로그인“เดี๋ยว อิงอิง ใจเย็นก่อนแก นี่แกไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ โทรมาเมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลยนี่นา” เขาพึมพำเสียงเบา ลูบหลังเธอไปด้วยน้ำเสียงอ่อนลงกว่าทุกครั้ง
หญิงสาวในอ้อมกอดสะอื้นฮักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำเสียงอู้อี้ออกมาทั้งที่ยังซบอยู่ตรงไหล่เขา “อคิน แก... พี่อาร์ต เขาเทฉันว่ะ...” อคินขมวดคิ้วแน่นทันที รอยย่นระหว่างหัวคิ้วแสดงออกชัดเจนถึงความงุนงงระคนไม่เข้าใจ “เท? หมายถึงเขาไม่ไปรับแกที่สนามบิน ไม่รับนัด เบี้ยวนัด หรือยังไงกันวะ” หญิงสาวส่ายหน้า ริมฝีปากสั่นระริกก่อนจะเงยหน้าขึ้น ดวงตาบวมช้ำแต่ยังฝืนเปิดโทรศัพท์ให้เขาดู “เขาเทก็คือทิ้งไงแก เขาทิ้งฉันไปมีคนใหม่แล้ว แกดูนี่สิ” นิ้วเธอเลื่อนไปบนหน้าจอของแอปพลิเคชันอินสตาแกรมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยุดที่รูปหนึ่ง ในภาพคือชายหนุ่มที่อคินคุ้นหน้าดี พี่อาร์ต แฟนของยัยเพื่อนสนิท กำลังกินข้าวกับหญิงสาวอีกคน หน้าตาดูเปรี้ยวเข็ดฟัน รูปถูกถ่ายผ่านมุมกล้องที่จงใจให้เห็นอิริยาบทมือของชายหนุ่มวางอยู่บนโต๊ะ และบนนิ้วนางกลางของเขาคือแหวนวงหนึ่ง ก่อนเจ้าของมือถือจะใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าจอ “นั่นแหวนที่ฉันซื้อให้เขาตอนวันครบรอบคบกันสองปี เป็นแหวนรุ่นพิเศษที่ฉันต้องหลังขดหลังแข็งบินไฟลต์ยาวติดกันหลายไฟลต์เพื่อเก็บตังค์ซื้อให้เขา แล้วตอนนี้...มันไปอยู่ในรูปของอีนั่น ฮึกๆๆ ฮือ...” อคินถึงกับชะงัก ปากขยับจะพูดแต่ก็ต้องหุบคำเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนรักที่ตอนนี้ดูพังกว่าครั้งไหนๆ ก่อนจะเบะปากใส่รูปในโทรศัพท์ แล้วหันมามองหน้าเธออย่างจริงจัง “ฉันว่าแกสวยกว่าอีนั่นเยอะ จะหน้าหมวย หน้าหวาน หรือจะตอนหน้าสดลุคหลินฮุ้ยแบบนี้ก็ยังสวยกว่า ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าพี่อาร์ตตาถั่วขั้นไหน ถึงได้เลือกอีนั่นแทนแก” “อาจเพราะฉันบินบ่อยเกินไป หรือไม่ก็เพราะฉันไม่แซ่บพอ ไม่เด็ดเท่าอีนั่นก็ได้มั้ง พี่อาร์ตเขาถึงไปหาอะไรแซ่บๆ กิน” เธอพึมพำเสียงแผ่วคล้ายกำลังโทษตัวเอง ก่อนอคินจะเลิกคิ้วขึ้นสูง เอ่ยถามเสียงต่ำติดหยัน “แล้วแกไปเอาความมั่นใจจากไหนว่าอีนั่นกำลังแซ่บกับแฟนแก” “ฉันเคยถามพี่อาร์ต เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร นางเป็นแค่ลูกสาวเจ้านาย ไม่มีอะไรต้องหึง แต่แกเข้าใจไหม เซ้นส์ผู้หญิงไม่เคยพลาด” เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอินสตาแกรมของหญิงสาวในรูปให้ดูพลางพูดต่อ “ฉันเข้าไปส่องดูอยู่นานเลย นางแต่งตัวแซ่บ หุ่นก็แซ่บ ท่าโพสก็จิกกล้อง และที่แย่ที่สุด ฉันเคยเห็นอีนั่นมันโพสต์สตอรีว่า ผู้ชายคนไหนได้เอากับนาง ก็ต้องครางลั่นทุกราย เหมือนนางมีสกิลระดับเทพที่ทำให้ผู้ชายยอมถวายตัวให้” อคินหรี่ตา มองเพื่อนสาวที่ยืนพิงประตูแบบหมดแรง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงความสงสัย “อ้าว แล้วตอนแกมีอะไรกับพี่อาร์ต เขาไม่ครางเลยเหรอ” อิงอิงเบ้ปากแล้วส่ายหน้าช้าๆ ราวกับกำลังยอมรับในความจริงอันเจ็บปวด “ไม่มีสักแอะ แกเอ๊ย...เขาทำเหมือนลอกการบ้านเพื่อนส่งครู แป๊บเดียวก็เสร็จ เสร็จแล้วก็ไปล้าง แล้วก็พลิกตัวนอน หรือไม่ก็ไปทำอย่างอื่นต่อ ไม่แตะ ไม่กอด ไม่ถามอะไรฉันสักคำ” “โอ้โห...ไอ้พี่อาร์ต! แบบนี้มันไม่ได้เรียกว่าเซ็กซ์แล้ว เรียกว่ารูทีนโง่ๆ ของผู้ชายเห็นแก่ตัว!” เขาหันไปจ้องหน้าเพื่อนรัก “แล้วแกทนอยู่กับคนแบบนี้ได้ยังไงตั้งนานวะอิง แกทั้งสวย ทั้งแซ่บ แถมยังขยันบินหาเงินอีก” เธอยิ้มแห้งๆ ปาดน้ำตาออกจากมุมตาเบาๆ “ก็คิดว่าเราคบกันมานานไง เฮ้อ...ฉันหวังว่าเขาจะเห็นค่าฉันบ้าง แต่สุดท้าย…ฉันก็แซ่บไม่พอ” อคินบ่นพลางเบะปากใส่เพื่อนรักอย่างเหลืออด “แล้วแกไม่เคยคิดจะเปิดกูเกิลหาอ่านดูบ้างเลยเหรอไง สมัยนี้อะไรๆ ก็อยู่ในเน็ตหมดแล้ว ทั้งเทคนิค ทั้งวิธีทำยังไงให้เซ็กซ์เร่าร้อน อ่านไปสิ!” “ฝึกไปก็เท่านั้นไหม ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเทคนิคไหนมันเวิร์กจริง แกจะให้ฉันฝึกผีในห้องงั้นเหรอ” อิงอิงเอ่ยประชด ก่อนนิ่งไปชั่วครู่ เงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนรักที่ยืนฟังเงียบๆ อยู่ตรงหน้า “อคิน…แกเป็นหมอ แกเรียนเรื่องร่างกายมนุษย์มาใช่ปะ” “อือ ทำไม” อคินย่นคิ้ว แต่ยังไม่ทันจะถามอะไรต่อ เธอก็พูดต่อทันควัน น้ำเสียงจริงจังจนคนฟังต้องหยุดหายใจไปเสี้ยววินาที “แก...เอ่อ...แกช่วยสอนฉันเรื่องเซ็กซ์หน่อยได้ไหม สอนให้ฉันเป็นผู้หญิงที่แซ่บที่สุด เป็นผู้หญิงที่ผู้ชายขึ้นเตียงด้วยแล้วลืมไม่ลง แกช่วยทำให้ฉันแซ่บที่สุด แซ่บจนไอ้พี่อาร์ตมันต้องเสียดายเลยได้ปะ”แม้จะพยายามกัดฟันกลั้นเสียงคราง แต่ก็ยังมีหลุดเล็ดลอด ใบหน้าเธอร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ไม่แน่ใจนักว่าต้นเหตุคือความเย็นจากเจล หรือเพราะนิ้วของเขาที่จงใจแกล้งกันแน่ ทว่าอีกฝ่ายเมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆ แบบนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ พลางเอ่ยลอยๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจจะแหย่ให้เสียอาการ “หืม นี่ฉันทำแกเสียวเหรอ” “ไอ้หมอ แกยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ สะกิดแบบนั้นใครจะไม่เสียวเล่า!” เธอเบิกตาโพลง พลางตวัดมองเขาอย่างเคืองๆ แต่เสียงดุกลับฟังคล้ายคนหอบหายใจมากกว่า “อ้าว ก็คิดว่าไม่รู้สึกอะไรนี่นา” เขาเลิกคิ้ว ยิ้มมุมปากแบบคนเริ่มสนุกกับการยั่วโมโห อิงอิงหันหน้าหนี เหมือนจะตัดบท แต่ไหล่เธอกลับไหวน้อยๆ เหมือนคนพยายามกลั้นอะไรบางอย่างไว้เต็มที่ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเธอพยายามเมินเฉย เขายิ่งรู้สึกคันไม้คันมือ มือที่ตอนแรกตั้งใจจะแค่แหย่หยอกเบาๆ เริ่มขยับไปที่อกอีกข้าง ปลายนิ้วแตะลงตรงยอดอกแล้ววนช้าๆ อย่างจงใจเกินเหตุ เสียงครางกระเส่าในลำคอหลุดออกมาเบาๆ ก่อนจะรีบกลั้นไว้ แต่คนที่ทำกลับแสยะยิ้มออกมาเหมือนค้นพบอะไรบางอย่าง “รู้ไหม...” เขาเอ่ยขึ้นมาในจังหวะที่ปลายนิ้วยังวนอยู่ตรงนั้น “หัวนมเป็นจุดรวมของเส้นประสาท ที่
เขาพาเธอเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของคลินิก พื้นไม้ลามิเนตสีอ่อนกรุ่นกลิ่นสะอาดจากน้ำยาฆ่าเชื้อ แสงไฟวอร์มไวท์ส่องสว่างนุ่มนวลพอให้ไม่เห็นเงาตัวเองชัดเกินไป “แกเข้าไปล้างกีกี้ให้สะอาดก่อนเลย ใช้น้ำยาที่วางไว้ในห้องน้ำ แล้วเดี๋ยวฉันจะบวชให้” “บวช?” เธอเลิกคิ้ว ถามด้วยความสงสัย “ก็จะโกนให้เกลี้ยงไง จะได้ลงเจลเย็นแล้วยิงเลเซอร์สะดวกๆ” เขาว่าแบบนั้นพร้อมยกมือชูมีดโกนที่ใช้ในการแพทย์ขึ้นมาโชว์ เธอหลุดขำพรืดกับคำศัพท์แปลกๆ ที่เธอเพิ่งเคยได้ยิน ก่อนจะทำตามที่เขาสั่ง เดินเข้าห้องน้ำเล็กๆ ด้านใน ก่อนจะกลับออกมาด้วยสภาพที่ทำเอาเขาตาโตเหมือนโดนช็อกไฟฟ้าเบาๆ อิงอิงปรากฏตัวด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันไว้ลวกๆ แบบไม่แคร์โลก ส่วนที่ไม่ได้อยู่ใต้ผ้าขนหนูสีเข้มเปลือยเปล่า เผยให้เห็นผิวเนียนละเอียดสีขาวอมชมพูอย่างคนที่ดูแลตัวเองดี ท่าทีเธอสบายๆ เหมือนคนจะไปซาวน่ามากกว่าจะมานอนให้ยิงเลเซอร์น้องสาว “เฮ้ย! ใครบอกให้ใส่แบบนี้ ถอดแค่ท่อนล่างก็พอ!” เขาร้องเสียงหลง มือชี้ไปที่ห้องน้ำ ให้เธอเข้าไปเปลี่ยนชุดอีกรอบ “คือไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว แกช่วยทำเลเซอร์หัวนมชมพูให้ฉันด้วยเลยได้ไหม” “ฮะ!?” เขาถึงกับสะอึกกึก
แต่ตลอดช่วงมหาวิทยาลัย ความผูกพันระหว่างทั้งสองคนก็ยังเหนียวแน่นไม่เสื่อมคลาย ถึงจะเรียนกันคนละคณะ อยู่กันคนละซีกโลก แต่ความสนิทสนมก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม พวกเขาไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ เป็นเพื่อนแท้ที่ต่างฝ่ายต่างไว้ใจกันแบบไร้เงื่อนไข จนกระทั่งช่วงปีสุดท้าย อคินต้องไปใช้ทุนที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัด ส่วนอิงอิงก็เริ่มมีคนรัก เธอติดแฟนคนนี้มากจนแทบจะหายวับไปจากเรดาร์ของเพื่อนสนิทอย่างเขาแต่ก็นั่นแหละ พอเริ่มเข้าสู่ช่วงทำงานจริงจัง อิงอิงก็บินถี่ราวกับนกอพยพ เธอทำงานหนักแทบไม่ได้หยุดพัก เพราะอยากเก็บเงินให้ได้มากที่สุดไว้สร้างอนาคตร่วมกับคนรัก เก็บไว้จัดงานแต่งในฝันตามแผนที่วางไว้สวยหรูในหัวแต่ก็เพราะการเดินทางบ่อยๆ และตารางเวลาที่ไม่ตรงกันนี่แหละ ที่ค่อยๆ กลายเป็นรอยร้าวเล็กๆ ที่กัดกินความสัมพันธ์ของเธอกับพี่อาร์ตไปทีละนิด จนสุดท้ายก็กลายเป็นช่องว่างใหญ่โตเกินจะประสานและดูเหมือนว่าความห่างจะเปิดช่องให้แฟนของเธอเริ่มไขว้เขวไปกับความเย้ายวนของผู้หญิงอีกคน ที่เธอให้สรรพนามว่า ‘อีนั่น’ ทั้งคำพูด ท่าทาง และสายตาของอีกฝ่ายมันออกจะจงใจอยู่ไม่น้อยเธอพยายามหลอกตัวเองอยู่หลายหนว่าแค่คิดไปเอง แต่พ
“...แกช่วยทำให้ฉันแซ่บที่สุด แซ่บจนไอ้พี่อาร์ตมันต้องเสียดายเลยได้ปะ”อคินถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ ราวกับมีใครกดปุ่มหยุดเวลาไว้กลางอากาศ สมองประมวลผลความคิดของอิงอิงไม่ทัน ก่อนสุดท้ายจะระเบิดออกมาเป็นคำบ่นยาวเหยียด เสียงสูงปรี๊ดขึ้นทีละโน้ตราวกับเสียงหวีดของหม้ออัดแรงดัน“บ้าไปแล้วอิงอิง! แกคิดได้ยังไงว่าจะให้เกย์อย่างฉันมาสอนเรื่องอย่างว่าเนี่ยนะ! แค่จินตนาการก็ขนลุกคักแล้วนะแก”อิงอิงยักไหล่พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะทิ้งตัวเอนพิงพนักโซฟาอย่างเหนื่อยล้า ท่าทางเหมือนจะประชด แต่แววตากลับเจือไปด้วยความจริงจังเกินกว่าที่อคินจะเมินเฉยได้“หรือว่า...บางที...พี่อาร์ตอาจจะไม่ชอบกีกี้ฉันก็ได้ ไม่เกลี้ยง ไม่เนียน ไม่น่ารัก ไม่น่าฟัดพอไรงี้” อิงอิงบ่นพลางพ่นลมหายใจ ก่อนจะหันมาหาอคินด้วยแววตาจริงจังขึ้นมาเฉียบพลัน” ที่คลินิกแกมีโปรแกรมกำจัดขนใช่ปะ แกช่วยทำให้ฉันหน่อยสิ วันนี้ไม่ทำหน้าแล้ว หน้าโทรมน่ะ แต่งหน้าแน่นๆ โปะมาร์กสักชั่วโมงก็น่าพอถูๆ ไถๆ ไปได้อยู่ แต่กีกี้เนี่ย…ต้องพึ่งหมอฝีมือดีอย่างแกช่วยเท่านั้น!”อคินกะพริบตาถี่ราวกับพยายามรีเซ็ตสมองตัวเอง ก่อนจะกลอกตาวนเป็นวงกลมหนึ่งรอบเต็มด้วยความเหน
“เดี๋ยว อิงอิง ใจเย็นก่อนแก นี่แกไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ โทรมาเมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลยนี่นา” เขาพึมพำเสียงเบา ลูบหลังเธอไปด้วยน้ำเสียงอ่อนลงกว่าทุกครั้งหญิงสาวในอ้อมกอดสะอื้นฮักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำเสียงอู้อี้ออกมาทั้งที่ยังซบอยู่ตรงไหล่เขา“อคิน แก... พี่อาร์ต เขาเทฉันว่ะ...”อคินขมวดคิ้วแน่นทันที รอยย่นระหว่างหัวคิ้วแสดงออกชัดเจนถึงความงุนงงระคนไม่เข้าใจ“เท? หมายถึงเขาไม่ไปรับแกที่สนามบิน ไม่รับนัด เบี้ยวนัด หรือยังไงกันวะ”หญิงสาวส่ายหน้า ริมฝีปากสั่นระริกก่อนจะเงยหน้าขึ้น ดวงตาบวมช้ำแต่ยังฝืนเปิดโทรศัพท์ให้เขาดู“เขาเทก็คือทิ้งไงแก เขาทิ้งฉันไปมีคนใหม่แล้ว แกดูนี่สิ” นิ้วเธอเลื่อนไปบนหน้าจอของแอปพลิเคชันอินสตาแกรมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยุดที่รูปหนึ่งในภาพคือชายหนุ่มที่อคินคุ้นหน้าดี พี่อาร์ต แฟนของยัยเพื่อนสนิท กำลังกินข้าวกับหญิงสาวอีกคน หน้าตาดูเปรี้ยวเข็ดฟัน รูปถูกถ่ายผ่านมุมกล้องที่จงใจให้เห็นอิริยาบทมือของชายหนุ่มวางอยู่บนโต๊ะ และบนนิ้วนางกลางของเขาคือแหวนวงหนึ่ง ก่อนเจ้าของมือถือจะใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าจอ“นั่นแหวนที่ฉันซื้อให้เขาตอนวันครบรอบคบกันสองปี เป็นแหวนรุ่นพิเศษที่ฉ
อิงอิง แอร์โฮสเตสสาวหน้าหมวยผมสั้นประบ่า ผู้เป๊ะทุกองศาในยามขึ้นบิน เธอเดินก้าวพ้นประตูผู้โดยสารขาเข้าของสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยร่างที่แทบจะแหลกละเอียดไปกับความยาวนานของเที่ยวบินกว่าสิบห้าชั่วโมง ที่เพิ่งจบลงราวกับสงครามกลางเวหา แม้จะยังคงสะพายกระเป๋าชาแนลใบโปรดไว้บนไหล่ แต่ขาเรียวใต้กระโปรงทรงสีน้ำตาลขลิบแดงกลับรู้สึกหนักอึ้งจนแทบยกไม่ขึ้น ผิวที่เคยแต่งแต้มด้วยรองพื้นและเครื่องสำอางราคาแพง บัดนี้เริ่มเผยความจริงบางอย่างออกมาทีละน้อย โดยเฉพาะใบหน้า ที่หากมีใครสักคนอาสาเช็ดเมกอัพออกไปสักครึ่งหนึ่ง ก็คงจะได้เห็นสภาพผิวที่หม่นหมองจนแทบจะดูไม่ได้ เหลือไว้เพียงร่องรอยของความเหนื่อยล้าที่ยากจะซ่อน ใต้ตาเธอดำคล้ำเกือบจะคล้ายหลินฮุ่ย ใบหน้าซีดเซียวเหมือนคนโดนดูดพลังชีวิตจากการเดินเสิร์ฟอาหาร และริมฝีปากที่แห้งผากจนอยากจะเอาลิปบาล์มสักสิบกระปุกมาโปะให้คืนสภาพ “ฮัลโหล ไอ้หมอ แกยังไม่นอนใช่ปะ” เสียงอิงอิงกรอกลงไปในโทรศัพท์ ทักทาย อคิน คนปลายสาย ทันทีที่เธอทิ้งร่างใกล้จะแหลกเต็มทีลงบนเบาะคนขับ [อือ ว่าไงแก แลนดิ้งแล้วเหรอ] “แก คืองี้นะ ฉันบินไฟลต์ยาวสี่ไฟลต์ติด ผิวฉันพัง หน้าฉันเยินมาก แกยั







