Chapter 6
ม่านหมอก… TALK...
“หมอก ตรงนี้ผมว่าแก้ก็ดีนะ”
“แต่หมอกว่ามันโอเคแล้วนะคะคุณสายฟ้า” ฉันพูดขณะยื่นภาพภาพสินค้าตัวใหม่ที่ฉันออกแบบอีกอันให้คุณสายฟ้าดู
บริษัทที่ฉันทำงาน ทำเกี่ยวกับส่งออกสินค้าพวกของเล่นเด็ก ส่งออกไปทั่วโลก
“แต่ผมว่ามันแปลก ๆ อยู่ดี”
“แปลกยังไงคะ? หมอกว่าโอเคแล้ว เพราะมันปลอดภัยกับเด็กด้วย อุปกรณ์ที่เราจะเอามาผลิตก็มีคุณภาพ ตามสโลแกนของบริษัทเลยค่ะ ปลอดภัย มีคุณภาพ และคุ้มค่า
“พายุมาดูให้กูหน่อย” คุณสายฟ้าเอ่ยกับคุณพายุ ฉันหันไปมองเขา เขาเอนกายพิงพนักพิงพร้อมใช้ขาพาดบนโต๊ะทำงานอย่างสบายอารมณ์
“มึงว่าไงก็ตามนั้นแหละ” คุณพายุพูดออกมาอย่างไม่ทุกข์ร้อน เฮ้อ! สบายเหลือเกินพ่อคุณ
“งั้นหมอกแก้ตรงนี้นิดหน่อยนะ”
“ก็ได้ค่ะ”
“ครับ” ฉันลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากห้อง ฉันทรุดกายลงบนโต๊ะทำงานแล้วก็ทำงานต่อ
“แก้งานเหรอ?” พี่ต่อถามฉันขณะจิบกาแฟไปด้วย
“ค่ะ”
“สู้ ๆ นะ”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มให้พี่ต่อ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงาน
ตั้งแต่ที่ฉันมาทำงานที่บริษัทของคุณสายฟ้ากับพายุ ฉันก็เข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี ทุกคนเป็นมิตรกับฉันมาก มันทำให้ฉันลืมความทุกข์ระหว่างฉันกับปั้นจั่นไปได้บ้าง
ในเมื่อมันกลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้แล้ว ฉันกับเขาก็ควรต่างคนต่างเดิน...
ฉันแก้งานแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านายอีกครั้ง คุณพายุนั่งอยู่คนเดียวในห้อง ฉันยืนนิ่งกวาดสายตามองหาคุณสายฟ้า
“มันเข้าห้องน้ำ เอามาเดี๋ยวฉันดูให้” คุณพายุนั่งเอนกาย อย่างสบายใจก่อนจะดีดใจลุกขึ้นนั่งตัวตรง
“ค่ะ” ฉันกล่าวอย่างสำรวม ก้าวย่างไปหยุดยืนที่โต๊ะทำงานของเจ้านาย แล้วยื่นงานให้คุณพายุ เขาดูอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะส่งมันคืนมาให้ฉัน ฉันสบนัยน์ตาคมกริบนั้นก่อนจะก้มหน้าลง รู้สึกกลัวชายตรงหน้า เขาไม่ค่อยยิ้ม พูดน้อย ดูหน้ากลัว ใบหน้าเรียบเฉยนั้น ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“เป็นไงบ้างคะ ? ต้องแก้ตรงไหนอีกไหม?”
“เอาเป็นว่า…” มือแกร่งลูบคางตัวเองเบา ๆ
“ว่าอะไรคะ?”
“สวยแล้ว เอาส่งไปให้ฝ่ายผลิตเดี๋ยวเขาจัดการเอง”
“ค่ะ” ฉันพูดแล้วเดินออกมา จัดการส่งให้ฝ่ายผลิต
“งานก็เยอะดีจัง เฮ้อ เหนื่อยชะมัด” แพรวบ่นปนประชดประชัน
“เงิน เงิน เงิน และเงิน”
“หยุดทำก็ไม่ได้ ภาระเยอะชะมัด”
“ฉันเหมือนกัน พ่อแม่ก็ไม่ค่อยมีตังค์ น้องก็กำลังเรียน ฉันต้องเป็นเสาหลักให้ครอบครัว ทุกวันนี้ก็ส่งเงินไปให้ตลอดนะ เหลือไว้แค่ใช้กับซื้อกิน”
“อยากมีแฟนรวย ๆ จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
“แกก็พูดไปเนาะ ใครเขาจะมาสนใจคนแบบเราล่ะ เฮ้อ!”
“เผื่อมันมีไง?”
“แกเอ้ย!”
“ก็มันจริงนี่น่า ถ้ามีผัวรวยก็แต่งตัวสวย ๆ อยู่บ้าน”
“มีนะ สนใจเปล่า?” พี่ก้องพูดขึ้น
“ใครคะพี่ก้อง”
“ผู้ชายคนนี้หล่อมาก หล่อโฮกฮากกระชากใจ หล่อกว่าเข้ม หัสดีอีก”
“เวอร์วัง หล่อกว่าเข้มยังมีอีกเหรอ?”
“มี แล้วแกสายฝอไหมล่ะแพรว?” พี่ก้องพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
“แพรวสายฝอ ขอรวย ๆ”
“คุณวิคเตอร์ ลูกคุณโจเซฟ เป็นลูกเสี้ยว แต่หน้าไปทางฝอเลยแหละ พี่ชายเจ้าของบริษัทของเรา สนใจไหม?”
“ม่ายยย ต่อให้หล่อเท่าไหร่ แพรวก็ไม่เอา”
“ฮ่า ๆ”
“สวัสดีครับคุณวิคเตอร์” เสียงทักทายของพนักงานรักษาความปลอดภัยดังขึ้น
“เชี้ย! ไหมล่ะ ทำงานเร็ว” บทสนทนาที่ครื้นเครงสนุกสนานในตอนแรกเงียบกริบลงทันที
ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก้าวเข้ามาใกล้ ก้าวมาแบบช้า ๆ แต่ว่าทรงอำนาจ ทุกคนภายในห้องก้มหน้าก้มตาทำงาน ฉันเงยหน้าจ้องมองชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ในชุดสูทสีน้ำเงินกรมท่า กำลังเยื้องย่างเข้ามาพร้อมกับลูกน้อง3คน ใบหน้าเรียบเฉย แต่เขาจ้องฉันเขม็งจนฉันต้องหลบสายตา ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของบอสทั้งสอง
“นี่ไง คุณวิคเตอร์”
“ฉันมาทำงานเกือบเดือนแล้ว เพิ่งจะเห็นเขามา”
“เขาไม่ค่อยมาหรอก นาน ๆ มาที แต่ถ้ามาวันไหน บริษัทเราจะเงียบมาก”
“คุณวิคเตอร์หล่อนะ ถ้าเขาชอบแก สบายเลยนะแพรว” ฉันพูดออกมาเบา ๆ
“ฉันชอบน้องชายเขา แต่คนนี้แพรวขอบายจ้ะ”
“ทำไม!”
“เขาเป็นมาเฟีย ฆ่าคนไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด แค่เห็นหน้าก็ขนหัวลุกแล้ว บรืยย ใครได้เป็นผัวคงนอนผวาทั้งคืน ยิ้มไม่เป็น เย็นชา แต่ถ้าได้ยิ้ม จะยิ้มแบบแสยะยิ้มอะแก”
“เขาแค่เก็กหรือเปล่า?”
“แค่เก็กก็ดีนะสิ แต่คุณวิคเตอร์เป็นเจ้าของธุรกิจมืดเกาะไข่มุก แกเคยได้ยินข่าวเรื่องเกาะนี่ไหมวะ?”
“เคย”
“ข่าวลือบอกว่า เขาฆ่าคนตายมากกว่าจำนวนหินบนเกาะเสียอีก” แพรวพูดเสียงสั่น ทำท่าทางหวาดกลัว
“ก็แค่ข่าวลือ”
“ถ้าไม่มีเรื่องแบบนี้ เขาไม่ลือกันหรอก”
“แล้วบอสเราล่ะ”
“ดีกว่าเยอะ แต่คุณพายุไม่น่ากลัว ไม่มีใครน่ากลัวเท่าคุณวิคเตอร์”
“สนใจไหมหมวย”
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่สเป็ค”
“ฮ่า ๆ”
“หัวเราะอะไรเสียงดัง เดี๋ยวก็ถูกยิงตายหรอก” พี่ต่อว่าพี่ก้อง พวกฉันนั่งทำงานกันอย่างเงียบ ๆ เงียบจนได้ยินแค่เสียงปรับอากาศที่ดังอยู่ ผ่านไปเกือบ2ชั่วโมง คุณวิคเตอร์ก็เดินออกไป พร้อมกับเสียงถอนหายใจของทุกคน
16.45
“เลิกงานไปกินชาบูกันไหม?” แพรวพูดกับฉันขณะที่เก็บของ
“ไม่ไปหรอก”
“งั้น ถ้าหมวยไม่กินชาบู เราไปฉลองกันไหมหมวย?” พี่ก้องชอบเรียกฉันว่าหมวย ฉันไม่เห็นจะหมวยตรงไหน หน้าอีสานแท้เลยนะฉันฮ่า ๆ
“ฉลองอะไร?” ฉันขมวดคิ้วมองหน้าพี่ก้อง
“ฉลองวันเกิดเจ้านายทั้งสองไง กลุ่มพวกเราได้ไปด้วยนะ”
“หมอก คงไปไม่ได้หรอก”
“ทำไมล่ะ?”
“อยากพักผ่อน”
“ไปเปิดหูเปิดตาจะเป็นไรไป” เสียงทุ้มดังขึ้น ฉันหันตามเสียงนั้น เป็นบอสสุดหล่อทั้งสองของฉัน เสียงฮือฮาของพนักงานสาว ๆ ดังขึ้น เมื่อ เจ้านายสุดหล่อทั้งสองมาที่โต๊ะทำงานของกลุ่มพวกฉัน
“นั่นน่ะสิหมอก ยังไงวันนี้เจ้านายของเราก็เลี้ยงฉลองอยู่แล้วไม่ได้เสียตังค์หรอก แกก็กินให้เมาปลิ้นเลย ของฟรีต้องเอาให้คุ้ม” แพรวพูดเสริม
“บอสชวนขนาดนี้ ไปดีกว่านะ
“แต่…”
“แต่อะไร?” สายตาคมเข้มตวัดมองฉัน แต่อะไรดีวะ! เจอสายตาของคุณพายุทำเอาฉันลืม ฉันจะพูดอะไรวะ!
“เอ่อ…”
“เอาเป็นว่าเธอตกลง” คุณพายุพูด พร้อมกับจับดึงจมูกฉันเบา ๆ แต่ใบหน้าของเขาเรียบเฉย ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา แต่สิ่งที่เขากระทำกับฉัน ทำให้ฉันตกใจไม่น้อยเลย ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวราวกับเพิ่งออกเเรงทำงานหนัก ทั้งที่ฉันทำงานอยู่ในห้องแอร์เย็นสบาย
“o-o”
“อย่าแกล้งหมอกสิไอ้พายุ เอาเป็นกลุ่มนี้ไปฉลองกับพวกผม2คนนะ”
“ไปฉลองไหนคะบอส?” แพรวถามพร้อมส่งสายตาหวานหยดย้อย แต่ฉันสิยังอึ้งกับสิ่งที่คุณพายุทำกับฉัน
“เดี๋ยวก็รู้”
“พนักงานไปหมดไหมครับ?”
“แค่กลุ่มนี้พอ ส่วนคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ไป เดี๋ยวให้เงินทุกคน”
“คุณสายฟ้าใจดีจัง”
“ตอนเย็นเดี๋ยวให้คนขับรถไปรับทุกคนนะ”
“ค่ะ/ครับ” ทุกคนรับคำ คุณสายฟ้ายิ้มแย้ม ยิ่งทำให้สาว ๆ กรี๊ดกร๊าด คุณพายุยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินออกไป
“เฮ้ย! หมอก แกกับคุณพายุยังไงวะ?”
“ยังไงอะไร?”
“ที่เขาทำกับแกแบบนั้น”
“เขาต้องการแกล้งฉันน่ะสิ” ฉันปิดคอมพ์ แล้วเดินออกมา
“รอฉันด้วย” แพรววิ่งตามหลังฉันออกมา ฉันกับแพรวนั่งรถของบริษัทเพื่อกลับไปคอนโดของตัวเอง หาที่ไหนดีเท่าบริษัทนี้ไม่ได้อีกแล้ว มีห้องดี ๆ ให้ มีคอนโดให้อยู่อีกต่างหาก แต่งานเยอะมากกก ทำทั้งวันแทบไม่ได้พักเลย
วันเวลาผ่านไปอีก3เดือนค่ะ ฉันกลับมาใช้ชีวิตเป็นครอบครัวกับปั้นจั่นที่กรุงเทพโดยที่พ่อของฉันไม่ขัดข้องประการใดค่ะ ฉันมีความสุขมากๆเลยค่ะ ที่พ่อของฉันไม่เกลียดปั้นจั่นเหมือนแต่ก่อน ปั้นจั่นคงจะทำให้ท่านเห็นว่าเขายังมั่นคงกับฉัน เพราะเขาแสดงออกว่าเขารักฉันกับลูกตอนที่ไปบ้านพ่อแม่ฉันถึงแม้ว่าฉันกับเขาจะเลิกรากันไปถึง 10 ปีปั้นจั่นไม่มีใคร ฉันเองก็ไม่มีเหมือนกัน พ่อก็คงจะใจอ่อนให้เขา และสิ่งที่เขากระทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือเขาไปหาอันนาอยู่เสมอ เขาไม่เคยรับผู้หญิงคนอื่นเข้ามาแทรกเลยความรักครั้งใหม่สดใสอีกครั้ง ฉันเลือกที่จะอภัยเพราะมันถึงเวลาที่ควรอภัยแล้ว เขาปรับปรุงตัวและไม่มีใคร ถึงมันจะเป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัย แต่ฉันก้าวผ่านและอภัยให้เขาแล้วฉันยังมั่นคง ไม่มีใครลืมรักแรกได้ ฉันไม่เคยลืมและไม่มีใคร ไม่ใช่ว่าตลอดระยะเวลา10ปีฉันเฝ้ารอเขานะคะ ฉันไม่ได้รอเขาหรอก แต่ฉันไม่สามารถรับใครเข้ามาในหัวใจได้ฉันรับน้ำค้างมาอยู่ที่บ้านแล้วนะคะ ถึงแม้ว่าตอนแรกเธอจะไม่อยากมา อิดออดมากเลยค่ะเพราะเธออยากอยู่ใกล้คุณพายุ แต่ในเมื่อฉันกลับมาอยู่กับปั้นจั่นแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้น้
ม่านหมอกเเสงแดดอุ่นๆแผ่เข้ามากระทบร่าง ฉันซุกหน้ากับอกแกร่งของปั้นจั่น อกที่คุ้นเคยอกนี้มันอุ่นมากเลยค่ะ อุ่นสุด ๆ เลยค่ะหลังจากที่จบศึกสวาทกันฉันก็หมดแรง คนที่นอนอยู่ข้างๆทั้งถึกทั้งทน ฉันถึงกับอ่อนเปลี้ยเพลียแรงฉันเงยหน้าจ้องใบหน้าคมคายของเขา ตอนนี้ปั้นจั่นหลับตาอมยิ้มที่มุมปากน้อยๆ เขาดูมีความสุขมากเลยค่ะ ซึ่งมันไม่ต่างจากฉันตอนนี้ ฉันมีความสุขมากที่ได้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขา ถึงแม้ว่าใจของฉันมันจะสับสน แล้วรู้สึกหวาดหวั่นกับสิ่งที่เขาทำ แต่ที่ผ่านมาเขาก็ได้พิสูจน์ให้ฉันได้เห็นว่า เขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีจริงๆ“จ้องการแบบนี้มาขี่ม้ากันเลยดีกว่า” เขาพูดพร้อมกับ เปิดเปลือกตาขึ้นต้องมองฉัน ฉันนี่เขินหน้าดำหน้าแดงเลยค่ะ“บ้าน่า” ฉันค้อนใส่เบาๆก่อนจะค่อยๆคลายกอดเขา ฉันหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงหมับ!“ว้าย!” ฉันกรีดร้องอย่างตกใจ ปั้นจั่นคว้าตัวของฉันเอาไว้ พร้อมกับฝังจมูกไปตามพวงแก้มของฉัน“กลิ่นตัวหมอกหอมจัง” เขาพูดจมูกก็เริ่มซุกไซร้ตามเนื้อตัวของฉัน ไม่นะ! ไม่ เรื่องบนเตียงตอนนี้ต้องพักก่อน มือของเขาเริ่มลูบไปตามเนื้อตัวของฉัน ยุกยิกเป็นหนวดปลาหมึกเชียวค่ะ“ไปอ
ปั้นจั่นTALKผมจูบหมอกเร่าร้อนราวทะเลเดือด จูบราวกับสูบวิญญาณเธอออกจากร่าง ผมประคองใบหน้าของหมอก จูบเน้นๆแล้วสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอม่านหมอกขัดขืนในตอนแรกพยายามผลักผมออก แต่ผมไม่ยอมหรอกครับ วันนี้ผมต้องได้เมียคืน พี่ชายพี่สาวพ่อแม่และทุกคนๆช่วยกันวางแผนขนาดนี้ผมต้องตีมึนเอาไว้ผมดันเธอไปชิดกำแพงในขณะที่จูบเธอไปด้วย มือของผมเลื่อนลงต่ำมาบีบเค้นที่อกอวบของเธอ มืออีกข้างก็ถลกกระโปรงแล้วสอดมือเข้าไปในแพนตี้ตัวจิ๋วม่านหมอกสะดุ้งทันทีที่มือผมสัมผัส ผมกดคลำลากตามร่องยาวปริ่มน้ำ ม่านหมอกพยายามต่อต้าน ร่างกายเธอเริ่มบิดไปมาผมกรีดนิ้วจนกระทั่งเจอเม็ดทับทิม“อ้ะ ...ปะ... ปั้นจั่น” ม่านหมอกครางเบาๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดเมื่อปากเป็นอิสระ ผมทนมามากพอแล้ว ผมไม่ได้ปลดปล่อยมา10ปี และวันนี้ผมจะไม่ทน“หมอกจ๋า จั่นอยาก” ผมพูดเสียงกระเส่า รู้สึกต้องการเรื่องอย่างว่า แก่นกายของผมมันปวดหนึบจนแทบจะปริแตก มันผงาดชี้โด่พร้อมกับมีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มออกมา“พะ... พอ... ยะ... หยุดสักที”“หยุดทำไม? นี่คือความสุขนะหมอก”“มะ... ไม่เอา พะ... พอ” ม่านหมอกพูดอยู่แค่นั้นวนไปมา ผมไ
“หมอกไปกรุงเทพก่อนนะพ่อ” ฉันเอ่ยกับพ่อสุนทรในขณะที่ท่านกำลังง่วนอยู่กับการสั่งงานลูกน้อง วันนี้ท่านให้คนมาทำถนนทางไปบ้านของฉันกับบ้านที่ปั้นจั่นเคยอาศัยอยู่ และคนงานกำลังฟังอย่างตั้งใจ“อันนารบเร้าให้พาไปหาพ่อมันละสิ”“ใช่ค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับมองแผ่นหลังของพ่อ พ่อไม่ชอบปั้นจั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ท่านอาจจะไม่พอใจที่ฉันจะพาอันนาไปหาเขา“...”“พ่อคะ...” ฉันเม้นปากพร้อมกับเรียกท่าน“ไปเถอะ ผ่านมาหลายปีดีดักแล้ว หมอกมั่นคงกับมัน มันก็มั่นคงกับหมอก พ่อคงไม่ห้ามอะไรแล้ว เพราะที่ผ่านมามันก็พิสูจน์ตัวให้พ่อเห็นแล้ว”“ค่ะ”“รักคุณตาที่สุดเลยค่ะ” อันนาเช้าไปกอดพ่อสุนทร“รักเหมือนกันครับ ไปกับคุณแม่ก็บอกคุณแม่ให้ขับรถดีๆด้วยนะ”“ค่ะ”“ให้ไอ้วัดไปขับรถให้ไหม? ““ไม่เป็นไรค่ะ หมอกขับเองดีกว่า”“อืม รีบไปเถอะ เดี๋ยวพ่อคุยงานกับพวกคนงานก่อน”“ค่ะ”“รีบไปเถอะค่ะแม่”ฉันรีบพาบุตรสาวไปขึ้นรถจากนั้นก็ขับออกไปโดยที่มีสาวใช้คนสนิทตามไปด้วย“ ซื้อของฝากไปฝากคุณย่าด้วยนะแม่”“ได้จ้ะ” ฉันขับรถไปถึงร้านของฝากแล้วพาบุตรสาวไปเลือกของตามต้องการ“เอาไปเยอะๆเลยนะคะคุณแม่”“จ้า”ผ่านไปหลายชั่วโมง
ปั้นจั่นTALK“ปั้นจั่น เดือนนี้จะไปหาหมอกกับลูกใหม่?” แม่ผมเอ่ยถามขณะที่เดินเข้ามาในบริษัทพร้อมกับพี่สาวของผม“ผมอยากไปจะแย่แล้วครับแม่ คราวก่อนเหมือนหมอกจะใจอ่อนกับผมแล้ว ถ้าผมไปพูดหยอดเธอบ่อยๆ อีกไม่นานคงจะใจอ่อน” ผมเอ่ยกับมารดายิ้ม ๆ ก่อนจะก้มหน้าเซ็นเอกสารกองโตที่อยู่ตรงหน้า งานเยอะมาก เยอะสุด ๆ เลยครับ“เดี๋ยวแม่โทรไปชวนหมอกมาเที่ยวดีกว่า หลายปีแล้วนะที่หมอกไม่มากรุงเทพ แม่อยากให้หมอกมาอยู่กรุงเทพมาก ๆ อยากให้หลานมาเรียนที่นี่ด้วย”“หมอกก็คงปฏิเสธเหมือนทุกครั้งแหละครับ เฮ้อ!”“แต่แม่อยากให้หมอกกับแกคืนดีกันสักที”“ผมก็พยายามอยู่ครับ”“แกพยายามไม่มากพอนะสิ แม่อยากให้หมอกมาอยู่ที่นี่แล้ว” แม่ผมทำหน้าเศร้า“แกก็ช่วยทำให้ความฝันของแม่เป็นจริงหน่อยสิวะ” พี่ปั้นสิบเดินเข้ามา วันนี้วันอะไร ทำไมทุกคนถึงพร้อมใจกันมาหาผม“ทำยังไง?” ผมขมวดคิ้วเข้มชนกัน “มึงก็เอาม่านหมอกกับมาเป็นเมียมึงสิวะ ผ่านมาหลายปีแล้ว กูว่าม่านหมอกคงใจอ่อนแล้วแหละ” พี่ปั้นสิบเอ่ย“บ้าน่า หมอกโกรธกูจะทำยังไงล่ะ กูกลัวเธอโกรธ” ผมเอ่ย ผมกลัวหมอกโกรธจริง กลัวมากเพราะหมอกเป็นคนค่อนข้างใจแข็ง ถ้าได้โกรธผมเอง เธอคง
Chapter 60ฉันมองปั้นจั่นที่ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ฉันรู้ว่าเขาเจ็บแต่ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องให้เขาออกไปจากชีวิตฉันตามที่เขาสัญญาเอาไว้ ฉันดูใจร้ายมากไหมคะ? ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องทำ มันต้องจบได้แล้ว “หมอก ฮึก” ปั้นจั่นร้องไห้สะอึกสะอื้นหัวใจของฉันเจ็บหนึบ ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่รักเขา มันคือความรักที่มั่นคงมาก ฉันไม่สามารถเอาใครมาแทนเขาได้ และฉันไม่สามารถกลับไปหาเขาได้เหมือนกัน“กลับไปทำหน้าที่ลูกเถอะ กูจะบอกเขาว่ามึงเป็นพ่อ กูสัญญาจะดูแลเขาให้ดี”“ฮึก ๆ ฮื่อ ๆ” ฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ปั้นจั่นมองหน้าฉันด้วยสายตาเจ็บปวด เขาต้องเจ็บอยู่แล้ว การจากลามันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก เขาจูบที่หน้าผากลูกของฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะส่งลูกให้แม่ของฉัน เขามองหน้าฉันแล้วเดินมาหาฉันหมับ!เขาสวมกอดฉันแล้วร้องไห้ออกมา ฉันร้องไห้ไม่ต่างกัน มันเจ็บนะคะที่ยังรักแต่ต้องจากกัน ฉันกอดตอบเขาอ้อมกอดนี้มันเคยเป็นเป็นของฉัน แต่มันเป็นเพียงอดีตแล้ว มันเจ็บนะคะที่ต้องจากทั้งที่ยังรัก แต่วันเวลาผ่านไปทุกความเจ็บปวดมันจะผ่านพ้นไป “ขอให้มึงโชคดี ไปทำหน้าที่ของมึงซะเถอะ” ฉันพูดเสียงส