Chapter 7
ฉันแต่งตัวในชุดธรรมดา ธรรมดามากกกก ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ขาสั้น แต่งหน้าอ่อน ๆ รวบผมเป็นหางม้า ฉันหยิบโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ส่วนกระเป๋าอีกข้างใส่เงิน200 แต่งแบบบ้านสุด ๆ ฉันหยิบคีย์การ์ดแล้วใส่กระเป๋าข้างที่ฉันใส่เงินแล้วเดินออกมา ฉันขี้เกียจสะพายกระเป๋า เพราะต่อให้เอาไปก็ไม่มีของอะไรมากมายที่จะใส่ โทรศัพท์ของฉันก็รุ่นธรรมดาพอใช้ได้ มีตังค์แค่ 200 พกติดตัวไปก็พอแล้ว
ก๊อก! ก๊อก! แกร่ก!
เสียงเปิดประตูเข้ามา เป็นแพรว ที่อยู่ในชุดเดรสสีแดงกระโปรงคลุมเข่า ใบหน้าทรงผมจัดหนักจัดเต็มดูสวยมาก ๆ ซึ่งมันต่างกับฉันลิบลับ
ฉันดูธรรมดามากจนไม่รู้จะธรรมดายังไง
“แกแต่งชุดอะไรวะ” แพรวขมวดคิ้วเป็นปมเอ่ยถามฉัน
“ก็แค่ไปฉลองวันเกิด จะอะไรกันนักหนา แต่งแบบไหน ก็ไปได้หมดแหละ”
“ก็ไม่อะไร แต่มันเชย”
“ช่างเถอะ ไปกันดีกว่า”
“อืม แล้วกระเป๋าแกล่ะ”
“ไม่เอา ไปแบบนี้แหละ เอาเงินกับโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงไปก็พอ”
“แกนี่ง่ายชะมัด”
“อืม ไปเถอะ”
“ห้องแกทำไมดีจังวะ ห้องฉันฉันไม่หรูเท่าแกเลย”
“ไม่รู้” ฉันพูดพร้อมกับเดินไปที่ลิฟท์ ฉันยืนเงียบคิดอะไรไปเรื่อย พอลิฟท์เปิดออก ฉันก็มายืนรอกับพวกพี่ก้องกับพี่ต่อ ทุกคนแต่งตัวดีหมด ฉันสิธรรมดามาก
“แต่งตัวขนาดนี้กะจะไปอ่อยเจ้าของบริษัทเหรอแพรว?”
“ได้ก็ดีค่ะฮ่า ๆ”
“เอาคุณวิคเตอร์นะ” พี่ก้องพูด
“บ้าน่ะ!!”
“ฮ่า ๆ” สักพักรถของบริษัทขับมาจอด
“รถมาแล้ว รีบขึ้นรถเถอะ”
“ไปกัน วันนี้จะกินให้เมา”
“จัดเลย” ยานพาหนะขับเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว มุ่งไปที่คฤหาสน์หลังงาม ฉันมองอย่างตกตะลึง ในขณะที่รถยนต์เข้าไปจอดดับสนิทในโรงจอดรถ ลานกว้างหน้าคฤหาสน์ถูกจัดเอาไว้อย่างสวยงาม
“บ้านหรือวังวะ ใหญ่ฉิบ” พี่ก้องพูดกับกวาดสายตาไปทั่วบริเวณ
“ทำอะไรก็ระวังตัวหน่อย บ้านคุณโจเซฟ กลัวบ้างก็ดี”
“พ่อคุณวิคเตอร์เหรอ?” แพรวเอ่ยถาม
“บ้านคุณวิคเตอร์ สามีในอนาคตแพรว”
“ม่ายยย!!”
“ฮ่า ๆ” เสียงหัวเราะของพี่ก้องดังขึ้น ฉันถึงกับหัวเราะตามพวกพี่ ๆ เขา อยู่ในกลุ่มนี้หัวเราะได้ตลอด
“มากันแล้วเหรอ? ไปนั่งที่โต๊ะกัน” เสียงของคุณสายฟ้าดังขึ้น
“ค่ะ”
“ไปเลยก็ได้นะครับ”
“ขอบคุณครับ ไปกันเร็ว” พี่ก้องวิ่งปรู๊ดไปก่อนเพื่อนตามด้วยแพรวพี่ต่อ
“ไปกันเถอะ”
“ค่ะ” ฉันเดินตามคุณสายฟ้าไป คนไม่เยอะมาก เหมือนจะมีแค่ครอบครัวของคุณสายฟ้ากับคนที่เชิญมาแค่ไม่กี่คน ฉันกวาดสายตาไปมองรอบ ๆ คุณพายุเดินมาพร้อมกับปั้นจั่น ตามด้วยพี่ปั้นสิบ ส่วนพี่ขนมชั้นกับพี่อินทิรานั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้สระว่ายน้ำ หมายความว่าไงกัน พวกเขารู้จักกันเหรอ?
“คุณสายฟ้าคะ ครอบครัวของคุณสายฟ้ากับครอบครัวของคุณโจฮาน เป็นอะไรกันคะ”
“อ๋อพ่อของผมกับพ่อโจฮาน เป็นลูกพี่ลูกน้องกันครับ”
“อะไรนะคะ?”
“ครอบครัวของผมกับครอบครัวพ่อโจฮานเป็นพี่ญาติกันครับ”
เชี่ย!! อุตส่าห์จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ไม่ต้องวนเวียนกับปั้นจั่น ฉันก็ต้องมาพบเจอเขาอีกครั้ง ฟ้าช่างกลั่นแกล้งฉันเสียจริง เขามองมาที่โต๊ะขณะที่พวกฉันนั่งคุยกันกับคุณสายฟ้า ฉันรีบเบือนหน้าหนี แสร้งเป็นไม่เห็นทันที
ทุกอย่างกำลังดีขึ้นแล้วม่านหมอก เธอต้องเข้มแข็ง และผ่านมันไปให้ได้
“สุขสันต์วันเกิดนะสายฟ้า มีความสุขมาก ๆ มึงด้วยนะพายุ” ปั้นจั่นเดินมาจนถึงโต๊ะที่ฉันนั่งแล้วเอ่ยขึ้น
“อืม ขอบใจ” คุณพายุยิ้มร่าให้กับปั้นจั่น ซึ่งมันขัดกับบุคลิกที่เขาแสดงที่บริษัทเหลือเกิน อยู่กับครอบครัวเขาดูยิ้มแย้มมีความสุขมาก
“เดี๋ยวให้ลูกน้องเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ”
“ดีเหมือนกัน” ปั้นจั่นจ้องหน้าของฉัน ผ่านมาเป็นเดือนแล้ว ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขา ไม่เคยลดน้อยถอยลงเลย ถึงแม้จะห่างกัน ทุกวันฉันก็คิดถึงแต่เขา รักมาตั้งหลายปี จะให้ฉันลืม ฉันคงทำไม่ได้หรอก
“...” ฉันนั่งเงียบ ไม่มองหน้าปั้นจั่น ฉันรู้ว่าเขากำลังจ้องหน้าฉันไม่วางตา
“แล้วมึงล่ะสบายดีไหม?”
“อืม” ฉันหันมาตอบเพียงสั้นๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจตัวเอง มันจบแล้ว อย่าพาตัวเองไปเจ็บอีก
“มึงสบายดีไหม?”
“ก็เรื่อย ๆ”
“มึง… เอ่อ”
“เราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันแล้ว อย่ามาสนใจกูเลย” ฉันพูดเสียงห้วน แต่ไม่ทันที่ปั้นจั่นจะพูดอะไรต่อ บทสนทนาของฉันกับเขาก็ถูกขัด
“มาแล้วครับ” เครื่องดื่มถูกวางลงเต็มโต๊ะ ฉันมองมันนิ่ง ๆ แต่ไม่พูดอะไร
“อ้าวหมอก ดีใจจังที่มา” พี่อินทิราเดินมาพร้อมกับพี่ปั้นสิบแล้วเอ่ยทักทายฉัน
“สวัสดีค่ะพี่อิน สวัสดีค่ะพี่ปั้นสิบ” ฉันยกมือไหว้
“สวัสดีจ้ะ!”
“สบายดีไหม?”
“สบายดีค่ะ”
“เอาจริง ๆ พี่เสียดายคนเก่ง ๆ อย่างหมอกมากเลย แต่ก็ดีที่ไปทำงานกับบริษัทของสายฟ้า”
“บริษัทนั้นก็ดีค่ะ เพื่อนที่ทำงานน่ารักมาก”
“ดีจัง แต่ถ้าหมอกอย่างกลับมาที่เดิม เราต้อนรับเสมอนะ”
“ค่ะ”
“สำหรับเครื่องดื่ม ถ้าใครต้องการก็เชิญตรงโน้นเลยนะครับ เรามีไว้ให้พวกคุณดื่มอย่างเต็มที่ เชิญเลยครับ” ลูกน้องของคุณพายุเอ่ย
“เต็มที่ได้เลยใช่ไหม?” พี่ก้องถามอย่างตื่นเต้น
“เต็มที่เลยครับ”
“งั้นเราไปกัน” พี่ต่อพูดแล้วเดินไป
“หมอกขอตัวไปกับพี่ ๆ ก่อนนะคะ” ฉันพูดแล้วลุกขึ้นเดินไปหากลุ่มเพื่อน
“เป็นไรหรือเปล่า?” คุณพายุเอ่ยถามฉันขณะที่เดินตามฉันมา
“เปล่าค่ะ”
“บางครั้งเก็บความทุกข์เอาไว้คนเดียวมันก็อึดอัดนะ มีอะไรก็พูดออกมาเถอะ”
“ไม่มีอะไรค่ะ”
“ยังไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร พร้อมเมื่อค่อยเล่าให้ฉันฟังก็ได้”
“ขอบคุณนะคะ” ฉันกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ
“เราไปนั่งเก้าอี้ตัวนั้นกันดีกว่า” คุณพายุพูดขึ้น ฉันขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าเขาทันที วันนี้มาแปลก ดูพูดเยอะขึ้น หรือเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
“...” ฉันอึกอักพร้อมกับหันไปมองเพื่อน พลันสายตาของฉันก็ดันไปสบสายตาของปั้นจั่นที่นั่งมองฉันอยู่พอดี ช่างมัน! ฉันไม่จำเป็นต้องสนแล้ว
“ไปไหม? หรือจะนั่งดื่มตรงนี้กัน”
“ดื่มเหรอคะ?” ฉันเอียงคอถาม
“ใช่” ใบหน้าของคุณพายุยิ้มอ่อน วันนี้มาแปลก ปกติไม่ค่อยพูดเท่าไหร่เลย
“งั้นเราไปนั่งตรงนั้นกันดีกว่าค่ะ”
“ครับ” คุณพายุลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะข้างสระอีกฝั่ง เสียงเพลงบรรเลงอย่างครื้นเครง ซักพักก็มีลูกน้องของคุณพายุมาเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ ฉันกวาดสายตามองไปรอบ ๆ งาน ลูกน้องของเขาที่ใส่ชุดดำยืนอยู่เต็มไปหมด
“มองหาใครเหรอ?”
“เปล่าค่ะ หมอกแค่สงสัยว่า ทำไมลูกน้องบ้านคุณพายุเยอะจัง”
“อ๋อครอบครัวมาเฟียก็อย่างนี้แหละ บ้านปู่กับย่ามีเยอะกว่านี้อีก”
“ถ้าบอกถามคุณพายุเรื่องหนึ่ง จะถือว่าเป็นการละลาบละล้วงไหม?”
“เรื่องอะไรครับถ้าตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ก็ขอไม่ตอบนะ”
“เรื่องคุณวิคเตอร์ค่ะ เรื่องที่เขาบอกว่าเขาฆ่าคนตายมากกว่าจำนวนก้อนหินในเกาะไข่มุกเสียอีก มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ?” ฉันเอ่ยถามขณะที่มองคุณพายุ เขาถือเครื่องดื่มสีอำพันไว้ในมือ จากนั้นก็กระดกมันเข้าปาก
“ข่าวลือมันก็คือข่าวลือมันก็มีจริงบ้างไม่จริงบ้าง ถ้าเราคิดว่ามันใช่มันก็ใช่ ถ้าเราคิดว่ามันไม่ใช่มันก็ไม่ใช่นั่นแหละแล้วหมอกคิดว่ามันใช่หรือไม่ใช่ล่ะ” เขายกยิ้มมุมปาก
“เอ่อคือ…” ฉันคคิดสมอง 2 ซีกของฉันมันตีกันวุ่นวายไปหมด ใจนึงก็คิดว่าใช่เหมือนที่คุณพูด แต่อีกใจก็คิดว่าไม่ใช่
“ที่จริงมันเลวกว่านั้นอีก ฮ่า ๆ” ฉันอ้างปากค้างคิดตามสิ่งที่คุณพายุพูด ฉันจ้องมองใบหน้าคมคายที่กำลังหัวเราะยิ้มแย้ม คุณพายุเหมือนจะลืมตัวไปชั่วขณะ แต่เวลาเขายิ้มก็ดูน่ารักดีนะ
“เวลาคุณยิ้มคุณก็ดูดีนะ”
“จริงดิ”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้า
“ฉันคงต้องยิ้มบ่อย ๆ แล้วแหละ”
“ค่ะ” ฉันฉีกยิ้มก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก
“วันนี้ดื่มให้เต็มที่ มีอะไรก็พูดกับฉันได้นะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“เราเล่นเกมกันไหม?”
“เกมอะไรคะ”
“กินเหล้าแข่งกัน”
“ไม่ค่ะ”
“ฟังให้จบก่อน 1แก้วที่เธอดื่ม เธอจะได้แก้วล่ะหมื่น” หึหึ แก้วละหมื่น ฉันผู้ที่เป็นคอเหล้าขาวมาก่อน มีหรือฉันจะแพ้ สมัยเรียนมอปลาย หน้ารถแห่ก็มีฉันคนหนึ่งแหละที่อยู่ตรงนั้น ฉันจะมีเงินเพิ่มส่งกลับบ้านเพิ่มขึ้น
“ตกลงค่ะ”
“ฉันจะเป็นกรรมการให้” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน เป็นคุณวิคเตอร์ที่เดินเข้ามา ใบหน้าเรียบเฉยนัยน์ตาคมกริบ ไม่ยิ้มสีหน้าเย็นชา
“ดีเลย”
“เอาเหล้ามาฉันชงเอง”
“ครับ” ลูกน้องของคุณวิคเตอร์ยื่นเครื่องดื่มให้ ปั้นจั่นเดินมานั่งเก้าอี้อีกตัว แต่ไม่พูดอะไร
“คุณวิคเตอร์ปรายตามองปั้นจั่นก่อนจะยกยิ้มมุมปากเบา ๆ
“กูกินด้วย” ปั้นจั่นมองหน้าฉัน
“ดี แต่หลังจากเป่าเค้กนะ”
พรึ่บ! ไฟในงานมืดสนิท พร้อมเพลงที่ดับลง ปรากฏร่างหญิงสาวร่างบางถือเค้กก้อนโตเข้ามาหาคุณพายุกับคุณสายฟ้า
“Happy Birthday To You Happy Birthday To You Happy Birthday Happy Birthday Happy Birthday To You Happy Birthday To You Happy Birthday To You Happy Birthday Happy Birthday Happy Birthday To You สุขสันต์วันเกิดนะหนุ่ม ๆ ทั้งสองของหนมชั้น” พี่ขนมชั้นยื่นเค้กให้หนุ่ม ๆ ทั้งสอง
“มีความสุขมาก ๆ นะลูก” พ่อโจฮานพูด
“แล้วเฮียโจเซฟจะไม่อวยพรลูก ๆ หน่อยเหรอ?”
“ ก็เฮียทำไม่ค่อยเป็นนิมัดไหม เอาเป็นว่าทุกการกระทำที่เฮียเเสดง ลูกคงรับรู้”
“ตลอดแหละเฮีย”
“พี่เป่าเลยพี่สายฟ้า”
“อืม” คุณสายฟ้าเป่าเค้กเสร็จเรียบร้อย ก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่เดิม
“ พี่มัดชาว่าเราไปนั่งตรงโน้นดีกว่า ปล่อยให้เด็ก ๆ เขาสนุกกัน” คุณน้ำชาพูด
“ไปกันเถอะเฮีย”
“ ครับ” ผู้ใหญ่เดินไป เหลือเพียงพวกฉันแค่ไม่กี่คนนั่งอยู่ โต๊ะของพวกพี่ก้องอยู่ไม่ไกลนัก
“ ทำไรกัน? “พี่ขนมชั้นวางเค้กไว้อีกโต๊ะ
“เล่นเกม”
“หนมชั้นเล่นด้วย เอาเค้กไปจัดการสิ” พี่ขนมชั้นบอกพี่ต่อ
“ได้ครับ” พี่ต่อรีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ เอาไปตัดแบ่งกันนะ”
“ครับ”
“ แล้วแพรวล่ะพี่ต่อ”
“หลบไปโน่นแล้ว หมอกก็รู้ว่ามันกลัว เอ่อ…” พี่ต่อลอบมองคุณวิคเตอร์ ”ช่างเถอะ พี่ไปก่อนแล้วกัน”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับคำพร้อมกับรอบมองสีหน้าของคุณวิคเตอร์ เขายังคงนิ่งใบหน้าเย็นชาไม่ค่อยพูดเหมือนเดิม
“เริ่มเลยค่ะ หนมชั้นขอแข่งกับหมอก” พี่ขนมชั้นพูด
“เอาดิ”
“เริ่ม”
“เดี๋ยว ไหนเมื่อก่อนมึงไม่ค่อยกินไง ตอนนี้มึงจะกินเหล้ายังไงตั้งเยอะ” ปั้นจั่นพูดท้วง
“มันเปลี่ยนไปแล้ววะ” ฉันพูดพร้อมกับกระดกเหล้าแข่งกับพี่ขนมชั้น เเก้วแล้วเเก้วเล่าที่ฉันกระดกเข้าปาก ฉันเริ่มมืน จนมาถึงแก้วสุดท้าย หึหึ
ปึก! ฉันวางแก้วเสียงดัง พร้อมกับยิ้มมุมปาก
“หมอกชนะ”
“แก้วสุดท้าย ให้แสนหนึ่ง กล้าไหม?” คุณวิคเตอร์ยืนเหล้าแก้วสุดท้ายให้ฉัน ”สูตรพิเศษเลยนะ”
“หมอก มึงพอเถอะ” ปั้นจั่นห้ามฉัน พร้อมกับแย่งเหล้าแก้วนั้นไปกระดกแทน ปั้นจั่นหน้าแดงก่ำ สะบัดหน้าไปมา
“แก้วใหม่” คุณวิคเตอร์วางแก้วใหม่ลง
“หมอก พอแล้ว”
“กูจะกิน” ฉันกระดกเหล้าแก้วสุดท้ายลงคอ มันไม่ใช่เหล้าเหมือนทุกแก้วที่ฉันเคยกิน แต่มันแรงกว่ามาก
ตึง! ฉันล้มลงไปกองกับพื้นทันที คุณพายุเข้ามาประคองฉัน โลกมันหมุนไปหมด
“แหวะ!” ฉันอาเจียนใส่คุณพายุ เริ่มปวดหัว แล้วปวดขึ้นเรื่อย ๆ
“ดูแลกันเองแล้วกัน กูไปหาแม่ก่อน” วิคเตอร์พูดขึ้น
“หนมชั้นว่าเราพาหมอกไปล้างก่อนเถอะ”
“เดี๋ยวฉันพาหมอกไปเอง”
“ไม่ต้อง กูพาไปเอง” ปั้นจั่นเข้ามาประคองฉัน
“อย่ามายุ่งกับกู มึงเลิกมาวุ่นวายกับกู”
“หมอก”
“มึงรักแต่คนอื่น ทั้งที่กูรักมึงมาตั้งนาน ทำไม! ทำไม! ทำไม!” ฉันพยายามอดกลั้นอารมณ์ไว้อย่างยิ่งยวด เวลาที่ฉันเมาฉันจะชอบพูดความในใจออกมา มันไม่ใช่นิสัยแต่มันคือสันดาน
“เลิกพูดเถอะ กูจะพามึงไปล้าง” ปั้นจั่นพยายามลากฉันลุกขึ้น ทั้งที่เขาบอกให้เขากับฉันต่างคนต่างไป
“อย่ามายุ่ง”
“หมอก”
“กูกับมึงมันจบไปนานแล้ว อย่ามายุ่งกับกูอีก”
“หมอก”
“พูดได้แค่ชื่อกูเหรอวะ? มึงจะมาอะไรกับกูอีก” ทุกคนนิ่งเงียบไป ไม่ต่างจากสติของฉันที่มันแทบจะดับวูบลง
“กูจะพามึงไปเอง”
“อย่ายุ่ง”
“เหล้าเหี้.. ยอะไรเมาฉิบหาย”
วันเวลาผ่านไปอีก3เดือนค่ะ ฉันกลับมาใช้ชีวิตเป็นครอบครัวกับปั้นจั่นที่กรุงเทพโดยที่พ่อของฉันไม่ขัดข้องประการใดค่ะ ฉันมีความสุขมากๆเลยค่ะ ที่พ่อของฉันไม่เกลียดปั้นจั่นเหมือนแต่ก่อน ปั้นจั่นคงจะทำให้ท่านเห็นว่าเขายังมั่นคงกับฉัน เพราะเขาแสดงออกว่าเขารักฉันกับลูกตอนที่ไปบ้านพ่อแม่ฉันถึงแม้ว่าฉันกับเขาจะเลิกรากันไปถึง 10 ปีปั้นจั่นไม่มีใคร ฉันเองก็ไม่มีเหมือนกัน พ่อก็คงจะใจอ่อนให้เขา และสิ่งที่เขากระทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือเขาไปหาอันนาอยู่เสมอ เขาไม่เคยรับผู้หญิงคนอื่นเข้ามาแทรกเลยความรักครั้งใหม่สดใสอีกครั้ง ฉันเลือกที่จะอภัยเพราะมันถึงเวลาที่ควรอภัยแล้ว เขาปรับปรุงตัวและไม่มีใคร ถึงมันจะเป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัย แต่ฉันก้าวผ่านและอภัยให้เขาแล้วฉันยังมั่นคง ไม่มีใครลืมรักแรกได้ ฉันไม่เคยลืมและไม่มีใคร ไม่ใช่ว่าตลอดระยะเวลา10ปีฉันเฝ้ารอเขานะคะ ฉันไม่ได้รอเขาหรอก แต่ฉันไม่สามารถรับใครเข้ามาในหัวใจได้ฉันรับน้ำค้างมาอยู่ที่บ้านแล้วนะคะ ถึงแม้ว่าตอนแรกเธอจะไม่อยากมา อิดออดมากเลยค่ะเพราะเธออยากอยู่ใกล้คุณพายุ แต่ในเมื่อฉันกลับมาอยู่กับปั้นจั่นแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้น้
ม่านหมอกเเสงแดดอุ่นๆแผ่เข้ามากระทบร่าง ฉันซุกหน้ากับอกแกร่งของปั้นจั่น อกที่คุ้นเคยอกนี้มันอุ่นมากเลยค่ะ อุ่นสุด ๆ เลยค่ะหลังจากที่จบศึกสวาทกันฉันก็หมดแรง คนที่นอนอยู่ข้างๆทั้งถึกทั้งทน ฉันถึงกับอ่อนเปลี้ยเพลียแรงฉันเงยหน้าจ้องใบหน้าคมคายของเขา ตอนนี้ปั้นจั่นหลับตาอมยิ้มที่มุมปากน้อยๆ เขาดูมีความสุขมากเลยค่ะ ซึ่งมันไม่ต่างจากฉันตอนนี้ ฉันมีความสุขมากที่ได้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขา ถึงแม้ว่าใจของฉันมันจะสับสน แล้วรู้สึกหวาดหวั่นกับสิ่งที่เขาทำ แต่ที่ผ่านมาเขาก็ได้พิสูจน์ให้ฉันได้เห็นว่า เขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีจริงๆ“จ้องการแบบนี้มาขี่ม้ากันเลยดีกว่า” เขาพูดพร้อมกับ เปิดเปลือกตาขึ้นต้องมองฉัน ฉันนี่เขินหน้าดำหน้าแดงเลยค่ะ“บ้าน่า” ฉันค้อนใส่เบาๆก่อนจะค่อยๆคลายกอดเขา ฉันหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงหมับ!“ว้าย!” ฉันกรีดร้องอย่างตกใจ ปั้นจั่นคว้าตัวของฉันเอาไว้ พร้อมกับฝังจมูกไปตามพวงแก้มของฉัน“กลิ่นตัวหมอกหอมจัง” เขาพูดจมูกก็เริ่มซุกไซร้ตามเนื้อตัวของฉัน ไม่นะ! ไม่ เรื่องบนเตียงตอนนี้ต้องพักก่อน มือของเขาเริ่มลูบไปตามเนื้อตัวของฉัน ยุกยิกเป็นหนวดปลาหมึกเชียวค่ะ“ไปอ
ปั้นจั่นTALKผมจูบหมอกเร่าร้อนราวทะเลเดือด จูบราวกับสูบวิญญาณเธอออกจากร่าง ผมประคองใบหน้าของหมอก จูบเน้นๆแล้วสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอม่านหมอกขัดขืนในตอนแรกพยายามผลักผมออก แต่ผมไม่ยอมหรอกครับ วันนี้ผมต้องได้เมียคืน พี่ชายพี่สาวพ่อแม่และทุกคนๆช่วยกันวางแผนขนาดนี้ผมต้องตีมึนเอาไว้ผมดันเธอไปชิดกำแพงในขณะที่จูบเธอไปด้วย มือของผมเลื่อนลงต่ำมาบีบเค้นที่อกอวบของเธอ มืออีกข้างก็ถลกกระโปรงแล้วสอดมือเข้าไปในแพนตี้ตัวจิ๋วม่านหมอกสะดุ้งทันทีที่มือผมสัมผัส ผมกดคลำลากตามร่องยาวปริ่มน้ำ ม่านหมอกพยายามต่อต้าน ร่างกายเธอเริ่มบิดไปมาผมกรีดนิ้วจนกระทั่งเจอเม็ดทับทิม“อ้ะ ...ปะ... ปั้นจั่น” ม่านหมอกครางเบาๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดเมื่อปากเป็นอิสระ ผมทนมามากพอแล้ว ผมไม่ได้ปลดปล่อยมา10ปี และวันนี้ผมจะไม่ทน“หมอกจ๋า จั่นอยาก” ผมพูดเสียงกระเส่า รู้สึกต้องการเรื่องอย่างว่า แก่นกายของผมมันปวดหนึบจนแทบจะปริแตก มันผงาดชี้โด่พร้อมกับมีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มออกมา“พะ... พอ... ยะ... หยุดสักที”“หยุดทำไม? นี่คือความสุขนะหมอก”“มะ... ไม่เอา พะ... พอ” ม่านหมอกพูดอยู่แค่นั้นวนไปมา ผมไ
“หมอกไปกรุงเทพก่อนนะพ่อ” ฉันเอ่ยกับพ่อสุนทรในขณะที่ท่านกำลังง่วนอยู่กับการสั่งงานลูกน้อง วันนี้ท่านให้คนมาทำถนนทางไปบ้านของฉันกับบ้านที่ปั้นจั่นเคยอาศัยอยู่ และคนงานกำลังฟังอย่างตั้งใจ“อันนารบเร้าให้พาไปหาพ่อมันละสิ”“ใช่ค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับมองแผ่นหลังของพ่อ พ่อไม่ชอบปั้นจั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ท่านอาจจะไม่พอใจที่ฉันจะพาอันนาไปหาเขา“...”“พ่อคะ...” ฉันเม้นปากพร้อมกับเรียกท่าน“ไปเถอะ ผ่านมาหลายปีดีดักแล้ว หมอกมั่นคงกับมัน มันก็มั่นคงกับหมอก พ่อคงไม่ห้ามอะไรแล้ว เพราะที่ผ่านมามันก็พิสูจน์ตัวให้พ่อเห็นแล้ว”“ค่ะ”“รักคุณตาที่สุดเลยค่ะ” อันนาเช้าไปกอดพ่อสุนทร“รักเหมือนกันครับ ไปกับคุณแม่ก็บอกคุณแม่ให้ขับรถดีๆด้วยนะ”“ค่ะ”“ให้ไอ้วัดไปขับรถให้ไหม? ““ไม่เป็นไรค่ะ หมอกขับเองดีกว่า”“อืม รีบไปเถอะ เดี๋ยวพ่อคุยงานกับพวกคนงานก่อน”“ค่ะ”“รีบไปเถอะค่ะแม่”ฉันรีบพาบุตรสาวไปขึ้นรถจากนั้นก็ขับออกไปโดยที่มีสาวใช้คนสนิทตามไปด้วย“ ซื้อของฝากไปฝากคุณย่าด้วยนะแม่”“ได้จ้ะ” ฉันขับรถไปถึงร้านของฝากแล้วพาบุตรสาวไปเลือกของตามต้องการ“เอาไปเยอะๆเลยนะคะคุณแม่”“จ้า”ผ่านไปหลายชั่วโมง
ปั้นจั่นTALK“ปั้นจั่น เดือนนี้จะไปหาหมอกกับลูกใหม่?” แม่ผมเอ่ยถามขณะที่เดินเข้ามาในบริษัทพร้อมกับพี่สาวของผม“ผมอยากไปจะแย่แล้วครับแม่ คราวก่อนเหมือนหมอกจะใจอ่อนกับผมแล้ว ถ้าผมไปพูดหยอดเธอบ่อยๆ อีกไม่นานคงจะใจอ่อน” ผมเอ่ยกับมารดายิ้ม ๆ ก่อนจะก้มหน้าเซ็นเอกสารกองโตที่อยู่ตรงหน้า งานเยอะมาก เยอะสุด ๆ เลยครับ“เดี๋ยวแม่โทรไปชวนหมอกมาเที่ยวดีกว่า หลายปีแล้วนะที่หมอกไม่มากรุงเทพ แม่อยากให้หมอกมาอยู่กรุงเทพมาก ๆ อยากให้หลานมาเรียนที่นี่ด้วย”“หมอกก็คงปฏิเสธเหมือนทุกครั้งแหละครับ เฮ้อ!”“แต่แม่อยากให้หมอกกับแกคืนดีกันสักที”“ผมก็พยายามอยู่ครับ”“แกพยายามไม่มากพอนะสิ แม่อยากให้หมอกมาอยู่ที่นี่แล้ว” แม่ผมทำหน้าเศร้า“แกก็ช่วยทำให้ความฝันของแม่เป็นจริงหน่อยสิวะ” พี่ปั้นสิบเดินเข้ามา วันนี้วันอะไร ทำไมทุกคนถึงพร้อมใจกันมาหาผม“ทำยังไง?” ผมขมวดคิ้วเข้มชนกัน “มึงก็เอาม่านหมอกกับมาเป็นเมียมึงสิวะ ผ่านมาหลายปีแล้ว กูว่าม่านหมอกคงใจอ่อนแล้วแหละ” พี่ปั้นสิบเอ่ย“บ้าน่า หมอกโกรธกูจะทำยังไงล่ะ กูกลัวเธอโกรธ” ผมเอ่ย ผมกลัวหมอกโกรธจริง กลัวมากเพราะหมอกเป็นคนค่อนข้างใจแข็ง ถ้าได้โกรธผมเอง เธอคง
Chapter 60ฉันมองปั้นจั่นที่ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ฉันรู้ว่าเขาเจ็บแต่ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องให้เขาออกไปจากชีวิตฉันตามที่เขาสัญญาเอาไว้ ฉันดูใจร้ายมากไหมคะ? ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องทำ มันต้องจบได้แล้ว “หมอก ฮึก” ปั้นจั่นร้องไห้สะอึกสะอื้นหัวใจของฉันเจ็บหนึบ ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่รักเขา มันคือความรักที่มั่นคงมาก ฉันไม่สามารถเอาใครมาแทนเขาได้ และฉันไม่สามารถกลับไปหาเขาได้เหมือนกัน“กลับไปทำหน้าที่ลูกเถอะ กูจะบอกเขาว่ามึงเป็นพ่อ กูสัญญาจะดูแลเขาให้ดี”“ฮึก ๆ ฮื่อ ๆ” ฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ปั้นจั่นมองหน้าฉันด้วยสายตาเจ็บปวด เขาต้องเจ็บอยู่แล้ว การจากลามันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก เขาจูบที่หน้าผากลูกของฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะส่งลูกให้แม่ของฉัน เขามองหน้าฉันแล้วเดินมาหาฉันหมับ!เขาสวมกอดฉันแล้วร้องไห้ออกมา ฉันร้องไห้ไม่ต่างกัน มันเจ็บนะคะที่ยังรักแต่ต้องจากกัน ฉันกอดตอบเขาอ้อมกอดนี้มันเคยเป็นเป็นของฉัน แต่มันเป็นเพียงอดีตแล้ว มันเจ็บนะคะที่ต้องจากทั้งที่ยังรัก แต่วันเวลาผ่านไปทุกความเจ็บปวดมันจะผ่านพ้นไป “ขอให้มึงโชคดี ไปทำหน้าที่ของมึงซะเถอะ” ฉันพูดเสียงส