว เราไปอยู่ด้วยกันที่ไทยดีกว่าไหม ผมจะไม่ให้คุณทำงานแล้ว”
“แล้วฉันจะสบายขึ้นใช่ไหม ไม่ต้องซักผ้า ถูบ้าน รีดผ้า ทำอาหารด้วยไหม”
“ได้ คุณจะไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”
สองคนมานั่งลงบนโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมเอาไว้แล้ว สองคนนั่งมองกันมากกว่าจะได้ทานอาหารในมื้อพิเศษนี้ 2 ปีแล้วที่พวกเขาคบกันแบบห่าง ๆ มาตลอด แต่วันนี้จะกลายเป็นการคบหาแบบใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะตามที่กรินทร์คาดการณ์เอาไว้แล้วว่า แฟนสาวของเขาจะต้องย้ายมาทำงานที่นี่อย่างแน่นอน“คุณได้มาจริง ๆ ด้วย ผมกำลังจะถามคุณอยู่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”“เดาเก่งจังนะคะ”“ไม่ต้องเดาเลยครับ คุณเป็นคนที่น่าจะถูกเลือกอยู่แล้วเพราะว่าเคยมาที่นี่ อีกอย่างก็เคยชินกับภาษาอยู่แล้ว”“ก็ใช่นั่นแหละค่ะ อีกอย่างก็คือฉันอยากมาอยู่ที่นี่ด้วย”“อันนี้ก็ไม่เกินความคาดเดาของผม แค่ไม่คิดว่าจะเร็วกว่าที่คิด”“เร็วไปเหรอคะ อืมงั้นกลับไปคิดใหม่อีกรอบดีกว่า”“ไม่ต้องแล้วล่ะครับเพราะว่า ผมเองก็ตัดสินใจเร็วมากเหมือนกัน”“เรื่องอะไรเหรอ”ในกระเป๋าเสื้อมีกล่องกำมะหยี่สีแดงขนาดเล็กกล่องหนึ่ง เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วยื่นไปให้คนที่อยู่ตรงข้ามกัน แหวนเพชรที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่มันน่ารักและน่าจะเหมาะสมกับคนตรงหน้า“แต่งงานกันเถอะ ผมไม่อยากจะรออะไรอีกแล้ว”“เร็วเกินไปหรือเปล่าคะ มั่นใจแล้วเหรอว่าจะเลือกฉัน”“มั่นใจนะ ระหว่างเราคงไม่ต้องเรียนรู้อะไร
เรนนี่ได้แต่ยิ้ม เธอไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพียงแค่หยิบขนมที่เตรียมมาเข้าปากไปเท่านั้น เขาพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้เธอเสมอเพราะมั่นใจว่าทั้งสองคนรู้จักกันมามากพอแล้ว เหลือแค่เมื่อไหร่จะถึงเวลาให้ได้มาอยู่ด้วยกันจริง ๆ เท่านั้นสองคนคุยกันไปหลาย ๆ เรื่องวางแผนอนาคตไว้นิดหน่อยเพราะว่าถ้าเกรซแข็งแรงดีแล้ว และหลานชายแข็งแรงมากพอ ก็พากันกลับไปบ้านที่เมืองไทยครอบครัวของพวกเขาที่รอดูหลานชายก็พร้อมเตรียมรับกลับบ้านแล้ว รอเวลาอีกสักหน่อย พวกเขาโทรศัพท์อัพเดทกันอยู่โดยตลอด จากเด็กอ่อนเพิ่งคลอดได้เติบโตขึ้นจนสามารถเดินทางข้ามประเทศได้ พวกเขาได้เดินทางกลับไปแล้วเรนนี่ยังคงอยู่ที่เดิม ไม่ได้ตามกลับมาด้วยเพราะว่าหน้าที่การงานของเธอยังต้องทำต่อไปกรินทร์กลับมาทำงานของตัวเอง และบริษัทของพ่อด้วยมันสร้างความลำบากให้เขามากแต่ก็ต้องทำเพราะว่าพ่อไม่สามารถกลับมารับหน้าที่ได้อีกแล้ว ส่วนเรื่องแฟนตอนนี้ก็แค่ห่างกัน แต่ก็สามารถพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์กันได้ตามปกติ แต่เวลาต่างกัน 12 ชม.เท่านั้น“วันนี้เป็นไงบ้างค่ะ” รอยยิ้มสวย ๆ ปรากฏหน้าจอ“วันนี้ก็เหนื่อยอีกแล้วครับ” เขาทำหน้าตาอ่อนล้าเพื่ออ้อนคนรักที่อยู่อีกซี
หลังจากนั้น เรนนี่ออกจากประเทศไทยกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวของเธออย่างแท้จริง อยู่กับคนที่หวังดีกับเรา อย่างไรมันก็ดีกว่าอย่างแน่นอน เธอเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องราวเลวร้ายอะไรให้พ่อและแม่ฟัง เธออยากได้แค่ความสงบสุข วินดี้เลือกที่จะอยู่กับสามีของเธอแล้ว และคงจะไม่กลับมาอีกเรื่องราวของพี่สาวจบลงแค่ตรงนี้ เรนนี่ไม่อยากรับรู้เรื่องราวของเธออีก เพราะรู้สึกเสียใจและผิดหวังกับพี่สาวคนนี้มากเมื่อกลับมา เธอก็หางานทำและได้เป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งงานมันก็เป็นงานออฟฟิศ เลิกงานกลับมาบ้าน ตื่นเช้าไปทำงานด้วยรถไฟฟ้า ทำทุกอย่างเหมือนเดิมซ้ำ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ แต่มีบางอย่างที่ทำให้เธอมีแรงที่จะทำอะไรเดิม ๆ ในทุก ๆ วันคือการวีดีโอคอลจากคนที่อยู่อีกฝั่งของโลก เขาเฝ้ารอในทุก ๆ วันเพียงแค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้ว ขอแค่มีเวลาให้มากพอจะได้เจอกันในสักวันหนึ่งเวลาที่ผ่านมานานแล้ว กรินทร์ได้เวลาจะต้องเดินทางออกต่างประเทศเพราะเขามีเรื่องที่จะต้องจัดการที่ตั้งใจเอาไว้นานแล้ว และมันเป็นโอกาสที่จะได้พบกับคนรักของเขาอีกด้วยสนามบิน“ฝนเหรอพี่กรินทร์” หญิงสาวที่ตอนนี้ท้องโตขึ้นมาจนเห็นได้ชัด ตอนนี้อายุครรภ์น่าจะ
เรนนี่เดินเข้ามาในสำนักงานที่ตัวเองคุ้นเคย เธอติดต่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทเพื่อขอพบชลิตา เรนนี่คิดว่าต่อให้เกลียดกันมากแค่ไหน คนอย่างวินดี้คงยังไม่กล้าทำอะไรเธอแน่นอนเพราะถ้าคิดจะทำร้ายจริง ๆ คงไม่รอให้เธอเดินมาหาเองหรอกพอบอกว่าเรนนี่ขอเข้าพบ วินดี้ที่ตอนนี้กำลังมีปัญหาภายในบริษัทอยู่ก็ล้มเลิกความตั้งใจเรื่องอื่นไปเลยเพราะเธอเองก็ยังไม่คิดว่าเรนนี่จะกล้ากลับมาหากันได้ ทั้งที่ถูกกระทำไปหลายอย่างแบบนั้นการเผชิญหน้าในรอบ 6 เดือน เรนนี่ยังส่งยิ้มให้พี่สาวแล้วเริ่มพูดคุยเรื่องที่ตัวเองมาหาในวันนี้“สบายดีใช่ไหมคะพี่สาว”“แหม หายหน้าไปตั้งนานกลับมาแล้วก็ดีแล้วนะ พี่อยากได้คนช่วยอยู่เลย”“แล้วที่ผ่านมาให้ใครช่วยเหรอคะ”“ก็ทำเองบ้างแหละ มันก็ยังไม่ได้ดีขึ้นขนาดนั้น”“วิธีการของพี่มันเลวเกินไปมั้งคะ จะดีขึ้นได้ไงล่ะ”“เรนนี่ มันจะมากไปแล้วนะใครสั่งสอนให้เธอด่าฉันแบบนี้”“ประสบการณ์ไงคะ เอาล่ะเรนขี้เกียจจะคุยกับพี่แล้ว ขอเอกสารของเรนทั้งหมดมาค่ะ”“จะเอาไปทำไม”“จะกลับอเมริกา และคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะไม่ต้องห่วงนะคะ พี่จะอยู่ที่นี่กับสามีอย่างมีความสุขแน่นอน”“แล้วเธอจะไม่เอาเรื่องพี่ใช่ไหม”
เมื่อกลับมาถึงห้อง ฝนนั่งกินข้าวที่ตัวเองซื้อมา ในหัวก็คอยคิดถึงรถคันนั้นอย่างสงสัยมันคุ้นตาแปลก ๆ เอ...หรือว่าเธอกำลังจะคิดอะไรออกอาทิตย์หน้าต้องไปหาหมอพอดี อาจจะพอมีเรื่องเล่าให้หมอฟังบ้างแล้ว แต่...ทำไมรถยี่ห้อหรูขนาดนั้นถึงคุ้นตาเธอฝนยังคงคิดอะไรไม่ออกมากไปกว่านี้ เรื่องรถและใบหน้าหญิงสาวคนนั้นที่ดูเหมือนตกใจกับเธอ หรือเรามีอะไรผิดปกติไปคืนนั้นฝนฝันถึงอะไรมากมาย แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันคืออะไรชลิตากลับมาที่คอนโดของตัวเอง มองไปรอบ ๆ ห้องที่เคยมีน้องสาวเดินไปเดินมาอยู่ในเมื่อก่อน ตอนนี้เธอหายไปกว่า 6 เดือนแล้ว เธอพยายามปกปิดเรื่องนี้กับพ่อแม่ ปกติแล้วน้องสาวไม่ใช่คนที่ติดครอบครัวจนต้องรายงานตัวทุกวัน ทำให้เป็นช่องทางให้ชลิตาแก้ตัวว่าน้องเหนื่อยกับงานจึงไม่อยากพูดคุยกับใคร“ทำไมมันยังอยู่” เธอคิดได้อย่างนั้นจึงรีบโทรหาคนที่เคยดีลเอาไว้เรื่องนี้ว่าเรื่องวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่รู้แค่ว่ามันหนีไป ตามหาไม่เจอซึ่งคำตอบยังคงเดิม ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปตอนไหนทั้งที่เมายาขนาดนั้น ไม่น่าจะหนีรอดไปไหนได้นอกจากตายเท่านั้น ซึ่งทำให้วินดี้รู้สึกสบายใจไปบ้าง แต่ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงหน้าเหมื
เมื่อพ่อแม่รู้เรื่องก็ตกใจกันเป็นการใหญ่ว่าลูกชายถูกใครซ้อมอาการหนัก กระดูกซี่โครงร้าว ปากแตก คิ้วแตกยับไปหมด พอถามก็ไม่ได้ความอะไรบอกเพียงแค่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากเอาเรื่องกับใคร ซึ่งเจ้าตัวยืนยันจึงไม่มีใครหาความอีกกรินทร์ก็รออยู่เหมือนกันว่าพี่ชายจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีอะไรกลับมาหาเขาเลย จึงไม่สนใจเขาอีก เตรียมตัวจะกลับไปอยู่คอนโดเหมือนเดิม แล้วให้น้องสาวพยายามทำตัวให้เหมือนเดิม อยู่บ้านแล้วลงไปทานข้าวกับพ่อแม่บ้าง ทานยาให้ครบไปพบแพทย์ตามนัด พอใกล้ถึงเวลาของเด็กในท้อง เขาจะจัดการให้เองไม่กี่วันฝนและกรินทร์ก็ออกจากบ้านไปเพราะกรินทร์บอกกับที่บ้านว่าที่บริษัทไม่มีแม่บ้านประจำอยากให้ฝนไปทำงานให้พอเรื่องราวเริ่มคลี่คลายได้แล้วฝนก็สบายใจ ได้ย้ายมาอยู่อพาร์ทเม้นใกล้ ๆ กับเขาด้วยมีคีย์การ์ดเข้าออกก็ปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง และเขายังอยู่ใกล้ ๆ ด้วย เพียงแค่นี้คนแอบรักอย่างฝนก็รู้สึกดีในทุกวันแล้วกรินทร์ทำงานจนเสร็จแล้วได้เวลาต้องไปพรีเซนต์งานพร้อมทีมของตัวเองให้บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง เขากำลังจะเดินไปที่ลิฟต์บังเอิญว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งที่ถือแฟ้มเดินเข้ามาเหมือนกับรีบมาก