LOGIN“มึงคิดว่าจะเป็นแฟนน้องรินได้ตลอดไปเหรอ มึงสามารถทำเรื่องแบบนั้นกับน้องรินได้เหรอ”
นึกแล้วอยากตบปากตัวเองที่เคยเผลอเล่าเรื่องที่ฉันยังไม่สามารถมีเซ็กซ์กับน้องรินได้ ทั้งที่น้องรินก็เปิดโอกาสและบางครั้งก็เอ่ยชวนตรงๆ แต่พอฉันเริ่ม มันก็ไปได้แค่จูบเท่านั้น
“ในอนาคตกูอาจทำได้”
“งั้นก็ตามใจมึงเหอะ” มันพูดแล้วปล่อยฉันเป็นอิสระ
“แล้วมึงเป็นไร จู่ๆ มาชวนกูทำแบบนั้นอีก”
“ก็ไม่มีอะไร ถ้ามึงต้องการ กูก็พร้อมไง”
“มึงหาว่ากูเงี่ยนเหรอ”
มันหัวเราะเบาๆ กับคำพูดของฉัน แล้วเอ่ยตอบ
“มึงก็ใช้คำพูดนะ แต่นั่นแหละ มึงก็เงี่ยนได้นี่ ผิดอะไรล่ะ ในเมื่อเป็นคน มันเป็นเรื่องธรรมชาติเปล่าวะ ซีเรียสทำไม”
“มันซีเรียสตรงมึงเป็นเพื่อนนี่แหละโว้ย”
“เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นมั้ย”
“มึงอย่าบอกให้กูเป็นแฟนนะ เพราะมึงก็รู้การเป็นแฟนกันมันง่ายมาก แต่มันยากที่จะอยู่ในสถานภาพนั้นได้ตลอดไป รักๆ เลิกๆ มันเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ไม่เหมือนเพื่อนนะ ถ้าไม่ทำอะไรเหี้ยต่อกันเกินรับไหว เราก็จะเป็นเพื่อนกันตลอดไปได้”
“บางทีเราอาจคบกันได้ตลอดไปก็ได้” มันพึมพำ
“ตลอดไปสำหรับความรักแบบอื่น กูเชื่อนะ แต่ความรัก ความใคร่ กูไม่เชื่อเลย ดูอย่างพ่อแม่เราสิ และดูกูกับไอ้พี่บิ๊ก และคนอื่นๆ ที่กูคบ กูไม่อยากเสียมึงไป เพราะกูคงไม่สามารถเป็นเพื่อนหรือพี่น้องกับแฟนเก่าได้หรอก กูไม่อยากเสียมึงไปนะตรี” ท้ายประโยคฉันคงเศร้า เพราะมันยอมแพ้ ไม่เซ้าซี้อะไรอีก แต่ก็...
“ไม่เป็นแฟนก็ได้ แต่เป็นเฟรนด์ฟอร์เบดด้วยได้มั้ย”
“ไอ้สัดนี่ มึงคิดจะให้กูเป็นหนึ่งในบรรดากิ๊กของมึงอีกคนหรือไงวะ!” ฉันเริ่มโมโหมันอีกรอบละ
“มึงก็คิดไปไกล กูบอกแค่ว่า ถ้ามึงต้องการเซ็กซ์ มึงก็นอนกับกูได้ แค่นั้นแหละ เข้าใจอะไรยากจัง!”
มันทำเสียงหงุดหงิดใส่ฉันอีก
“กูไม่ต้องการโว้ย ที่สำคัญกูมีแฟนแล้ว มึงจะมาชวนกูทำเรื่องเหี้ยๆ แบบนี้ได้ยังไง ไอ้เพื่อนเวร และมึงก็แรดไปทั่วแบบนี้ กูกลัวเหมือนกันนะ”
“มึงไม่ต้องกลัว ถึงกูจะแรดกูก็ดูแลตัวเองอย่างดี ตรวจโรคทุกสามเดือน และต่อไปนี้กูจะเลิกแรดแล้ว”
“จะหาแฟนเป็นตัวเป็นตนว่างั้นเถอะ”
“กูจะรอนอนกับมึงคนเดียว”
“ไอ้ตรี!” คราวนี้เหลืออดจริงๆ ฉันชกไปที่แขนมันเต็มแรง และมันก็ดึงมือฉันไว้กระชากตัวเข้าไปหาจนร่างฉันเกยทับบนหน้าอกของมัน พอฉันทำท่าจะโวยวาย มันก็ดึงหน้าฉันไปประกบจูบอย่างรวดเร็ว
ฉันคิดว่าต้องดิ้นสุดแรง เพื่อจะหลุดออกมาเตะต่อยมันให้หนำใจ แต่กลายเป็นว่าตัวฉันอ่อนระทวย แถมยังขยับปากตอบรับจูบของมันอีก
ความรู้สึกวาบหวิวนั้นเกินบรรยาย จูบคืนนั้นฉันจำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าตอนนั้นมันแค่ต้องการปลดปล่อยความร้อนรุ่มในร่างกาย แต่จูบตอนนี้มันต่าง มันหวิวๆ แต่ไม่เร่าร้อน แค่อุ่นๆ หวานๆ จนรู้สึกเหมือนตัวจะลอย สมองว่างเปล่าเป็นสีขาวฟุ้งๆ
กระทั่งลิ้นเราแตะต้องกัน ความเร่าร้อนก็บังเกิด ยิ่งยามปลายลิ้นถูกอีกคนดูดดึง ขบเบาๆ ทั้งริมฝีปากบนและล่าง
“อา...” ฉันเผลอครางออกมาอย่างอดกลั้นไม่อยู่ แต่ฉันรู้ว่าหากปล่อยให้ไอ้ตรีจูบต่อไป ทุกอย่างมันจะจบลงเหมือนวันนั้น ฉันจึงแข็งใจผลักมันออกห่าง
“ทำไม มึงก็ต้องการไม่ใช่เหรอ” มันถาม
“มันไม่ถูกต้อง กูมีน้องรินอยู่” ฉันพูดพร้อมกับหายใจลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ให้เป็นปกติ
มันนิ่งไป แล้วพยักหน้ารับ
“ทำไมล่ะ คืนนั้นมึงก็ยังสยองกับการที่ได้นอนกับทอมอย่างกูไม่ใช่เหรอ แถมร้องห่มร้องไห้อีก แล้วทำไมวันนี้มึงถึงได้ทำแบบนี้ มันย้อนแย้งนะโว้ย”
“อือ กูรู้” มันตอบรับสั้นๆ แค่นั้นไม่มีคำอธิบาย และฉันก็รู้ว่าไม่ควรซักไซ้ถามให้มากความ เพราะอาจเข้าตัว
“อย่าทำอีกนะ ไม่งั้นกูโกรธมึงจริงๆ ด้วย”
“โอเค จะไม่ทำอีก”
“สัญญา”
“อือ...สัญญาก็ได้ แต่มึงไม่คิดบ้างเหรอว่า สิ่งที่มึงทำกับกูวันนั้น มึงควรรับผิดชอบบ้าง”
“อะไรของมึงอีก”
“ถ้ากูหวั่นไหว มึงจะทำยังไง จะเลิกเป็นเพื่อนกับกูเลยหรือเปล่า”
คำถามนั้นฉันตอบไม่ได้จริงๆ
“เราไม่ควรคุยเรื่องนี้อีกนะโว้ย เราต้องหยุดก่อนที่มันจะทำเราพัง”
“เค หยุดก็ได้ แล้วมันก็หยิบโทรศัพท์มาเล่นเกม ขณะที่ฉันก็นอนดูซีรีส์ไปอย่างไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ กระทั่งง่วง ก็ปิดทีวีแล้วเดินเข้าห้องนอน ในขณะที่ไอ้ตรียังเล่นเกมอยู่
""""""""""""""""""""""
“ตอนนั้นพ่อแม่กูเลิกกัน แม่ก็ไม่อยากให้กูพูดเรื่องพ่อ และตอนนั้นกูกับแม่ก็ไม่ได้รวยไง”“ตอนมึงไปเรียนลอนดอนก็ไม่ได้บอกนะ”“ก็...นั่นแหละ ตอนนั้นมึงกับกูก็แทบไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ ตอนนั้นมึงมีแฟนด้วยนี่ ใช่มั้ย มึงเองก็ไม่ได้สนใจกูเท่าไหร่”“เออ ก็ตอนนั้นเพิ่งเคยมีแฟนก็เลยเห่อหน่อย มึงคงไม่น้อยใจหรอกใช่มั้ย”“นิดหน่อย แต่ตอนนั้นชีวิตกูก็ยุ่งๆ กับการปรับตัวทั้งที่โรงเรียนและปรับตัวเพื่อจะอยู่กับไอ้โทแบบสงบสุข แถมต้องรับมือกับการหาเรื่องของไอ้แทนไท ซึ่งมันก็ดันเรียนที่นั่นเหมือนกัน ดีที่มีไอ้โทคอยจัดการมัน”“ฟังมึงพูดแล้ว ไอ้พี่มึงคนนี้เอาเรื่องเหมือนกันเนาะ เสียดายกูไม่ทันได้รู้จัก ก็ไปซะแล้ว หวังว่าคงไม่ลงนรกเหมือนไอ้ปากหมามันพูดนะ”“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่ที่กูรู้แน่ๆ ไอ้แทนไทน่ะ ตายไปมันได้ลงนรกแน่!”ประโยคสุดท้ายของไอ้ตรีทำฉันขนลุก เพราะน้ำเสียงเย็นยะเยือกของมันพอฉันมองมันอึ้งๆ มันก็หัวเราะ“ก็นิสัยแม่งเหี้ยแบบนั้น มึงคิดว่ามันจะได้ขึ้นสวรรค์เหรอ”“เออ ก็จริงของมึง ขนาดกูเจอมันครั้งแรก มันยังเหี้ยใส่ขนาดนี้ บอกตรง ถ้ากูเป็นมึง กูคงฆ่ามันไปแล้วแหละ ไหนจะมาแย่งพ่อ แล้วไหนจะมาเยาะเย้ยถ
ในนาทีนั้นเองฉันแกะมือไอ้ตรีออกข้อมือ แล้วหมุนตัวแล้วจระเข้ฟาดหางไปบนลำตัวไอ้ปากหมาให้ไปนอนบนพื้นทรายอีกรอบก่อนที่ฉันจะเป็นฝ่ายจับข้อมือไอ้ตรี และยัยนุ่นเดินลิ่วไปจากตรงนั้นทันทีฉันยังไม่ปล่อยมือจากไอ้ตรี ตั้งใจจะพามันไปซักถามเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันสงสัย แต่ไอ้ปีกับไอ้พัทวิ่งตามหลังมา“เฮ้ย พวกมึงจะไปไหนเนี่ย ไม่เล่นน้ำกันหรือไง”“พอดีกูมีเรื่องจะคุยกับไอ้ตรีมัน พวกมึงไปเล่นก่อนเหอะ นุ่นด้วย ไปเล่นกับไอ้สองคนนี้ก่อนนะ” พูดจบฉันก็ลากแขนไอ้ตรีกลับไปยังบ้านพัก“ตกลงมึงกับไอ้ปากหมานั่นคือ...” พอมานั่งในห้องโถงบ้านพักฉันก็ตั้งคำถามที่พอจะเดาออกอยู่บ้าง แต่อยากฟังชัดๆ จากปากไอ้ตรี“มันคือลูกบุญธรรมของพ่อกูเอง”“ตกลงมันไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อมึง”“ไม่ใช่ มันเป็นหลานของแม่เลี้ยงกู ที่เขารับมันเป็นลูกบุญธรรมน่ะ กับเมียใหม่ เขาไม่ได้มีลูกด้วยกันหรอก”“อือ...แบบนี้เอง แล้วเรื่องที่ไอ้นั่นพูด มันคืออะไร เร่ร่อนที่ลอนดอน แล้วแฝดคนละแม่คืออะไร ชื่อไรนะ โทเหรอ ลงนรกคือหมายความว่าไงอะ” ฉันจำคำพูดของไอ้ปากหมานั้นได้อย่างแม่นยำ“ตายไง ไอ้โท พี่ชายกูเอง”“เฮ้ย มึงไม่เคยบอกเลยนะว่ามีพี่ชาย และเป็นแฝดคนละแม่คื
ไม่กี่นาทีต่อมาฉันกับยัยนุ่นก็เดินลงมาหาด หาดกว้างก็จริง แต่ผู้คนก็เยอะมาก ไม่รู้พวกมันเดินไปถึงไหน หรือลงเล่นน้ำกันไปแล้ว ฉันกับยัยนุ่นจึงถ่ายรูปกันสองคนไปก่อน“มึงถอยหลังไปอีก ไม่ต้องถ่ายโฟกัสหน้ากู ถ่ายให้เห็นทั้งตัว และให้เห็นทะเลกว้างๆ”ยัยนุ่นบอก“อือ...” ฉันครางรับ แล้วถอยหลังตามที่ยัยนุ่นบอก กระทั่งฉันชนกับร่างใครบางคน“เชี่ย!” ได้ยินเสียงสบถอย่างอารมณ์เสีย ฉันจึงรีบหมุนตัวเพื่อจะขอโทษ เห็นหน้าผู้ชายตัวสูงกว่าฉันแค่นิดหน่อย หน้าตาดีแบบกลางๆ ที่สำคัญดูหัวเสียมาก“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ฉันลนลานขอโทษ คิดว่าจะโดนด่าหรืออะไรมากกว่านั้น แต่อีกฝ่ายมองกวาดร่างฉันอย่างสำรวจ จ้องขาที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นของฉันแล้วยิ้มออกมา“โอ๊ะ ไม่เป็นไรน้อง คนเราไม่ได้มีตาหลังนี่เนาะ ว่าแต่น้องชื่ออะไรครับ”“ขอบคุณนะคะที่ไม่โกรธ ฉันชื่อเก้าค่ะ” ฉันบอกไปตามตรง ไม่ได้ชอบสายตาของหมอนี่นักหรอก แต่เห็นว่าฉันผิดที่ไปชนเขาก่อน เลยไม่อยากแสดงท่าทีอะไรออกไปให้มาก“พักอยู่ที่ไหน”“เอ่อ แถวนี้แหละค่ะ”“บ้านพักของพี่ก็อยู่แถวนี้ บ้านหลังนั้นน่ะ ตึกสีขาวตรงนั้น เห็นมั้ย” เขาชี้มือไปยังบ้านพักเป็นตึกสีขาวทรงโมเด
Chapter 3: กลางทะเลรุ่งเช้าเราเช็กเอ๊าท์แบบเฉียดฉิว ก่อนเดินทางไปหัวหิน เพราะยังไม่ได้เวลาเช็กอิน เราจึงไปกินมื้อเที่ยงกันก่อน กินเสร็จก็ใกล้เวลาเช็กอินจึงเดินทางไปบ้านพักติดชายทะเล บรรยากาศดีมาก จนฉันกับนุ่นร้องกรี๊ดอย่างถูกใจ เพราะเราค้างคืนที่นี่สามคืน“ไอ้ตรีแม่งจองบ้านพักถูกใจมาก”“บ้านดี ติดทะเลขนาดนี้ คืนละสามพันโคตรถูกเลย” ฉันพึมพำขณะเดินชมบ้าน ที่ห้องนอนถึงสามห้อง“นั่นสิ อย่างต่ำมันน่าจะห้าพันเปล่าวะ” ยัยนุ่นพึมพำ ก่อนจะเอ่ยต่อ“ช่างเถอะ เราจ่ายเงินไอ้ตรีไปแล้วนี่ มันก็คงราคาแค่นั้นแหละ”“อือ...” ฉันพยักหน้ารับ ก่อนเราสองคนจะได้เป็นคนเลือกห้องก่อน แน่นอนเลือกห้องที่วิวดี มองเห็นทะเลจากหน้าต่างข้างห้องพอเก็บเสื้อผ้าข้าวของส่วนตัวเรียบร้อย ยัยนุ่นก็หันมาทางฉัน มองตามันก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร“มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”“วันที่กินเลี้ยงวันนั้น” ฉันจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ยัยนุ่นฟังเรื่องที่อีหมวยมันวางยาปลุกเซ็กซ์ในแก้วเหล้าฉัน“เวรจริงๆ” ฟังจบยัยนุ่มก็พูดเหมือนไม่รู้อะไรมากกว่านั้น“แต่เมื่อคืนจูบกัน หมายความว่าไงวะ”“เอ่อ กูไม่รู้เหมือนกัน ไอ้ตรีมันบ้าว่ะ จู่ๆ ก
“ไอ้เก้าเริ่มเมาเปล่า แก้มแดงเป็นตูดลิงแล้ว” ไอ้พัทหันเป้ามาทางฉันแล้ว“เออ ก็นิดหน่อย” ฉันตอบรับอย่างไม่ต้องโต้เถียงมัน ทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของใครบางคนอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาดุๆ ให้มัน แต่มันกลับยิ้มหวานตอบ อยากจะปากระป๋องเบียร์ใส่หน้าหล่อๆ ของมันนัก ก็ได้แต่คิดนั่นแหละและมันก็เสหยิบกีตาร์มาเล่น ขึ้นอินโทรลก็รู้ว่าเป็นเพลง stay with me ของ Sam Smits ในสไตล์ฟิกเกอร์สไตล์ ฉันมองนิ้วที่ทั้งเกาและสะบัดปลายนิ้วลงบนทั้งหกสายอย่างเพลิดเพลินเพลงเพราะ หรือคนเล่นเก่งก็ไม่รู้ แต่อาจทั้งสองอย่าง ไอ้ตรีเป็นคนที่เล่นกีตาร์ได้มีเสน่ห์มาก ฉันก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันสามารถเล่นกีตาร์ได้เก่งขนาดนี้ มันเล่นได้หลายแนว ทั้งเล่นคอร์ดปกติ ฟิกเกอร์สไตล์อย่างที่เล่นอยู่ตอนนี้ และสไตล์คลาสสิกด้วย มันเหมือนคนที่ร่ำเรียนสายดนตรีมา มากกว่าเรียนจบนิเทศฯตอนที่เราอยู่บ้านนอก ตอนนั้นไอ้ตรีมันไม่เคยเล่นกีตาร์ หรือดนตรีใดๆ ให้ฉันเห็น แต่มันเคยบอกว่าพ่อให้มันเรียนเปียโน เรียนภาษาตั้งแต่ยังเรียนอนุบาล อันหลังนี้ฉันจึงไม่แปลกใจเวลาที่ไอ้ตรีมันร้องเพลงสากล สำเนียงมันเหมือนเจ้าของภาษา หรือแม้แต่มันพูดคุยกับชาวต่าง
แม้เพื่อนๆ จะยุว่าเป็นดาราได้เงินเยอะ ถึงขั้นร่ำรวยถ้ามีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จ มันก็ไม่สนใจ ทั้งที่ทุกวันนี้มันก็ร้องเพลงเล่นดนตรีในผับเพื่อหาเลี้ยงชีพ การได้เข้าวงการน่าจะดีกับอาชีพของมัน มันก็ไม่สนใจอีกดูมันเป็นคนไม่กระตือรือร้นกับเรื่องพวกนี้ ทั้งที่ไม่มีเงินแม้แต่จะจ่ายค่าหอด้วยซ้ำ แต่...ดันมีเงินซื้อของกินมาเต็มโต๊ะ ไหนจะเบียร์กระป๋องตั้งหลายแพ็กมันชักจะยังไงอยู่นะเราออกไปถ่ายรูปกับคลื่นและชายหาด จากนั้นก็อัปภาพลงโซเซียลฯ ต่างๆ ทั้งเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม แต่ไม่วายมีคนบ่น คนที่ทำหน้าที่แท็กเพื่อนๆ นั่นแหละ“แท็กทุกคนแล้วนะ ยกเว้นไอ้คนไม่เล่นโซเชียลฯ ทั้งหลายแหล่” แล้วมันไปมองไอ้ตรีอย่างหมั่นไส้“ถ้ากูหล่อเท่ามันนะ จะโพสรูปวันละร้อยรูป จะเป็นยูทูบเบอร์ จะได้มีช่องทางหาเงิน” ไอ้ปีไม่วายบ่น คงเพราะเสียดายความหล่อ เท่ของเพื่อนที่ไม่เคยใช้ประโยชน์จากความหน้าตาดีของตัวเอง นอกจากโปรยเสน่ห์ใส่สาวๆ ไปวันๆ“บ่นแต่เรื่องเดิมๆ มึงไม่เหนื่อยหรือไงวะ” ไอ้ตรีพูดเสียงเนือยๆ เหมือนเบื่อหน่าย เพราะได้ยินไอ้ปีบ่นทำนองนี้มานานแล้ว ตอนแรกทุกคนก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดา แต่คบกันไปนานๆ ก็รู้นิสัยมันที่







