ศรัณส่งสายตายั่วเย้าเฝ้ามองเธอ แผ่นอกหนั่นแน่นของเขาลอยอยู่เบื้องบน เธออธิบายเป็นคำพูดไม่พูด รู้แต่ว่าในวินาทีที่เขาพามือเธอไปลูบไล้ลอนกล้ามแน่นๆ เหล่านั้น หัวใจในอกก็ได้สั่นรัวๆ ให้ตายเถอะ ไม่ว่าจะกล้ามเขา ใบหน้าเขา หรือเสียงเขา เธอตอบรวมๆ ได้แค่ว่ามันละลานตาไปหมด!
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูยุติบทรักในตอนเริ่ม อารดาได้ยินมันก่อนและพยายามบอกให้ศรัณรู้ เขาเองก็ได้ยิน แต่เลือกที่จะเมินเฉย ผิวเนื้อตรงซอกคอของอารดาน่าชื่นชมกว่าเสียงเคาะนั่นนัก
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะดังขึ้นอีกตามด้วยเสียงของคนที่อยู่ด้านนอก อารดาจำต้องผลักศรัณออก หัวหูยุ่งเหยิง พวงแก้มเห่อร้อน ต้องรีบลุกมาจัดการเสื้อผ้าหน้าผมให้ไว ก่อนจะตรงดิ่งไปที่ประตู
แอ๊ด...
บานประตูเปิดอ้าพร้อมหน้ายุ่งๆ ของอรุณฉาย
“ทำอะไรอยู่ฮะ เรียกตั้งนานก็ไม่ขานรับ”
อรุณฉายถามพี่สาวแต่ตานั้นมองไกลเข้าไปถึงเตียงนอน แลเห็นผู้ชายตัวใหญ่กำลังสอดกายเข้าใต้ผ้านวม เธอเห็นบ่าเขาแวบๆ คล้ายว่าเขาจะไม่ได้สวมเสื้อ หรือว่าสองคนนี้กำลัง...
“มีอะไรหรือเปล่า” อารดาถามน้อง
“ก็...เปล่า คือ...จำได้ว่าพี่มีน้ำหอมยี่ห้อเดียวกันกับฉันน่ะ ของฉันหมดพอดี ขอยืมใช้สักวันสองวันสิ”
อารดามุ่นคิ้วเมื่อได้ฟังเช่นนั้น
“มันใกล้จะหมดแล้ว พี่ก็ต้องใช้เหมือนกัน”
“ก็เอามาให้ยืมก่อน พี่ค่อยไปซื้อใหม่”
คนเป็นพี่เริ่มถอนหายใจ
“เธอก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบใช้น้ำหอมหลายกลิ่น พี่มีแค่ขวดเดียวและยังไม่คิดจะซื้อใหม่ตอนนี้ มันแพง”
“โอ๊ย...พี่อุ่น พรุ่งนี้ฉันมีนัดกับเพื่อนนะ ไม่รู้ล่ะ พี่ไปเอามาเลย”
อารดาลำบากใจในเรื่องนี้ ถ้าให้น้องไปแล้วเธอจะใช้อะไร เธอเป็นผู้หญิงประหลาดที่ไม่ชอบใช้น้ำหอมหลายกลิ่น บนโต๊ะเครื่องแป้งจึงมีน้ำหอมแค่ขวดเดียวจริงๆ
และในตอนที่อารดากำลังครุ่นคิด แขนแข็งแรงของศรัณก็สอดเข้าที่รอบเอวเธอ เขายืนซ้อนหลังเธออยู่ และกำลังกระซิบที่ข้างหู
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่...อ่า...น้ำหอมน่ะ”
“ขวดนี้เหรอ” เขายื่นมันให้อารดา
หญิงสาวหยิบขวดน้ำหอมมาถือไว้ น้ำหอมขวดเล็กๆ แต่ราคาไม่เล็กเลย ขวดนี้น่าจะสามหมื่นได้
“มันจะหมดแล้ว ให้น้องคุณไปเถอะ เราจะได้กลับไปทำเรื่องของเราให้เสร็จสักที”
คำพูดของศรัณทำเอาอรุณฉายหูผึ่ง ส่วนอารดาต้องหันไปมองเขาอีกนิด พวงแก้มเห่อร้อนขึ้นมาอีกครา
“ถ้าให้ยัยออมไป ฉันจะใช้อะไร” อารดาย้อนถามสามี
“มันจะหมดแล้ว ให้ๆ ไปเถอะน่า จะได้นอนสักที เร็วๆ เลย”
ศรัณทำทีเร่งเร้า กอดเอวอารดาแน่นขึ้นอีก
อรุณฉายมองท่าทีนั้นของพี่เขยแล้วอ้าปากค้าง กล้ามแน่นๆ นั่นน่าจับน่าฟัดเสียจริง ไม่น่าเลย...ไม่น่าต้องมากอดพี่สาวแสนเชยของเธอเลย
หมับ!
น้ำหอมในมือถูกแย่งไป อารดาจะคว้าไว้แต่ไม่ทัน
“ขอบคุณนะคะคุณพี่เขย” อรุณฉายประชด
ศรัณยิ้มนิดๆ ดึงอารดาออกจากหน้าประตู เพื่อที่เขาจะได้เผชิญหน้ากับน้องเมีย
อรุณฉายมองแผ่นอกพี่เขยตาวาว อยากยื่นมือไปแตะลูบให้ชื่นใจแต่พี่สาวตัวดีชะเง้อคอมองอยู่
“แค่น้ำหอม ให้ได้ก็ให้ครับ ดีกว่าต้องมาเสียเวลาเจรจาให้มากความ อันที่จริงคุณก็น่าจะเรียนจบแล้วและมีงานมีการดีๆ ทำ น้ำหอมราคาไม่กี่หมื่น น่าจะซื้อใช้เองได้นะ เอ...หรือว่ายังไม่ทำงานล่ะ อ้อ...อย่างนี้นี่เอง งั้นก็เอาไปเถอะ ของเหลือๆ ช่วยเอาไปใช้ให้หมดที”
อรุณฉายยืนกัดฟันอยู่หน้าประตู มองพี่สาวที่ยืนหน้ายุ่งอยู่ไม่ไกลแล้วเคืองใจนัก
ศรัณหันไปหาเมียบ้าง
“คุณอุ่นไม่ต้องคิดมากนะครับ พรุ่งนี้จะซื้อให้เป็นลังเลย”
“ซื้ออะไร? น้ำหอมเหรอ”
“ครับผม”
อรุณฉายยิ้มเยาะ “แหม...พูดเหมือนน้ำหอมขวดละบาทสองบาท นี่ขวดละสามหมื่นนะคุณพี่เขย”
“ทำไม...คิดว่าผมซื้อให้ไม่ได้เหรอ ถึงผมจะเด็กแต่โคตรรวยนะขอบอก”
น้องสาวของอารดาหัวเราะเยาะเย้ยเมื่อได้ยินคำคุยโวนั้น
“ขี้โม้จริงๆ”
“ไม่ได้โม้ครับ พี่สาวคุณฉลาดจะตาย ถ้าผมจนแล้วเธอจะแต่งด้วยทำไม เอาละครับ คุณน้องเมียได้น้ำหอมเหลือๆ แล้วก็ควรกลับไปเสียที ผัวหนุ่มเมียสาวจะเข้าหอ ช่วยมีมารยาทนิดหนึ่ง...ราตรีสวัสดิ์ครับ”
ปัง!
ประตูถูกปิดใส่หน้าอรุณฉาย หญิงสาวยืนกัดฟันอยู่หน้าประตูนั้น เมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็เดินกลับห้องของตัวเอง ในมือยังมีน้ำหอมเหลือๆ ของพี่สาวมาครอบครอง เธอกำลังโมโหตัวเอง เธอเกลียดพี่เขยชะมัด แต่ร่างกายนี้สิ มันเรียกร้องเขาเหลือเกิน ผู้ชายปากจัดนี่เซ็กซ์จัดนะ จากที่เธอเคยเจอมา และเธอใคร่รู้นักว่าเขาจะถึงอกถึงใจแค่ไหน โอ๊ย...แค่คิดก็อิจฉาพี่สาวเหลือเกิน!
ส่งท้ายขึ้นหลังพี่ไหม______________วันหนึ่งเมื่อครั้งอดีตเสียงพูดคุยกันของผู้ใหญ่บนเรือนเคร่งเครียดขึ้นมา เมื่อบิดาของเด็กน้อยพาภรรยาคนใหม่มาเยี่ยมมารดาของท่าน อารดาในวัยย่างสิบเอ็ดขวบเข้าใจย่าดี ย่าเมตตามารดาของเธอมาก จนรับไม่ได้เมื่อลูกชายแต่งงานใหม่ เธอไม่ได้ไม่ชอบใจ ดีแล้วที่บิดามีรอยยิ้มหลังจากมารดาของเธอจากไป แต่คงดีกว่านี้ หากท่านใส่ใจลูกสาวอย่างเธอบ้าง มิใช่คอยดูแลแต่แม่คนใหม่ และเด็กน้อยอีกคนที่อยู่ในท้องของแม่เลี้ยง เธอเลี่ยงหลบลงมาจากบนเรือน เจอกับพี่พุดซ้อนกับน้าพุดตานกำลังเร่งทำมื้อเที่ยงกันอยู่“คุณอุ่น หิวหรือคะ เอาขนมไหม พี่หยิบให้”“ไม่หิวค่ะ ไปเดินเล่นได้ไหม อยากเห็นกล้วยหอมของย่า”“ค่า...แต่อย่าไปไกลนักนะคะ เดี๋ยวหลง”เด็กหญิงอารดายิ้มให้พี่เลี้ยงคนดี เธอไม่หลงหรอกน่า ยิ่งแปลงปลูกที่สิบสี่ ย่าพาเธอเดินดูจนทั่วหมดแล้วเด็กหญิงตัวน้อยเดินไปเรื่อยๆ ชื่นชมใบกล้วยสีเขียวสด ปัดเรื่อ
ในเวลาที่ผัวหนุ่มเมียสาวคู่หนึ่งกำลังบรรเลงเพลงรักอยู่ในห้องข้างๆ ผัวหนุ่มเมียสาวอีกคู่ กลับต้องลืมตาปริบๆ ใต้แสงสลัว เพราะไม่อาจบรรเลงเพลงรักได้อย่างที่ใจคิด“ฮึ่ม! พังแน่...เสาเรือนมีหักแน่ๆ คุณอุ่น”อารดายิ้มขันวาจาของสามี เสียงร้องครางของชนนท์กับอรุณฉาย ดังแทรกความเงียบสงัดของยามราตรีมาให้พวกเขาได้ยิน“สงสัย...ยัยออมจะไม่ได้นอนห้องฟีฟ่า”“แน่นอน!” ศรัณเอ่ยออกมา ยิ่งยามได้ยินเสียงไอ้บ้านั้นครางกระเส่า เขาก็ยิ่งอยากกระโจนใส่เมียรัก แต่ว่า...“โอ้ว...เฉียงแมวที่ไหนอ่า” เสียงเล็กๆ ดังแทรกเสียงบิดามารดา พ่อตัวแสบลุกขึ้นมานั่ง เอียงคอฟังเสียงที่ไม่คุ้นเคย“โอ๊ะ!? ยังไม่หลับอีก นอนได้แล้วลูก” อารดาดึงลูกชายลงมากอด ให้เขานอนหนุนแขน“ก็เฉียงดัง แม่ได้ยินมะ มันดัง...โอ้วๆ อ๊าๆ อุ๊บ!”ศรัณเอามือปิดปากลูกในนาทีนั้น“โอ๊ย...เจ้าเด็กแสบ นอนสักทีเถอะ เดี๋ยวแมวจะมากินตับนะ ได้ยินไหม นั่นน่ะ มันกำลังกินตับเด็กน้อยคนอื่นอยู่” บอกลูกน้อยแล้วเลื่อนมือที่
[27]ผู้ชายคนนี้เมื่อวันนั้น_____________________คุณแม่ลูกหนึ่งนั่งเล่นอยู่แถวนั้น นั่งรออยู่นานแต่ชนนท์ก็ไม่พาลูกสาวออกมาเสียที จนต้องลุกไปเคาะประตูห้องเขา เคาะอยู่สองสามทีเจ้าตัวก็มาเปิด“ลูกล่ะ”“หลับแล้ว”“หือ?” เธอมองเข้าไปในห้องที่เปิดไฟเลือนราง แม่ตัวแสบของเธอนอนอยู่กลางฟูกหนา หลับปุ๋ยโดยที่สองมือกอดตุ๊กตาหมูตัวโปรดเอาไว้ “ฉันจะพาลูกไปนอนห้องฟีฟ่า”“นอนห้องนี้จะเป็นไรไป ฟูกหลังเบ้อเร่อ”เธอค้อนเขาวงใหญ่ พูดไม่คิดนะ ถ้าลูกนอนอยู่นี่ เธอก็ต้องนอนนี่สิ ใครจะไปนอนห้องเดียวกับเขาสองต่อสองกันล่ะ“มันไม่เหมาะ” บอกเขาแล้วก้าวข้ามธรณีประตูของบ้านเรือนไทย แต่เธอทำผิดมหันต์ เพราะเพียงแค่ร่างพ้นประตูเข้ามา ประตูห้องก็ถูกปิดและล็อกแน่น “นั่นล็อกประตูเหรอ”“อือ...จะนอนแล้วก็ต้องล็อกสิ” ไม่ใช่แค่บอกกล่าว แต่เสื้อที่สวมอยู่ก็ถูกถอดทิ้งอรุณฉายหันหน้าหนี เธอไม่ได้เห็น
“เรื่องไร้สาระที่ไหน เวลาที่ผ่านมายังไม่ได้พิสูจน์หรอกหรือว่าฉันโคตรจริงจังเลย ฉันยอมเธอทุกอย่างทำไมไม่สงสารฉันบ้าง”“ฉันอาจกลับไปเป็นอรุณฉายคนเดิมก็ได้ ฉันเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก”“ให้วันนั้นมันมาถึงก่อนได้ไหมล่ะ ตั้งแต่ลูกเกิด ฉันยังไม่เห็นเลยว่าเธอจะเป็นคนเหลวไหล เธอเป็นคนดีมากแล้วออม เธอดีพอ...ให้คนอื่นรักได้แล้ว”อยู่ๆ กระบอกตาของอรุณฉายก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ทำไมเขาถึงล่วงรู้ความรู้สึกของเธอ“หรือฉันยังไม่ดีพอ” เขาย้อนถามบ้าง“ดีแล้ว ดีขึ้นมากแล้ว สำนึกผิด ไม่เจ้าชู้ ไม่หลายใจ ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ได้เจอผู้ชายแบบนนท์ก็นับว่าดีมากแล้ว”“แล้วทำไมถึงไม่ใจอ่อนสักที”“นั่นสิ...ทำไมกันนะ”ถ้อยวาจานั้น อยู่ๆ ก็กระจ่างในใจของชนนท์ สามสี่ปีมาแล้วที่เขาอยู่ตรงนี้ เฝ้ารอความรักของอรุณฉาย แต่ทุกอย่างเหมือนเสียเวลาเปล่า หล่อนก็ยังอยู่ในจุดเดิม จุดที่ไม่อยากมีเขาในชีวิต“ฉันคิดว่า...ฉันรู้แล้วล่ะ”“อะไร”“
เขาครางเบาๆ เมื่อแรงที่กระแทกเข้าใส่หล่อนก่อเกิดความรื่นรมย์อย่างหาที่เปรียบมิได้ โพรงเนื้อนุ่มอ่อนที่อยู่ข้างในกำลังกอดรัดเอาตัวตนเขาจนปวดไปหมด“รัณ...เร็ว...อ๊า...รัณ”เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังพั่บๆๆ มิมีหยุดหย่อน ยามที่ศรัณโยกกายท่อนล่างเข้าหาร่างของอารดา ความลื่นด้วยแรงปรารถนาอันมากล้น ส่งผลให้การเสพสมดำเนินไปได้ด้วยดี พอโยกกายเข้าหาหล่อนจนพอใจ อารดาก็เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายคุมเกม หล่อนผลักเขาให้อยู่เบื้องล่าง ในขณะที่หล่อนควบขี่เขาอยู่เบื้องบน ผมสลวยของหล่อนแผ่สยายและเคลื่อนไหวรัวเร็วตามแรงที่หล่อนกระแทกลงมา พุ่มทรวงอวบใหญ่ก็กระเพื่อมไหวในทุกคราที่หล่อนร่อนส่ายสะโพกอย่างงดงาม“ดี...คุณอุ่น โยกเร็วๆ แรงๆ เลยได้โปรด...อา...”เสียงครางกระเส่าของสามียังดังอยู่เนืองๆ กระทั่งอารดานำพาเขาถึงฝั่งฝัน ให้เขาได้ปลดปล่อยเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตเข้าสู่ร่างของเธอ เม็ดเหงื่อของสองร่างไหลรวมเป็นหนึ่ง และแม้ว่าบทรักจะสิ้นสุด แต่ปลายลิ้นของสามีก็ยังแตะชิมที่พุ่มทรวงของเธอ“พอแล้ว...ไม่ไหวแล้ว”“เหงื่อคุณอุ่นออกเยอะนี่นา ผมเช
[26]เศษใจที่ถูกเติมเต็ม__________________วันเวลาเคลื่อนผ่านไปช้าๆ แต่ช่างรวดเร็วในความรู้สึกของอารดา เพียงพริบตา ลูกน้อยในครรภ์ก็ลืมตาขึ้นมาดูโลก เจ้าลูกชายแข็งแรงสมบูรณ์ดี และมีหน้าตาที่ถอดแบบมาจากศรัณอย่างกับฝาแฝด เจ้าตัวอายุน้อยกว่าลูกพี่ลูกน้องราวสี่ห้าเดือนได้ แต่เชื่อไหม พอเลี้ยงไปเลี้ยงมาก็โตทันกันอยู่ดี บางวันที่อรุณฉายเข้าเมืองไปทำธุระให้ย่า ชนนท์ก็จะไปรับลูกมาอยู่ที่นี่ ให้น้ามาลาช่วยเลี้ยง พอเขากลับจากสวน ก็จะเล่นกับลูกสาวจนหนำใจแล้วค่อยพากลับเรือนย่า มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กน้อยเริ่มเดินได้เมื่อตอนขวบเศษ กระทั่งบัดนี้สามขวบเข้าไปแล้ววันนี้ก็เป็นเช่นวันที่ผ่านมา ชนนท์ไปรับลูกสาวมาแต่เช้า น้ามาลาช่วยเลี้ยงแกตอนลูกชายเข้าสวน และเธอช่วยพาลูกหลานนอนกลางวัน พอกล่อมเด็กน้อยจนหลับปุ๋ย เธอเองก็ผล็อยหลับตามไป...ทว่าหลับได้ไม่เท่าไหร่ ก็ถูกกวนจนได้เธอรู้สึกเย็นๆ แถวเนินอก แต่เหนื่อยเกินกว่าจะปรือตาขึ้นมอง พอรู้สึกเย็นๆ นานเข้า จึงได้ฝืนร่างกายปรือตาขึ้นมาดู เจ้าตัวเล็กในเปลยังหลับอยู่