Beranda / วาย / เพื่อนสนิทผมคลั่งรัก / บทที่ 1 ขีดเส้นกั้น

Share

บทที่ 1 ขีดเส้นกั้น

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-08 11:33:07

              คำว่า ‘เพื่อน’ ถูกใช้มาขีดเส้นกั้นระหว่างกลางความสัมพันธ์ของเราทั้งสองตั้งแต่แรก จนในวันที่ผมรู้สึกเกินเลยจากเส้นคำว่าเพื่อนแล้วก็ได้กระโดดข้ามผ่านเส้นความสัมพันธ์นั้น สุดท้ายผมก็ได้ตระหนักว่าข้ามเส้นคำว่าเพื่อนมาแล้ว ยังเจอเส้นกั้นบาง ๆ ที่เป็นดั่งกำแพงสูงเฉียดฟ้ายากจะกระโดดข้ามไป

              เส้นที่ถูกขีดนั้นเรียกว่า... เพื่อนสนิท

              ย้อนกลับมาในวันแรกของกิจกรรมรับน้องของคณะวิศวกรรมศาสตร์ของนักศึกษาปีหนึ่ง ผมขยับกรอบแว่นหนาเตอะที่สวมอยู่บนใบหน้าพลางหยิบป้ายชื่อที่แขวนห้อยคอของตัวเองไว้ด้วยความรู้สึกที่เบื่อหน่าย เสียงกลองสันทนาการปนกับเสียงร้องเพลงอย่างสนุกสนานไม่ได้ทำให้ผมมีความรู้สึกสนุกหรือตื่นตาตื่นใจขึ้นมาเลย สายตาของผมกลับไปจับจ้องอยู่ที่คู่ชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังออกลวดลายเต้นประชันกันอย่างสูสี

              ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วมองไปรอบ ๆ ตัวเพื่อหาสิ่งน่าสนใจรอบตัว

             “เฮ้ย มึงชื่อต้นคิดเหรอ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างซ้ายของผม ผมหันไปมองคนที่เรียกชื่อของผมด้วยความสงสัยแต่ก็พยักหน้ารับ ต้นคิด หรือ ต้น เป็นชื่อของผมเอง

             “เรียกกูว่าต้นเฉย ๆ ก็ได้” ผมแอบลอบมองป้ายชื่อชายหนุ่มที่ถูกเขียนด้วยลายมือห้อยอยู่ที่คอ “มึงชื่อรามิลเหรอ”

             “เรียกมิลก็ได้ นี่เพื่อนกูนะชื่อคิณ” มิลชี้นิ้วไปทาง

ชายหนุ่มที่นั่งทางซ้ายถัดไปอีกที แม้บุคลิกจะดูตรงกันข้ามกับมิลมากแต่ก็หันมาส่งยิ้มอย่างสุภาพให้กับผมจนผมได้แอบลอบอ่านป้ายชื่อของชายหนุ่มอย่างชัดเจน อคิราห์

             มิลดูเป็นคนที่อัธยาศัยดี ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลาในขณะ เดียวกันก็บริหารเสน่ห์ไปด้วยในตัว ส่วนคิณนั้นได้แต่นั่งนิ่ง ๆ เดาว่าคงจะเบื่อหน่ายไม่ต่างจากผม แต่เพียงแค่นั่งเฉย ๆ กลับดูดีมีเสน่ห์พอตัวอยู่แล้ว

             “ส่วนสองคนนั้นก็เพื่อนกูเหมือนกัน” มิลชี้ไปทางชายหญิงคู่นั้นที่กำลังเต้นประชันกันจนรุ่นพี่ต้องบอกให้พอเพราะไม่มีใครยอมใคร ทั้งสองคนดูสนิทสนมกันแล้วพากันกอดคอเดินกลับเข้ามานั่ง ชายหนุ่มนั่งข้างหน้าผม และหญิงสาวนั่งข้างหน้ารามิล

             “เพื่อนใหม่เหรอวะ” หญิงสาวท่าทางห้าวหาญคนนั้นหันกลับมาเอ่ยถามมิลพลางทอดสายตามามองผมด้วยแววตาเป็นประกาย

             “เออ ชื่อต้น” เธอคนนั้นแววตาเป็นประกายตื่นเต้นก่อนจะเอื้อมมือเข้ามาหาผมเพื่อเชกแฮนด์ ผมมองตามตาปริบ ๆ ก่อนที่หญิงสาวจะเอื้อนเอ่ย

             “กูชื่อธิดานะ” ป้ายชื่อของเธอเขียนชื่อ ปิยธิดา ซึ่งเป็นชื่อจริงของเธอกำกับเอาไว้ ผมยิ้มรับก่อนจะเอื้อมมือไปจับกับเธอหลังจากที่ทำความรู้จักกัน “ขอต้อนรับสู่แก๊งสี่เกลอ”

             “ห้าเกลอแล้วเหอะ” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างหน้าผมหันมาเถียงกับเพื่อนสาวในขณะที่ผมกำลังงุนงง เดี๋ยวนะไปเข้าแก๊งเกลอนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

             “เออใช่ ตอนแรกก็มีแค่สามเกลอแหละ แต่พอมีมึงกับไอ้กรเข้ามาเปลี่ยนชื่อเหอะ เป็นดาวห้าแฉกดีกว่า” พอพูดถึงคนที่ชื่อกร ธิดาก็บุ้ยปากไปทางคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผม ผมลอบมองป้ายชื่อของอีกฝ่ายเขียนว่า ภากร เลยเดาไม่ยากว่าเขาคงจะชื่อกรจริง ๆ

             “มึงคิดว่ามึงอายุเท่าไรถึงได้มานั่งตั้งชื่อแก๊งอยู่ได้ธิดา” คิณเอ่ยทักท้วงจนธิดาชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ

             “แหม ทีแก๊งยากูซ่าเขายังอยู่มาได้เลยนะมึง” ธิดาตอบกลับอย่างไม่ย่อถอย ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วปล่อยมือออกจากธิดาก่อนจะก้มหน้าลง ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเข้าสังคมเท่าไรเลยเลือกที่จะอยู่เงียบ ๆ ตามลำพังเสียมากกว่า ผมไม่ชอบเสียงดังแล้วก็ไม่ชอบให้ใครเข้ามารบกวน เป็นนิสัยที่ผมอยากจะแก้แต่แก้ไม่ได้สักที

             “กูชื่อกรนะ” ผมเงยหน้าขึ้นมามองคนพูดแต่ก็ต้องผงะเล็กน้อยเมื่อกรยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “เสียงมันดังกูเลยกลัวมึงไม่ได้ยิน ไม่ต้องคิดมากหรอก ธิดามันก็เถียงกันกับคิณประจำแหละ มันสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก”

             ผมพยักหน้ารับแล้วเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย เพียงแค่สบสายตากับเจ้าของดวงตาสีไม้โอ๊กในใจผมมันก็สั่นระรัวชอบกลด้วยความพิลึก ใบหน้าคมของชายหนุ่มยิ่งยื่นเข้ามาใกล้ ๆ จนเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องจ้องมองใบหน้าของกรอย่างชัด ๆ คิ้วหนาโค้งได้รูป ดวงตาชั้นเดียวที่ฉายแววความขี้เล่น ทั้งสันจมูกโด่งมนแล้วยังจะริมฝีปากหนาหยัก

            “มึงฟังกูอยู่ปะเนี่ย” ผมรีบพยักหน้ารับระรัว “งั้นก็เอามือถือมาดิกูจะได้เพิ่มเพื่อน”

            ผมส่งมือถือให้อีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัวราวกับตกอยู่ในภวังค์อะไรบางอย่าง กรก้มหน้าลงไปกดบางอย่างบนโทรศัพท์ของผมทำให้ผมได้เห็นกรอบหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายอย่างชัด ๆ ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้ละสายตาจากความสมบูรณ์แบบบนใบหน้าของมันไม่ได้เลย

            หรือผมแค่อิจฉากันนะ เพราะผมอยากมีใบหน้าคมแบบนั้นบ้างแต่ดันเกิดมาจิ้มลิ้มแถมยังเนิร์ดอีกเลยถูกคนอื่นเอาไปล้อว่าเป็นพวกเฉิ่มเป็นประจำ

            “อะ เสร็จแล้ว กูเพิ่มมึงเข้ากลุ่มแชตแล้วนะ” กรส่งโทรศัพท์คืนมาให้กับผม ผมรีบรับมันไว้ก่อนจะมองข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอระรัว ข้อความระหว่างคิณกับธิดาที่กำลังแย่งกันเปลี่ยนชื่อกลุ่มระหว่างดาวห้าแฉกของธิดา กับห้าเกลอของคิณ

            “ไหน ๆ กลุ่มเราก็เป็นเลขคี่แล้วอะ พวกเรามาโหวตกันดีกว่ายังไงก็ไม่เสมอ” มิลเป็นคนเสนอ

            “ได้ กูโหวตดาวห้าแฉก” ธิดาว่าพลางชูนิ้วหนึ่งขึ้นมาบนมือข้างซ้ายด้วยความกระตือรือร้น

            “กูโหวตห้าเกลอ” คิณพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ธิดาเลยยกนิ้วหนึ่งขึ้นมาบนมือข้างขวาเพื่อนับแต้ม

            “มึงอะมิล” ธิดาหันมาคาดคั้นจากมิลที่นั่งอยู่ด้านหลังตัวเอง

            “กูเลือกดาวห้าแฉกว่ะ เท่ดี” ธิดากระตุกมุมปากก่อนจะยกมือขึ้นไปแปะกับมือของมิลแล้วกลับมาชูสองนิ้วที่มือฝั่งซ้าย

            “กูเลือกห้าเกลอนะ คลาสสิกดี” ทั้งคิณและกรต่างดีดนิ้วใส่กันเป็นอันรู้กันว่าทั้งสองนั้นอยู่ฝั่งเดียวกัน ธิดาเบะปากอย่างไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะหันมาจับจ้องทางผมเพราะเหลือเพียงคนสุดท้าย ตอนนี้คะแนนเสมอกันสองต่อสอง ผมจะเป็นฝ่ายตัดสิน

            “เอ่อ...” ผมรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก

            “เลือกดี ๆ นะมึง” กรหันมากำชับผมจนผมกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ สายตาของทั้งสี่คนจับจ้องมองมาอย่างคาดคั้นจนผมต้องเลือก

            “ดาวห้าแฉก” ธิดาตบมือดังฉาดด้วยความดีใจก่อนที่จะหันไปยกยิ้มกับรามิล แล้วหันกลับมาเขย่ามือผมอีกครั้ง

            “สมกับที่มิลเลือกมึง” หญิงสาวว่าอย่างปลาบปลื้มในขณะที่คิณและกรต่างพากันหันหน้าไปมองทางอื่นพลางกลอกสายตาไปมา

            “โห่อะไรวะ ดาวห้าแฉก ไม่เห็นจะมีเอกลักษณ์เลย ดาวมันก็มีห้าแฉกอยู่แล้วปะ” กรบ่นออกมา

            “แต่กูไม่เคยได้ยินคำว่าห้าเกลอ ปกติมันมีแค่สามเกลอไม่ใช่เหรอ” ธิดาหัวเราะร่วนออกมาก่อนจะยกมือมาตบไหล่ผมแปะ ๆ

            “โคตรเนิร์ด แต่ได้ใจกู” หญิงสาวว่าก่อนจะยกนิ้วโป้งให้ผม ตอนนั้นผมเองก็ไม่เข้าใจนักทั้งยังตั้งตัวไม่ทันว่าชีวิตของผมต้องมาอยู่ท่ามกลางกลุ่มที่แทนตัวเองว่าดาวห้าแฉกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

            รู้ตัวอีกทีผมก็ถูกพวกมันลากไปไหนมาไหนด้วยแทบทุกที่ ไม่เคยมีเวลาอยู่คนเดียวเลยแม้แต่ตอนที่เข้าห้องน้ำในมหาวิทยาลัยเองก็ตาม

            “มึงเข้าห้องน้ำนานจังวะ” กรเอ่ยถามเมื่อผมออกมาจากห้องน้ำเป็นคนสุดท้าย

            “ปวดขี้ พอใจยัง” ผมตอบกลับไปเพื่อตัดรำคาญก่อนจะเดินออกไป กรสูงกว่าผมเพียงเล็กน้อย จริง ๆ นะ ผมสูง

หนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตรส่วนมันสูงหนึ่งร้อยแปดสิบ เซนติเมตร แต่พอมันใช้แขนกว้างโอบมาบนลาดไหล่ผมทีไร ทำไมผมถึงได้ตัวเล็กจึ๋งเดียวอย่างบอกไม่ถูก

            “กินอะไรกันดีวะ” กรเอ่ยถามเพื่อน ๆ อีกสามคนที่ยืนรออยู่ ก่อนที่ธิดาจะเสนอร้านอาหารแล้วโดยเสนอว่ากรจะเป็นคนขับไปที่ร้านอาหารเองเพราะเขารู้เส้นทาง

            ผมยังไม่เคยนั่งรถไอ้กรเลย แต่ผมรู้ว่าทั้งคิณ มิล และกรต่างมีรถเป็นของตัวเองเพราะที่บ้านมันเป็นคนมีฐานะพอสมควร ส่วนผมน่ะเหรอเอาเวลาไปอ่านหนังสือจนไม่มีเวลาไปเรียนขับรถอะไรหรอก จนขึ้นปีหนึ่งแล้วยังขับไม่เป็นแม้แต่มอเตอร์ไซค์ด้วยซ้ำ

            “ไอ้ต้นนั่งข้างไอ้กรนะ ช่วยมันดูแผนที่หน่อย กูจะงีบสักหน่อย” ธิดาว่าก่อนจะดันให้ผมไปข้างหน้าเพื่อขึ้นประตูข้างที่นั่งคนขับ ส่วนเธอก็เบียดตัวเข้าไปนั่งตรงกลางระหว่างมิลกับคิณ ถึงผมจะสูงกว่าธิดาแต่พูดได้เลยว่าขนาดตัวของเราก็พอ ๆ กัน ผมตัวเล็กที่สุดในบรรดาผู้ชายในกลุ่ม ส่วนธิดาก็เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว บอกตามตรงว่าผมคิดว่าเธอเป็นทอม ถ้าไม่ติดว่าคิณบอกผมว่าเธอเป็นแฟนของพี่ชายมัน

            “ยืนบื้ออะไรขึ้นรถดิ” ผมหลุดออกจากภวังค์เมื่อกรที่นั่งอยู่บนเบาะคนขับเรียกผมให้ขึ้นไปนั่ง ผมโน้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วเข้าไปนั่งบนเบาะข้างคนขับก่อนจะปิดประตูลงเบา ๆ “เปิดพิกัดที่ธิดามันส่งมาในกลุ่มให้หน่อยดิ”

            “ไหนมึงบอกว่ามึงรู้ทางไง” ผมว่าในขณะที่มือก็เปิดหาตามที่มันบอกไปด้วย กรช้อนสายตากลับมามองผมพลางหรี่ตามองก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องรีบเอนตัวหนีแทบไม่ทัน

            “มึงจับผิดกูเพื่อ หลงขึ้นมาธิดาบ่นหูชานะบอกเลย”

            “แล้วมึงเอาหน้ามาใกล้กูทำไม”

            “กัดกันอยู่นั่นจะได้กินไหมข้าว หรือพวกมึงสองคนจะไปกินกันเองก่อน” ทั้งผมและกรต่างหันขวับไปมองทางหญิงสาวที่นั่งกอดอกอยู่บนเบาะหลัง

            “พูดอะไรเนี่ยกูขนลุกหมดละ” กรว่าก่อนจะหันกลับไปจดจ้องอยู่ที่ถนนเบื้องหน้าแล้วขับออกไปจากลานจอดรถของคณะทันที

            “ก็แค่นี้” ธิดาว่าก่อนจะเอนศีรษะพิงกับพนักของเบาะหลังแล้วแอบงีบหลับหลังจากที่เรียนอย่างเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน

            ผมทำเป็นก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือพลางใช้นิ้วไถหน้าจอไปเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะช่วยกรมันดูทาง

            “เลี้ยวข้างหน้านี้” กรพยักหน้ารับก่อนจะเลี้ยงตามที่ผมบอก ในที่สุดเราก็มาถึงร้านอาหารได้โดยสวัสดิภาพและไม่มีปากเสียงกันเลยสักนิด ทั้งหมดต่างพากันลงจากรถมีแค่ผมกับกรที่ยังอยู่

            “ไอ้ต้น”

            “หา?” ผมเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายที่เรียกรั้งท้ายผมก่อนที่จะลงจากรถ

            “มึงชอบคนแบบไหนวะ”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เพื่อนสนิทผมคลั่งรัก   ตอนพิเศษที่ 2 แค่มีมึงทุกที่ ก็คือบ้าน

    “เป็นไงบ้าง” ไอ้กรเดินเข้ามาถามผมหลังจากที่ผมเดินออกมาจากบริษัทหนึ่งหลังจากที่เขานัดมาสัมภาษณ์งานในตำแหน่งผู้จัดการ ผมช้อนสายตามองมันก่อนจะถอนลมหายใจออกมายังไม่ทันได้พูดอะไรไอ้กรก็พูดแทรกขึ้นก่อน “ถ้าเขาไม่รับหรือพูดจาไม่ดีมึงก็ไม่ต้องทนนะคนอย่างมึงไม่จำเป็นต้องของานใครทำด้วยซ้ำขอเงินกูก็พอแต่ถ้าอยากทำงานมาทำงานกับกูก็ได้” “กร ใจเย็น” ผมรีบยกมือห้าม “กูอยากทำงานที่บริษัทนี้มากมึงก็รู้” ผมบอกกรหลายครั้งแล้วว่าผมอยากทำงานที่นี่เพราะเป็นเกี่ยวกับบริษัทวิจัยเครื่องมือทางการแพทย์ซึ่งผมก็สนใจเอามาก ๆ เพราะถือว่าเป็นงานที่มีน้อยมากและเป็นรายใหญ่ในประเทศ หลังจากที่เรียนจบมาผมเลยรีบร่อนใบสมัครมาในทันที “กูรู้ แต่ถ้าเขาไม่อยากร่วมงานกับเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องร่วมงานกับเขา” “แล้วใครเขาไม่อยากร่วมงานกับกู” ผมเลิกคิ้วมองแฟนหนุ่มที่แสดงสีหน้ากังวลออกมา กรขมวดคิ้วแน่นด้วยความสงสัย “สรุปคือมึงได้งาน” “เออดิ” “...” มันอึ้งจนแทบพูดไม่ออกไม่แสดงสีหน้าอะไรนอกจากอ้าปากค้าง “ไม่ดีใจกับกูหน่อยเ

  • เพื่อนสนิทผมคลั่งรัก   ตอนพิเศษที่ 1 ดาวห้าแฉก รวมตัว

    “ขับรถเล่น ค่ำไหนนอนนั่นสามวันสองคืน” มิลทวนประโยคหลังจากที่ธิดามาเล่าไอเดียบรรเจิดให้พวกเราฟังว่าอยากให้พวกเราพากันขับรถเล่นไปเรื่อย ๆ เที่ยวแถวชายหาด นอนดูดาวหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน “ต้อนรับต้นกลับมาไง พวกมึงไม่ดีใจกันเหรอ” ธิดาว่า “ไปกันแค่พวกเราห้าคนไง” “มึงแน่ใจนะว่าแฟนมึงจะไม่ว่า” ผมเอ่ยถามเพราะต่อให้พี่คุณแฟนธิดาจะสนิทกับพวกเรามากก็จริงแต่การที่แฟนจะไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนผู้ชายทั้งกลุ่มไม่รู้ว่าจะเหมาะสมหรือเปล่า” “สามีจ้ะ แต่งแล้วเรียกสามีได้เนอะ” เพื่อนสาวชูโชว์นิ้วนางข้างซ้ายที่มีแหวนเพชรสะท้อนแสงเข้าตาจนต้องหรี่ตามอง “พี่คุณไม่ว่าอะไรหรอกมีกูไปด้วยแถมให้เงินค่าเปิดโรงแรมมาอีก” คิณอธิบาย “ก็น่าสนใจดีเหมือนกันนะ ต้นไปอยู่ต่างประเทศนานให้มาเที่ยวเมืองไทยบ้างก็ดีเหมือน กันมึงว่าปะ” กรหันมาถามความคิดเห็นจากผม ซึ่งถ้าจะให้ผมตอบผมก็คงจะยินดีที่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ แต่ว่าช่วงนี้ผมค่อนข้างจะสับสนกับเวลาหลังจากที่ไปอยู่คนละไทม์โซนมาทำเอาผมสามารถหลับได้ทุกที่เลย “กูเจ็ตแล็กว่ะกลัวไปเที่ยวไม่สนุกจะ

  • เพื่อนสนิทผมคลั่งรัก   บทที่ 28 จบบริบูรณ์

    หนึ่งปีต่อมา และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง วันที่ผมจะได้กลับไทยสักทีถึงแม้จะกลับไปชั่วคราวเพราะงานรับปริญญาแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้กลับเลยล่ะวะ ไอ้กรมันบ่นทุกวันว่าพยายามจะเคลียร์ตารางงานมาหาผมให้ได้แต่มันก็ยุ่งเสียเหลือเกิน การจะลามาต่างประเทศแค่สองสามวันมันไม่พอจริง ๆ ผมเลยบอกมันว่าไม่เป็นไรยิ่งมันได้ขึ้นมาเป็นรองประธานคณะกรรมการฝ่ายบริหารด้วยแล้วยิ่งปลีกตัวไม่ได้เข้าไปใหญ่ บทบาทหน้าที่สูงขึ้น ความรับผิดชอบก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา หลังจากที่ผมนั่งเครื่องมาเกือบครึ่งวันในที่สุดผมก็มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเสียที ผมก้าวเดินออกมาตามทางเดินด้วยหัวใจที่ฟูฟ่องเตรียมที่จะได้พบหน้ากับคนรัก กรมันบอกว่ามันจะเป็นคนมารับผมเอง ผมเลยตั้งหน้าตั้งตารอเป็นพิเศษ “กร” ผมเรียกชื่อของอีกฝ่ายเบา ๆ จากด้านหลัง เจ้าของชื่อค่อย ๆ หันมาช้า ๆ ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างเมื่อสบตาเข้ากับผม “ต้นคิด” มันเข้ามาสวมกอดผมเอาไว้อย่างแนบแน่นแต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดอยากกอดมันแน่นยิ่งกว่านี้เสียอีก “กูคิดถึงมึงมากเลย” มั

  • เพื่อนสนิทผมคลั่งรัก   บทที่ 27 ถึงเวลาต้องบอกลา ก็ใจหาย Nc

    แค่ถูกมันสัมผัสผมก็อารมณ์กระฉูดจนเกินจะต้านแล้ว “มองค้างขนาดนี้ อิจฉากูหรืออยากได้กู” ผมช้อนสายตาขึ้นไปมองมันด้วยดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยม่านน้ำตา ไม่รู้ว่ามันดูเย้ายวนหรือเปล่าแต่ความรู้สึกของผมตอนนี้ ผมเหมือนผู้ชนะที่ได้มันมาครองเลยแฮะ “มึงมากกว่ามั้งที่อยากได้กู” ผมถอดเสื้อของตัวเองออกก่อนจะโยนไปกองไว้ข้าง ๆ โซฟาจากนั้นก็รั้งท้ายทอยของมันให้ลงมาจูบกับผมอีกครั้ง รสจูบในครั้งงนี้ร้อนแรงราวกับลาดน้ำมันลงบนกองเพลิงที่โหมกระหน่ำจนไม่มีสิ่งใดมายับยั้งได้ ไอ้กรไม่รอช้าอีกต่อไปมันลูบไล้ตามลำตัวของผมอย่างหลงใหล บีบหน้าอกบ้าง บีบสะโพกบ้าง แล้วก็ใช้นิ้วเขี่ยเม็ดบัวจนผมเผลอกระตุกแล้วปล่อยเสียงครางออกมา “คืนนี้กูจะกินมึงทั้งคืนเลย เตรียมตัวไว้เถอะ” มันว่าก่อนจะรีบกระชากกางเกงขาสั้นของผมออกโดยไม่รีรออะไรอีกต่อไป ราวกับประโยคเมื่อกี้มันแค่แจ้งให้ทราบไม่ได้ให้ผมร่วมตัดสินใจด้วยเลย มันลุกขึ้นไปถอดกางเกงของมันออกเหมือนกันก่อนจะหยิบกล่องถุงยางขึ้นมาแกะ ผมเอื้อมมือไปแย่งซองถุงยางของมันมาก่อนจะดันให้มันนั่งลงบนโซฟาอย่างเคย

  • เพื่อนสนิทผมคลั่งรัก   บทที่ 26 ก่อนไป

    “น้องแพรเขาทำคลิปขอโทษแล้วนะเว้ย” ไอ้กรยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ผมดูคลิปแพรที่ยกมือไหว้ขอโทษแล้วก็สารภาพความผิดทุกอย่างออกมาด้วยปากของตัวเอง ถึงแม้มันจะเป็นภาพที่ผมคิดเอาไว้อยู่แล้วแต่พอได้เห็นจริง ๆ ก็รู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย “มึงยังเสียใจเรื่องเด็กอยู่อีกเหรอวะ” “กูพยายามคิดในแง่ดีแล้วนะ แต่ไม่รู้ทำไมกูถึงยังรู้สึกผิดอีก” ผมว่าไปตามตรง ในเมื่อแม่เด็กไม่ต้องการอยู่แล้วมันก็คงเป็นทางที่ดีที่สุดที่เด็กจะได้ไม่ต้องเกิดมาลำบากในโลกใบนี้ แต่พอคิดว่าผมมีส่วนด้วยต่อให้จะไม่ได้ตั้งใจมันก็เหมือนตราบาปว่าครั้งหนึ่งผมทำให้เด็กคนนั้นไม่ได้มีโอกาสเกิดมา “เด็กยังตัวเท่านิ้วโป้งอยู่เลยนะเว้ย เขาไม่โกรธมึงหรอก ไม่มีใครโทษมึงเลย เพราะงั้นเลิกโทษตัวเองได้แล้ว” ผมรู้ว่ามันต้องการจะปลอบผมก็เหลือแต่ผมแล้วล่ะที่ต้องปล่อยวาง “เรามาภาวนาให้เด็กไปเกิดในครอบครัวที่ดีกว่านี้กันเถอะนะ” “อือ” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมันก่อนจะระบายยิ้มออกมาช้า ๆ “ขอบคุณนะที่อยู่ข้าง ๆ กูมาตลอด” “ไม่ให้อยู่ข้างแฟนแล้วจะอยู่ข้างใครเล่า” มันว่าก่อนจะเอื้อมมือมาจิ้มแก้มผมเบ

  • เพื่อนสนิทผมคลั่งรัก   บทที่ 25 ให้มันจบลงสักที

    “พี่ต้นนัดแพรมาทำไมเหรอคะ” หญิงสาวรุ่นน้องเดินเข้ามาหาผมในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอดูมีท่าทีหวาดระแวงผมเล็กน้อยไม่ปากดีเหมือนตอนที่คุยโทรศัพท์กัน “พี่อยากเคลียร์เรื่องโพสต์น่ะ” ผมยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้ววางไว้บนโต๊ะ หน้าจอมีหน้าโพสต์นั้นอยู่แต่แพรกลับยกยิ้มบาง “โพสต์นี้มันไม่ได้เอ่ยชื่อใครนี่คะ ไม่ได้หมายถึงพวกเราสักหน่อยพี่ต้นจะไปกลัวอะไร พี่ก็รู้นี่ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เอ๊ะ หรือที่กลัวเพราะว่ามันเป็นเรื่องจริงคะ” ผมคงประเมินเธอต่ำไปหน่อย ที่แท้เพียงแค่รอจังหวะที่จะสู้กลับเหมือนกัน “อย่าลืมสิว่าพี่เรียนวิศวะคอมพิวเตอร์ เว็บบอร์ดมหา’ลัยก็ต้องลงทะเบียนก่อนจะใช้งานได้ คิดว่าข้อมูลแค่นี้พี่จะเจาะไม่ได้เชียวเหรอว่าใครเป็นคนโพสต์” แพรเริ่มหน้าเสียหลังจากที่ผมพูดจบ “แพรก็แค่อยากได้ความยุติธรรมให้ลูกในท้องแพร ยังไงเด็กในท้องแพรก็ต้องมีพ่อ” แพรเริ่มขึ้นเสียงดังจนคนในร้านเริ่มหันมามองเป็นตาเดียวกัน “พี่ต้นคืนพ่อของลูกแพรมาเถอะนะคะ เห็นแก่เด็กที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูลูกนะคะพี่ต้น” ผมปรายตามองหน้าท้องแบนราบของหญิงสาวที่ยืนอย

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status