“ถ้ามันไม่สนุกแล้วคุณอยู่ในนั้นทำไม ผมเป็นพวกขี้ร้อนด้วย ผมไม่เข้าไปอยู่ในลิ้นชักกับคุณหรอก แต่ผม...จะดึงคุณออกมา เชื่อสิ...โลกของผมสนุกกว่าโลกของคุณเยอะเลย”
อารดามองเด็กน้อยคนหนึ่งที่กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอก้าวออกจากโลกแคบๆ ในลิ้นชัก เขาคงต้องใช้เวลาอีกนาน และเขาอาจทำสำเร็จหากไม่ท้อถอยเสียก่อน
“กลับไปได้แล้ว ฉันจะนอน”
เธอบอกแต่เขาไม่ลุกจากเตียง แถมยังทิ้งกายลงบนฟูกนุ่มของเธอ
“ไม่กลับ จะนอนนี่ ห้องผมร้อนจะตาย นอนนี่เย็นดี”
เขาว่าแล้วยิ้ม ไม่สนไม่แคร์ อารดาได้แต่มุ่นคิ้ว
“ให้เวลากันบ้างสิ อย่างน้อยฉันควรได้เวลาทำใจที่ต้องมีสามีอายุน้อยกว่า”
“ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นหรอกน่า ทีคุณอายุมากกว่าผมยังไม่คิดมากเลย”
“ศรัณ!”
“ครับโผ้มมม...” เขาขานรับด้วยเสียงที่โอเว่อร์เกินจริง
อารดาส่ายหัวระอา เมื่อกี้ฟังคำพูดคำจาแล้วช่างน่าฟังนัก แต่เพียงพริบตาดูเหมือนว่าเขาจะกลับมาป่วนประสาทกันอีกแล้ว
“ฉันไม่ชิน เรารู้จักกันยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย”
เธอคัดค้าน ดึงผ้านวมมากองๆ ไว้บนหน้าตัก กอดมันไว้แม้ว่าศรัณจะดึงยิกๆ ก็ตาม
“งั้นก็เริ่มทำตัวให้ชินสิ มาเถอะน่า ฮึบ!”
“ว้าย!” อารดาถลาตามแรงดึง เขาดึงชายผ้านวมเข้าหาตัวและทำให้เธอถลาเข้าหาเขาอย่างเสียมิได้ “ปล่อย! ปล่อยก่อน”
“ไม่ปล่อย ตัวคุณหอมที่สุดเลย” บอกหล่อนแล้วหอมกระหม่อมบางฟอดๆ อารดาได้แต่ทุบอกเขาอยู่ปึกๆ
หญิงสาวอยากดิ้นหนีให้สมใจ แต่วงแขนผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี ช่างกอดรัดแน่นนัก ท่อนแขนแข็งแรงรัดไหล่ของเธอจนมันจะหักอยู่แล้ว มิเพียงเท่านั้น เขายังซุกจมูกเข้ากับซอกคอเธอเน้นๆ ไม่บันยะบันยัง หื่นกามมากเกินไปแล้วนะศรัณ!
“พอ! พอก่อน เอาแขนออกไปด้วย ฉันอึดอัด”
เขาผละจากซอกคอของภรรยา
“ทำไม กอดกันก็เป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีนะ”
“แต่ฉันหายใจไม่ออก” บอกเขาจริงจัง ศรัณตาลุกวาว
“งั้นคงต้องผายปอด มาๆๆ ผมผายปอดเก่งนะคนดี”
“ศรัณ! อย่านะ...อื้อ...”
แล้วเด็กน้อยศรัณก็ได้ผายปอดสมใจ แต่ผายปอดตำราไหนถึงได้ส่งลิ้นเข้ามาด้วย ลิ้นอุ่นๆ หวานๆ ควานคว้านอยู่ในโพรงปากเธอ มิใช่ว่าไม่เคยจูบกับผู้ชาย แต่จูบหนนี้ช่างตื่นเต้นนัก ความรู้สึกเหมือนกำลังจูบกับคนแปลกหน้าทั้งที่คนที่เธอจูบอยู่ คือสามีของตัวเอง
ความตื่นเต้นกำลังลิงโลดในอกให้เธอต้องนึกละอาย ริมฝีปากเขาอุ่นจนร้อน แม้ผละจากการจ้วงชิมความหวานในโพรงปาก ก็ยังแตะจูบที่สองแก้มของเธอ ความมึนงงจู่โจมอีกครั้งเมื่อเสื้อที่เขาสวมอยู่ถูกดึงออกจากกาย ไหนบอกว่าไม่ต้องการเป็นคนแปลกหน้า ไหนบอกว่าจะให้เธอยินยอมพร้อมใจ ไม่เห็นจริงเลย!
“ถะ...ถอด ถอดเสื้อทำไม”
“ชู่ว์...”
เขาปรามด้วยการสั่งให้อารดาเงียบเสีย ก่อนจะโน้มกายลงไปอีกครา ใช้มือหนากดข้อมือน้อยจมฟูก หล่อนมองมาอย่างตื่นตะลึง ดวงตาคู่สวยเบิกโตประหลาด
“ทำท่าเหมือนไม่เคยเห็นอกเปลือยของผู้ชายเลย น่าสนุกแฮะ”
อารดาเสหลบสายตา เธอดูง่ายขนาดนั้นเลยหรือ แล้วปลายคางก็ถูกดึงให้หันไปเผชิญหน้า
“ผมไม่ทำอะไรหรอกน่า ก็แค่...ค่อยๆ สร้างความสัมพันธ์”
“ความสัมพันธ์เขาสร้างกันแบบนี้เหรอ”
“อือฮึ การใกล้ชิดทางกายถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี”
“แต่ฉันไม่ชอบ”
“คุณชอบ”
“เอ๊ะ? ก็บอกไม่ชอบ ปล่อยนะ”
เขายิ้มใส่ตาศรีภรรยา พากายเลื่อนลงต่ำ แผงอกกว้างใหญ่เลยได้ถูไถกับพุ่มทรวงที่ไร้ยกทรงใต้ชุดนอน
อารดาอ้าปากค้าง ความซ่านสยิวแล่นมาโดยไม่ทันตั้งตัว นี่เขาแกล้งกันใช่ไหม ทุกคราที่เขาขยับเขยื้อนเรือนกาย ปลายถันของเธอก็ถูกสะกิดถูไถไปมา แล้วมือข้างหนึ่งของเธอก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เพราะศรัณพามือหนาขยับมาที่พุ่มทรวงของเธอ เขามองมือตัวเองที่กำลังจับสาบเสื้อคลุมให้แบะบอก
“อย่า...ศรัณ...อย่า...ขอร้อง...”
“ได้สิทธิ์ร้องเดี๋ยวนี้เลยครับ ร้องดังๆ เลย ผมชอบ”
“อื้อ....”
แล้วอารดาก็ได้ร้องสมใจ เมื่อรับรู้ได้ถึงมืออุ่นของเขาที่กำลังเกาะกุมพุ่มทรวง ไม่มีชุดนอนขวางกั้นมือเขาอีกต่อไปแล้ว เด็กคนนี้จู่โจมเธออย่างรวดเร็วจนเธอละอายใจ ทำไมถึงยอมเขานะ หรือที่ยอมเพราะกระดาษแผ่นนั้น กระดาษที่เรียกว่าทะเบียนสมรสนั่นไง สักวันเรื่องแบบนี้คงเกิดขึ้น เธอแค่คิดเข้าข้างตัวเองว่ามันจะเกิดขึ้นแน่ๆ ในวันข้างหน้า ไม่ใช่วันนี้ วันที่เธอเพิ่งได้เจอกับสามี
“คุณอุ่น”
“อือ...”
“ลืมที่ผมพูดเมื่อกี้เถอะ ผมไม่อยากรอแล้ว เรามาข้ามขั้นตอนกันเถอะนะ”
“หือ?”
เสียงแห่งความมึนงงจางหาย เมื่อผ้านวมถูกเลิกออกจากต้นขา และฝ่ามือเขาเลื่อนเข้าไปใต้ชายกระโปรงชุดนอน ดวงตาเธอเบิกโต หัวใจเต้นระส่ำ มือข้างหนึ่งพยายามผลักไส แต่สุดท้ายมือทั้งสองก็ถูกจับรวบไว้ด้วยมือเขาเพียงข้างเดียว เพียงพริบตาเขาก็จูบลงมาอีกครา จูบอย่างดูดดื่ม เธอรับรู้ได้ถึงการบิดชิมริมฝีปากที่เธอทำได้เพียงคล้อยตาม ใจหนึ่งก็อยากดิ้นหนี แต่อีกใจนี่สิช่างไม่รักดี มันกำลังใคร่รู้ว่าบทรักของพวกผู้ชายหน้าตาเป็นเช่นไร จะสุขสมเหมือนที่เคยได้ยินมา หรือว่าทรมานสุดขั้วใจ
[16]คือความรับผิดชอบ___________________เครื่องไล่ยุงอันน้อยถูกเสียบเข้ากับปลั๊กตรงต้นเสาที่กลางกระท่อม พุดตานถอนหายใจรอบที่ร้อย มองไปที่หลานเจ้านายแล้วจำต้องถอนหายใจอีกครา“ไปคุยกับย่าอีกรอบเถอะนะคะ คุยกันดีๆ เดี๋ยวท่านก็หายโกรธ”พุดตานแนะด้วยหวังดี อรุณฉายมาหาย่าพร้อมข่าวคราวที่ชวนให้หญิงชราตื่นตะลึง ทั้งสองมีปากเสียงกันไม่น้อย ย่าแค่ต้องการรู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้องของหลานสาว แต่เจ้าตัวใจแข็งนัก ใจแข็งเกินกว่าจะยอมปริปาก สุดท้ายเลยถูกย่าไล่ลงเรือนไม่ต่างจากบิดามารดา แต่ว่า...เจ้าตัวจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร กระท่อมท้ายสวนมันไม่สะดวกสบายสักนิด“ไม่เอาแล้วจ้ะน้า แค่มาบอกเรื่องวุ่นวายนี่ ย่าก็เป็นลมไปหลายรอบแล้ว” บอกน้าพุดตานอย่างสำนึก เรื่องมันช่างน่าเศร้านัก ย่าพร้อม...ที่พึ่งสุดท้ายของเธอไม่ยินยอมให้เธอพึ่งพา ตอนนี้ เธอคงต้องพึ่งตัวเองแล้ว“น้าจะช่วยพูดนะคะ ตอนนี้ย่ายังโกรธอยู่”หญิงสาวยิ้มให้สาวใหญ่ด้วยความขอบคุณยิ่ง แต่เธอทำอย่างนั้นไม่
คนเป็นมารดาเริ่มสติแตก ทำไมลูกที่เฝ้าฟูมฟักดูแลถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ไม่ได้นะ อรุณฉายคือความภาคภูมิใจของเธอ จะมาเป็นแบบนี้ไม่ได้!คนเป็นลูกส่ายหน้าอีกครา เธอไม่รู้จะตอบมารดาอย่างไรดี“หมายความว่าไง ออม...บอกมาลูก ท้องกับใคร ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วนะ” โอภาสยังคุยดีกับลูกสาว ตอนนี้ท่านมั่นใจว่ามีสติมากกว่าโฉมชบา“หนู...หนูไม่รู้ เราเจอกันที่บาร์ หนู...ไม่รู้จักเขา ไม่รู้ชื่อเขาด้วยซ้ำ”“ออม!? นังลูกบ้า! นังลูกไม่รักดี! แกพูดอะไรออกมาฮะ!?”โฉมชบามิใช่แค่ร้องด่าแต่แลหาของใกล้มือ เจอขวดน้ำหอมของอรุณฉายก็คว้ามาปาใส่ร่างเจ้าตัว อรุณฉายไม่ลุกหนี ไม่ตอบโต้ด้วยซ้ำ“ไปเรียกมันมา ไอ้ผู้ชายคนนั้น มันต้องมารับผิดชอบแก ฉันไม่ยอมให้แกท้องโย้ประจานตัวเองหรอก ฉันอายชาวบ้านเขาได้ยินไหม!?”“แม่คะ หนูแค่ท้องนะคะแม่ หนูไม่ได้ฆ่าใครสักหน่อย แม่...ช่วยหนูเลี้ยงแกได้ไหม...ฮึกๆ หนูไม่มีใครแล้ว เขาไม่รับผิดชอบ เขาไม่รับผิดชอบหนู แม่รู้บ้างไหม!?”“กรี๊ดดด!!! นังลูกสิ้นคิด! แกคิดว่าเลี้ยงเด็กคนหนึ
อรุณฉายน้ำตาไหลพราก ปาดน้ำตาแห่งความอึดอัดใจแล้วลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เธอไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว ทำแท้งไปดีกว่า จะได้จบๆ ไป“คิดเสียว่าวันนี้ไม่ได้เจอฉันก็แล้วกัน” บอกเขาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก้าวจากมา ชนนท์ตามเธอมาติดๆ เขาพยายามรั้งเธอไว้ เรียกชื่อเธอ ดึงแขนเธอ แต่ว่า...ไม่ได้พูดสักคำว่าอยากยอมรับลูกเธอ แล้วเธอจะยอมเขาไปทำไม“อย่าเพิ่งไปสิ! อย่าเพิ่งใจร้อนได้ไหม ค่อยๆ คิดก่อน” เขาเอ่ยอ้าง ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหันมามองเมื่อชนนท์พูดเสียงดัง“ฉันไม่อยากรอ ฉันรอไม่ได้ ฉันเครียดรู้ไหม ฉันเพิ่งยี่สิบเอ็ดและฉันไม่เคยท้องมาก่อน ฉันทั้งกลัวทั้งสับสนไม่ต่างจากนาย และอย่ามาพูดว่าให้ฉันใจเย็นๆ ถ้ามาเป็นฉัน นายจะเย็นได้ไหมล่ะ ลองมาเป็นฉันดูไหม!”เธอผลักเขาออกเต็มแรง วิ่งไปขึ้นรถของตัวเองอย่างไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับปัญหาที่ก่อไว้ เธอขับรถออกมาด้วยความเร็ว บางทีนะ...บางทีการทำแท้งอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็ได้ชนนท์มองตามรถของอรุณฉาย ไม่รู้จะเอาอย่างไรดี เขากลับไปที่โต๊ะ หยิบมือถือมาต่อสายหาหล่อนแต่หล่อนไม่ยอมรับเลย หล่อนหน
“หมายความว่าไง” เธอสวนทันควัน ไม่ชอบใจเสียงนี้ของตัวเองเลย มันเหมือนเสียงนางมารร้ายอย่างไรก็ไม่รู้“ก็...ในฐานะที่เธอเป็นแม่ของฟีฟ่า ในตอนที่เลิกกัน ผมควรให้อะไรเธอบ้าง...อย่างเช่นค่าเลี้ยงดูอะไรอย่างนี้”อารดาหันหลังให้สามีทันควัน เรื่องอะไรต้องเอาเงินไปให้คนอื่นด้วย ถึงเขาจะมีเงินมากมาย แต่ต้องเอาไปให้เมียเก่า เธอก็ไม่ชอบนะ แค่ต้องออกค่ากินค่าเช่าบ้านให้ เธอก็คิดว่ามากพอแล้ว“ไม่รู้! แล้วแต่เถอะ!” เสียงห้วนๆ หลุดออกจากปาก เธอหงุดหงิดเพราะเสียงตัวเองอีกแล้วศรัณยกมือยอมแพ้ในนาทีนั้น“ครับ! แล้วแต่...แล้วแต่แสดงว่าไม่โอเค ไม่โอเคก็ไม่ให้แล้วกัน ให้เท่าที่ให้ได้นั่นแหละ”รอยยิ้มสมใจปรากฏที่ใบหน้าของอารดา หญิงสาวพอใจยิ่งนักกับการตัดสินใจของสามี เธอขยับไปโอบร่างเขา ไม่พอใจก็ปีนขึ้นนั่งบนตัก ศรัณกอดเอวเธอไว้“วันนี้จะทำอะไรดีครับ”“เข้าสวนพร้อมรัณดีไหม”เขาส่ายหน้าพรืด “อยู่บ้านสอนหนังสือฟีฟ่าดีกว่า เพราะวันนี้แม่เขาไม่อยู่ คงไม่ได้แวะไปหากัน น้ามา
คนเป็นลูกบ่นให้มารดาขณะรอเจ้าบ้านให้ลงมาที่โต๊ะอาหาร ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นคราวโน้น เธอรู้สึกว่าน้าชายของเธอเปลี่ยนไป ไม่ค่อยพูดจากับมารดาเท่าไหร่ หรือหากพูด ก็พูดตามมารยาท ไม่ได้ดูเกรงอกเกรงใจเท่าที่ควร มันแปลกไปจนเธอรู้สึกได้ เรื่องนั้นที่ทำให้อารดาฟิวส์ขาด คงทำให้หลายสิ่งหลายอย่างในบ้านนี้เปลี่ยนไป เธอไม่สนหรอก ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไร ขอแค่อารดาไม่ได้อยู่ที่นี่ก็ดีใจมากแล้ว เจ้าหล่อนลาออกจากงานอีก ยิ่งเข้าทางเธอเลย“ตักข้าวเถอะพุดซ้อน”โอภาสบอกพุดซ้อนตอนที่นั่งลงยังหัวโต๊ะ โฉมชบาช่วยขยับเลื่อนจานกับข้าวไปตรงหน้าสามี มองสมาชิกในครอบครัวที่เหลือน้อยลงแล้วรู้สึกแปลกๆ ต่อให้ไม่ค่อยได้รักใคร่ปรองดองกันสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังชอบใจให้ทุกคนอยู่กันครบ ไม่ใช่หายไปทีละคนสองคนอย่างนี้“คิดถึงยัยอุ่นเหมือนกันนะคะ”โฉมชบาเอ่ยขึ้น พี่สาวของสามีเลยได้เลิกคิ้วสูง“เพิ่งรู้ว่าหล่อนก็เอ็นดูลูกเลี้ยงนะแม่โฉม”โฉมชบาคอแข็งขึ้นมา เชิดหน้าใส่อรดีอย่างไม่เคยทำมาก่อน“ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่ได้เอ็นดูอะไรยัยอุ่นมากมาย แต่ฉันมั
[15]เวรกรรมมาเป็นตัวๆ_______________ในเดือนถัดมาเสียงสั่นครืดๆ ดังขึ้นเมื่อมีข้อความเด้งเข้ามาในไลน์ ชนนท์ทิ้งกายลงบนเตียงหลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อย เวลานี้สามทุ่มเข้าไปแล้ว แต่คนที่ส่งข้อความมาเหมือนอยากให้เขารู้ว่าตอนนี้เพิ่งหัวค่ำเท่านั้น ผู้หญิงในชุดสายเดี่ยวเปิดเปลือยเนินทรวง กับกางเกงขาสั้นแทบจะเห็นแก้มก้น ถือแก้วค็อกเทลสีสวยอยู่ในมือ หล่อนยิ้มยั่วเข้าอยู่หน้าจอ‘ส่งมาทำไมมิทราบ’เขาพิมพ์ข้อความส่งไป อรุณฉายแทบจะตอบกลับมาในทันที ราวกับเฝ้ารออยู่‘อ้อ...ขอโทษที ส่งผิดน่ะ ว่าจะส่งไปให้พี่เขย’‘ออม!?’‘อะไร’‘ที่เคยเตือนไว้ลืมแล้วเหรอ อย่ายุ่งกับพี่รัณ แล้วนี่...เธอมีเบอร์เขาตั้งแต่เมื่อไหร่’‘เรื่องของฉัน!’ อรุณฉายโต้กลับ เขาโง่เหรอ เธอแค่แกล้งบอกไป ไม่นึกว่าเขาจะเชื่อจริง‘เธอมันบ้า โรคจิต แล้วก็