อารดาแปรงฟันเสร็จก็เดินเข้าไปในห้องแต่งตัว มีตู้เสื้อผ้ามากกว่าสามหลังตั้งอยู่ เธอเปลื้องชุดอยู่บ้านออกแล้วเลือกชุดนอนในตู้ มิได้รู้เลยว่าที่มุมหนึ่งของห้องนอนอันกว้างขวาง ศรัณยืนอยู่พร้อมกับหมอนใบใหญ่ มีกระเป๋าเสื้อผ้าใบพอเหมาะวางอยู่แทบเท้าด้วย มือที่กอดหมอนอยู่เริ่มกอดมันแน่นขึ้นเมื่อได้ยลเรือนร่างของอารดาที่มีเพียงชุดชั้นในสองชิ้นบนล่าง หล่อนไม่เห็นเขาหรอกหรือ เขาตัวใหญ่ขนาดนี้ มองไม่เห็นหรืออย่างไร
ชุดนอนตัวสวยถูกพาดไว้บนพนักเก้าอี้ ก่อนที่บราเซียร์จะถูกปลดออก กางเกงชั้นในตัวจิ๋วถูกรูดลงไปตามเรียวขา และในวินาทีที่มันหลุดออกจากปลายเท้า หมอนที่ศรัณกอดอยู่ก็หนักอึ้งขึ้นมาจนเขาไม่อาจกอดมันไว้ได้อีกต่อไป
ตุ้บ...
เสียงของหล่นทำให้อารดาต้องหันมอง ความตื่นตระหนกพาให้มือคว้าชุดนอนมาสวมบนร่างอย่างรวดเร็ว
“นี่!? ขะ...เข้า เข้ามาได้ยังไง!?”
หญิงสาวตื่นตะลึง ถอยหลังจนบั้นท้ายชนเข้ากับขอบโต๊ะ ขวดน้ำหอมขวดหนึ่งล้มกลิ้งเพราะแรงกระแทกก่อนจะตกแตกบนพื้น เธอไม่สนมันด้วยซ้ำ สองแขนรีบยกขึ้นกอดอก ทั้งอายทั้งตกใจในสถานการณ์นี้ เธอขยับปลายเท้า หมายว่าจะพาร่างไปหาผ้านวม
“อย่าขยับ!” ศรัณร้องห้าม แต่ไม่ทันแล้ว
“โอ๊ย!” อารดาร้องลั่นเมื่อความเจ็บแล่นปราดมาตั้งแต่ปลายเท้า เขาพุ่งกายเข้ามาหาเธอ อุ้มร่างเธอขึ้นสู่วงแขน อย่าได้ถามถึงความสมัครใจ เธอหามีมันไม่
“อย่ามาทำตาเขียวใส่ผมนะ อุตส่าห์ห้ามเพราะกลัวจะเหยียบเศษแก้ว แต่ไม่ทันละ ทำไมไม่รู้จักมอง”
“ก็ฉันตกใจ” บอกอย่างนั้นแต่ยังเอามือปิดหน้าอกหน้าใจ เขาวางเธอลงเตียงอย่างเบามือ เธอรับรู้ถึงการผละออกของอกเขา เด็กอะไรก็ไม่รู้ อกอุ่นดีจัง
“ไม่ต้องปิดแล้ว เห็นหมดแล้วน่า”
“นี่!?”
ศรัณกลั้นขำเมื่ออารดาทำเป็นโวยวายแต่ไร้คำจะด่า หล่อนคงเขินจนพูดไม่ออกกระมัง เขานั่งลงข้างหล่อน ดึงเท้าเรียวๆ มาวางบนตักท่ามกลางความไม่พอใจของสาวเจ้า มือข้างหนึ่งของหล่อนปิดหน้าอกไว้ ส่วนอีกข้างรีบตะครุบชายกระโปรงชุดนอน
“เหมือนเศษแก้วจะติดข้างในนะ ไม่ใหญ่นักหรอก พอจะมียาล้างแผลหรือพลาสเตอร์บ้างไหม”
คนถูกถามชี้มั่วๆ เข้าไปในห้องแต่งตัว ศรัณลุกจากไปชั่วครู่ เธอรีบฉวยจังหวะนั้นดึงผ้านวมมาคลุมกาย
เขาออกมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลใบเหมาะมือ
“ฉันจะทำเอง” เธอบอก แต่เขาไม่นำพา
“สองมือคุณปิดหน้าอกไว้ให้แน่นๆ เถอะ ก่อนที่ผมจะอดใจไม่ไหว”
เขาว่าแล้วยิ้มยั่ว อารดาอยากโบกปูนปิดปากร้ายๆ นั่นเหลือเกิน ทำไมชอบพูดให้เธอทำตัวไม่ถูกนะ เราสองคนเพิ่งเจอกันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ และใช่ที่ว่ายังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแต่เขาเห็นอะไรต่อมิอะไรของเธอจนหมดแล้ว น่าขายหน้าจริงๆ
“อ๊า! เจ็บๆๆ”
คุณหมอจำเป็นอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงโอดโอยของอารดา อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าหล่อนเป็นคนธรรมดาที่มีความรู้สึก ไม่ใช่มนุษย์ประหลาดที่ไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งรอบข้าง
“แค่นี้ทำเป็นร้องโอดโอย ทีโดนตบจนแก้มตุ่ยไม่เห็นร้องสักแอะ”
“อย่ามาพูดเหมือนรู้ดี” เธอติติง พยายามพิจารณาผู้ชายคนนี้จากคำพูดและการกระทำของเขา หัวใจของเธอช่างน่าตีนัก ทำไมถึงรู้สึกไว้ใจคนแปลกหน้าก็ไม่รู้
“ทำไม...ถึงยอมให้คนอื่นรังแกง่ายๆ”
“ต้องตอบด้วยเหรอ”
“ตอบก็ดี เป็นสามีภรรยาก็ควรรู้เรื่องราวของกันและกันบ้าง ถึงแม้ว่าคู่เราจะไม่เหมือนคู่อื่นก็เถอะ”
ศรัณเอ่ยไปเรื่อยๆ มือก็ทำแผลให้อารดา แผลไม่ใหญ่มากนักแต่คงเจ็บไม่น้อย เขาแปะพลาสเตอร์ปิดแผลเป็นอย่างสุดท้าย บัดนี้ฝ่าเท้าสวยๆ ของหล่อนเลยมีพลาสเตอร์สีชมพูแปะอยู่
“ฉันเบื่อจะพูด”
“ไม่พูดก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้...ผมไม่ยอมแล้วนะ”
“อะไรอีกล่ะ”
“ก็คุณเป็นภรรยาผมนี่ ผมไม่ยอมให้ใครมารังแกคุณหรอก คุณเองก็เหมือนกัน ถ้าเมื่อก่อนไม่เคยสู้ ก็สู้ซะ ผมไม่ชอบคนเหยาะแหยะ”
“ไม่ต้องมาชอบฉัน แค่แต่งงานกับฉันก็พอ
“นั่นแหละที่ผมจะพูด ถ้ายังอยากรักษาการแต่งงานนี้ไว้ ก็ทำตัวให้สมกับการเป็นภรรยาของผม ผมอาจจะเด็ก อาจจะไม่รู้ความ แต่ผมสู้ไม่ถอยนะ และมันน่ารำคาญที่ต้องมาเห็นคนรังแกคุณ คุณมีสองมือเหมือนพวกเขา หัดสู้บ้างสิ”
อารดานิ่งไป ดึงเท้าเข้ามาหลบอยู่ใต้ผ้านวม
“ฉันอยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้ใคร”
“แล้วสุดท้ายคุณจะถูกลืม ถ้าคุณไม่มีปากมีเสียง คุณจะไร้ตัวตนในบ้านนี้ คนที่อยู่ร่วมกันย่อมแบ่งปันความสุขความทุกข์ ผมไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณอยู่ในบ้านนี้แบบไหน แต่วันนี้มันจะเปลี่ยนไป คุณต้องเปลี่ยนตัวเอง”
[4]ไม่ทันตั้งตัว__________อารดายังไม่เห็นศรัณเลยตั้งแต่ตื่นนอน เธออาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงมาข้างล่างเพราะวันนี้วันเสาร์ ไม่ต้องไปทำงาน เธออยากคุยกับศรัณอีกสักนิดเรื่องความเป็นมาของเขา อย่างน้อยเผื่อคนที่บ้านถามไถ่เรื่องสามี จะได้ตอบถูกเธอไม่ต้องตามหาอะไรมากมาย เขาอยู่ในห้องรับแขกกับพี่พุดซ้อนที่กำลังแกะกล่องอะไรสักอย่างอยู่ มีอรุณฉายยืนเหล่มองทั้งคู่อยู่ใกล้บานหน้าต่าง“ทำอะไรอยู่คะ”พุดซ้อนหันมองเจ้านาย ยิ้มให้เจ้าหล่อนก่อนจะแกะห่อต่อ ศรัณเดินไปหาภรรยา โอบบ่าแล้วพาเดินเร็วๆ ไปยังโต๊ะที่พี่พุดซ้อนกำลังจัดการกับลังกระดาษใบหนาแล้วอารดาก็ได้ตาเบิกโต เมื่อเห็นกล่องสี่เหลี่ยมเรียบหรูเรียงอยู่ในลังถึงหกใบด้วยกัน ถ้าไม่รู้จักแพ็กเกจมาก่อน คงเข้าใจว่าในกล่องคือเครื่องเพชร“พอไหม หามาได้แค่หกขวดเอง”อารดายังงงอยู่ พี่พุดซ้อนเปิดกล่องให้ดูก็เห็นขวดน้ำหอมอยู่ในนั้น ขวดแก้วสีสวยมีฝาปิดรูปมงกุฎที่ทำจากทองคำแท้ยี่สิบสี่กะรัต ใช่แล้วล่ะ มันคือน้ำหอม CLIVE CHRIS
ภายในห้องนอนอารดาทิ้งกายลงปลายเตียง เสียดายน้ำหอมก็เสียดาย แต่ก็เท่านั้นแหละ ต่อให้ไม่มีศรัณมาช่วยเร่งเร้า อย่างไรเสียคืนนี้น้ำหอมขวดนั้นก็ต้องไปอยู่ในมือของอรุณฉายอยู่ดี กำลังใจในการสู้คนมันหมดลงตั้งนานแล้ว หมดลงตั้งแต่วันที่บิดาเลิกกอดลูกสาวคนโตกระมังหมับ!อยู่ๆ แขนแข็งแรงของสามีก็สวมกอดเข้ามาแนบแน่น มันอบอุ่นและสื่อให้รู้ถึงการปกป้องคุ้มภัย เธออยากผลักไส อยากด่าสักนิด แต่ตอนที่มีแขนเขาโอบรัดร่างอยู่ มันก็อุ่นดีเหมือนกัน“พรุ่งนี้หวังว่าจะไม่เป็นอย่างนี้นะ”“เป็นยังไง” เธอย้อนทันควัน“เป็นคนที่ยอมทุกอย่างยังไงล่ะ”อารดาแกะแขนเขาออก เจ้าเด็กคนนี้ชอบบงการเสียจริง“บางครั้งมันก็เรื่องเล็กน้อย ช่วยได้ก็ช่วยไป คนในบ้านก็ไม่ใช่คนอื่น ครอบครัวแท้ๆ”“แต่เหมือนว่าทุกคนไม่ได้เห็นคุณเป็นครอบครัวเลย พร้อมที่จะเบียดเบียน รังแก และสร้างความกดดันต่างๆ นานาให้แก่คุณ”อารดาไม่ชอบเลยที่เขาพูดอย่างนั้น มันแทงใจดำจนเธอเจ็บแปลบเหลือเกิน“ถ้าคุณไ
ศรัณส่งสายตายั่วเย้าเฝ้ามองเธอ แผ่นอกหนั่นแน่นของเขาลอยอยู่เบื้องบน เธออธิบายเป็นคำพูดไม่พูด รู้แต่ว่าในวินาทีที่เขาพามือเธอไปลูบไล้ลอนกล้ามแน่นๆ เหล่านั้น หัวใจในอกก็ได้สั่นรัวๆ ให้ตายเถอะ ไม่ว่าจะกล้ามเขา ใบหน้าเขา หรือเสียงเขา เธอตอบรวมๆ ได้แค่ว่ามันละลานตาไปหมด!ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูยุติบทรักในตอนเริ่ม อารดาได้ยินมันก่อนและพยายามบอกให้ศรัณรู้ เขาเองก็ได้ยิน แต่เลือกที่จะเมินเฉย ผิวเนื้อตรงซอกคอของอารดาน่าชื่นชมกว่าเสียงเคาะนั่นนักก๊อกๆๆเสียงเคาะดังขึ้นอีกตามด้วยเสียงของคนที่อยู่ด้านนอก อารดาจำต้องผลักศรัณออก หัวหูยุ่งเหยิง พวงแก้มเห่อร้อน ต้องรีบลุกมาจัดการเสื้อผ้าหน้าผมให้ไว ก่อนจะตรงดิ่งไปที่ประตูแอ๊ด...บานประตูเปิดอ้าพร้อมหน้ายุ่งๆ ของอรุณฉาย“ทำอะไรอยู่ฮะ เรียกตั้งนานก็ไม่ขานรับ”อรุณฉายถามพี่สาวแต่ตานั้นมองไกลเข้าไปถึงเตียงนอน แลเห็นผู้ชายตัวใหญ่กำลังสอดกายเข้าใต้ผ้านวม เธอเห็นบ่าเขาแวบๆ คล้ายว่าเขาจะไม่ได้สวมเสื้อ หรือว่าสองคนนี้กำลัง...“มีอะไรหรือเปล่า” อารดาถามน้อง“ก็...เปล่า คือ...จำได้ว่าพี่มีน้ำหอมยี่ห้อเดียวกันกับฉันน่ะ ของฉันหมดพอดี ขอยืมใช้สักวันสองวันสิ”อารดา
“ถ้ามันไม่สนุกแล้วคุณอยู่ในนั้นทำไม ผมเป็นพวกขี้ร้อนด้วย ผมไม่เข้าไปอยู่ในลิ้นชักกับคุณหรอก แต่ผม...จะดึงคุณออกมา เชื่อสิ...โลกของผมสนุกกว่าโลกของคุณเยอะเลย”อารดามองเด็กน้อยคนหนึ่งที่กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอก้าวออกจากโลกแคบๆ ในลิ้นชัก เขาคงต้องใช้เวลาอีกนาน และเขาอาจทำสำเร็จหากไม่ท้อถอยเสียก่อน“กลับไปได้แล้ว ฉันจะนอน”เธอบอกแต่เขาไม่ลุกจากเตียง แถมยังทิ้งกายลงบนฟูกนุ่มของเธอ“ไม่กลับ จะนอนนี่ ห้องผมร้อนจะตาย นอนนี่เย็นดี”เขาว่าแล้วยิ้ม ไม่สนไม่แคร์ อารดาได้แต่มุ่นคิ้ว“ให้เวลากันบ้างสิ อย่างน้อยฉันควรได้เวลาทำใจที่ต้องมีสามีอายุน้อยกว่า”“ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นหรอกน่า ทีคุณอายุมากกว่าผมยังไม่คิดมากเลย”“ศรัณ!”“ครับโผ้มมม...” เขาขานรับด้วยเสียงที่โอเว่อร์เกินจริงอารดาส่ายหัวระอา เมื่อกี้ฟังคำพูดคำจาแล้วช่างน่าฟังนัก แต่เพียงพริบตาดูเหมือนว่าเขาจะกลับมาป่วนประสาทกันอีกแล้ว“ฉันไม่ชิน เรารู้จักกันยังไม่ถึงยี่สิบ
คนถูกสอนสั่ง ฟังวาจาของคนที่อ่อนวัยกว่า นี่เธอต้องให้เด็กอย่างเขามาสั่งสอนแล้วหรือ“ฉันจะไม่เปลี่ยนอะไรทั้งนั้น”“งั้นผมจะหย่ากับคุณ”อารดาเม้มปากแน่น มองคนตรงหน้าราวกับว่าเธอเป็นเพียงแมวตัวน้อยๆ แล้วเขาคือราชสีห์ตัวใหญ่แต่วัยขบเผาะ“มาแต่งงานกับฉันเพราะอะไรกันแน่นะ”“สักวันหนึ่งผมจะบอก ผมไม่ได้ต้องการแค่ภรรยา แต่ต้องการผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยวและมีหัวใจโอบอ้อมอารี จากที่ย่าพร้อมสาธยายความดีงามของคุณให้ผมฟัง ผมไม่ลังเลเลยที่จะยอมแต่งงาน เพราะฉะนั้น อย่าทำให้ผมผิดหวังสิ” มิใช่เพียงร้องขอ แต่ปลายนิ้วแข็งแรงเลื่อนไปหาปลายคางของสาวเจ้า บีบมันเบาๆ แต่ถูกอารดาปัดทิ้ง“ฉันจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร”“งั้นพรุ่งนี้เราไปหย่ากัน และคุณ...จะไม่ได้เงินสักบาทจากย่าพร้อม”“นี่รู้เหรอ?” เธอประหลาดใจที่เขารู้เรื่องนี้ด้วย“ก็...พอจะรู้มาบ้าง ไม่มีผู้หญิงที่ไหนยอมแต่งงานกับคนที่ไม่เคยเจอหน้าหรอก ถ้าไม่มีเรื่องเงินเข้ามาข้องเกี่ยว”
อารดาแปรงฟันเสร็จก็เดินเข้าไปในห้องแต่งตัว มีตู้เสื้อผ้ามากกว่าสามหลังตั้งอยู่ เธอเปลื้องชุดอยู่บ้านออกแล้วเลือกชุดนอนในตู้ มิได้รู้เลยว่าที่มุมหนึ่งของห้องนอนอันกว้างขวาง ศรัณยืนอยู่พร้อมกับหมอนใบใหญ่ มีกระเป๋าเสื้อผ้าใบพอเหมาะวางอยู่แทบเท้าด้วย มือที่กอดหมอนอยู่เริ่มกอดมันแน่นขึ้นเมื่อได้ยลเรือนร่างของอารดาที่มีเพียงชุดชั้นในสองชิ้นบนล่าง หล่อนไม่เห็นเขาหรอกหรือ เขาตัวใหญ่ขนาดนี้ มองไม่เห็นหรืออย่างไรชุดนอนตัวสวยถูกพาดไว้บนพนักเก้าอี้ ก่อนที่บราเซียร์จะถูกปลดออก กางเกงชั้นในตัวจิ๋วถูกรูดลงไปตามเรียวขา และในวินาทีที่มันหลุดออกจากปลายเท้า หมอนที่ศรัณกอดอยู่ก็หนักอึ้งขึ้นมาจนเขาไม่อาจกอดมันไว้ได้อีกต่อไปตุ้บ...เสียงของหล่นทำให้อารดาต้องหันมอง ความตื่นตระหนกพาให้มือคว้าชุดนอนมาสวมบนร่างอย่างรวดเร็ว“นี่!? ขะ...เข้า เข้ามาได้ยังไง!?”หญิงสาวตื่นตะลึง ถอยหลังจนบั้นท้ายชนเข้ากับขอบโต๊ะ ขวดน้ำหอมขวดหนึ่งล้มกลิ้งเพราะแรงกระแทกก่อนจะตกแตกบนพื้น เธอไม่สนมันด้วยซ้ำ สองแขนรีบยกขึ้นกอดอก ทั้งอายทั้งตกใจในสถานการณ์นี้ เธอขยับปลายเท้า หมายว่าจะพาร